ลู่หยวนซีเดินตาปิดมาจนถึงโรงเตี๊ยมใหญ่ใจกลางเมืองหลวง นางสั่งจองห้องพักเอาไว้ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโต๊ะตัวหนึ่งริมหน้าต่าง เสี่ยวเอ้ออายุน้อยรีบนำของว่างและน้ำชามาวางลงตรงหน้านาง จากนั้นจึงเดินจากไป จ้าวหลี่เสวียนที่ตามมาทันนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับนาง ก่อนจะเป็ผู้ลงมือรินน้ำชาให้ทั้งสองด้วยตนเอง
“เ้าไม่จำเป็ต้องพักที่นี่ เราจัดการเื่ทุกอย่างแล้วต่อไปเราจะไม่ยินยอมให้ใครก็ตามมาดูิ่เ้าได้อีก” ลู่หยวนซีเลิกคิ้วมองร่างสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตนเล็กน้อย ก่อนยกน้ำชาขึ้นจิบ
“พระองค์ไม่จำเป็ต้องทำเช่นนั้นเพื่อหม่อมฉันหรอกเพคะ เกียรติยศหรืออะไรนั่นหาได้สำคัญไม่ อีกอย่างหากทำให้พระคู่หมั้นของพระองค์ทรงลำบากใจ ต่อไปหม่อมฉันไหนเลยจะกล้าเดินในเมืองหลวงได้อีก”
เอ่ยจบลู่หยวนซีก็ลุกเดินขึ้นไปยังชั้นสองห้องที่ตนเองจองเอาไว้ ราวกับว่ามิได้รู้สึกอันใดเกี่ยวกับเื่ที่เขาหมั้นหมายเลย จ้าวหลี่เสวียนทำได้เพียงมองตามร่างบางไปด้วยความหนักใจ
“ลู่หยวนซี เราจะทำอย่างไรให้เ้าหันกลับมามองเราบ้าง สองปีแล้วเหตุใดเ้าถึงยังไม่ยอมลืมเขาเสียที เราเองก็อยากให้เ้าใส่ใจในเื่ของเราอย่างที่เ้าไม่เคยลืมกู้จิ่งเหยียน สักเล็กน้อยก็ยังดี”
จ้าวหลี่เสวียนเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกที่หลากหลายผสมปนเป หลังจากที่โน้มน้าวนางไม่สำเร็จองค์รัชทายาทแคว้นจ้าวก็กลับไปยังตำหนักของตนแล้วเก็บตัวเงียบอยู่ภายในห้องหนังสือทั้งคืน ส่วนทางด้านลู่หยวนซีเมื่อได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ นางก็รู้สึกสบายตัวจนทำให้รู้สึกง่วงนอนอีกครั้ง
“กู้จิ่งเหยียนท่านอยู่บนนั้นเป็อย่างไรบ้างสบายดีหรือไม่ ส่วนข้าตอนนี้ก็เหมือนเดิม ยังคงคิดถึงท่านเหมือนเดิม เมื่อไหร่ที่ข้าแก้แค้นให้ท่านได้สำเร็จแล้ว ข้าจะได้ไปจากเมืองหลวงที่วุ่นวายนี่เสียที กลับไปยังหมู่บ้านเหลียนฮวาที่ที่เราเคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสองคนอีกครั้ง”
ลู่หยวนซีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเหม่อลอย ราวกับว่านางกำลังพูดกับตนเองในขณะที่กำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความง่วงงุน “ปัง!ปัง!ปัง! คนสารเลว!!กู้เยี่ยนชิง!! ปล่อยข้าออกไปจากที่นี่นะ”
เสียงทุบประตูห้องดังสะท้านออกมาจากเรือนของเจียงจื่ออิ๋ง ทำเอาบ่าวไพร่ต่างแยกย้ายกันไปหาที่หลบตามมุมต่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลงพายุอารมณ์ของสามีภรรยาคู่นี้ เสียงนางทุบทำลายขว้างปาข้าวของภายในเรือนเพื่อระบายอารมณ์ดังแว่วมา ส่วนปากก็ไม่หยุดก่นด่ากู้เยี่ยนชิง ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วยาม สองสามีภรรยาได้นั่งรถม้ากลับมายังจวนตระกูลกู้ ท่าทางที่กู้เยี่ยนชิงแสดงออกต่อนางนั้นทำให้เจียงจื่ออิ๋งไม่พอใจยิ่งนัก หลังจากที่ทั้งสองกลับมาถึงเรือนก็ได้มีปากเสียงกันอย่างหนัก เจียงจื่ออิ๋งหาว่ากู้เยี่ยนชิงยังไม่ลืมคนรักเก่าของตน คนรักที่นางพูดถึงคือลู่หยวนซีที่อยู่ในโลกก่อน นางคิดว่ากู้เยี่ยนชิงหลงเสน่ห์ของลู่หยวนซีที่เป็อดีตสาวใช้ เพราะนิสัยของนางเหมือนกับคนรักเก่าของเขา ส่วนกู้เยี่ยนชิงก็เอาแต่ปฏิเสธเถียงคอเป็เอ็นว่าเขามิได้รู้สึกอันใดกับนาง แต่ที่เขาไม่้าให้เจียงจื่ออิ๋งเข้าไปหาเื่กับลู่หยวนซีเพราะนางเป็คนที่องค์รัชทายาทให้ความสำคัญ อีกอย่างเขาได้รับคำเตือนจากองค์รัชทายาทมาแล้ว หากยังปล่อยให้เจียงจื่ออิ๋งกระทำตามใจตน ตระกูลกู้ของเขาจะต้องเดือดร้อนเป็แน่ แม้ที่นี่จะเป็โลกที่พวกเขาไม่รู้จัก แต่ในเมื่อได้มาอยู่ในร่างของกู้เยี่ยนชิงแล้วเขาย่อมต้องทำตัวให้เป็กู้เยี่ยนชิง จะปล่อยให้ผู้อื่นต้องมาเดือดร้อนเพราะพวกตนมิได้
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดพวกเ้าถึงได้ทะเลาะกันเสียงดังเช่นนี้ ไม่อายบ่าวไพร่ในจวนบ้างหรืออย่างไร”
ฮูหยินใหญ่ตระกูลกู้เดินเข้ามาในเรือนของบุตรชาย หลังจากที่ได้รับรายงานจากมามาคนสนิทของตนว่าบุตรชายและลูกสะใภ้มีปากเสียงกัน
“ไม่มีอันใดขอรับท่านแม่ เราสองคนแค่มีเื่เข้าใจผิดกันเล็กน้อยเท่านั้น”
ฮูหยินใหญ่ตระกูลกู้มองดูหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นของบุตรชาย ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ไม่มีก็ดีแล้ว แม่เห็นว่าลูกกลับมาถึงเรือนยังไม่ได้ทานอะไร เดี๋ยวจะให้สาวใช้ยกของว่างมาส่งให้ก็แล้วกัน”
เอ่ยจบฮูหยินใหญ่กู้ก็ถูกมามาคนสนิทพยุงออกจากเรือนไป ไม่นานสาวใช้ใบหน้างดงามนางหนึ่งก็เดินเข้ามาภายในห้องหนังสือ นางวางถาดอาหารว่างลงบนโต๊ะที่อยู่ข้างหน้าต่าง ก่อนจะเหลือบสายตามองไปยังร่างสูงของคุณชายใหญ่รูปงาม ที่เวลานี้กำลังก้มหน้าอ่านตำรา มิได้สนใจกับการมาของนาง
“คุณชายเ้าคะ บ่าวได้รับคำสั่งจากฮูหยินใหญ่ให้ยกของว่างมาส่งให้ท่าน คุณชายทานสักหน่อยดีหรือไม่เ้าคะ”
กู้เยี่ยนชิงเงยหน้ามองสาวใช้นางนั้นที่ส่งเสียงออดอ้อนอ่อนหวาน มันช่างแตกต่างจากภรรยาที่เอาแต่ทำหน้าไม่พอใจทั้งวันของตนยิ่งนัก ร่างสูงลุกจากเก้าอี้เดินมายังตั่งตัวยาวริมหน้าต่าง ส่วนสายตาก็มิได้ละจากใบหน้าของสาวใช้นางนั่นเลย เมื่อถูกจ้องมองเช่นนั้นหญิงสาวก็แสดงท่าทีเอียงอายออกมา กู้เยี่ยนชิงหยิบขนมที่วางอยู่ในจานขึ้นมากัดกินเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบา
“หวานยิ่งนัก”
ไม่รู้ว่าชายหนุ่มหมายถึงสิ่งใด แต่สาวใช้นางนั้นก็ใบหน้าแดงระเรื่อซับสีเืเพราะคำพูดของเขา
“บ่าวเป็คนทำขนมจานนี้เองไม่รู้ว่าคุณชาย...ถูกใจหรือไม่”
กู้เยี่ยนชิงยกยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ ก่อนจะตวัดแขนโอบรัดร่างบางหอมกรุ่นของสาวใช้นางนั้นขึ้นมานั่งบนตักของตน เสียงวี๊ดว๊ายด้วยความใดังขึ้นเบาๆ ก่อนนางจะใช้สองแขนโอบรอบลำคอของชายหนุ่มเอาไว้
“คุณชายเ้าคะ ท่านทำให้บ่าวใ ทำเช่นนี้หากมีผู้ใดมาเห็นเข้าคงไม่ดีนัก”
ร่างบางส่งเสียงออดอ้อนออกมา ราวกับรู้สึกผิดเสียนักหนาทั้งที่การแสดงออกมิได้เป็เช่นนั้นเลย กู้เยี่ยนชิงสังเกตเห็นว่าใบหน้าเกลี้ยงเกลาของนางแดงเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย แม้ความงามของนางจะเทียบกับเจียงจื่ออิ๋งหรือลู่หยวนซีมิได้ แต่ท่าทางเอียงอายไร้เดียงสาของนางทำเอาความหนุ่มแน่นของเขาลุกชูชันขึ้นได้ไม่ยากเย็นนัก ที่นี่คือยุคโบราณ หากเขาที่เป็คุณชายของจวนขุนนางใหญ่จะมีอนุสักสองสามคนคงจะไม่เป็อะไรกระมัง กู้เยี่ยนชิงนึกถึงเื่นี้ด้วยหัวใจที่กระชุ่มกระชวย