มู่เฟิงถ่มเืในปากออกมาก่อนจะเหยียดยิ้ม เขาจ้องชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำที่กำลังเดินเข้ามา และกล่าวขึ้นอย่างเ็าว่า “เป็หนานหลิงจริงอย่างที่ข้าคิดไว้ ข้าออกมาทำภารกิจเขาคงจับตามองข้าอย่างใกล้ชิดเลยสินะ”
“วางใจเถอะ การตายของเ้าจะไม่มีใครรู้ว่าแน่ว่าเป็ฝีมือของพวกข้า อย่างน้อยผู้คนก็จะรู้สึกทึ่งที่เ้าทำภารกิจชั้นหนึ่งได้สำเร็จ แต่ต้องแลกมากับการจบชีวิตลงที่นี่ ทุกคนจะเข้าใจว่าเ้าตายในภารกิจ"
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำแสยะยิ้ม จากนั้นเขาก็เงื้อดาบขึ้นและกระโจนเข้าหามู่เฟิง หมายจะปลิดชีพอีกฝ่ายในดาบเดียว
“เ้าคิดว่าเ้าจะสามารถสังหารข้าได้จริงหรือ?”
มู่เฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันเย็นะเื ดวงตาสีโลหิตของเขากำลังเข้มขึ้นเรื่อยๆ และตรงหว่างคิ้วของเขาก็ปรากฏสัญลักษณ์สีโลหิตส่องสว่างออกมา ขณะนี้ภายในหัวใจของเขากำลังสูบฉีดพลังสายเือันลึกลับและเก่าแก่เข้าสู่ร่างกายของเขา
“อ๊าก…!”
มู่เฟิงแผดเสียงคำราม เขี้ยวอันแหลมคมงอกออกมาจากปากของเขา ส่วนเส้นผมสีขาวก็พลันเปลี่ยนเป็สีแดงเข้มในทันใด กล้ามเนื้อที่สะบักหลังของเขาเกิดการฉีกขาด จากนั้นก็มีปีกสีโลหิตที่มีความยาวมากกว่าสิบฟุตงอกออกมา
“สายเืชูร่า จงตื่นขึ้น!”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำจ้องมองมู่เฟิงอย่างตกตะลึง เวลานี้รูปลักษณ์ของอีกฝ่ายได้เปลี่ยนไปเป็อย่างมาก ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“เ้าเป็สัตว์ประหลาดอะไรกันแน่?”
ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวด้วยความใ
ระยะห่างที่ไกลออกไปเล็กน้อย หลังได้เห็นฉากนี้ ชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามที่กำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับเสี่ยวเทียนก็ตื่นตะลึงเช่นกัน
“โลหิตต้องห้าม เผาผลาญ!”
มู่เฟิงแผดเสียงคำรามออกมาอย่างดุดัน และในชั่วพริบตานั้น แก่นโลหิตภายในร่างกายของเขาถูกเผาผลาญไปสองหยด โดยแก่นโลหิตเหล่านี้ได้กลายเป็พลังมหาศาลที่หลั่งไหลเข้าสู่จุดตันเถียนกับเส้นลมปราณซึ่งมีพลังสายฟ้าจากอัสนีบาตย่ำแปดทิศคอยหนุนนำอยู่ก่อนแล้ว ทำให้ระดับวรยุทธ์ของมู่เฟิงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง
วรยุทธ์ทะลวงขึ้นสู่ระดับจื่อฝู่ขั้นเก้า!
ทะลวงขึ้นสู่ระดับหนิงกัง!
ระดับหนิงกังขั้นหนึ่ง
วรยุทธ์ของมู่เฟิงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็ทะลวงขึ้นสู่ระดับหนิงกังขั้นสาม
“เ้าบีบให้ข้าต้องเปิดเผยตัวตนออกมาเองนะ เพราะฉะนั้นวันนี้เ้าก็อย่าได้มีชีวิตรอดต่อไปอีกเลย!”
มู่เฟิงที่กลายร่างเป็ชูร่าแสยะยิ้มออกมา ยามนี้สีหน้าของเขามีเพียงความดุร้ายเท่านั้น เพียงเขาก้าวเท้าและกระพือปีก ร่างของเขาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับภาพซ้อน
พรึ่บ!
ในเวลาเพียงชั่วพริบตา ร่างของมู่เฟิงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำแล้ว
เร็วมาก! เร็วจนน่าทึ่ง!
หลังจากมู่เฟิงกลายร่างเป็ชูร่า ทั้งความเร็ว พละกำลัง ความแข็งแกร่งและพลังของเขานั้นก็เพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัว
เปรี้ยง!
เด็กหนุ่มปล่อยหมัดออกไปเต็มแรง หมัดนี้ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังปราณสีโลหิตและประกายสายฟ้า มันพุ่งกระแทกทรวงอกของชายหนุ่มผู้นั้นอย่างแรง
ปัง!
ร่างของชายหนุ่มผู้นั้นปลิวกระเด็นออกไปไกลกว่าสิบเมตร และล้มกระแทกลงบนพื้น เขาเงยหน้ามองมู่เฟิงด้วยสายตาสยดสยอง
มู่เฟิงตวัดหอกจื่อเหลยในมือไปทางอีกฝ่ายทันที ทำให้มีใบมีดสายหนึ่งพุ่งทะลวงออกไปเบื้องหน้า ชายหนุ่มรีบพลิกตัวหลบหลีกอย่างรวดเร็ว ทำให้ใบมีดนั้นฟันลงไปบนพื้นและทิ้งรอยเอาไว้แทน
“เป็ไปได้อย่างไร เหตุใดเพียงชั่วพริบตาเ้าเด็กนี่ถึงทรงพลังขึ้นมาขนาดนี้!”
ชายหนุ่มได้แต่รู้สึกฉงนใจ เขาหยัดกายลุกขึ้นก่อนจะง้างดาบและตวัดมันไปทางมู่เฟิง ลำแสงสีน้ำเงินที่เปี่ยมด้วยรังสีสังหารกวาดออกไปข้างหน้าในทันที
มู่เฟิงยกยิ้มมุมปากก่อนจะกระพือปีก เขาบินทะยานขึ้นไปกลางอากาศหลบหลีกลำแสงของดาบเล่มนั้นได้อย่างง่ายดาย และเวลาเดียวกันนั้นเขาก็เก็บหอกจื่อเหลยกลับคืนไป จากนั้นหยกเทพชูร่าก็ปรากฏขึ้นก่อนจะแปรสภาพเป็ดาบโลหิตชูร่า พลังปราณภายในร่างของเขาหลั่งไหลเข้าไปในตัวดาบที่ถืออยู่ในมืออย่างรวดเร็ว
“เคล็ดวิชาดาบพยัคฆ์หาญ พยัคฆ์คำราม!”
มู่เฟิงฟาดฟันดาบไปยังร่างของอีกฝ่ายในทันที โดยพลังจากดาบนี้ทั้งดุดันและทรงพลังเป็อย่างยิ่ง
“โฮก…!”
เสียงคำรามของพยัคฆ์สายฟ้าสีโลหิตดังสนั่น พร้อมกับภาพที่มันพุ่งกระโจมเข้าหาชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำอย่างดุร้าย
“ฝ่ามือคลื่นถาโถม!”
ชายหนุ่มผู้นั้นส่งตราฝ่ามือทั้งสามที่ซ้อนทับกันออกมาสกัดกั้นอย่างรวดเร็ว ไม่นานตราฝ่ามือทั้งสามก็พุ่งปะทะเข้ากับพยัคฆ์สายฟ้าอย่างรุนแรง
เปรี้ยง…!
พยัคฆ์สีโลหิตฉีกทำลายตราฝ่ามือทั้งสามลงทันที ก่อนจะพุ่งเข้าไปกระแทกร่างของชายหนุ่มผู้นั้นอย่างแรง จากนั้นพลังดาบของมันก็ะเิออกมา
ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก!
คมดาบหลายเล่มเสียบแทงร่างของชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำจนเืของเขาพุ่งกระฉูดไปทั่วร่าง และบนตัวของเขาก็เต็มไปด้วยาแจากของมีคม ผิวกายถูกเฉือน เสื้อผ้าขาดวิ่น ทั้งยังมีกระดูกโผล่ออกมาให้เห็น
ชายหนุ่มผู้นั้นก้าวถอยออกไปสองก้าว ดวงตาของเขาจ้องมองร่างของเด็กหนุ่มที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศด้วยสายตาเหม่อลอย เพียงไม่นานร่างของเขาก็ล้มหงายลงบนพื้น พร้อมกับสัญญาณชีพที่ถูกพรากไป
“หวังเฉิง!”
เมื่อเห็นฉากนี้ ชายหนุ่มอีกคนที่กำลังต่อสู้พัวพันกับเสี่ยวเทียนก็มีสีหน้าซีดลง เขาแผดเสียงร้องเรียกชื่อสหาย ก่อนจะเหลือบมองไปทางมู่เฟิงด้วยสายตาหวาดผวา
“ไสหัวไป!”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามฟาดกระบี่ไปทางเสี่ยวเทียนอย่างหนักหน่วง เขาพยายามจะบีบให้เ้างูั์ตัวนี้หลบออกไป เมื่อสบโอกาสเขาก็หันหลังกลับและวิ่งหนีลงจากูเาทันที
“คิดจะหนีหรือ?”
มู่เฟิงเหยียดยิ้ม เขาจะยอมปล่อยให้คนที่ได้เห็นร่างจริงของเขารอดไปได้อย่างไร เขาไม่รอช้ารีบกระพือปีกบินตามชายหนุ่มที่กำลังจะหนีไปทันที
เมื่อชายหนุ่มผู้นั้นหันกลับมามองและเห็นว่ามู่เฟิงกำลังบินไล่ตามตัวเองมา สีหน้าของเขาก็ยิ่งตื่นตระหนก เขาตัดสินใจขว้างมีดบินจำนวนหนึ่งใส่มู่เฟิง จากนั้นก็วิ่งหนีต่อ
เพียงแค่มู่เฟิงตวัดหอกจื่อเหลย มีดบินเ่าั้ก็พลันกระเด็นออกไปจนหมด
มู่เฟิงถือกระชับหอกในมือ ระยะห่างระหว่างเขาและชายหนุ่มผู้นั้นมีเพียงไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น เด็กหนุ่มจึงเขวี้ยงหอกออกไปทันที
เปรี๊ยะ!
หอกพุ่งทะลวงแหวกอากาศไปยังเป้าหมาย ก่อนจะแทงทะลุต้นขาของชายหนุ่มผู้นั้น ทำให้อีกฝ่ายล้มคว่ำไปในทันที
“อ๊าก…!”
ชายหนุ่มผู้นั้นล้มกลิ้งไปกับพื้น เขาหวีดเสียงร้องออกมาอย่างเ็ป
มู่เฟิงบินร่อนลงมาไม่ไกลจากตำแหน่งของอีกฝ่ายมากนัก เขาเหลือบตามองฝ่ายตรงข้ามอย่างเ็า
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามรีบคลานหนีด้วยความใกลัว มือทั้งสองข้างของเขาดึงหอกยาวออกจากต้นขาของตัวเอง จากนั้นก็ขว้างมันไปทางมู่เฟิง ทว่ามู่เฟิงกลับสามารถสกัดกั้นหอกนี้ได้อย่างง่ายได้ เด็กหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายทีละก้าวอย่างใจเย็น ชายหนุ่มรีบกระถดร่างหนีด้วยอย่างหวาดกลัว
“เ้าเป็ตัวอะไรกันแน่?”
ชายหนุ่มตวาดถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ข้าน่ะหรือ? คือชูร่าอย่างไรเล่า!”
เพียงมู่เฟิงเคลื่อนไหว ร่างกายของเขาก็มาปรากฏขึ้นตรงหน้าชายหนุ่มแล้ว ในชั่วพริบตานั้นกรงเล็บอันแหลมคมก็แทงทะลุหน้าอกของอีกฝ่ายโดยไม่ทันให้ตั้งตัว และในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นะเื
มือของมู่เฟิงกำลังบีบหัวใจของอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็บดขยี้มันจนแหลกคามือ
“ชูร่า...”
ชายหนุ่มผู้นั้นพึมพำกับตัวเอง รูม่านตาของเขาขยายกว้าง ไม่นานลมหายใจก็ถูกพรากไป
หลังจากเขาเสียชีวิตลงแล้ว พลังเืภายในร่างก็ถูกเผาผลาญจนกลายเป็พลังงานสีโลหิตก่อนจะไหลเข้าสู่ร่างกายของมู่เฟิง ไม่นานกรงเล็บและปีกของมู่เฟิงก็ค่อยๆ หดกลับเข้าสู่ร่างกาย กลับคืนสู่สภาพเดิม เด็กหนุ่มทรุดนั่งลงกับพื้นก่อนจะนอนแผ่หลาลงบนพื้นและหอบหายใจอย่างหนัก
“หนานหลิง...”
มู่เฟิงมองไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวขณะพึมพำกับตัวเอง ยามนี้แววตาของเขาเ็าเป็อย่างยิ่ง
ไม่นานเขาก็ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะกลืนเม็ดยาโลหิตลงไป เด็กหนุ่มยังคงนั่งพักฟื้นร่างกายและพลังปราณอยู่บนทางขึ้นลงเขา
เนื่องจากเมื่อครู่เขาใช้เคล็ดวิชาต้องห้ามเผาผลาญแก่นโลหิตของตัวเองไปสองหยด ยามนี้ร่างกายของเขาจึงอ่อนแอเป็อย่างมาก
เวลานี้ไป๋จื่อเยว่กำลังแบกดาบโลหิตชูร่าอันหนักอึ้งของมู่เฟิงออกมาจากหมู่บ้านโจรและเดินลงมาตามทางอย่างเชื่องช้า ในขณะที่เสี่ยวเทียนนั้นก็บินทะยานเข้ามาหามู่เฟิงโดยตรง
ตุบ!
เมื่อมาถึงมู่เฟิง ไป๋จื่อเยว่ก็โยนดาบโลหิตชูร่าลงบนพื้นในทันที ทำให้พื้นเกิดรอยยุบลงตามน้ำหนักของดาบ จากนั้นเขาก็ลงไปนอนเหยียดกายข้างมู่เฟิง แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะกลืนยารักษาอาการาเ็และฟื้นฟูพลังลงไป
“พี่เฟิง ตกลงเ้าสองคนนั้นมีความเป็มาอย่างไรกันแน่?”
ไป๋จื่อเยว่เอ่ยถามขณะนอนแผ่หลา
มู่เฟิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิเพื่อฟื้นคืนพลังปราณตอบกลับอย่างเฉยเมยว่า “หนานหลิงเป็คนส่งพวกเขามา”
“ให้ตายเถอะ ข้าเดาไว้แล้วว่าต้องเป็เ้าสารเลวนั่น สักวันหนึ่งข้าจะฆ่ามันให้จงได้”
ไป๋จื่อเยว่สาปแช่ง
“เราถูกพวกมันจับตามองั้แ่ที่สำนักศึกษาแล้ว ต่อไปเมื่ออยู่นอกเขตสำนักศึกษาต้องระวังตัวในมาก ภายในสองปีนี้ข้าจะต้องสังหารมันให้ได้อย่างแน่นอน ให้เ้าสุนัขเฒ่าหนานห่าวได้ลิ้มรสชาติของการสูญเสียคนที่ตนรักดูบ้าง”
มู่เฟิงหรี่ตาลงขณะกล่าวอย่างเ็า
หลังจากพักฟื้นพลังปราณเป็เวลาสามวัน เด็กหนุ่มทั้งสองก็เข้าไปช่วยเหลือสตรีที่ถูกคุมขังในหมู่บ้านออกมา ด้วยความช่วยเหลือของหยกเทพชูร่า ทำให้แก่นโลหิตที่ถูกเผาผลาญไปสองหยดนั้นได้รับการชดเชยคืนกลับมา เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ขี่สัตว์อสูรมุ่งหน้ากลับสำนักศึกษาในทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้