“พี่อวี้เอ๋อร์ ถ้าพวกพี่ออกจากสำนักแล้วฉันแนะนำให้พี่ไปลงทะเบียนผู้มีความสามารถพิเศษที่เมืองหลวงสักหน่อย หลังจากนี้จะได้วุ่นวายน้อยลง”หนานกงหลิงโม่พูดขึ้นเบาๆ กับอวี้เอ๋อร์วันนี้เธอทานอาหารไปไม่น้อยเลยทีเดียว
“พวกเราแค่อยากใช้ชีวิตเป็คนธรรมดาบ้าง ไม่ใช้พลังวิเศษมั่วซั่วหรอกกลุ่มผู้มีพลังวิเศษไม่ทำอะไรเราหรอกน่า” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆตลกสิ้นดี แม้ตนจะมีพลังเซียนเหลืออยู่ไม่เยอะแต่ดูเหมือนว่าพลังเซียนของกัวไฮว่หมอนั่นจะเหลือพอถึงได้ทำยาลูกกลอนในแดนมนุษย์ได้จะไปกลัวกลุ่มผู้พลังวิเศษไปทำไมอีก
“พี่ งานต่อสู้ปีหน้า พี่ไปกับฉันได้นะ ตอนนี้พี่ยังไม่ต้องรับปากฉันก็ได้เพราะถ้าปีนี้ไม่ว่าฉันได้ไปหรือว่าจะกลับมา ฉันก็ต้องไปเองอยู่ดี” หนานกงหลิงโม่มองไปยังที่ไกลๆ แล้วคิดอยู่นานก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ
“งานต่อสู้ที่เธอว่าน่ะ ปีหน้าฉันไปกับเธอแน่ ไม่ว่าเธอจะได้ไปหรือเปล่า” อวี้เอ๋อร์ไม่ได้ตอบคำถาม ส่วนกัวไฮว่พูดขึ้นยิ้มๆโดยไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างๆ พวกเธอั้แ่เมื่อไหร่
“ตาบ้า นายพูดจริงเหรอ ไม่ได้หลอกฉันเล่นใช่ไหม” หนานกงหลิงโม่พูดขึ้นเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น
กัวไฮว่ผงกศีรษะเล็กน้อยหลายวันมานี้เขาได้ทำความเข้าใจกับโครงสร้างส่วนใหญ่ของแดนมนุษย์นี้จนกระจ่างแล้วและจุดบอดเพียงหนึ่งเดียวก็คือกลุ่มผู้มีพลังวิเศษและการสืบค้นในสิ่งที่ไม่รู้ก็เป็กฎหนึ่งที่สำคัญอย่างมากของกฎ์อีกด้วย
ทุกคนจากไปหมดแล้ว เมื่อเด็กสาวคนอื่นๆมองไปยังอวี้เอ๋อร์และกัวไฮว่ที่ยืนอยู่ด้วยกัน จู่ๆ ก็พลันรู้สึกว่าพวกเขาทั้งสองคนเหมาะสมกันอย่างมากไม่มีใครรบกวนพวกเขาแม้แต่เสี่ยวเยี่ยจื่อที่โหวกเหวกโวยวายอยู่ตลอดเวลาก็มองพวกเขาแวบหนึ่งแล้วจากไปพร้อมกับถังซี
“เหตุใดจึงมาหาข้า ท่านผู้เบื้องบนเห็นด้วยหรือไม่” กัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์พูดคุยกันเบาๆ บนถนนสายเล็กๆ ในโรงเรียน
“หากไม่มาหาเ้าอีก จะรอให้เ้ามีเมียเป็ฝูงอยู่ด้านล่างนี่หรือ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ “ท่านพี่ให้ข้าลงมาหาเ้าเบื้องบนไม่รู้”
“ท่านเทพธิดาเป็คนแบบใดกันแน่ตอนที่ข้าดื่มสุรากับท่านเทพแห่งดาวศุกร์เคยได้ยินเขาพูดเกี่ยวกับท่านเทพธิดาเขาบอกว่าถึงจะทำผิดต่อท่านเซียน แต่อย่าทำผิดต่อท่านเทพธิดาเ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าทำไม” กัวไฮว่ถามขึ้นเบาๆ
“ไม่ได้!” อวี้เอ๋อร์พูดเบาๆ “ทว่าลงมาแดนมาแดนมนุษย์ร้อยปีนี้ เ้าเที่ยวสนุกได้”
“ทุกสิ่งเป็ไปตามกรรม ทำสิ่งใดย่อมต้องได้รับผล จะมาเที่ยวสนุกได้อย่างไร” กัวไฮว่พูดพลางส่ายศีรษะ “หากได้ดื่มน้ำแกงยายเมิ่งหรือได้ดื่มน้ำลืมรักแล้วเป็มนุษย์ธรรมดาก็แล้วไป แต่เมื่อมายังแดนมนุษย์ข้ายังพอมีพลังเซียน แต่จะให้เที่ยวเล่นได้อย่างไรที่ข้าถูกเนรเทศมาแดนมนุษย์ต้องเพราะมีเื่ใหญ่เกิดขึ้นเป็แน่ข้าเป็เพียงหมากตัวหนึ่งในนั้น”
“ในเมื่อเ้าทายได้มากขนาดนี้แล้ว จะมัวคิดสิ่งใดอยู่ ร้อยปีในแดนมนุษย์ พริบตาเดียวก็จบลงแล้วในเมื่อเ้าถูกเนรเทศมาแดนมนุษย์ จะไปสนใจว่าบน์เกิดเื่อะไรทำไมเล่าท่านพี่ฝากข้ามาบอกเ้าว่าให้ทำตามใจปรารถนา ฟ้าถล่มลงมาเ้าก็ทำอะไรไม่ได้” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ
“ใช่แล้ว ข้าถูกเนรเทศมา...” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เสี่ยวอวี้เอ๋อร์ เ้าไม่อยากรู้หรือว่าครานั้นข้าเห็นอะไรเข้าครานั้นข้าเห็นท่านเทพธิดาอาบน้ำจริงๆ ฮ่าๆ”
“โรคจิต บ้ากาม สมน้ำหน้าที่เ้าถูกเนรเทศมาแดนมนุษย์” อวี้เอ๋อร์พูดขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำแน่นอนนางย่อมรู้ว่าผู้ที่ใช้วิชาแสงสะท้อนกับตน หากไม่ใช่เทพแห่งจิตที่ดื่มไปเยอะจะเป็ผู้ใดได้อีก
“ฮ่าๆ ครานั้นไม่ได้มองให้แจ่มชัด ศิษย์น้องอวี้เอ๋อร์ เมียอวี้เอ๋อร์เมื่อไหร่เ้าจะให้ข้าได้ดูดีๆ เล่า” กัวไฮว่พูดพลางหรี่ดวงตาเ้าเล่ห์จ้องไปยังอวี้เอ๋อร์อย่างไม่กระพริบตา
“ได้ หากเ้าอยากดู เช่นนั้นวันนี้ข้าจะไปหาเ้า” อวี้เอ๋อร์พูดพลางปรายตามองกัวไฮว่
“ยายปีศาจ ไม่นานข้าจะจัดการเ้าให้เรียบ” พูดจบกัวไฮว่ก็รีบวิ่งแจ้นไปราวกับหลบหนีบางอย่างตอนบำเพ็ญเพียรท่านเทพซุนเคยบอกกับตนไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนมีหนทางตอนที่ยังไม่สุกงอมไม่อาจเด็ดมาได้ตามใจชอบ ไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อการบำเพ็ญ
“ฮ่าๆๆ ครานี้วิ่งเร็วเชียวนะ” อวี้เอ๋อร์พูดพลางหัวเราะเสียงดังลั่นทำเอาคนจำนวนไม่น้อยต้องหยุดดู
วันเวลาในแดนมนุษย์ราบรื่นกว่าบน์ไม่น้อยอวี้เอ๋อร์สอนความรู้พลังวิเศษให้หลิงโม่ทุกวัน อยากไปเข้าเรียนก็ไปเข้าเรียน และแน่นอนว่าเวลาส่วนใหญ่ก็จะพูดคุยกับกัวไฮว่ในคาบหรือไม่ก็ดูกัวไฮว่จีบมู่หรงเวยเวย
“กัวไฮว่ เธอช่วยขึ้นมาทำการทดลองนี้หน่อยสิ” คุณครูวิชาชีวะวิทยาเรียกกัวไฮว่ขึ้นมาบนเวทีหน้าชั้นเรียนกัวไฮว่ทำการทดลองง่ายๆ อย่างการรีเฟล็กซ์เข่า แต่สุดท้ายกลับทำให้ครูวิชาชีวะถูกหามเข้าโรงพยาบาล
“แย่แล้ว เกิดเื่ขึ้นที่แผนกการต่อสู้โรงเรียนฟู่จงแล้วล่ะเห็นว่ามีนักเรียนต่างโรงเรียนมาขอท้าที่แผนกการต่อสู้ตอนนี้โรงเรียนฟู่จงแพ้สามยกติดกันแล้ว” ตอนพักระหว่างคาบก็มีคนะโขึ้นเสียงดังลั่นที่ทางเดิน
“พี่ไฮว่ พี่ชอบดูความวุ่นวายไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ไปดูล่ะ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ ตอนนี้นางไม่ได้เรียกเขาว่าศิษย์พี่แล้วแต่เรียกเขาว่าพี่ไฮว่อย่างที่พวกมู่หรงเวยเวยเรียกกัน
“วันนี้ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกแปลกๆ เื่แบบนี้ไม่ไปร่วมด้วยจะดีกว่าไม่แน่ว่าคนพวกนี้จะมีจุดประสงค์อื่น อยากจะให้ฉันออกมา” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ให้พี่ออกมาก็ไม่ใช่เรียกร้องความสนใจพี่หรอกเหรอ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ “ไปกัน เวยเวยเราไปดูด้วยกัน” อวี้เอ๋อร์พูดพลางลากกัวไฮว่กับมู่หรงเวยเวยเดินไปยังแผนกการต่อสู้
“นึกว่าใช้มีดจริงปืนจริง ที่แท้ก็เด็กทะเลาะกัน” อวี้เอ๋อร์มองไปยังทั้งสองคนที่ต่อยกันอยู่บนเวทีมวยประมาณหนึ่งนาทีแล้วพูดพลางยู่ปาก “ถ้าจะดูคนต่อสู้กันก็ต้องดูอู๋กังกับหยางเจี่ยนสิรอให้กลับไปแล้วค่อยแหย่อู๋กังให้ไปหาเื่หยางเจี่ยนดีกว่า”
“โรงเรียนฟู่จงของพวกเธอได้รับขนานนามว่าเป็ที่หนึ่งด้านต่อสู่ไม่ใช่เหรอพอข่งเสวียนตายไป ก็ไม่มีใครแล้วเหรอ แล้วมู่หรงเวยเวยผู้หญิงของข่งเสวียนล่ะในเมื่อข่งเสวียนตายไปแล้ว ไปโรงเรียนซานฉือชีของพวกเราไม่ดีกว่าเหรอ ฮ่าๆ” เด็กหนุ่มบนเวทีมวยที่เพิ่งได้รับชัยชนะผู้หนึ่งพูดพลางหัวเราะดังลั่น
“พี่ไฮว่ ผมจะไปจัดการหมอนั่น” เซวียนต้าจู้พูดพลางเตรียมจะขึ้นเวทีมวย
“ต้าจู้ ในเมื่อมันหาเื่เวยเวย ฉันไปเองดีกว่าชำระแค้นสิบปียังไม่สายบ้าบออะไรกัน ข้าไม่เคยเชื่ออยู่แล้ว หากมีบุญคุณความแค้นก็ต้องชำระในตอนนั้น” กัวไฮว่พูดเสร็จก็เดินดิ่งขึ้นเวทีมวยไป
“พี่หู่ นี่คือเด็กที่นายน้อยฉินพูดถึงแล้วก็เป็คนที่สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนเตรียมจะจัดการด้วย” เด็กหนุ่มคนหนึ่งกระซิบเบาๆ ข้างหูเด็กหนุ่มที่อยู่บนเวทีมวย
“เหอะๆ หมายความว่าถ้าฉันต่อยมันจนพิการ ไม่เพียงจะได้เงินสิบล้านจากนายน้อยฉินแต่สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนยังติดค้างฉันไม่น้อยด้วย งั้นฉัน สวี่หู่ก็ต้องต่อยมันหน่อยแล้ว” เด็กหนุ่มลอบพูดกับตนเองในใจ
“ด่าฉันก็ว่าไป แต่กล้าด่าแม้แต่ผู้หญิงของฉัน อยากตายหรือไง” กัวไฮว่เดินขึ้นเวทีมวยพลางพูดเบาๆ
“ฉันรู้ว่านายเป็ใคร นี่ไม่ใช่กัวไฮว่ นายน้อยกัว สี่ตัวอันตรายตัวอสรพิษหรอกเหรอ” สวี่หู่พูดขึ้นด้วยเสียงดัง “เรามาทำสัญญาเป็ตายกันเถอะตอนที่ฉันชกนายแล้วนายอย่าไปหาาาทหารหลี่เย่าให้มาแก้แค้นฉันล่ะ”
“จัดการคนแบบนายยังต้องให้พี่เย่ายื่นมือมาอีก นายนี่สำคัญตัวเองนักนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ถ้านายอยากตายงั้นก็ทำสัญญาเป็ตายเถอะ”
“แดนมนุษย์นี่สนุกเสียจริง มีคนอยากทำสัญญาเป็ตายกับเทพเซียนด้วย” แม้จะอยู่ไกล ทว่าอวี้เอ๋อร์ยังได้ยินบทสนทนาของพวกเขาบนเวทีจึงช่วยไม่ได้ที่จะพูดขึ้นยิ้มๆ