“เป็กระดาษข้อสอบอะไร?”
เ้าเมืองอวี๋รับมาดู ยังไม่ได้อ่านเนื้อในก็จำลายมือได้แล้ว
เขามีความประทับใจต่อลายมือของเฉิงชิงอย่างมาก
ผู้ใดให้เฉิงชิงยามถูกกักบริเวณเคยเขียนจดหมายหาเขากันล่ะ!
ผู้เข้าสอบการสอบระดับเมืองของเมืองเสวียนตูมีเป็พันคน จะมีสักกี่คนที่สามารถเขียนจดหมายถึงเ้าเมืองอวี๋ได้?
สำหรับเฉิงชิงนั่นคือโอกาสที่ได้รับมาโดยบังเอิญ เมื่อรวมกับถ้อยคำที่กล้าหาญบนจดหมายนั้น เ้าเมืองอวี๋ย่อมมีความประทับใจอย่างลึกซึ้ง
นั่นเป็เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อสามเดือนที่แล้วเอง ตัวอักษรของเฉิงชิงอย่างมากก็พอดูได้ ไม่อาจเรียกได้ว่าดี
เมื่อถึงการสอบระดับเมือง ยามเ้าเมืองอวี๋วงกลมผู้ที่ได้อันดับที่หนึ่งของการสอบสนามแรกก็รู้สึกว่ากระดาษข้อสอบคุ้นตาอยู่สองส่วน แต่นึกไปไม่ถึงตัวเฉิงชิง——ยามนี้เฉิงชิงได้ผสมผสานฝีมือลายมือของร่างเดิมแล้ว ลายมือก็มีความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ เ้าเมืองอวี๋ย่อมนึกไม่ออก
พอเอากระดาษที่ปิดชื่อผู้ที่ได้อันดับหนึ่งที่วงกลมไว้ในกระดาษข้อสอบ เมื่อมองดูกระดาษข้อสอบก็เป็เฉิงชิงพอดี เ้าเมืองอวี๋เองก็ได้แต่ชมหนึ่งประโยคว่าเฉิงชิงมีความสามารถ
คนเขาพึ่งพาความสามารถสอบได้อันดับที่หนึ่ง เหตุใดเขาต้องขจัดทิ้งไปด้วย?
อวี๋ซานก็ได้กลับสถานศึกษาหนานอี๋แล้ว เ้าเมืองอวี๋ยิ่งไม่มีความแค้นต่อเฉิงชิงแล้ว
การสอบระดับเมืองสนามที่สอง เ้าเมืองอวี๋ยังระวังเป็พิเศษ ผลลัพธ์คือกระดาษข้อสอบที่ส่งมาต่อหน้าเขาไม่ใช่ของเฉิงชิง เห็นได้ว่าเฉิงชิงมีพื้นฐานหลักปรัชญาในคัมภีร์ขงจื๊อไม่เลว ด้านเรียงความยังขาดความลึกซึ้ง
สนามที่สามนี้น่ะหรือ เดิมเ้าเมืองอวี๋เองก็ไม่ได้มีความหวังมากเท่าไหร่ เฉิงชิงยังอายุน้อยเกินไป ปีนี้เพิ่งอายุสิบสี่ปี จะเขียนบทความวิพากษ์การเมืองออกมาดีได้หรือ?
ไหนเลยจะรู้การพัฒนาของเื่ราว อีกครั้งที่เกินความคาดหมายของเ้าเมืองอวี๋ เมื่อมองกระดาษข้อสอบในมือ เขาก็นึกออกถึงลายมือนี้ได้ทันที——
“ทุกท่านคิดว่า กระดาษข้อสอบแผ่นนี้สามารถยืนยงเป็อันดับหนึ่งของการสอบบทความวิพากษ์การเมืองในปีนี้?”
“ลำดับการเขียนของแผ่นนี้ชัดเจน ใช้คำรวบรัดไม่ฟุ่มเฟือย อีกทั้งบทความก็มีใจความหลักชัดเจน ย่อมเป็อันดับหนึ่ง”
“มิผิด ผู้เข้าสอบเช่นนี้หากสามารถสอบเข้าเป็ขุนนางได้ ราชสำนักก็จะยิ่งมีผู้มีความสามารถที่ใช้การได้มากขึ้น ไม่ใช่บัณฑิตคร่ำครึหัวแข็งที่เป็หนอนหนังสือ!”
ผู้ตรวจกระดาษข้อสอบหลายคนที่ได้อ่านกระดาษข้อสอบทยอยกันพยักหน้า มีเพียงผู้เดียวที่ไม่เห็นพ้อง ยิ่งไปกว่านั้นยังยกย่องกระดาษข้อสอบอีกแผ่นหนึ่ง “อะไรคือการใช้คำกระชับ เห็นได้ชัดว่าไม่มีความรู้ ถ้อยคำหยาบกระด้าง ไม่สู้แผ่นนี้ แต่ละประโยคมีที่มา แต่ละย่อหน้ามีประวัติ คำอ้างอิงและเหตุผลที่ใช้ล้วนแสดงให้เห็นถึงความรุ่มรวยทางคำศัพท์และเอกสารอ้างอิงที่ใช้ มองดูการเขียนที่ไหลลื่นได้แต่ทำให้คนตบโต๊ะร้องชื่นชม!”
เ้าเมืองอวี๋เองก็ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง ให้นำกระดาษข้อสอบที่ทำให้ผู้ตรวจกระดาษข้อสอบอ่านแล้วชื่นชมมาแสดงทันที
เมื่ออ่านอย่างละเอียดแล้ว เ้าเมืองอวี๋ก็ยิ้ม
นี่มันบ้าอะไรกัน?
แต่ละประโยคมีที่มา แต่ละย่อหน้ามีประวัติ ไม่ใช่ว่าจับนู้นจับนี่มารวมกันกัน เอางานเขียนมีชื่อมากมายมาบดแล้วผสมเข้าด้วยกันหรือ?
การกระทำเช่นนี้คือความรู้กว้างขวางและมีความจำที่ดีประเภทหนึ่ง บางคนชื่นชม แต่ตัวเ้าเมืองอวี๋เองกลับรังเกียจเป็อย่างมาก
“หากทุกคนล้วนขโมยถ้อยคำและข้อโต้แย้งของบทความผู้อื่นมาใช้เป็ของตน เช่นนั้นการสอบเข้ารับราชการหลังจากนี้ก็ไม่อาจคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงออกมาได้ ที่คัดเลือกออกมาได้ก็เป็เพียงหัวขโมยหน้าไม่อายกลุ่มหนึ่ง!”
เ้าเมืองอวี๋ยกพู่กันวาดกากบาทอันใหญ่บนกระดาษข้อสอบแผ่นนี้
ไม่เพียงไม่ได้ถูกเลือกเป็อันดับหนึ่งของการสอบระดับเมืองสนามที่สาม กลับปัดตกกระดาษข้อสอบแผ่นนี้ทันที——ผู้เข้าสอบผู้นี้คิดว่าตนเองฉลาด ไปยั่วยุความเกลียดชังของเ้าเมืองอวี๋เข้าแล้ว ถึงจะทำได้ดีในสองสนามก่อนหน้าก็ไร้ประโยชน์ ความพยายามสูญเปล่าในสนามที่สามแล้ว!
ผู้ตรวจกระดาษข้อสอบที่แสดงกระดาษข้อสอบแผ่นนี้ตะลึงไปแล้ว
หากรู้ว่าจะเป็เช่นนี้เร็วกว่านี้ไม่สู้เลือกกระดาษข้อสอบแผ่นนี้อย่างเงียบเชียบ ยังดีกว่าให้เ้าเมืองอวี๋ตัดสินโทษตาย
ไม่ได้อันดับหนึ่ง กลับทำร้ายผู้เข้าสอบของกระดาษคำตอบแล้ว
ไม่มีวิธี การสอบเข้ารับราชการก็มีระบบเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็การสอบระดับไหนก็เป็คนจำนวนน้อยตัดสินคนจำนวนมาก ที่ตรวจกระดาษข้อสอบเป็ผู้ช่วยผู้คุมสอบ เลือกกระดาษข้อสอบที่ตนเองคิดว่ายอดเยี่ยมออกมาแสดงให้หัวหน้าผู้คุมสอบ การตัดสินใจจัดตำแหน่งขึ้นอยู่กับหัวหน้าผู้คุมสอบ หัวหน้าผู้คุมสอบยังมีอำนาจยับยั้งอีกด้วย!
การสอบระดับเมืองครั้งนี้ หัวหน้าผู้คุมสอบก็คือเ้าเมืองอวี๋ ย่อมเป็เขาที่เอ่ยตัดสินใจ
วาดกากบาทไปแล้ว ในมือของเ้าเมืองอวี๋ก็เหลือกระดาษข้อสอบเพียงแผ่นเดียว เขาอ่านอย่างละเอียด สีหน้าบนใบหน้าก็มองไม่ออกว่ายินดีหรือโกรธเกรี้ยวเพียงถามผู้ตรวจกระดาษข้อสอบทั้งหลาย
“มีกระดาษข้อสอบอื่นจะแสดงไหม?”
“เรียนใต้เท้า ยังมีกระดาษข้อสอบอื่นหลายแผ่นที่ไม่เลว เมื่อเทียบกับบทความวิพากษ์การเมืองแผ่นนั้นที่อยูในมือใต้เท้าแล้ว ยังขาดความรุนแรงเฉียบคม แสดงให้เห็นชัดถึงความอ่อนเยาว์ไม่ประสา”
โอ๊ะ รอพวกเ้าเอากระดาษปิดรายชื่อออกแล้วไม่เสียใจทีหลังก็พอ
ผู้เข้าสอบที่เขียนบทความวิพากษ์การเมืองอย่างเปี่ยมประสบการณ์ไม่แน่ว่าจะเปี่ยมประสบการณ์จริงๆ เมื่อไม่ได้มองประจันหน้ากัน ผู้ใดจะรู้ว่าอันดับหนึ่งที่เลือกมาจะเป็เช่นไร!
เ้าเมืองอวี๋โอนอ่อนตามความคิดเห็นของเหล่าผู้ตรวจกระดาษข้อสอบ ยกพู่กันวาดวงกลมวงใหญ่บนกระดาษข้อสอบแผ่นนี้
นี่ก็คืออันดับหนึ่งของการสอบสนามที่สามแล้ว!
นี่ก็ถือว่าเป็บัณฑิตอั้นโส่วของการสอบระดับเมืองแล้วเช่นกัน
สามารถทะลุมาถึงการสอบระดับเมืองสนามที่สามมาได้ ความเข้าใจในคุณธรรมในคัมภีร์ไม่มีทางย่ำแย่เกินไป วาทศิลป์ก็พอเข้าตา สนามสอบแรกเป็ขั้นที่สำคัญที่สุด สนามที่สามกลับเป็การตัดสินชี้ขาด
เ้าเมืองของเมืองย่อมไม่อาจไปเข้าใกล้ตรวจสอบว่าการเขียนเติมคุณธรรมจากคัมภีร์มีส่วนที่ผิดหรือความละเลยหรือไม่ แต่ย่อมสามารถอ่านบทความวิพากษ์การเมืองที่แสดงออกอย่างโดดเด่นของสนามที่สาม อันดับหนึ่งของสนามที่สามถึงจะโดดเด่นเหนือคนนับพัน เข้าตาของใต้เท้าท่านเ้าเมือง!
ไม่รู้ว่าผู้ที่โชคดีผู้นี้สุดท้ายแล้วเป็คนเช่นไร?
เมื่อใต้เท้าท่านเ้าเมืองจรดพู่กันนี้ลงไป ไม่เพียงคุณสมบัติบัณฑิตถงเซิงจะมั่นคงแล้ว ตำแหน่งอั้นโส่วประจำเมืองก็มั่นคงแล้วเช่นกัน ผู้ที่สามารถให้คะแนนกระดาษข้อสอบผู้ใดบ้างที่ไม่ได้มีพื้นเพจากการสอบเข้ารับราชการ อย่างน้อยที่สุดต้องมีคุณวุฒิจวี่เหริน สำหรับพวกเขาแล้วบัณฑิตอั้นโส่วประจำเมืองไม่นับว่าเป็อันใด แต่เป็พวกเขาเองที่เลือกออกมา ทั้งยังเป็ความตระหนักอีกอย่างหนึ่ง
ผู้ตรวจกระดาษข้อสอบหลายคนมองหน้ากันแล้วยิ้ม ล้วนนึกขึ้นมาได้ถึงยามหนุ่มที่ยังศึกษาเล่าเรียน
“ให้พวกเ้าดูบัณฑิตอั้นโส่วประจำเมืองของปีนี้...เอ๊ะ?”
ผู้ที่ดึงกระดาษปิดชื่อออกตะลึงงัน ผู้อื่นอดไม่ได้ยื่นคอไปดู มีเพียงเ้าเมืองอวี๋ที่ยังมีสติ ราวกับรู้อยู่แล้วว่าผู้ใดที่ได้ตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำเมืองไปโดยไม่แปลกใจสักนิด
“เฉิงชิง วันนี้เป็วันประกาศรายชื่อการสอบระดับเมือง พวกเรารีบไปเพื่อเอาตำแหน่งที่ดีกันเถอะ!”
พี่ชายหลายท่านในตระกูลเร่งรัด เฉิงชิงเองก็รีบตอบรับอย่างสดใส “อ๊ะ อีกแป๊บเดียวข้าจะเสร็จแล้ว!”
นางรีบกลืนชาและของว่างลงไป เช็ดปากแล้วหยัดร่างขึ้น
เฉิงเหิงสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ทั่วร่าง ผมใส่น้ำมันใส่ผมแล้วหวีอย่างเงางาม ค่อนข้างปลาบปลื้มใจในตนเอง “ตอนนี้พวกเ้าเพิ่งจะรีบไปดูรายชื่อ เมื่อคืนข้าสั่งให้เด็กรับใช้ไปเฝ้าด้านล่างรายชื่อแล้ว เห็นได้ว่ามีวิสัยทัศน์กว้างไกลกว่าคนทั่วไป”
คนทั่วไปนี้ย่อมหมายถึงเฉิงชิง
เฉิงชิงมาสอบครั้งนี้ไม่ได้พาบ่าวรับใช้มาสักคนเดียว แม้บัดนี้บ้านนางจะมีคนรับใช้หลายคนช่วยเหลือ แต่ทุกคนก็มีหน้าที่ของตนเอง แต่ละคนล้วนถูกแจกจ่ายหน้าที่แล้ว ซือโม่ต้องยุ่งอยู่กับเื่บุกเบิกเนินเขา ทั้งยังต้องช่วยบุตรสาวคนโตดูแลที่นาใหม่ ซือเหยี่ยนกลับถูกเฉิงชิงสั่งให้ไปท่าเรือเพื่อดูแลความเป็อยู่ของทั้งบ้าน เหลือคนเฝ้าประตูและแม่ครัว ยังมีสาวใช้ตัวน้อยสองคนที่ไร้ประโยชน์ เฉิงชิงคร้านจะพามาด้วย
หากพามาด้วยแล้ว เฉิงชิงก็ไม่อาจให้พวกสาวใช้ตัวน้อยเฝ้าอยู่ใต้รายชื่อโดยไม่นอนทั้งคืน สิทธิมนุษยชนไม่ใช่สิทธิมนุษยชนยังไม่พูดถึง ดูรายชื่อเร็วกับดูรายชื่อช้ามีความแตกต่างกันตรงไหน ประกาศรายชื่อก็ตัดสินไว้ั้แ่ก่อนหน้าที่ยังไม่ติดแล้วว่าผู้ใดสอบผ่าน ผู้ใดสอบตก อีกทั้งไม่มีทางเป็เพราะผู้ใดไปดูประกาศรายชื่อเร็วก็จะสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้!
ท่าทีเหนือกว่าของเฉิงเหิงให้ความรู้สึกยากแก่การเข้าใจ เฉิงชิงไม่สนใจเขา เฉิงเหิงก็ยิ่งแสดงความอวดดี
ทั้งอคติทั้งต่ำตมอย่างเลวร้าย ้าร่วมเดินทางไปกับพวกเฉิงชิง
ไปดูรายชื่อที่ประตูทางเข้าสนามสอบด้วยกัน คลาคล่ำไปด้วยกลุ่มคนอย่างที่คิด
ไม่เห็นเด็กรับใช้ของเฉิงเหิง บ่าวรับใช้ของบ้านห้ามีเหงื่อไหลเต็มศีรษะ ทั้งหน้าเปี่ยมด้วยความยินดี
“ข้าน้อยขอเอ่ยแสดงความยินดีต่อนายน้อยเฉิบ การสอบระดับเมืองครั้งนี้ ท่านก็ได้เป็บัณฑิตอั้นโส่วอีกแล้วขอรับ!”
บัณฑิตอั้นโส่วประจำเมืองของปีนี้?
คนซ้ายขวามองมาทางเดียวกัน
ผู้เข้าสอบที่มาจากอำเภอหนานอี๋ล้วนรู้จักเฉิงชิง ฝูงชนโห่ร้องแสดงความยินดี พวกเขาสอบไม่ได้ตำแหน่งอั้นโส่ว แต่ก็ถือว่าเฉิงชิงที่อยู่อำเภอเดียวกันได้ไป ย่อมรู้สึกมีเกียรติเพราะเหตุนี้ ระหว่างอำเภอก็มีการแข่งขันกัน!
เมื่อเห็นเฉิงชิงแล้วก็กลับคาดไม่ถึง รูปร่างเตี้ย มองแวบเดียวยังเป็เด็กยังไม่โตเต็มที่อยู่เลย จะเรียกว่าเขาสอบผ่านได้ตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำเมืองได้อย่างไร?
เป็เพราะมองรายชื่อจนตาลาย หรือว่าพวกเราตาลายแล้ว?
