บทที่ 4 นายน้อยปรุงโอสถ
ผู้เฒ่าห้าลู่หงิของตระกูลลู่ น้อยมากที่จะเข้ามามีส่วนร่วมกับตระกูล วันนี้ก็เช่นกัน วงประชุมใหญ่ในศาลบรรพชนครั้งนี้เขาก็ยังคงยืนกรานไม่มาเข้าร่วม
ระดับพลังยุทธ์ของลู่หงิ แท้จริงแล้วอยู่ใน่ปลายขั้นฟันฝ่าเท่านั้น ไม่เพียงแต่อยู่ต่ำสุดในบรรดาผู้เฒ่าาุโทั้งห้า แม้แต่พ่อบ้านผู้เฒ่าหลายคนเขาก็ยังสู้ไม่ได้ ทว่าเหตุผลที่เขาก้าวขึ้นมาเป็หนึ่งในห้าผู้าุโที่มีสถานะสูงส่งได้นั้น ทั้งหมดเป็เพราะเขาคือคนที่สามารถปรุงโอสถขั้นเจ็ดได้เพียงคนเดียวในตระกูลลู่ บางทีเขาอาจจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็คนปรุงโอสถขั้นหกได้ในไม่ช้านี้ เพราะสำหรับตระกูลลู่แล้วการปรุงโอสถวิเศษได้ย่อมถือเป็สำคัญ ดังนั้น ผู้นำระดับสูงในตระกูลจึงไม่ค่อยอยากไปรบกวนเขาสักเท่าไร
แต่จู่ๆ ลู่อวี่ก็คิดจะปรุงยาอายุวัฒนะไท่หยวนขั้นหกขึ้นมา นับเป็เื่ที่น่าใไม่น้อยๆ อีกอย่างสิทธิ์ในการดูแลวัตถุดิบยาอยู่ในมือของลู่หงิมาตลอด ดังนั้นเวลานี้จึงจำเป็ต้องไปหาเขา
จากนั้นไม่นาน ลู่หงจีก็พาลู่หงิ และคนปรุงโอสถอีกสี่คนของตระกูลลู่มายังศาลบรรพชนด้วย
หลังจากที่คนเ่าั้เห็นลู่อวี่เข้า สายตาก็เปี่ยมไปด้วยความโมโหและแสดงออกถึงความดูถูกดูแคลน เดิมทีพวกเขากำลังปรุงยาอยู่ในห้องปรุงโอสถ แต่จู่ๆ ก็ได้ยินว่านายน้อยผู้ไร้ประโยชน์คนนั้น้าจะเปิดเตาหลอมยา อีกทั้งยังเป็ยาอายุวัฒนะไท่หยวนขั้นหกอีกด้วย ก็ถึงกับโมโหเดือดดาลขึ้นมาทันที นับว่าเป็เื่ยากที่ตระกูลลู่จะรวบรวมยาวิเศษมาได้ แล้วยิ่งให้มาทำเสียเปล่าเช่นนี้ มีอย่างที่ไหนกัน
ทันทีที่ลู่หงิเข้ามาก็ะเิอารมณ์พูดออกมาอย่างไม่เกรงใจผู้ใด “หาเื่เก่งนัก! ยาอายุวัฒนะไท่หยวนเป็ความลับของเขาหนิงชุยเฟิงที่ไม่เคยเปิดเผยให้ใครรับรู้มาก่อน มันไม่ใช่เื่ที่เด็กคนหนึ่งจะรู้ได้? ข้าปรุงโอสถมาหลายร้อยปีแล้วเพิ่งจะแตะธรณีประตูของพลังยุทธ์ขั้นหกได้ แล้วเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นเขาจะปรุงยาสำเร็จอย่างนั้นหรือ?”
คนปรุงโอสถลู่เหว่ยเฉินพอจะเข้าใจข้อปฏิบัติของตระกูล และด้วยมีนิสัยค่อนข้างสุขุม รู้ว่าห้ามคนอย่างไรก็ไม่อาจห้ามได้ เขาจึงคว้าตัวลู่หงิไว้ แล้วกล่าวว่า “ท่านลุงสิบหกโปรดอย่าหุนหันพลันแล่น ในเมื่อลู่อวี่ ้าปรุงโอสถก็ให้เขาปรุงโอสถไป ขอแค่พวกเราจับตาดูเป็พอ!”
“พูดไปเรื่อยว่าตนเองสามารถปรุงโอสถขั้นหกได้ ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริง! ข้าปรุงโอสถมานานหลายสิบปีก็ยังอยู่แค่ขั้นแปดเท่านั้น คนไร้ค่าเช่นเขาจะอาจหาญปรุงโอสถขั้นหกได้อย่างไร?” ชายชราอีกคนหนึ่งที่ไว้เคราแพะในบรรดาคนปรุงโอสถพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
“ตัวยาในการปรุงโอสถไท่หยวนมีราคาแพงไม่น้อย จะให้มาทำสิ้นเปลืองเช่นนี้ได้หรือ นายน้อยช่างติดนิสัยเอาแต่ใจเสียจริง”
ลู่อวี่ทำเป็หูหนวกไม่ได้ยินถ้อยคำประชดประชันแฝงไปด้วยถ้อยคำดูถูกของคนปรุงโอสถทั้งหลายที่กล่าวหาว่าเขาเป็ “คนไร้ค่า” เช่นนี้ แต่เพ่งมองใบหน้าของลู่หงิ และพูดออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน “ท่านผู้เฒ่าห้า ข้าจะเปิดเตาหลอมยาแต่ยังขาดผู้ช่วยอีกคนหนึ่ง ไม่ทราบว่าท่านจะยินยอมมาช่วยข้าหรือไม่เล่า”
“อะไรกัน เขาถึงกับกล้าขอให้ผู้เฒ่าห้าเป็ผู้ช่วยปรุงยาเชียวหรือ?”
“ช่างเป็นายน้อย ที่หยิ่งผยองยิ่งนัก!”
ฝูงชนคนตระกูลลู่เริ่มส่งเสียงฮือฮากันขึ้นมาทันที
ลู่หงิจึงพูดด้วยเสียงประชดประชัน “ให้ช่วยย่อมช่วยได้ แต่อีกสักประเดี๋ยวหากการปรุงยาอายุวัฒนะไท่หยวนล้มเหลว ข้าจะคอยดูว่าเ้าจะทำเช่นไรต่อไป!!” ท่านผู้เฒ่าพูดพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป
ลู่อวี่รู้ว่าลู่หงิหมกมุ่นอยู่กับการปรุงโอสถไม่น้อย ทั้งยังมีนิสัยตรงไปตรงมา ฉะนั้นแล้วจึงไม่นึกโกรธการกระทำนั้น และเหตุผลที่เขาขอให้คนผู้นั้นมาช่วย ก็เพียงเพื่อหาโอกาสให้พวกเขาได้สังเกตขั้นตอนการปรุงยาอย่างใกล้ชิด เพราะหากพูดถึงเื่ผู้ช่วยอะไรนั่นแล้ว ตามจริงเขาเองก็ไม่ใคร่้า ดังนั้นจึงพยักหน้าและกล่าวว่า “เช่นนั้นก็มาเริ่มกันเลย!”
อันที่จริงสำหรับลู่อวี่แล้ว การปรุงยาอายุวัฒนะขั้นหกนั้นไม่จำเป็ต้องเตรียมอะไรด้วยซ้ำ เพราะแม้จะมีวัตถุดิบปรุงยายา แต่เขาเองก็สามารถใช้ไฟแท้ในร่างกายปรุงยาในมือออกมาได้
แต่หากทำเช่นนั้นจะทำให้ผู้คนตื่นตระหนกใกันมากเกินไป การที่ร่างนี้หายไปเพียงหนึ่งเดือนแต่กลับสามารถปรุงยาอายุวัฒนะขั้นหกออกมาได้ ก็กลายเป็เื่น่าเหลือเชื่อสำหรับคนเหล่านี้แล้ว และหากเขาใช้ไฟแท้ปรุงยาออกมาในทันที การที่คนเหล่านี้จะไม่สงสัยในตัวตนของเขาคงจะเป็เื่แปลก
ดังนั้นลู่อวี่จึงเลือกใช้วิธีที่ใช้บ่อยและออกจะโง่เขลาที่สุด แต่เขาจะยอมยุ่งยากสักหน่อย และพยายามถ่อมตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ลู่หงิแสดงใบหน้าเ็า เขาหยิบเตาหลอมยาวิเศษออกมาจากแหวนลับและนำมาวางไว้ตรงกลางห้องโถง ทั้งยังจัดวางตัวยาต่าง ๆ เรียงกันบนโต๊ะอีกตัวหนึ่งอย่างเรียบร้อย จากนั้นก็ยืนกอดอกทอดมองวัตถุดิบทั้งหลายด้วยท่าทีเ็าอยู่ข้างๆ เตาหลอมยา
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว ลู่อวี่จึงเดินอย่างใจเย็นไปที่เตาหลอมยา ตรวจสอบดูความสะอาดอย่างถี่ถ้วน จากนั้นจึงสำรวจโครงสร้างของเตาหลอมยาและสิ่งต่างๆ รอบข้าง เพราะเตาหลอมยามีข้อกำหนดที่ละเอียดอ่อนไม่น้อย หากทำพลาดไปเพียงนิดก็อาจลุกลามจนผิดพลาดไปทั้งหมดได้ แต่ต่อให้การปรุงยาจะล้มเหลวขึ้นมา หากจะสิ้นเปลืองยาอันมีค่าไปก็ไม่ว่า หรือหากเกิดเื่ไม่คาดคิดถึงขั้นเตาหลอมยาะเิ อย่างร้ายแรงที่สุดก็เพียงคนปรุงโอสถถูกเตาหลอมยาะเิใส่จนตาย แต่ก็ไม่นับว่าเป็เื่ใหม่อะไร
ลู่หงิเห็นลู่อวี่เตรียมของอย่างคล่องมือเช่นนี้ก็อดพยักหน้ารับเงียบๆ ไม่ได้ คิดไม่ถึงว่านายน้อยจอมเสเพลเ้าสำราญจะยังพอมีความรู้บางอย่างกับเขาเหมือนกัน
หลังจากตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ลู่อวี่ก็ขยับมือประสานอินแล้วจุดไฟขึ้นด้วยมือข้างเดียว จากนั้นก็นำไปจุดด้านล่างเตาหลอมยาให้เปลวไฟลุกโชนและเริ่มอุ่นเตา เื่นี้ก็นับเป็เื่สำคัญมากเช่นกัน หากเตาหลอมยาไม่ได้รับความร้อนที่สม่ำเสมอ ย่อมส่งผลต่อคุณภาพของยาที่ปรุงออกมาไม่น้อย และยังเป็ปัจจัยที่ทำให้คาดเดาได้ว่าการปรุงยาในครั้งนั้นจะสำเร็จหรือไม่
การจุดไฟด้วยหินประเภทนี้กับการปรุงยาอายุวัฒนะไท่หยวน นับว่าเป็วิธีการปรุงยาระดับพื้นๆ ไร้ซึ่งคุณภาพและอาจส่งผลต่อระยะเวลาการปรุงยารวมถึงคุณภาพของยาด้วย แต่ก็เป็เื่ที่ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เขาถ่อมตัวกันเล่า!
ขั้นตอนต่อไปคือการจัดการกับวัตถุดิบยา ซึ่งเป็งานที่ละเอียดอ่อนไม่น้อยเพราะการลงมือปรุงยาที่แตกต่างกัน วิธีการย่อมแตกต่างกันไปด้วย มีบางอย่างจำต้องใช้ความเย็น บางอย่างจำต้องใช้ความร้อน มีที่จำต้องบดเป็ผงก่อนใช้ และมีที่จำต้องตัดเป็ชิ้นๆ ก่อนใส่ลงหม้อปรุงยาด้วย
วิธีการเหล่านี้นับว่าเป็วิธีที่ง่ายที่สุดแล้ว เพราะยังมีตัวยาวิเศษหรือตัวยาขั้นสูงอีกจำนวนมาก ที่จำเป็ต้องใช้วิธีการปรุงยาที่สลับซับซ้อนมากไปกว่านี้ เพื่อดึงเอาฤทธิ์ในการรักษาที่วิเศษที่สุดออกมา
เมื่อวัตถุดิบทั้งหลายเตรียมพร้อม เตาหลอมยาก็ร้อนพอดี
เวลานี้ ไม่เพียงแต่บรรดาคนปรุงโอสถในตระกูลลู่ที่ดูประหลาดใจ แต่ทุกคนในห้องโถงต่างก็แสดงสีหน้าสงสัยเช่นเดียวกัน
ลู่อวี่เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วไม่ขัดเขิน เตรียมการปรุงโอสถเบื้องต้นอย่างเป็ระเบียบและมีแบบแผน ในเวลานี้ เขารู้สึกเหมือนกับเปลี่ยนไปเป็คนละคน ทุกท่วงท่าทุกอิริยาบถเต็มไปด้วยความสง่างาม ซึ่งแตกต่างจากภาพลักษณ์พ่อหนุ่มเสเพลเ้าสำราญราวกับเป็คนละคน ทุกคนจึงอดคาดเดาในใจไม่ได้ หรือว่าบางทีนายน้อยเสเพลผู้นี้อาจจะปรุงยาอายุวัฒนะไท่หยวนออกมาได้จริง?!
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น
เมื่อมาถึงขั้นตอนต่อไปของลู่อวี่ คนปรุงโอสถทั้งหลายต่างพากันจดจ้องไปยังวิธีปรุงโอสถและมองตามจังหวะการเคลื่อนไหวของลู่อวี่โดยไม่รู้ตัว!
ลู่อวี่สะบัดมือดันพลังให้เปิดฝาเตาหลอมยาออก จากนั้นก็ควบคุมพลังแล้วนำวัตถุดิบยาใส่ลงไปในเตาหลอมยาทีละอย่างตามลำดับของตัวยา ลำดับสุดท้ายก็ปิดฝาเตาหลอมยาลง
หลังจากนั้นก็ทำการควบคุมไฟและอุณหภูมิ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในการปรุงยาคือสองสิ่งที่ว่ามานี้นั่นเอง นอกจากนี้ยังจำเป็ต้องปรุงยาให้ได้ความบริสุทธิ์และสกัดออกมาตามคุณสมบัติของพลังจิติญญาที่มีอยู่ในวัตถุดิบยา และต้องคำนึงถึงหลักการสร้างและการข่มของคุณสมบัติทางยาด้วย ทว่าการพูดด้วยปากเปล่านั้นแสนง่าย แต่กระบวนการทำช่างซับซ้อนไม่น้อย ต้องดูว่าเมื่อไรไฟแรง เมื่อไรไฟอ่อน หรือเมื่อไรที่คนปรุงโอสถต้องใช้พลังยุทธ์เพื่อแยกและรวมวัตถุดิบยาในเตาหลอมยา ขั้นตอนนี้จำเป็ต้องควบคุมอย่างละเอียดและต้องแม่นยำไม่ให้แบ่งส่วนต่างกันแม้แต่น้อย ยากเพียงใดแค่คิดก็รู้แล้ว
ขณะที่ลู่อวี่ขยับฝ่ามือ เพื่อถ่ายทอดพลังเวทไม่หยุดอยู่นั้น แสงก็หายวับเข้าไปในเตาหลอมยาแสงแล้วแสงเล่า จึงทำให้เตาหลอมยาสั่นะเืและมีเปลวไฟลุกโชนสลับกันไปมา ในขณะเดียวกันก็สังเกตเห็นดวงตาวาววับฉายแววเป็ประกายของบรรดาคนปรุงโอสถจากตระกูลลู่ ที่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ แม้แต่ลู่หงิเองที่เป็ผู้อยู่ในขั้นสูงสุดในการปรุงยาก็ยังเพ่งมองอย่างใจเต้นเป็ระส่ำ และตัวสั่นไปทั้งตัว แต่กลับไม่กล้าส่งเสียง เพราะกลัวว่าจะรบกวนการปรุงยาของลู่อวี่เข้า
เมื่อเวลาผ่านไป กลิ่นหอมจาง ๆ ก็ค่อยๆ ตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้องโถง ทำให้ทุกคนพลันรู้สึกสดชื่นขึ้นมา และดูเหมือนพลังในกายจะไหลเวียนอย่างซาบซ่านขึ้นมาทันที
เวลานี้ ผู้คนเริ่มเชื่อในสิ่งที่ลู่อวี่พูดแล้ว และรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที หากในตระกูลลู่มีคนปรุงโอสถขั้นหกขึ้นมาจริงๆ แค่คิดก็รู้แล้วว่าจะช่วยเสริมกำลังให้แก่ตระกูลมากเพียงใด
คนที่พยายามวางแผนบีบบังคับให้ลู่เหว่ยจุนสละตำแหน่งก่อนหน้านี้ต่างเปลี่ยนสีหน้าและบังเกิดเป็ความสับสนขึ้นมาทันที นิสัยเดิมของนายน้อยตระกูลลู่นั้นทั้งหยิ่งยโสและชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ แต่ตอนนี้จู่ๆ เขากลับกลายมาเป็คนปรุงโอสถขั้นหกไปได้ ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าเขาจะบ้าคลั่งบ้าพลังเวทเพียงใด หากเกิดคิดแค้นขึ้นมา พวกเขาคงลำบากกันไม่น้อย
คนปรุงโอสถขั้นหกเพียงแค่คนเดียว หากปล่อยให้มีความสำคัญต่อตระกูลมากเกินไป ก็เกรงว่าหากตนเองเสียเปรียบขึ้นมา คงไม่มีใครยืนหยัดต่อสู้เพื่อตัวเองน่ะสิ
จินตนาการได้เลยว่า วันข้างหน้าคงยากที่จะต้านทานไหว!
หนึ่งก้านธูปต่อมา กลิ่นหอมสดชื่นก็ค่อยๆ เข้มข้นขึ้นในอากาศ และสีหน้าของลู่อวี่ก็เคร่งขรึมขึ้นเช่นกัน
ภายในห้องโถงเงียบสงัดทุกคนต่างพากันจดจ้องไปทางเตาหลอมยาอายุวัฒนะไท่หยวน และในเวลาเดียวกันก็คล้ายกับว่าถูกดึงดูดและเผลอชื่นชมการปรุงโอสถที่แสนจะลึกลับและยากจะเข้าใจของลู่อวี่ไปด้วย
ไม่มีใครกล้าส่งเสียงพูดออกมาดังๆ แม้แต่คนเดียวที่ เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนลู่อวี่เอาได้ เพราะหากเป็เช่นนั้นคงทำให้ท่านประมุขและท่านผู้เฒ่าาุโโกรธเกรี้ยวเอาได้แน่
ตอนนี้วัตถุดิบปรุงยาได้หลอมละลายกลายเป็ของเหลวแล้ว แต่ยังไม่ถึงจุดที่จะปรุงออกมาเป็เม็ดยาได้ เพราะยังเหลืออีกขั้นตอนที่สำคัญมากอยู่ นั่นก็คือการสกัดยา
เพราะหากไม่มีขั้นตอนนี้ ทันทีที่ยาอายุวัฒนะไท่หยวนออกจากเตาหลอมยาก็จะกลายเป็พลังปราณสลายไปในอากาศหรือกลายเป็ขี้เถ้าทันที
ขั้นตอนการสกัดยานี้เป็กุญแจสำคัญในปรุงออกมาเป็เม็ดยา ระยะเวลาที่ใช้ไม่คงที่แม้แต่น้อย ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของอาจารย์ปรุงโอสถในการตัดสินใจว่าการสกัดตัวยาจะสิ้นสุดลงเมื่อใด เร็วไปก็ไม่ได้ นานไปก็ไม่ดี คล้ายกับกำลังทดสอบความสามารถในการควบคุมของคนปรุงโอสถไม่น้อย
เพราะมากกว่าครึ่งหากขั้นตอนการสกัดยาล้มเหลว ย่อมหมายถึงการปรุงยาล้มเหลวไปด้วย ถือเป็หนึ่งในเหตุผลที่ว่าเหตุใดคนปรุงโอสถถึงปรุงยาอายุวัฒนะไท่หยวนสำเร็จได้อย่างยากเย็นแสนเข็ญ
แต่ขั้นตอนนี้ของคนปรุงโอสถแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป หากลู่อวี่ใช้ไฟแท้ในการปรุงยา การสกัดยาขั้นตอนนี้ก็สามารถร่นระยะเวลาลงได้ แต่สิ่งนี้เป็เพียงความคิดเห็นของลู่อวี่ปรมาจารย์ปรุงโอสถที่กลับชาติมาเกิดผู้นี้ที่ได้กล่าวไว้ ผู้อื่นจึงไม่มีทางมาเปรียบเทียบฝีมือกันได้ สรุปแล้วคือ หากจะทำได้ย่อมต้องเป็ผู้ที่มีความรู้แตกฉานในด้านโอสถ
เห็นเพียงแขนทั้งสองข้างของลู่อวี่ขยับไปมาคล้ายกับกำลังร่ายรำอยู่ มือประสานสัญลักษณ์ลึกลับและเข้าใจยากอยู่ตลอดเวลา เพื่อควบคุมความร้อนของเตาคล้ายกับกำลังเล่นแร่แปรธาตุอย่างพิถีพิถัน นี่ถือเป็่เวลาสำคัญในการปรุงยาว่าจะออกมาเป็เม็ดยาอายุวัฒนะไท่หยวนได้หรือไม่ และจะได้เม็ดยาทั้งหมดเท่าไร หรือคุณภาพของยาจะมากน้อยเพียงใด จะสำเร็จหรือล้มเหลวล้วนขึ้นอยู่กับ่เวลานี้
ทันใดนั้น ลู่อวี่ก็ยื่นมือขวาออกมาราวกับสายฟ้าฟาด พร้อมกับตบลงไปบนเตาหลอมยา จากนั้นก็มีพลังหนึ่งพุ่งเข้าใส่เตาหลอมยา หลังจากที่หมุนรอบเตาหลอมยาครบหนึ่งรอบแล้ว ก็ดันฝาเตาขึ้น ทันใดนั้นแสงสีเขียวก็พวยพุ่งออกมาทันที กลิ่นหอมเข้มของยาก็แผ่กระจายโดยรอบ
ปรากฏเป็แสงสีเขียวด้วยกันทั้งหมดเจ็ดดวง ทำเอาทุกคนในห้องโถงมองตามจนตาลุกวาวเผลออ้าปากน้ำลายไหลย้อย
“เก็บ!” ลู่อวี่ะโเสียงดัง ทำมือประสานอินจากพลังลมปราณหนึ่งก็พลันก่อตัวขึ้นมาห่อหุ้มตัวยาที่ลอยออกมาจากเตาหลอมยา รวมตัวกันเป็กลุ่มแล้วเข้าไปในขวดหยกที่อยู่ในมืออย่างไม่ไหวติง
“ปรุงยาสำเร็จแล้วหรือ?”
“จะเป็ไปได้อย่างไรกัน! ยาอายุวัฒนะไท่หยวนเป็สมบัติล้ำค่าของเขาหนิงชุยเฟิง เป็ความลับที่ไม่เปิดเผยให้คนภายนอกรับรู้ ทั่วทั้งใต้หล้ามีเพียงาาโอสถผู้าุโผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถปรุงมันขึ้นมาได้”
“คงไม่ใช่ปรุงยามาเตาหลอมหนึ่ง เพื่อหลอกลวงผู้คนใช่หรือไม่?”
“พูดอะไรกัน! เ้าคิดว่าบรรดาผู้เฒ่าและผู้าุโในตระกูลของเ้าตามืดบอดกันหมดหรืออย่างไร?”
“คิดไม่ถึงว่าลู่อวี่จะปรุงยาออกมาเป็ยาอายุวัฒนะไท่หยวนจริงๆ เช่นนั้นแล้วครั้งนี้คงยังจัดการเขาไม่ได้น่ะสิ?”
“ขลาดเขลายิ่งนัก เทียบกับยาอายุวัฒนะไท่หยวนแล้ว ข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้นที่นายน้อยลู่อวี่เคยทำไว้ในอดีต ในยามนี้ยังนับเป็อะไรได้อยู่เล่า!”
“หากมียาอายุวัฒนะไท่หยวนแล้ว ตระกูลลู่ต้องยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขึ้นไปในอีกไม่ช้า!”