“ดี! ดี! ดี!”
หม่าเจินหรูพูดคำว่า ‘ดี’ ติดกันสามคำ เห็นได้ชัดถึงความยินดีในใจของเขาตอนนี้ เอ่ยว่า “สำนักกระบี่์ของเราก่อตั้งมาพันกว่าปีอัจฉริยะแห่งยุคที่ทิ้งชื่อไว้ยังชั้นที่สามของหอกระบี่ได้มีเพียงสิบสองคนหวงเทียน เ้าเป็คนที่สิบสาม ในประวัติศาสตร์สำนัก มีอัจฉริยะแห่งยุคที่ทิ้งชื่อไว้ในหอกระบี่เหมือนกันระยะห่างเวลาที่ใกล้กันที่สุดก็ห่างกันยี่สิบเจ็ดปีั้แ่ปรมาจารย์หลิงทิ้งชื่อไว้ที่หอกระบี่เมื่อหกสิบสามปีก่อนผ่านไปหกสิบปีถึงมีฉู่เฟิงปรากฏขึ้นมา วันนี้เพิ่งผ่านไปสามปีสำนักเรากลับมีอัจฉริยะแห่งยุคผู้ทิ้งชื่อไว้ที่หอกระบี่ขึ้นมาอีกหนึ่งคน ฮ่าๆๆๆดูแล้ว สำนักของเราคงจะได้ต้อนรับยุครุ่งเรือง วันเวลาที่จะผงาดขึ้นมาไม่ไกลแล้วฮ่าๆ...!”
ต่อหน้าคำชื่นชมของหม่าเจินหรูเสวียนเทียนนิ่งสงบ สีหน้าสุขุม ยิ้มเล็กน้อยแม้ว่าจะยินดีอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ถูกมอมเมาจิตใจ หยิ่งยโสทะนงตัวไม่เห็นใครในสายตา
ส่วนหยางติ่งจวิน ตอนนี้ในสมองว้าวุ่นยุ่งเหยิง หลังจากเสวียนเทียนผ่านชั้นที่สามสมองก็เขาก็มีเสียงดัง ‘วิ้งๆ’ ดังขึ้นมา คำพูดที่หม่าเจินหรูพูด หยางติ่งจวินฟังไม่ได้ยินเลยสักคำ
“เป็ไปไม่ได้! เป็ไปไม่ได้! ข้าฝึก ‘ปราณหยางเก้าแปรพิสดาร’ จนถึงขั้นสองแล้วสามเดือนก่อนเขายังพลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าตอนนี้เพิ่งขึ้นชั้นเบิกนภาได้ไม่นาน ข้าจะแพ้เขาได้อย่างไร เป็ได้อย่างไร?”
สัญญาณไม่อยากเชื่อเต็มสมองของหยางติ่งจวิน
หม่าเจินหรูเอ่ยต่อ “หวงเทียน หยางติ่งจวินพร์ของพวกเ้าแม้จะเหนือกว่าคนทั่วไปไปถึงขอบขั้นที่คนธรรมดาทั้งชีวิตยากจะบรรลุถึงได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ยังต้องตรากตรำฝึกฝนเช่นเดิมความพากเพียรและพร์เป็สองปัจจัยสำคัญของความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ์มีเพียงพร์ไม่พอ อัจฉริยะแม้เทียบสัดส่วนแล้วมีน้อย ทว่าั้แ่โบราณมาจำนวนของอัจฉริยะกลับมากดุจขนวัวอัจฉริยะมากมายล้วนเป็ดั่งดาวตกปรากฏขึ้นมาในฉับพลันจากนั้นก็เป็ดั่งดอกไม้ไฟดับหายในพริบตา จมหายไปในทะเลผู้ฝึกยุทธ์อันกว้างใหญ่ ตอนนี้สถานการณ์ของสำนักเราไม่ค่อยดีนัก ใจที่ลอบคิดร้ายต่อสำนักเราของสำนักเทียมเมฆาแสดงออกมาให้เห็นชัดคิดอยากแทนที่สำนักเรา กลายเป็ผู้ทรงอิทธิพลอันดับสองของอาณาจักรเสินเตานี่เป็การต่อสู้ในเงามืดศึกหนึ่ง พวกเราคนรุ่นเก่าก็ได้แต่ช่วยกันรักษาสถานการณ์การต่อสู้ที่แท้จริงคงต้องพึ่งพวกเ้าเด็กรุ่นหลังสร้างชื่อพวกเ้าจงนำเกียรติยศชื่อเสียงมาให้สำนักเราอย่าให้สำนักของเราถูกสำนักเทียมเมฆาทำลายอำนาจ แย่งชื่อเสียงไปจากสำนักเราได้”
เสวียนเทียนผงกศีรษะตอบว่า “ศิษย์จดจำไว้ในใจแล้วจะไม่ปล่อยให้สำนักเทียมเมฆาปีนขึ้นมาทำตัวกำเริบเสิบสานบนหัวสำนักเราแน่นอนขอรับ”
หม่าเจินหรูมองเสวียนเทียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เวลานี้หยางติ่งจวินยังคงจมจ่ออยู่ในโลกของตนเองในสมองมีเพียงเสียงไม่อยากเชื่อ คำพูดของหม่าเจินหรูไม่ได้ฟังเลยสักนิด ปากพึมพำว่า“เป็ไปไม่ได้ข้าไม่มีทางแพ้!”
“เฮ้อ...!”
หม่าเจินหรูถอนหายใจ สายตามองหยางติ่งจวินผิดหวังอยู่มาก เอ่ยว่า “ไป! ออกจากหอกระบี่เสีย!”
เสียงนี้แฝงปราณแท้เบิกนภาะเืแก้วหูของเสวียนเทียนกับหยางติ่งจวินจนเจ็บ ชั่วขณะนั้นหยางติ่งจวินถูกเสียงปลุกให้ตื่นขึ้นมาเห็นหม่าเจินหรูกับเสวียนเทียนเดินลงไปทางชั้นล่างแล้วจึงรีบตามไป
รอเสวียนเทียนกับหยางติ่งจวินตามหม่าเจินหรูออกมาจากหอกระบี่ด้านนอกหอกระบี่ก็มีศิษย์ในไม่น้อยมารวมตัวกันอยู่แล้ว มีถึงหลายสิบคน
ไป๋จั่นเฮ่อ หลินอู๋อิ่ง และหม่าเทากำลังพูดคุยกันอยู่นอกหอกระบี่มีศิษย์ในที่รู้ว่าวันนี้มีศิษย์ในเข้าใหม่จะผ่านหอกระบี่ และเหมือนจะรู้จักกับไป๋จั่นเฮ่อจึงถามทั้งสามคน จนได้รู้ว่าการผ่านหอกระบี่ครั้งนี้ มีถึงสองคนที่ผ่านหอกระบี่ชั้นสองได้ศิษย์ในคนนั้นตกตะลึงยกใหญ่เอาข่าวนี้ไปบอกต่อกับศิษย์ในคนอื่นที่อยู่ตรงลานกระบี่์ทันที
ผู้ที่แรกเข้าสำนักในก็สามารถทะลวงผ่านหอกระบี่ชั้นที่หนึ่งได้มีจำนวนไม่มากประมาณหกส่วน ผู้ที่ทะลวงผ่านหอกระบี่ชั้นที่สองได้ยิ่งน้อยนิดหลายปียากจะพบสักหนึ่งคน
แต่ครั้งนี้กลับมีศิษย์ในเข้าใหม่ถึงสองคนที่ผ่านชั้นที่สองของหอกระบี่ถือเป็ข่าวครึกโครมระดับใดกัน?
แน่นอนว่าย่อมดึงดูดศิษย์ในทั้งหมดบนลานกระบี่์เข้ามาถึงขนาดที่ศิษย์ในช่างเล่าบางคนยังไม่ลืมนำข่าวนี้ไปบอกต่อกับศิษย์ในจำนวนหนึ่งที่ผ่านทางมาบริเวณลานกระบี่์
ดังนั้น รอจนเสวียนเทียน หม่าเจินหรูหยางติ่งจวินสามคนออกมาจากหอกระบี่์ ศิษย์ในก็มารวมตัวกันได้หลายสิบคน
อีกทั้งศิษย์ในบริเวณใกล้เคียงก็รีบพากันมาดูท่า ข่าวเื่ศิษย์ในเข้าใหม่สองคนผ่านชั้นที่สองของหอกระบี่ได้พร้อมกันจะแพร่ออกไปไกลแล้ว
“คารวะผู้าุโหม่า!”
“ผู้าุโหม่า...!”
“ผู้าุโหม่าได้ยินว่ามีศิษย์ในเข้าใหม่สองคนผ่านชั้นที่สองของหอกระบี่ได้ จริงหรือไม่ขอรับ?”
......
......
ผู้าุโหม่าเป็ผู้าุโสำนักในของตำหนักระเบียนที่รับผิดชอบนำศิษย์ใหม่มาหอกระบี่ลงทะเบียนรายชื่อโดยเฉพาะ บรรดาศิษย์ในต่างรู้จักเขาดีเห็นเขาออกมาก็พากันทักทาย
หม่าเจินหรูยิ้มนิดๆพยักหน้าให้กับศิษย์ในทั้งหลายเพื่อยืนยันข่าวนี้ ทำให้ศิษย์ในส่งเสียงอุทานอื้ออึง
“์! เป็เื่จริง!”
“ถึงกับเป็เื่จริง หวงเทียนและหยางติ่งจวินดูแล้วศิษย์ในเข้าใหม่สองคนนี้ ผิดมนุษย์ยิ่งนัก”
“ฮึ! เพิ่งจะเข้าสำนักในชื่อก็วางอยู่ขั้นที่สอง ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขามีความสามารถนี้จริงหรือไม่ รอก่อนเดี๋ยวข้าจะต้องท้าสู้พวกเขา ฮึๆ เอาชนะพวกเขาชื่อของข้าก็ขยับขึ้นไปอยู่บนขั้นที่สองได้”
“ชิผู้อื่นผ่านหอกระบี่ชั้นที่สองได้ ความสามารถจะเป็ของหลอมได้หรือ?”
“ฮึๆ บางทีพวกเขาอาจจะโชคดีหรือวิชาตัวเบาสูงส่ง ไม่แน่ว่าความสามารถจะแข็งแกร่งพวกเราก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง อย่างน้อยก็ครึ่งปีหรือแปดเดือนมากหน่อยก็ปีสองปี ไม่ลองสู้ดู จะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาเหนือกว่าพวกเราจริงๆ?”
“พูดไปก็ถูก หอกระบี่ชั้นที่สองผ่านยากแต่ถ้าเอาชนะพวกเขาได้ก็ทำให้พวกเราขยับอันดับขึ้นไปได้หนึ่งขั้น เป็วิธีที่ดี!”
……
คนที่มามุงดูเื่ครึกครื้นที่ลานกระบี่์โดยส่วนใหญ่เป็ศิษย์ในชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งเป็กลุ่มคนที่ในหมู่ศิษย์สำนักในมีจำนวนมากที่สุดและฐานะต่ำต้อยที่สุด
ศิษย์ในชั้นเบิกนภาขั้นสองเป็คนระดับกลางในหมู่ศิษย์สำนักในจำนวนคนไม่น้อย มีฐานะในระดับหนึ่ง สำหรับศิษย์ในเข้าใหม่ย่อมไม่สนใจอะไรดังนั้นมาน้อยมาก
ศิษย์ในชั้นเบิกนภาขั้นสามเป็กลุ่มคนที่จำนวนน้อยที่สุดฐานะสูงที่สุดในหมู่ศิษย์ใน เวลาส่วนใหญ่ในหนึ่งปีล้วนอยู่ข้างนอกฝึกฝนวิชาเพราะว่าสำหรับผู้ฝึกยุทธ์จำนวนไม่น้อยชั้นเบิกนภาขั้นสามเป็ปลายทางของเส้นทางวิถียุทธ์ของพวกเขาต้องมีโชคบางอย่างมาทะลุเลื่อนชั้นพลังวัตร หรือต้องสำเร็จภารกิจของสำนักได้รับรางวัล ร่ำเรียนวิชาปราณที่ดียิ่งขึ้น ศิษย์ในเข้าใหม่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาสักนิดย่อมไม่มีใครมาร่วมวง
“มากับข้า!”
ตอนที่ศิษย์ในทั้งหลายถกเถียงกันหม่าเจินหรูก็พูดกับพวกเสวียนเทียน
ประตูใหญ่ของหอกระบี่อยู่ตรงข้ามกับทิศตะวันออกทางเหนือเป็ที่ตั้งของตำหนักกระบี่์ รายชื่อศิษย์สำนักในอยู่ที่กำแพงทิศเหนือของหอกระบี่
หม่าเจินหรูนำเสวียนเทียน หยางติ่งจวินไป๋จั่นเฮ่อ หลินอู๋อิ่ง หม่าเทาห้าคน มาถึงด้านล่างของกำแพงรายชื่อ
บรรดาศิษย์ในรู้ดีหม่าเจินหรูจะนำชื่อของพวกเขาจัดขึ้นไปในอันดับรายชื่อศิษย์ในจึงตามไปอย่างพร้อมเพรียง
ชื่อของศิษย์สำนักใน ล้วนสลักไว้บนแผ่นป้ายไม้ทั้งหมดแขวนไว้บนกำแพงทิศเหนือของหอกระบี่ จากบนลงล่าง ทั้งหมดแบ่งเป็สี่ส่วน มีทั้งหมดสี่ขั้น
ขั้นที่หนึ่งมีเพียงสี่สิบกว่าคน จำนวนน้อยที่สุดเป็ศิษย์ที่ผ่านหอกระบี่ชั้นที่สาม ส่วนใหญ่เป็ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสามศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองมีน้อยนิดไม่กี่คนชื่อทั้งหมดแขวนไว้เป็แถวเดียว้าสุดชื่อที่วางอยู่อันดับแรกก็คืออันดับหนึ่งของศิษย์สำนักในเติ้งเฟยที่สองคือหลิงซิงเยว่ สายตาของเสวียนเทียนกวาดมองสิบชื่อแรกของแถวที่หนึ่งทีหนึ่งนี่เป็สิบศิษย์เอกสำนักในของสำนักกระบี่์สายตาหยุดลงที่อันดับที่ห้าชั่วครู่ ชื่อบนป้ายไม้คือ...หยางเทียนจวิน
ขั้นที่สองกลับมีร้อยกว่าคน จำนวนเป็รองเพียงขั้นที่สามชื่อแถวหนึ่งมีราวห้าสิบชื่อ พอแขวนเต็มสองแถว เป็ศิษย์ที่ผ่านหอกระบี่ชั้นที่สองส่วนใหญ่เป็ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสอง ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งมีน้อยนิดไม่กี่คน
ขั้นที่สามก็มีร้อยกว่าคน จำนวนมากที่สุดเป็ศิษย์ที่ผ่านหอกระบี่ชั้นที่หนึ่ง
ขั้นที่สี่มีเพียงสี่ห้าคนเป็ศิษย์ที่ยังไม่ผ่านหอกระบี่ชั้นที่หนึ่ง
มุมล่างขวาของกำแพง มีตู้อยู่หลังหนึ่งด้านในวางแผ่นไม้จำนวนมากไว้
หม่าเจินหรูหยิบแผ่นไม้ออกมาหนึ่งแผ่น สลัก ‘หม่าเทา’ สองคำลงไป แขวนชื่อของ ‘หม่าเทา’ ไว้หลังสุดของขั้นที่สี่
ศิษย์ในที่มาทีหลังอันดับเรียงอยู่ท้ายสุดของทุกขั้น หากคิดอยากเลื่อนอันดับขึ้นสามารถท้าสู้กับศิษย์อันดับก่อนหน้าได้ ถ้าชนะชื่อก็สามารถเลื่อนขึ้นไปก่อนหน้าศิษย์ที่ท้าสู้ได้
ไม่นาน หม่าเจินหรูก็หยิบแผ่นไม้สองแผ่นออกมา สลักชื่อ ‘ไป๋จั่นเฮ่อ’ และ ‘หลินอู๋อิ่ง’ลงไปไป๋จั่นเฮ่ออยู่ก่อนหน้า หลินอู่อิ่งอยู่ข้างหลัง แขวนอยู่ที่ท้ายสุดของขั้นที่สาม
ศิษย์ในที่รุมล้อมอยู่มองไป๋จั่นเฮ่อกับหลินอู๋อิ่งเพิ่มอีกทีหนึ่งเพิ่งเข้าสำนักในก็ผ่านหอกระบี่ชั้นที่หนึ่งได้แล้ว ต่อไปล้วนเป็ยอดฝีมือในระดับขั้นเดียวกัน
หม่าเจินหรูกลับไปที่ตู้ไม้ด้านข้างอีกครั้งหยิบแผ่นไม้สองแผ่นออกมา บนแผ่นไม้สลักชื่อ ‘หวงเทียน’ และ‘หยางติ่งจวิน’ สองคนลงไป
สายตาของบรรดาศิษย์ในลุกโชนขึ้นมานี่เป็ชื่อที่จะแขวนบนขั้นที่สอง นอกจากศิษย์ในชั้นเบิกนภาขั้นสองศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งที่แขวนอยู่บนขั้นที่สองได้ น้อยนิดไม่กี่คนไม่เกินสิบคน
เพิ่งเข้าสำนักในชื่อก็ก้าวข้ามขั้นที่สามกับขั้นที่สี่เกือบสองร้อยกว่าคน มีชื่ออยู่ในขั้นที่สองเกียรติยศนี้ ย่อมทำให้ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งทุกคนตาร้อน อิจฉาริษยา!
ร่างของหม่าเจินหรูทะยานขึ้นบนอากาศชื่อของหยางติ่งจวินแขวนอยู่ท้ายสุดของขั้นที่สอง
เห็นชื่อ ‘หยางติ่งจวิน’ บรรดาศิษย์สำนักในก็สายตาร้อนอิจฉาไม่คลาย พวกเขาอยากให้ชื่อของตนได้แขวนอยู่บนขั้นที่สองมากเพียงไหน แต่คิดก้าวข้ามคนที่อยู่ข้างหน้ายังยากเย็นยิ่งนักจะก้าวข้ามหนึ่งขั้น นอกจากพลังวัตรจะเลื่อนชั้น ไม่เช่นนั้นง่ายเหมือนพูดเสียที่ไหน?
“หืม? ชื่อของหวงเทียนทำไมไม่แขวนขึ้นไปด้วยกัน?”
“หรือหวงเทียนไม่ได้ผ่านหอกระบี่ชั้นที่สอง?แต่ก็ผ่านหอกระบี่ชั้นที่หนึ่งแล้วนี่?”
“นี่มันเื่อะไรกัน?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้