“นายไม่รู้เหรอว่าฉันมีแฟนคลับกี่คน?” ฉีลั่วอิ่งพิงกรอบประตู มองประเมินการแต่งตัวของเหยาเข่อเล่อ เขาสวมหมวก แว่นดำ แมสก์ และเสื้อขนเป็ดสีเขียวเข้มที่ห่อทั้งตัวเหมือนกับเกี๊ยว
“ฉันรู้สิ คนที่อยากแต่งงานกับนายมีเกลื่อนกลาดไปหมด เป็ศัตรูร่วมกันของผู้ชาย โอ้! ไม่สิ แฟนบอยของนายก็มีไม่น้อยเลย แต่ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเขาอยากจะแต่งเข้าบ้านนาย หรือแต่งนายเข้าบ้านกันแน่” เหยาเข่อเล่อเดินเข้าไปในห้องอย่างคุ้นเคย วางถุงกระดาษในมือไว้บนโต๊ะกินข้าว ถอดเสื้อขนเป็ดและแมสก์ออก เผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์ “ฉันซื้อไอศกรีมมา มากินด้วยกันเถอะ!”
ฉีลั่วอิ่งปิดประตูแล้วเดินตามเข้ามา เขามองไปยังโลโกสีทองที่ประทับอยู่บนถุงกระดาษครั้งหนึ่ง “ไม่กิน ตอนนี้ฤดูหนาวแล้ว แล้วไอศกรีมก็แคลอรีสูงมาก”
เมื่อได้ยินดังนั้น เหยาเข่อเล่อก็สูดหายใจเข้าอย่างเกินจริง “ไอศกรีมแฮนด์เมดนำเข้าจากอิตาลี รสช็อกโกแลตซอลท์เท็ดคาราเมลคลาสสิกที่มีจำนวนจำกัด ไม่กินจริงเหรอ?”
“ถ้าหน้าฉันบวมเกินไปตอนออกกล้อง ก่อนจะโดนผู้กำกับด่าก็คงถูกเซวียข่ายซินตีตายก่อน”
“ยังไง่นี้นายก็ไม่จำเป็ต้องเข้ากองถ่ายนี่? แล้วก็นะ ผู้จัดการเซวียผู้ยิ่งใหญ่จะกล้าฆ่าบ่อเงินบ่อทองอย่างนายได้ยังไง?”
“นายรู้แล้วเหรอ?”
ฉีลั่วอิ่งเข้าใจแล้วว่าเหยาเข่อเล่อมาหาเขาทำไม
การได้เข้าชิงตำแหน่งจักรพรรดิจอเงินแต่กลับตกม้าตายทุกครั้งก็น่าเศร้ามากอยู่แล้ว ยังต้องมาเสียโอกาสแสดงภาพยนตร์จอั์อีก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดชัดๆ ที่จู่ๆ เหยาเข่อเล่อมาเยี่ยมแบบนี้ก็คงมาเพื่อปลอบใจเขา ระหว่างเพื่อนสนิทไม่จำเป็ต้องอธิบายอะไรมาก เขาเข้าใจ
เหยาเข่อเล่อหุบรอยยิ้มขี้เล่นบนใบหน้าของเขา แต่น้ำเสียงยังคงรักษาความผ่อนคลายเอาไว้ “หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ข่าวด่วนได้ออกมาแล้ว นายจะหยุดยาวเลยไหม? จะไปเที่ยวรอบโลกหรือว่าจะไปพักร้อนบนเกาะดี?”
“เซวียเกอกำลังหางานอื่นให้ฉันแล้ว เขาทำใจให้ฉันว่างได้ที่ไหนกัน?”
“งั้นถ้านายไม่กิน ฉันเอากลับไปกินเองก็ได้” เหยาเข่อเล่อเอื้อมหยิบถุงขึ้นมาด้วยสีหน้าเศร้าใจ
เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น ฉีลั่วอิ่งจึงหยุดมือของเหยาเข่อเล่อไว้แล้วยิ้มกว้าง “วางลงเลย นายอุตส่าห์มาส่งของขวัญด้วยตัวเอง ฉันจะปล่อยให้นายเอากลับไปอีกครั้งได้ยังไง?”
“นายจะกินเหรอ?”
“กินสิ ของที่นายเอามามีครั้งไหนฉันไม่กินบ้าง?”
“อ้วนแล้วอย่ามาโทษฉันนะ”
“ยังไงก็มีเวลาออกกำลังกายทั้งวัน” ฉีลั่วอิ่งยิ้มมุมปากเย้ยตัวเองแล้วยื่นมือไปรับถุงกระดาษ จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องครัว หยิบถ้วยแก้วที่ประณีตสวยงามและที่ตักไอศกรีมออกมา
เหยาเข่อเล่อเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เขาถอดเสื้อคลุมออก ก่อนจะนั่งบนโซฟาพร้อมเปิดโทรทัศน์ สุ่มเลือกรายการวาไรตี้เบาสมองขึ้นมาหนึ่งรายการ
ไม่นานฉีลั่วอิ่งก็ถือไอศกรีมมานั่งข้างๆ เหยาเข่อเล่อ ยื่นถ้วยที่มีไอศกรีมสามลูกให้เขา ส่วนตัวเองเลือกถ้วยที่มีไอศกรีมเพียงลูกเดียว
“ดูเหมือนนายจะอารมณ์ค่อนข้างดีเลยนี่?”
“ที่จริงก็ไม่ได้เป็อะไรอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงฉันหรอก” ฉีลั่วอิ่งตักไอศกรีมเข้าปากไปหนึ่งคำ สัดส่วนของคาราเมลและช็อกโกแลตสมดุลกันมาก ความหอมของคาราเมลปะปนเข้ามาในรสหวาน เมื่อรวมกับความเค็มของเกลือสมุทรที่ช่วยตัดความเลี่ยนแล้วช่างอร่อยจริงๆ
“ฉันไม่ได้เป็ห่วงนาย แค่จะมาดูว่านายร้องไห้จนเป็ลมอยู่ในบ้านหรือเปล่า จะได้ช่วยเรียกรถพยาบาลได้ทันเวลา ทำความดีประจำวัน”
ฉีลั่วอิ่งเหม่อลอย กินไอศกรีมไปได้สองคำก็เริ่มไถโทรศัพท์และโต้กลับอย่างสบายๆ ว่า “ถ้านายอยากทำความดีประจำวัน สู้ช่วยฉันเหมาโรงหนังจะดีกว่า”
“ฉันเคยเหมาไปแล้วโอเคไหม?”
“เหมารอบเดียวจะไปพออะไร? ควรจะเหมาสักสิบรอบ”
“บ้านนายเถอะ! เงินจากน้ำพักน้ำแรงของฉันจะเอามาจ่ายขนาดนั้นได้ยังไง?” เหยาเข่อเล่อกลืนไอศกรีมคำสุดท้ายลงไปแล้ววางถ้วยเล็กลงบนโต๊ะกาแฟด้านข้าง พร้อมเอนตัวมามองหน้าจอโทรศัพท์ของฉีลั่วอิ่ง “นายกำลังดูอะไรอยู่ถึงได้ยิ้มอารมณ์ดีขนาดนี้?”
“อย่างนั้นเหรอ?” ฉีลั่วอิ่งกดล็อกหน้าจอทันที หน้าจอโทรศัพท์ก็เปลี่ยนสีดำ
“ก็ยิ้มตั้งขนาดนั้น ฉันไม่ได้ตาบอดสักหน่อย นายมีแฟนสาวแล้วเหรอ? วางใจเถอะ ฉันเก็บความลับเก่งนะ”
เมื่อกี้นี้ฉีลั่วอิ่งกำลังอ่านโพสต์เก่าๆ ในกลุ่มแฟนคลับแล้วเห็นว่าเดือนก่อนเมิ่งไป๋ไป๋โพสต์ว่าตนไปดูหนังเื่《เนินเขาในหน้าร้อน》สิบรอบแล้ว ดังนั้น เขาถึงพูดเื่เหมาโรงกับเหยาเข่อเล่อได้อย่างคล่องปาก
เหยาเข่อเล่อจ้องฉีลั่วอิ่งแล้วจี้ถามอย่างเอาเป็เอาตาย “ทำไมถึงไม่ตอบ? คงไม่ใช่ว่ามีแฟนหนุ่มใช่ไหม?”
“เป็แฟนคลับที่สนับสนุนฉันมากๆ คนหนึ่ง”
“แฟนคลับผู้หญิงเหรอ?”
คำถามนี้ทำให้ฉีลั่วอิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขาติ๊ต่างว่าเมิ่งไป๋ไป๋เป็ผู้หญิงมาโดยตลอด เพราะอย่างไรแล้วอัตราส่วนของแฟนคลับชายและหญิงของเขาก็มีสัดส่วนเป็หนึ่งต่อเก้า ซึ่งมีผู้ชายน้อยมาก “ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้ถาม”
“พวกนายไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนเหรอ?”
“พวกเราเป็เพื่อนกันทางออนไลน์น่ะ ฉันไม่เคยบอกเขาว่าฉันเป็ใคร” ฉีลั่วอิ่งจงใจเล่าข้ามส่วนที่เขาเข้าร่วมกลุ่มแฟนคลับของตัวเอง เขาไม่อยากโดนเหยาเข่อเล่อหัวเราะเยาะ
เหยาเข่อเล่อเบิกตาอ้าปากกว้างด้วยความอึ้งอยู่หลายวินาที ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมหัวแล้วอุทานเสียงดัง “นายกำลังเดตออนไลน์เหรอ? ก่อนจะเดตกันนายต้องถามเพศของฝ่ายตรงข้ามให้ชัดเจนก่อนสิ! ถ้าไม่ได้เป็อย่างที่คิดขึ้นมาจะทำยังไง? ถึงตอนนั้นแล้วมาร้องไห้ฉันก็ไม่สงสารนายหรอกนะ!”
----------
สภาพจิตใจของสุ่ยเก้ออี้ฟาง : “มีเพื่อนออนไลน์ไม่ได้เท่ากับเดตออนไลน์...”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ทำไมในคอลัมน์เพื่อนของเขาเหมือนจะมีฉันเป็เพื่อนแค่คนเดียว?” (เหงื่อตก)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้