“เ้าเป็ใคร?”
เมื่อได้ยินสามคำนี้ หัวใจของเหยียนอู๋อวี้พลันเต้นระรัว ดวงตาของนางเอ่อคลอ น้ำตานางไหลรินก่อนจะผลักเขาอย่างแรงและะโไปว่า “ฝ่าา ทรงเป็อันใดเพคะ รีบฟื้นสติเพคะ สิ่งสกปรกพวกนั้นออกไปเดี๋ยวนี้!”
ซ่งอี้เฉินถูกนางเขย่าสองสามครั้ง ทันใดนั้นพลันฟื้นคืนสติจากความทรงจำ เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของเหยียนอู๋อวี้ เขาจึงแอบรู้สึกขบขันในใจ สตรีนางนั้นไม่เคยตื่นตระหนกเช่นนี้เลยสักนิด แม้ว่านางจะถูกเขาแทงด้วยกระบี่ก็ตาม แววตานางมีเพียงความไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
ครั้งหนึ่งเขาหวังจะเห็นนางตื่นตระหนกและเข้ามาหลบซ่อนอยู่หลังเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ ในเวลานั้นเขารังเกียจนางยิ่งนัก ทว่าเขาจำต้องเลิกคิดและเชื่อฟังคำสั่งของเสด็จแม่ร่วมหมอนเคียงคู่กับนาง
นางแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ แข็งแกร่งมากเสียจนแม้แต่บุรุษยังรู้สึกด้อยกว่า ทว่านางเกิดมาเป็อิสตรี
เมื่อนึกย้อนกลับไปในปีนั้น มีเพียงเื่บนเตียงเท่านั้นที่เขาจะรู้สึกว่าเขาคือบุรุษของนาง ช่างกลับตาลปัตรเสียจริง!
แรกเริ่ม เขาถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน โชคดีที่ฝันร้ายนี้จบลงแล้ว เขามีชีวิตใหม่อีกครั้งแล้ว
ทว่าหลังจากนั้นเขาค้นพบว่าเขาเป็เพียงคนที่อยู่ในกรงทองเท่านั้น เพียงย้ายไปอยู่ในกรงทองอีกใบหนึ่ง
กรงทองใบแรกมีคนพยายามดึงเขาออกมา ทว่ากรงทองใบถัดมากลับมีเพียงคนยืนมองเขาด้วยสีหน้าเ็า รอให้เขาอ่านฎีกาที่เขาได้รับให้กับผู้ที่อยู่หลังม่าน และรอให้นางตัดสินใจ!
เขายกมือขึ้นโอบร่างบอบบางแทบจะไม่มีกระดูกของเหยียนอู๋อวี้ไว้ในอ้อมแขน รู้สึกถึงลมหายใจของนาง เขาปกปิดเื่ในใจพลางเอ่ยว่า “เจิ้นเพียงล้อเล่นกับเ้า”
เหยียนอู๋อวี้ไม่มีทางเชื่อแน่ วันนี้ทั้งองค์หญิงใหญ่กับซ่งอี้เฉินมองตานางแล้วขาดสติใจเหม่อลอยนึกถึงสายตาของอดีตไทเฮา นางรู้ดีว่าสถานการณ์นี้คงเกิดจากการที่นางกินยาน้อยเกินไปจนเกิดปัญหา ทว่านางยังแสร้งส่งสายตาออดอ้อน ยกมือทุบหน้าอกของเขาเบาๆ และกล่าวอย่างขวยเขิน “น่าตีนัก......ฝ่าาก็รู้ว่าอวี้เอ๋อร์ขวัญอ่อน ตำหนักเฟิ่งชัยมีคนไม่มาก ทำให้รู้สึกโหรงเหรง......”
ซ่งอี้เฉินกอดนางมองไปรอบๆ พลางเอ่ยว่า “คนน้อยเกินไปจริงๆ พรุ่งนี้เช้าเจิ้นจะมอบสาวใช้และขันทีให้เ้าเพิ่มสองสามคน”
เหยียนอู๋อวี้รีบปฏิเสธทันทีและกล่าวว่า “ไม่ได้เพคะ หม่อมฉันเป็เพียงเป่าหลินต่ำต้อย หากเพิ่มนางกำนัลและขันทีเกินกำหนดตามกฎ ถึงเวลานั้นอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้เพคะ”
“เป็เจิ้นเองที่คิดไม่รอบคอบ” ซ่งอี้เฉินรู้สึกผิดที่พูดไม่ดี พลางถามด้วยความสนใจ “อวี้เอ๋อร์กลัวคนติฉินนินทากระมัง?”
“อวี้เอ๋อร์ไม่กลัวเพคะ มีฝ่าาอยู่ด้วย สิ่งที่อวี้เอ๋อร์หวาดกลัวก็คือฝ่าาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ หากไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในวัง เราจะให้ทุกคนในใต้หล้าปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างไรเพคะ?” เหยียนอู๋อวี้ตอบไปตามความเป็จริง
“อวี้เอ๋อร์ใส่ใจเจิ้นมากเช่นนี้ เจิ้นจะทำให้เ้าผิดหวังได้อย่างไร?” ซ่งอี้เฉินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยพลางแย้มยิ้ม “เช่นนั้นก็เลื่อนขั้นเ้าให้เป็ฉายเหรินเถิด ด้วยวิธีนี้เ้าก็จะสามารถมีนางกำนัลและขันทีได้มากขึ้น!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหยียนอู๋อวี้พลันยิ้มเยาะภายในใจ ดูเหมือนว่าความหยิ่งทะนงตนในวันนี้ที่เรือนเตี๋ยฟางจะถูกพระทัยซ่งอี้เฉิน นางตอบรับโดยไม่เกรงใจ พร้อมคำนับแสดงความขอบคุณด้วยท่าทีมีความสุขและเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “ฝ่าา เช่นนั้นหม่อมฉันสามารถไปที่กรมกิจการภายในวังหลวงเลือกคนด้วยตนเองได้หรือไม่เพคะ?”
“ข้ารับใช้ในยามนี้ใช้งานไม่ถูกใจหรือ?”
“เพคะ” เหยียนอู๋อวี้หน้ามุ่ยกล่าวว่า “หม่อมฉันอยากหาสาวใช้ที่มีชีวิตชีวาสักหน่อยเพคะ ด้วยวิธีนี้อยู่ในตำหนักจะได้ไม่น่าเบื่อเกินไป พูดคุยสนุกสนานร่าเริงเพคะ”
ซ่งอี้เฉินมองนางด้วยสายตาลึกซึ้ง จนกระทั่งเหยียนอู๋อวี้คิดไปเองว่าเขาเห็นอะไรบางอย่าง กว่าจะได้ยินเขายิ้มและตอบว่า “อนุญาต!”
เหยียนอู๋อวี้ดีใจยิ่งนัก แม้กรมกิจการภายในวังหลวงจะเหลือสาวใช้และขันทีที่ดีอยู่ไม่มากนัก ทว่าอย่างน้อยนางก็มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะให้ผู้ใดคอยจับตาดูนาง
หากพูดไปก็ฟังดูน่าเศร้าใจ ทว่าอาจมิใช่เื่เลวร้ายสำหรับนาง
ขณะที่นางกำลังจะกล่าวขอบพระทัย นึกไม่ถึงว่าซ่งอี้เฉินจะออกแรงเล็กน้อยจนร่างของนางเอนไปนอนบนผ้าห่ม ท่าทางนางบอบบางประหนึ่งบุปผาต้องสายลม นางอยู่ใต้ร่างซ่งอี้เฉิน
“ฝ่าา...” นางใช้มือทั้งสองผลักหน้าอกของเขาแล้วมองเขาด้วยสีหน้าสงสัย
“อวี้เอ๋อร์มีกลิ่นหอมยิ่งนัก ตกแต่งใบหน้าด้วยสิ่งใดหรือ?” เขาเอ่ยพลางก้มหน้าลงแนบจมูกไปที่ลำคอนาง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นจึงประทับริมฝีปากบรรจงจุมพิตนางอย่างอ่อนโยน
เหยียนอู๋อวี้ตัวแข็งทื่อ นางไม่คาดคิดว่าเขาจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ นางใช้มือสองข้างยันหน้าอกของเขาโดยไม่รู้ตัวและ้าผลักเขาออกไป ไม่คาดคิดว่าเขาจะยกมือขึ้นปัดมือนางออก จนร่างกายทั้งสองคนแนบชิดติดกัน
ความรู้สึกรังเกียจแล่นเข้ามาในจิตใจ นางอดกลั้นความรู้สึกพะอืดพะอม แสร้งทำเป็เขินอาย แล้วเอ่ยเตือนเสียงเบาว่า “ฝ่าา......ฟ้ายังไม่มืดเลยเพคะ......”
คล้ายซ่งอี้เฉินจะไม่ได้ยิน เขาจูบซุกไซ้บนลำคอนางและเลื่อนไปที่ปกเสื้อ จนรู้สึกว่าปกเสื้อขัดหูขัดตา จึงดึงมันออกเบาๆ แต่กลับดึงไม่ออก เขาเงยหน้าขึ้นและแย้มยิ้มเอ่ยว่า “สนมที่รัก เ้าจะถอดเอง หรือจะให้เจิ้นทำ?”
เหยียนอู๋อวี้เอียงหน้าหนีด้วยความเขินอายพลางหลบเลี่ยงสายตาเขา นางค่อยๆ ปลดกระดุมอย่างระมัดระวัง ก่อนจะปล่อยมือด้วยท่าทางเคอะเขินเหนียมอายราวสาวพรหมจรรย์ที่ไม่มีผู้ใดเคยแตะต้อง
ซ่งอี้เฉินหยุดชั่วขณะ ก่อนจะยกมือปลดเข็มขัดออก ความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นในจิตใจ
เมื่อครู่ขณะเขามองดวงตานาง ความสงสัยในใจเขากลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ความจริงนับั้แ่ครั้งแรกที่เขาเห็นใบหน้าเหยียนอู๋อวี้ ซ่งอี้เฉินมีความรู้สึกคุ้นเคยกับนางอย่างอธิบายไม่ได้ เป็ความรู้สึกคุ้นเคยที่ทำให้เขาต้องสนใจในตัวนางเป็พิเศษ ต่อมาเขายืนยันว่านางเป็เพียงบุตรสาวเ้าเมือง ไม่เป็อันตรายต่อเขาจึงตัดสินใจให้นางเป็หมากในมืออีกคน
ทว่าความสงสัยในใจนี้ของเขายังไม่คลาย เขานึกถึงกระบี่ที่เขาแทงไปที่หน้าอกของอวิ๋นอู๋เหยียน
หนังด้านที่มือสามารถตัดออกได้ ทว่ารอยแผลเป็ตามร่างกายย่อมเอาออกไม่ได้ กระบี่ยาวนั้นคมกริบจะต้องทิ้งรอยแผลเป็ไว้อย่างแน่นอน
เห็นได้ชัดว่าเป็รูปโฉมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทว่าเขาก็ยัง้ายืนยันด้วยวิธีแปลกประหลาด
เขาพบนางครั้งแรกที่เรือนหลินหลาง เขาเห็นเหยียนอู๋อวี้กำลังอาบน้ำ ทว่ายามนั้นไอน้ำหนาเกินไปจนบดบังสายตาทำให้เขาเห็นไม่ชัดเจน หลังจากนั้นหลายต่อหลายครั้งนางมักจะหลบเลี่ยงเขา
ทว่าวันนี้เขาต้องยืนยันให้ชัดเจน
ความรู้สึกแปลกๆ คืบคลานเข้าสู่จิตใจเขา ราวกับคาดหวังว่าจะใช่ และคาดหวังว่าจะไม่ใช่
มือชอนไชของเขาไม่เลื่อนลงล่าง ริมฝีปากของเขายังซุกไซ้ดูดดื่มอยู่ที่ลำคอของนาง มือของเขาค่อยๆ คลำและดึงเข็มขัดของนางออก ปลดพันธนาการชั้นแรก
เรือนร่างที่งดงามเผยอยู่เบื้องหน้าเขาผ่านเสื้อตัวในที่บางเบา เขารู้สึกหวั่นไหว ทว่ายังคงระงับความเร่าร้อนในร่างกายและทิ้งรอยจูบบนลาดไหล่ของนางก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือไปปลดพันธนาการชั้นที่สอง เหยียนอู๋อวี้เป็เหมือนเรือในทะเลสาบ มือกุมผ้าห่มด้วยท่าทางยอมจำนนประหนึ่งกำลังหวาดกลัวลมฝนที่กำลังถาโถมเข้ามาหานาง และประหนึ่งกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่าง นางหลับตาร่างกายสั่นเทิ้ม คล้ายนาง้าหลบเลี่ยงแต่กลับถูกเขากดทับไว้แน่น
เหยียนอู๋อวี้้าหลบหลีกจริงๆ นางจำเป็ต้องหลับตาเพื่อป้องกันไม่ให้เผยความคิดในใจ ซ้ำความรู้สึกพะอืดพะอมในใจแทบจะอดกลั้นจนทนไม่ไหวอีกแล้ว
นางรู้ดีว่าวันนี้จะมาถึงไม่ช้าก็เร็ว ทว่านางไม่คาดคิดว่าจะมาเร็วถึงเพียงนี้ เดิมทีนางคิดว่าซ่งอี้เฉินเพียงแค่อยากจะสนุกกับนางและจับนางให้เป็เป้าธนูแทน หลังเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งนางจึงเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย ทว่าวันนี้ทำให้นางใเล็กน้อย
ในฐานะนางสนม นางปฏิเสธไม่ได้ แม้ก่อนที่จะนางจะเข้ามาในวังหลวง นางได้บอกกับตัวเองว่าเื่เช่นนี้นางก็เคยมาแล้ว ยามนี้เป็เพียงการทำอีกครั้งเท่านั้น และถือว่าเป็เพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น
ทว่าร่างกายของนางยังคงมีความรู้สึกต่อต้านและตัวสั่นเทิ่มโดยไม่รู้ตัว ท่าทางเช่นนี้เมื่อซ่งอี้เฉินเห็นกลับแสดงถึงความหมายอื่น
ซ่งอี้เฉินรู้ดีว่าท่าทางเช่นนี้คือความกังวลใจที่สตรีพรหมจรรย์ทั่วไปพึงมี ความสงสัยภายในใจเขาจึงลดลงเล็กน้อย ทว่ามือของเขายังคงเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เขาถอดเสื้อคลุมเบาบางชั้นกลางของนางออกเผยให้เห็นตู้โตวสีแดงสด มือของเขาเริ่มสั่นเล็กน้อย......
วันนี้จะต้องคลี่คลายปมที่ค้างคาอยู่ในใจมานานให้ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้