“นี่—นายทำอะไร!”
ในที่สุดฟู่หยิงเสี่ยวก็มีอาการตอบสนอง เธอไม่พอใจมากที่ฉินหลางทำลายแผนที่เธอวางเอาไว้ เธอชี้หน้าฉินหลางพร้อมกับคำด่า “นาย แม่มไม่เคยดื่มน้ำเย็นเหรอ น้ำที่ฉันสั่งนายยังกล้าแย่ง!”
พนักงานเสิร์ฟพูดขึ้นกับฉินหลาง “คุณคะ คุณแย่งเครื่องดื่มของคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง!”
“อะไรนะ? แย่งของคนอื่น?” เห็นได้ชัดว่าฉินหลางรู้สึกไม่พอใจ “ฉันสั่งน้ำเย็นไปั้แ่เมื่อกี้แล้ว รอเธอก็ไม่เอามาเสิร์ฟสักที ตอนนี้เธอเอามาแล้ว ฉันหยิบขึ้นมาดื่ม มันมีปัญหาอะไรเหรอ?”
“แต่น้ำนี่พวกเธอเป็คนสั่ง” พนักงานเสิร์ฟเก็บอารมณ์โมโหก่อนจะพูดขึ้น
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรแซงคิวไม่ใช่เหรอ? ฉันเป็คนสั่งก่อน ฉันก็ต้องได้ดื่มก่อนสิ!” ฉินหลางพูดอย่างมีเหตุมีผล“แล้วอีกอย่างพวกเธอทุกคนล้วนดื่มน้ำฟองเจ็ดสี มีน้ำเย็นแค่แก้วเดียว ฉันนึกว่าน้ำแก้วนี้เตรียมมาให้ฉันซะอีก”
ในขณะที่พนักงานเสิร์ฟกำลังเถียงกับฉินหลางอยู่นั้น เถารั่วเซียงก็ฉวยโอกาสเก็บตัวอย่างน้ำในแก้ว
ทว่าแม้การกระทำของเถารั่วเซียงนั้นจะคล่องแคล่วว่องไว แต่ฟู่หยิงเสี่ยวก็ยังสังเกตเห็นอยู่ดี เกิดความตื่นตระหนกขึ้นในใจเธอทันที พุ่งไปหาเถารั่วเซียงพร้อมกับคำด่า “นี่นังตัวดี นั่นเธอทำอะไรอยู่!”
ในขณะที่ด่า เธอก็ยื่นมือไปเพื่อจิกผมของเถารั่วเซียง ฟู่หยิงเสี่ยวคนนี้สมแล้วที่เป็อันธพาลหญิง ดูเหมือนเธอจะมีเื่วิวาทกับคนอื่นเป็ประจำ ถึงได้ช่ำชองมากทั้งจิกผม ตบหรือข่วนหน้าอย่างไร้กระบวนท่า เพื่อนๆ ในกลุ่มที่เหลือล้อมเข้ามาช่วยทันที อยากอาศัยจำนวนคนที่มีมากกว่ารุมทำร้ายเถารั่วเซียง
เถารั่วเซียงเพิ่งเก็บตัวอย่างใส่หลอดทดลองเสร็จ ก็เห็นฟู่หยิงเสี่ยวที่กำลังยื่นมือจะมาจิกหัวตน เมื่อก่อนเถารั่วเซียงเคยเรียนศิลปะป้องกันตัวมาก่อน ปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย ทำให้เธอคว้าข้อมือของฟู่หยิงเสี่ยว ออกแรงกระชาก แล้วหมุนอย่างสง่า ก่อนที่จะโน้มตัวโค้ง เป็ท่าหมุนตัวเหวี่ยงผ่านไหล่ที่สวยงาม ได้ยินเพียงเสียง “ปัง” ฟู่หยิงเสี่ยวกระแทกกับโต๊ะไม้เล็กเสียงดัง ฟู่หยิงเสี่ยวนอนกองอยู่บนพื้น ร้องโอดโอยด้วยความเ็ป ดูเหมือนว่าเธอลุกขึ้นเองไม่ไหว
“ฉันเกลียดการโดนดึงผมที่สุด!” เถารั่วเซียงสบถด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก เมื่อเธอจัดการกับหัวหน้าผู้หญิงกลุ่มนั้นแล้วคนอื่นๆ ราวกับถูกสะกดด้วยมนตรา ไม่มีใครกล้าลงมือกับเธออีก
ฉินหลางก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นด้วยเช่นกัน แสดงว่าเถารั่วเซียงไม่ได้คุยโวโอ้อวด แต่เธอเคยเรียนศิลปะป้องกันตัวมาก่อนจริงๆ แม้จะไม่ถึงขั้นยอดฝีมือ หากแต่ใช้จัดการกับพวกผู้หญิงอย่างฟู่หยิงเสี่ยว นั้นเหลือเฟือ
“คุณ…คุณคืออาจารย์เถา?” เวลานี้จางเสี่ยวฉิงเพิ่งจะมีสติกับร่องกับรอย มองดูเถารั่วเซียงด้วยความใ
“ยังไม่รีบตามครูออกไปจากที่นี่อีก!” เถารั่วเซียงพูดกับเจียงเสี่ยวฉิง ในเมื่อเธอได้หลักฐานมาแล้ว เถารั่วเซียงก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ต่ออีก เื่ต่อจากนี้ เธอเตรียมจะปล่อยให้เป็หน้าที่ของตำรวจ
“ขวางนังแพศยาคนนี้ไว้!” ฟู่หยิงเสี่ยวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เ็ป “โอ๊ย โอย…จะปล่อยให้มันออกไปไม่ได้!”
เมื่อฟู่หยิงเสี่ยวพูดจบ พนักงานเสิร์ฟก็ะโถีบเถารั่วเซียงทันที พร้อมกับฟาดถาดในมือไปบริเวณท้ายทอยของเถารั่วเซียง ส่วนผู้หญิงที่เหลือก็กระโจนไปยังเจียงเสี่ยวฉิงด้วยเช่นกัน จริงอยู่ที่พวกเขาเกรงกลัวเถารั่วเซียง แต่กับเจียงเสี่ยวฉิงพวกเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
มองกลับมายังฉินหลาง ที่เป็ผู้ชายแท้ๆ แต่กลับถูกมองข้าม!
ปึง!
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ประตูของร้านน้ำปั้นก็ถูกปิดลง เกิดเหตุทะเลาะวิวาทหน้าวิทยาลัยศิลปะไม่ใช่เื่แปลก เพราะเกิดเหตุเป็ประจำอยู่แล้ว ดังนั้นการปิดประตูเพื่อ “เปิดศึก” แบบนี้ก็เกิดเป็ประจำด้วยเช่นกัน ไม่มีใครแจ้งหรอก นอกจากเหตุการณ์จะรุนแรงถึงขั้นเืสาด แขน ขาปลิวว่อนไปทั่ว
“หลิวิ—หว่อรื่อ! พวกนายรีบขึ้นมาช่วยหน่อย…ฉันโดนผู้ชายสถาบันอื่นรังแกแล้ว!”
หัวใจนารีโหดร้ายกว่าอสรพิษจริงๆ ถึงฟู่หยิงเสี่ยวคนนี้จะไม่ได้มีฝีมือที่เก่งกาจ แต่เธอกลับเชี่ยวชาญการใส่ร้ายป้ายสีทำและเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่มาก พวกผู้ชายที่นั่งอยู่ชั้นหนึ่งได้ยินว่ามีผู้ชายสถาบันอื่นมารังแกผู้หญิงสถาบันตนถึงหน้าโรงเรียน ก็รีบพุ่งขึ้นมาด้วยความโมโห ผู้ชายบางคนหยิบขวดแก้ว และเก้าอี้ติดไม้ติดมือขึ้นมาด้วยท่าทีก้าวร้าว
ถ้าดูจากจำนวนคน ฉินหลางกับเถารั่วเซียงเป็ฝ่ายเสียเปรียบโดยสิ้นเชิง
“ฉินหลาง ทำไมยังยืนบื้ออยู่—” เถารั่วเซียงเริ่มจะหมดแรงต้านแล้ว พูดกับฉินหลางอย่างเร่งรีบ “รีบแจ้งตำรวจสิ!”
“แกจะแจ้งความเหรอ!”
นักศึกษาชายวิทยาลัยศิลปะขัดขวางไม่ให้ฉินหลางแจ้งความ วิ่งเข้าไปทางฉินหลาง จากนั้นพุ่งกระโจนในอากาศพร้อมกับยกเท้าขึ้นเตรียมถีบหน้าอกฉินหลาง ด้วยท่าที่ดูค่อนข้างจะอลังการ รุนแรงและโเี้มาก
ถ้าฉินหลางไม่ได้เรียนการต่อสู้มาก่อน โดนลูกถีบนี้เข้าไปเขาต้อง ‘KO’ แน่ ทว่าฉินหลางไม่ได้ไร้น้ำยาขนาดนั้น เพียงชั่วพริบตาก่อนที่ขาของเขาจะกระทบหน้าอกฉินหลางนั้น ฉินหลางได้ก้าวเท้าขวาออกไปหนึ่งก้าว ฐานของฉินหลางมั่นคงราวกับหยั่งรากลึกลงไปใต้ดิน ทันทีที่เท้าของเขากระทบพื้น เกิดเสียง “ปึง” ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งอาคาร ในเวลาเดียวกัน ฉินหลางยื่นมือออกไปจับข้อเท้าเขาไว้เสมือนขาเหยี่ยวเวลาจับเหยื่อ จากนั้นเหวี่ยงตัวหมุนเหมือนเ้าหมอนี่เป็ไม้เบสบอล แล้วจึงปล่อยมือให้นักศึกษาชายที่โชคร้ายคนนี้ ลอยขวางออกไปทางผู้ชายที่กำลังตามมา
เสียงกรีดร้องดังขึ้นทั่วทั้งบริเวณ
ฉินหลางลงมืออีกครั้ง เอาตัวเถารั่วเซียงและเจียงเสี่ยวฉิงมาปกป้องไว้ด้านหลังได้อย่างสบายๆ ทั้งสามถอยไปอยู่อีกห้องหนึ่งบนชั้นสอง ฉินหลางยืนขวางทางเข้าเอาไว้
ซึ่งตอนนี้พวกฟู่หยิงเสี่ยวและเด็กเสิร์ฟทั้งสามคนในร้าน โอบล้อมพวกฉินหลางเอาไว้
“แม่มมม! ใครไม่ดูตาม้าตาเรือมาหาเื่ในร้านของมารดาวะ! รนหาที่ตายรึไง!”
ในเวลานั้น มีเสียงสุดโอหังของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น จากนั้นพวกฟู่หยิงเสี่ยวพูดขึ้น “พี่ชวน”
ไม่นานนัก ก็มีผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่ง สาวน้อยที่คาบบุหรี่ไว้ในปาก ก็เดินออกมา ยืนอยู่ด้านหน้าฟู่หยิงเสี่ยวและพวก ผู้หญิงคนนี้อายุไม่น่าจะเกินยี่สิบ แต่กลับทำให้ฉินหลางรู้สึกเหมือนเธออยู่ในวงการนี้มานานมาก และเธอต้องมีบทบาทดุร้าย โเี้มากๆ ในวงการแน่นอน ‘พี่ชวน’ มองพวกเขาทั้งสามคนด้วยความไม่สบอารมณ์ ก่อนจะบอกกับเจียงเสี่ยวฉิง
“สาวน้อย เธอน่าจะรู้นะว่าฉัน หลินเสี่ยวชวน (พี่ชวน) เป็ใคร และมีนิสัยยังไง ฉันให้เวลาเธอ 5 นาที เดินมาอยู่ข้างๆ ฉันๆ ไม่อย่างนั้น! จะมาหาว่าฉันไม่ทะนุถนอมสาวสวยมาไม่ได้นะ!”
“ฝันไปเถอะ! ฉันจะอยู่กับอาจารย์เถา” แม้เจียงเสี่ยวฉิงจะไม่รู้ความเป็มาของเื่ราวทั้งหมด แต่เธอก็รู้ว่าระหว่างกลุ่มของฟู่หยิงเสี่ยวกับอาจารย์เถาใครเป็คนดีกันแน่ แม้นว่าภายในใจของเจียงเสี่ยวฉิงจะกลัวมาก แต่ดูผิวเผินแล้วยังค่อนข้างนิ่งสงบอยู่
“ได้! นังหนู เธอเป็คนรนหาที่เองนะ!” หลินเสี่ยวชวนจ้องเจียงเสี่ยวฉิงตาเขม็ง ก่อนจะหันมามองเถารั่วเซียงพลางพูดขึ้น “เธอเป็อาจารย์เหรอ? ทำไม อยากจะมาผดุงคุณธรรมในร้านมารดาเหรอ?”
ตอนนี้เองฟู่หยิงเสี่ยวเข้าไปกระซิบอะไรข้างหูหลินเสี่ยวชวน เมื่อฟังแล้ว สีหน้าของหลินเสี่ยวชวนก็เปลี่ยนไป ก่อนจะคว้ามีดพับที่เหน็บอยู่ที่เอวออกมา เปิดมีดออกอย่างคล่องแคล่วพร้อมพูดขึ้น “วางของทั้งหมดที่อยู่บนตัวพวกแกลง ไม่อย่างนั้น มีดของฉันได้สร้างร่องรอยไว้บนหน้าเธอแน่เลย—อาจารย์!”
“พอได้ละ! นังหนูแก่แดด! อย่ามาขู่—ผู้หญิงที่อยู่ข้างตัวฉัน!”
ตอนแรกฉินหลางอยากพูดว่า “อย่ามาขู่ผู้หญิงของฉัน” เพราะคำพูดนี้ฟังดูมีอำนาจกว่า แต่เพราะมีเจียงเสี่ยวฉิงอยู่ด้วย คำพูดนี้มันแรงเกินไป ฉินหลางจึงต้องแก้ไขเล็กน้อย
แม้ว่าหลินเสี่ยวชวนจะเป็เด็กแก่แดดก็จริง แต่เธอเกลียดการถูกมองว่าเป็ “นังหนูแก่แดด” มาก เมื่อได้ยินคำนี้ออกจากปากของฉินหลาง เธอก็พ่นควันบุหรี่ไปยังใบหน้าฉินหลาง แล้วใช้มีดจ้วงไปยังหน้าท้องของฉินหลางทันที
ไม่เสียทีที่หลินเสี่ยวชวนอยู่ในวงการนี้มานาน จิตใจและวิธีการของเธอโเี้มากจริงๆ ด้วย
เถารั่วเซียงกับเจียงเสี่ยวฉิงกรีดร้องด้วยความใ และเป็ห่วงฉินหลาง
ในขณะที่มีดของหลินเสี่ยวชวนเพิ่งแตะโดนเสื้อของฉินหลางยังไม่ทันแทงทะลุ ตัวเธอก็ได้ลอยขึ้นอย่างกะทันหัน กระแทกกับเพดานห้องอย่างจัง ก่อนจะตกกระทบพื้นแรงๆ เธอยังไม่ทันจะได้ร้องโอดโอยก็สลบไปแล้ว
หลินเสี่ยวชวนโดนฉินหลางถีบลอยและนอนสลบไปแล้ว!
ฟู่หยิงเสี่ยวและพวกมองกันตาค้าง เพราะไปสายตาของพวกเธอแล้ว ‘พี่ชวน’ เป็บุคคลที่เก่งกาจมากๆ แล้ว เป็ลูกพี่ใหญ่ของพวกเธอ แต่ไม่คาดคิดว่าจะโดนฉินหลางถีบปลิว สลบในไม่กี่วินาที
ในขณะที่คนเ่าั้กำลังอ้ำอึ้งกันอยู่ จู่ๆ ฉินหลางเอามือขึ้นมาสะบัด ผงสีขาวลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ ปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของฟู่หยิงเสี่ยวและพวก—
ผงสือฮุย?
เถารั่วเซียงตกตะลึง พูดในใจ แท้จริงแล้วเ้าหมอนี่ (ฉินหลาง) เป็ใครกันแน่ แล้วเขาใช้วิธีการที่ต่ำช้าอย่างผงสือฮุยเป็ได้ยังไง