หลิวตงจวิ้นกลับมาพร้อมซาลาเปาหลายลูกในห่อกระดาษ พวกเขาซื้อของที่จำเป็เล็กน้อยจากนั้นจึงกลับไปที่หมูบ้านทันที หลิวฟู่เฉิงมาที่ร้านขายตำราในอำเภอหลิงจือพร้อมกับสหายทำให้เขาได้เห็นเจิ้งซูอี้และหลิวซีฮันยืนอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอ
“หลิวอันอันเหตุใดนางถึงได้มาอยู่ที่นี่”
หลิวฟู่เฉิงคิดว่านางมาเพื่อแจ้งความเื่ที่คนตระกูลหลิวยักยอกเอาที่ดินของท่านปู่นางมา เขาจึงแอบอยู่อีกด้านเพื่อรอดูสถานการณ์
หลังจากที่ได้ยินเจิ้งซูอี้ถามเื่ข่าวที่ปิดประกาศอยู่บนแผ่นป้ายเขาก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย นางอ่านหนังสือออกั้แ่เมื่อใด แล้วเหตุใดนางต้องมาถามหาแม่ทัพหญิงที่ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับนางเลย เขารอดูจนกระทั่งเจิ้งซูอี้จากไปจึงได้ออกมาจากที่ซ่อน หลิวฟู่เฉิงมองตามเจิ้งซูอี้ไปด้วยความสงสัย แต่สหายของเขาเรียกเขาให้รีบตามมาหลิวฟู่เฉิงจึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
ผ่านไปหลายวันหลิวฟู่เฉิงที่เอาแต่กระสับกระส่ายจนไม่เป็อันเรียนเพราะเขาสงสัยในสิ่งที่หลิวอันอันทำจึงอยากกลับไปที่ตระกูลหลิวเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทุกสิ้นเดือนสำนักศึกษาจะมีวันหยุดให้สองวันเพื่อให้เหล่าบัณฑิตกลับไปที่บ้านของตน
หลิวฟู่เฉิงที่ปกติไม่เคยอยากกลับมาที่ตระกูลหลิวเลยสักครั้งเพราะเขารู้สึกว่าตนเองที่เป็ถึงบัณฑิตซิ่วไฉนั้นอยู่คนละระดับกับพวกเขา แต่ครั้งนี้หลังจากเลิกเรียนเขาก็รีบเก็บของเพื่อไปให้ทันเกวียนโดยสารที่วิ่งกลับไปที่หมู่บ้านตระกูลสือ ทำเอาสหายร่วมห้องของเขามองด้วยความสงสัย เกิดเื่ขึ้นที่บ้านของเขาหรืออย่างไร เขาจึงได้รีบร้อนเพียงนี้
“พวกเ้ารู้หรือไม่ว่าวันก่อนข้าไปที่บ้านญาติที่หมู่บ้านตระกูลสือมีข่าวลือว่าคนตระกูลหลิวถูกผีหลอก”
หลิวฟู่เฉิงที่นั่งอยู่ท้ายสุดของเกวียนโดยสารพยายามเงี่ยหูฟังหญิงวัยกลางคนที่กำลังเล่าเื่ผีหลอกที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านตระกูลสือ อย่างออกรส เขาอยากถามหญิงวัยกลางคนว่าเื่ราวเป็มาอย่างไรแต่ต้องอดทนเอาไว้เพราะเขาไม่้าให้ใครรู้ว่าเขาเป็คนตระกูลหลิว
หลังจากที่เกวียนจอดที่หมู่บ้านตระกูลสือเป็ที่สุดท้าย หลิวฟู่เฉิงลงมาจากเกวียนด้วยความทุลักทุเล เขาไม่ชอบเลยที่ต้องกลับมาที่นี่ รถม้าให้นั่งก็ไม่มีไม่สมกับตำแหน่งซิ่วไฉของเขาเลย หลิวฟู่เฉิงมักจะเปรียบเทียบคนในตระกูลของตนกับคนในตระกูลของสหายอยู่บ่อยครั้ง บางครั้งเมื่อถึงสิ้นเดือนเขาก็จะไม่กลับมาที่ตระกูลหลิวแต่จะกลับไปพร้อมสหายสนิทของเขาที่ค่อนข้างมีฐานะ
สหายของเขาเองก็ไม่เคยติดใจสงสัยในตัวหลิวฟู่เฉิงว่าเหตุใดเขาถึงไม่อยากกลับบ้านตนเอง พอบ่อยครั้งเข้าเขาก็ให้เหตุผลว่าอ่านหนังสือร่วมกันจะทำให้มีความเข้าใจในเนื้อหาได้มากกว่าการอ่านเพียงคนเดียว ในปีหน้าพวกเขาจะเตรียมตัวสอบระดับมณฑลแล้วจึงเร่งเติมความรู้เพื่อการสอบแย่งชิงตำแหน่งจีว์เหรินที่กำลังจะมีขึ้นอีกครั้ง
เกือบสองเดือนที่หลิวฟู่เฉิงไม่ได้กลับมาที่นี่ ครั้งสุดท้ายที่เขากลับมาคือตอนที่บ้านรองของหลิวตงจวิ้นแยกตัวออกไป หลิวฟู่เฉิงเปิดประตูเรือนเข้าไปก็นึกแปลกใจว่าเหตุใดในเรือนถึงได้เงียบนัก ปกติเมื่อเขากลับมาจะต้องได้ยินเสียงแม่เฒ่าจางก่อนใคร
หลิวฟู่เฉิงเดินเลี่ยงกลับห้องของตนเพื่อเก็บของจากนั้นจึงกลับมาดู่ที่ห้องโถง คนตระกูลหลิวอยู่กันพร้อมหน้าแต่พวกเขากลับแสดงท่าทางใเมื่อหลิวฟู่เฉิงเปิดประตูเข้าไป
“โถ่!!เฉิงเอ๋อนี่เอง”
หลิวฟู่เฉิงเลิกคิ้วมองทุกคนด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับท่านแม่”
หลิวฟู่เฉิงถามจางซานเหนียงผู้เป็มารดาที่กำลังหลบอยู่ข้างหลังหลิวตงหัวบิดาของเขา สภาพของคนตระกูลหลิวที่เห็นยิ่งทำให้เขาขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมมันเกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่กันแน่
“ท่านย่าขอรับท่านช่วยอธิบายหน่อยได้หรือไม่”
หลิวฟู่เฉิงหันมาหาแม่เฒ่าจางที่เขาคิดว่าจะมีสติกว่าใคร แต่จากที่เห็นแม่เฒ่าจางก็ไม่ต่างจากคนอื่นในตระกูลหลิวเลย
“หรือว่าเื่ผีหลอกในหมู่บ้านตระกูลสือ”
หลิวฟู่เฉิงนึกถึงเื่ที่ตนได้ยินบนเกวียนโดยสารก่อนหน้านี้ จางซานเหนียงรีบพุ่งมาหาบุตรชายเอามือปิดปากเขาเอาไว้ หลิวฟู่เฉิงแกะมือที่มีกลิ่นอาหารของมารดาออกอย่างนึกรังเกียจ
“เป็เื่จริงสินะ เช่นนั้นพวกท่านเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่”
หลังจากที่สติกลับคืนมาแม่เฒ่าจางก็ร้องห่มร้องไห้กอดหลานชายสุดรักของตน ทั้งยังเล่าเื่ิญญาหลิวตงเฟิงปู่ของหลิวอันอันมาหลอกพวกเขา ครั้งแรกพวกเขาจุดธูปขอขมาไปแล้วทั้งยังเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ด้วย แต่หลังจากวันนั้นทุกสองสามวันตอนกลางคืนจะมีเสียงดังขึ้นที่หลังคาบ้างหน้าต่างบ้าง ไก่ในเล้าร้องออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเมื่อออกไปดูกลับไม่พบสิ่งใด คนตระกูลหลิวถูกหลอกบ่อยเข้าตอนนี้แทบไม่กล้าออกนอกเรือน
“แล้วเหตุใดท่านย่าจึงเจาะจงว่าิญญานั้นเป็ท่านปู่รองล่ะขอรับ เื่นี้บางทีอาจมีคนทำขึ้นเพื่อกลั่นแกล้งพวกท่านก็ได้”
แม่เฒ่าจางถอนหายใจออกมา เมื่อนึกถึงเื่คืนนั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าหากว่าย่าไม่เห็นกับตาย่าก็คงไม่พูดออกมา ตอนนี้เวลาหลับตาย่าก็ยังเห็นิญญาตนนั้นมายืนชี้หน้าอยู่เลย”
หลิวฟู่เฉิงคิดว่าเื่นี้เป็เื่เหลวไหลทั้งเพ อาจเป็คนบ้านของหลิวตงจวิ้นที่้าแก้แค้นพวกเขาเื่ที่ดินก็เป็ได้ แต่จากนิสัยที่เป็คนเถรตรงของเขาไม่น่าทำเื่เช่นนี้ได้ หรือว่าจะเป็หลิวอันอันครั้งสุดท้ายที่เขาพบนางดูเหมือนนางจะต่างออกไปเล็กน้อย ไม่เดินก้มหน้าหรือทำท่าสั่นกลัวเมื่อเจอผู้คน ดูจากตอนนี้นางถึงกับกล้าเข้าเมืองเพื่อไปเที่ยวเล่นแล้ว
เมื่อนึกถึงเื่นี้ขึ้นมาเขาก็คิดว่ามันค่อนข้างแปลก อีกทั้งเื่ที่นางไปถามที่ว่าการอำเภออีก เพราะมีหลายเื่ให้คิดเกินไปทำให้หลิวฟู่เฉิงพลาดรายละเอียดสำคัญบางอย่างไป
“แล้วพวกท่านจะต้องอยู่อย่างหวาดกลัวเช่นนี้ต่อไปหรือขอรับ ไม่มีใครคิดหาทางออกบ้างเลยหรือ”
หลิวฟู่เฉิงมองดูคนในตระกูลของตนที่เอาแต่หลบสายตาเพราะไม่้ารับผิดชอบเื่พวกนี้ ชาวบ้านธรรมดาอย่างคนตระกูลหลิวช่างแตกต่างจากคนตระกูลใหญ่ของสหายเขายิ่งนัก คนพวกนี้ไม่แม้แต่จะรับผิดชอบชีวิตตนเองคอยแต่จะพึ่งพาเขา เมื่อก่อนเขายังรู้สึกผิดเล็กน้อยหากว่าในอนาตคเขาสอบได้ตำแหน่งในราชสำนักแล้วทิ้งคนพวกนี้เอาไว้ข้างหลัง แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจได้แล้วหากวันข้างหน้าเขาประสบความสำเร็จ เขาไม่คิดจะพาคนพวกนี้ตามไปถ่วงอนาคตของเขาแน่นอน
"ย่าก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเฉิงเอ๋อหลานมีความรู้มากกว่าใครช่วยพวกเราด้วยเถอะนะ”
หลิวฟู่เฉิงถอนหายใจออกมาอย่างรำคาญ สุดท้ายทุกคนก็เอาแต่พึ่งพาเขาไม่มีใครเลยที่ทำตัวเป็ประโยชน์สักคน หลิวฟู่เฉิงไม่ได้คิดเลยว่าตนเองต่างหากที่เป็ตัวถ่วงของทุกคนในตระกูหลิว เพราะต้องส่งเขาเรียนที่สำนักศึกษาตระกูลหลิวจึงต้องประหยัดเพียงใด เมื่อเขาเรียกร้องเงินทองแม่เฒ่าจางก็ต้องหามาให้เขาให้ได้ ในความคิดของหลิวฟู่เฉิงนั่นคือสิ่งที่พวกเขาควรทำ ตระกูลหลิวมีหน้าที่ให้เขาเหยียบขึ้นสู่ที่สูงหาก้ามีส่วนร่วมในเกียรติยศที่เขานำมาสู่ตระกูล
“ท่านย่าพวกท่านเคยลองไปปรึกษาเื่นี้กับซินแสหรือนักพรตบ้างหรือยังขอรับ”
แม่เฒ่าจางตาสว่างขึ้นมาทันที นั่นสินะเหตุใดนางถึงคิดไม่ได้กัน สมกับเป็หลานรักของนางที่มีความรู้กว้างขวางกว่าใคร กลับมาบ้านเพียงไม่นานก็สามารถแก้ไขเื่ที่พวกเขาคิดไม่ตกมาทั้งเดือนได้
“ได้ๆ ย่ารู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร หลานมาเหนื่อยๆ กลับไปพักผ่อนที่ห้องเถอะนะ ย่าจะให้แม่ของเ้าทำเนื้อให้กินฉลองที่เฉิง เอ๋อกลับมา”
แม่เฒ่าจางดันหลังของหลิวฟู่เฉิงกลับห้องไป ความจริงเขาไม่เชื่อเื่ผีสางเท่าใดนัก แต่เพื่อความสบายใจของคนตระกูลหลิวเขาจึงต้องพูดออกมาเช่นนั้น จางลี่ฉุนสะใภ้เล็กเบะปากให้กับท่าทางของแม่สามีที่ประจบเอาใจเ้าตัวผลาญเงินของบ้าน นางเองก็มีลูกชายเหมือนกันแถมยังเป็แฝดชายหญิงอีกด้วย แล้วเหตุใดแม่เฒ่าจางจึงรักหลานชายคนโตมากกว่าใคร นั่นมันไม่ยุติธรรมสำหรับลูกทั้งสองของนางเลยสักนิด
หลังจากที่หลิวฟู่เฉิงกลับเข้าห้องไปเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเบาๆ
“อาเฉิงนี่ปู่เองนะ”
หลิวฟู่เฉิงกลอกตาด้วยความรำคาญแต่เขาก็ยังเดินมาเปิดประตู
“ท่าปู่มีธุระอันใดกับข้าหรือขอรับ”
หลิวเจี้ยนกั๋วยกกกำปั้นขึ้นปิดปากกระแอมไอเบาๆ
“เื่เรียนของหลานเป็อย่างไรบ้าง ปีหน้าต้องสอบระดับมณฑลหลานเตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว”
หลิวฟู่เฉิงลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เขารำคาญคนตระกูลนี้เหลือเกินจนแทบไม่อยากจะกลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย แต่เขายังต้องพึ่งเงินที่แม่เฒ่าจางส่งให้ทุกเดือนไม่อย่างนั้นเขาคงตัดขาดกับคนตระกูลหลิวไปนานแล้ว
“ก็เรื่อยๆ ขอรับข้ารวมตัวกันกับสหายหลายคนเพื่ออ่านตำราใน่วันหยุดจึงกลับมาที่บ้านบ่อยๆ ไม่ได้”
ผู้เฒ่าหลิวพยักหน้า
“เช่นนั้นก็ดี หลานกลับไปอ่านตำราเถอะปู่ไม่กวนแล้ว”
ท่าทางแสร้งเป็ผู้ทรงภูมิของผู้เฒ่าหลิวทำให้หลิวฟู่เฉิง อยากหัวเราะออกมาดังๆ ท่านกำลังแสดงให้ผู้ใดดูกัน
หลังจากมีข่าวลือเื่ผีหลอกคนตระกูลหลิวแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงก็หลีกหนีห่างไม่เข้ามาสุงสิงกับพวกเขาอีกเพราะกลัวว่าิญญาจะตามมาหลอกพวกตนด้วย
วันนี้แม่เฒ่าจางกับจางซานเหนียงกลับไปบ้านเดิมของตน เพื่อปรึกษาพี่ชายของนางคือบิดาของจางซานเหนียงให้หาซินแสชื่อดังที่สามารถขับไล่ิญญาร้ายได้ หมู่บ้านที่ห่างออกไปสองสามลี้มีนักพรตผู้หนึ่งมีชื่อเสียงเื่ขับไล่สิ่งชั่วร้ายมาก แต่ราคานั้นค่อนข้างแพงต้องใช้เงินถึงห้าตำลึงนักพรตผู้นั้นถึงจะตอบรับคำขอร้อง
แม่เฒ่าจางรู้สึกเสียดายเงินห้าตำลึงอยู่เหมือนกัน แต่นางก็ทนให้ิญญาร้ายมาตามรังควานจนไม่เป็อันทำอะไรอยู่เช่นนี้ไม่ได้ ดังนั้นแม่เฒ่าจางจึงตัดสินใจเดินทางไปกับพี่ชายของนางเพื่อเชิญนักพรตมาปัดเป่าิญญาร้ายให้ออกไปจากตระกูลหลิว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้