แน่นอนว่าเซี่ยโม่ไม่ได้เล่าเื่ที่ใช้กระบองไฟฟ้าสั่งสอนคนพวกนั้นให้ซ่งมู่ไป๋ฟัง เล่าเพียงแค่ว่าถูกคนพวกนั้นไล่ตาม และเธอสามารถสะบัดหลุดได้ในภายหลัง
เล่าจบ เธอเงยหน้ามองชายหนุ่ม “พี่ซ่งว่า ฉันควรทำยังไงดีคะ”
ซ่งมู่ไป๋มองเด็กสาวนิ่งก่อนจะพูดว่า “วางใจเถอะ มีฉันอยู่ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการให้ เธออยู่ที่นี่ดูแลน้องชายไป ฉันคงไม่เข้าไปเยี่ยมแล้ว”
พูดจบชายหนุ่มก็หันหลังเดินจากไป ส่วนเซี่ยโม่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ เมื่อครู่พี่ซ่งหมายความว่าจะช่วยเธออย่างนั้นหรือ?
หรือเขามีคนรู้จักในสถานีตำรวจ?
ยังไม่ทันจะได้คำตอบ ได้ยินคุณปู่จ้าวเอ่ยขึ้นมาเสียก่อนว่า “โม่โม่ เรานี่ใจกล้าไม่เบาเลยนะ รู้ว่ามีคนตามทำไมไม่วิ่งมานี่ กลับวิ่งไปที่สถานีตำรวจ”
“อาจารย์ ตอนนั้นฉันไม่รู้นี่คะว่ามีคนสะกดรอยตามอยู่ กว่าจะรู้ตัวก็ไม่ทันแล้ว ทำได้แค่วิ่งต่อไปข้างหน้า โชคดีที่แถวนั้นมีคนอยู่เยอะ ฉันเลยสะบัดพวกนั้นหลุด”
เธออธิบายก่อนจะถามด้วยความสงสัย “อาจารย์ เมื่อกี้พี่ซ่งหมายความว่ายังไงคะที่บอกว่าเดี๋ยวเขาจะจัดการเอง เขาจะช่วยฉันเหรอคะ”
เหล่าจ้าวอายุเยอะแล้ว ประสบการณ์ย่อมมีมากตามอายุ เขามองออกทันทีว่า แววตาที่ซ่งมู่ไป๋มองเซี่ยโม่โม่นั้นเป็ประกายถูกใจ
เขาหัวเราะหึก่อนจะพูดว่า “เด็กโง่ ไม่ต้องห่วงหรอก เสี่ยวซ่งบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าทุกอย่างมีเขาอยู่ เขาต้องจัดการเื่นี้ได้แน่นอน”
เซี่ยโม่ไม่ได้โง่ เมื่อครู่เธอแค่สงสัยเท่านั้น แต่พอได้ยินอาจารย์พูดเช่นนี้เธอก็รู้สึกวางใจ
พี่ซ่งคือผู้ช่วยชีวิตของเธอจริงๆ
ด้านเหล่าจ้าวในเวลานี้คิดในใจว่า เซี่ยโม่อายุยังน้อยเลยไม่รู้เื่พวกนี้ แต่เป็แบบนี้ก็ดี ให้เ้าหนุ่มนั่นรอไปก่อน สองสามปีหลังจากนี้ค่อยว่ากัน
ความจริงแล้ว หากเอาอายุของเซี่ยโม่ในชาติที่แล้วกับชาตินี้มารวมกัน ถือว่าเป็คุณป้าคนหนึ่งเลยทีเดียว
แม้จะเป็เช่นนั้น แต่ในเื่ความรู้สึกเธอกลับเหมือนกระดาษขาว ไม่ได้ทราบถึงความรู้สึกนึกคิดที่ซ่งมู่ไป๋มีต่อตัวเองเลยสักนิด และที่ไม่มีทางคาดถึงแน่ๆ คือ อาจารย์ที่เธอเคารพจะทำตัวเป็พวกชอบกินแตงโม[1]
ราวหนึ่งชั่วโมงกว่า ซ่งมู่ไป๋กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง พร้อมกับขนมและผลไม้
“นี่เป็ของฝากให้เฉินเฟิง ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว หวางหมาจื่อถูกตัดสินจำคุกสิบปีข้อหาขโมยของและทำร้ายจนผู้อื่นได้รับาเ็สาหัส พวกอีกสองคนถูกตัดสินจำคุกห้าปี ส่วนหวางลี่ลี่ แม้ไม่ได้ร่วมลงมือ แต่เนื่องจากเป็คนยุยงส่งเสริมจึงจะถูกส่งตัวไปทำงานเป็เวลาสามเดือน ค่าชดใช้คือเงินสองร้อยหยวนที่ให้มา ภายในห้าวันนี้ก็จะมีหนังสือลงมา”
“ดีจังเลยค่ะ แล้วพวกที่สะกดรอยตามฉันเมื่อเช้าละคะ”
“พวกนั้นถูกตำรวจจับตัวไปแล้ว ถูกจับขังเพื่อเป็การสั่งสอนครึ่งเดือน”
“ดีที่สุดเลย!”
ชายหนุ่มเว้นจังหวะครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “หลังจากพวกนั้นถูกจับตัวไปที่โรงพัก แต่ละคนสภาพดูไม่ได้ ทั้งยังบอกอีกว่าถูกเธอซ้อม”
เธออยากจะหัวเราะออกมาเหลือเกิน แต่ต้องอดทนเอาไว้
ที่แท้คนถูกกระบองไฟฟ้าฟาดจะแข้งขาไร้เรี่ยวแรงนี่เอง สะใจจริงๆ
เธอกลั้นขำ หลบสายตาชายหนุ่มพลางเอ่ยแก้ตัว “พี่ซ่ง ดูแขนขาฉันสิคะ เล็กแล้วก็แห้ง มีเนื้อมีหนังที่ไหน แล้วจะมีแรงไปซ้อมผู้ชายตัวใหญ่ๆ สี่คนได้ยังไง แค่หนีเอาตัวรอดมาได้ก็ไม่เลวแล้ว อย่าไปฟังที่คนพวกนั้นพูดเลยค่ะ”
ซ่งมู่ไป๋เห็นเด็กสาวหลบตาก็รู้ทันทีว่ากำลังโกหก เขาไม่เข้าใจเลยว่าเธอสู้กับผู้ชายตัวสูงใหญ่ร่างกายกำยำสี่คนได้อย่างไร กระบองที่ใช้มันเจ๋งขนาดนั้นเลยหรือ?
แต่ในเมื่ออีกคนไม่อยากบอก เขาก็จะไม่ถาม ไม่อย่างนั้นเด็กสาวจะรู้สึกอึดอัด
“ฉันกับตำรวจก็คิดแบบนี้เหมือนกัน” ซ่งมู่ไป๋พูดเช่นนี้เพื่อให้เด็กสาวสบายใจ
เซี่ยโม่แอบยิ้มอยู่ในใจ คำพูดของเธอบวกกับความช่วยเหลือจากพี่ซ่ง ในที่สุดเื่นี้ก็ผ่านพ้นไปเสียที
“โม่โม่ ต่อไปเธอต้องระวังตัวให้ดี ถ้าเป็ไปได้อย่าไปไหนมาไหนบ่อยๆ หากเจอคนไม่ดีก็ให้วิ่งไปในที่ที่มีคนอยู่เยอะๆ” ซ่งมู่ไป๋กำชับกำชาอย่างเป็ห่วง
เธอรู้สึกซึ้งใจเหลือเกินที่พี่ซ่งเป็ห่วงเธอ
“ต่อไปฉันจะระวังตัวค่ะ”
หลังจากบอกทุกเื่จนครบ ซ่งมู่ไป๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงลังเล “งั้นฉันกลับก่อนนะ”
โรงพยาบาลไม่ใช่สถานที่ที่คนจะมารวมตัวชุมนุมได้ เธอจึงพยักหน้าออกไป “ค่ะ”
แต่พอมองสีหน้าชายหนุ่ม สีหน้าดูไม่ดีอย่างไรไม่รู้
ตอนนี้ถึงค่อยรู้ตัวว่าตัวเองเสียมารยาทแล้ว เธอรีบเอ่ยรั้ง “เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
พูดจบ เซี่ยโม่เดินไปที่ห้องน้ำ เลือกดูในโกดังสินค้าว่าจะให้ของตอบแทนอะไรแก่ชายหนุ่มดี
บุหรี่ที่ให้เมื่อคราวก่อนน่าจะยังไม่หมด วันนี้อีกฝ่ายอุตส่าห์ช่วยจัดการเื่ที่เกิดขึ้นให้ หากไม่มีของตอบแทนก็จะดูไม่เหมาะไม่ควร
ไม่นานเธอหันไปเห็นที่โกนหนวดไฟฟ้า แค่แกะกล่องออก เท่านี้ก็กลายเป็สินค้าที่ไม่ระบุวันผลิต ไม่มีตรารับรอง และสถานที่ผลิตแล้ว ได้ยินว่ายี่ห้อนี้คุณภาพไม่เลว
ตอนพี่ซ่งช่วยจัดการเื่ที่เกิดขึ้นให้เธอ น่าจะต้องไปขอร้องคนไม่น้อย หยิบออกไปให้หลายอันหน่อยดีกว่า
ช้าก่อน ตอนเธอออกมาเมื่อครู่ไม่ได้เอากระเป๋าสะพายออกมาด้วย เช่นนั้นหยิบออกมาสองอันก็พอ ใส่ในถุงผ้าถุงละอัน
หลังจากแกะกล่องออก เซี่ยโม่เอากล่องกลับคืนในโกดังสินค้า ก่อนจะเอาที่โกนหนวดที่อยู่ในถุงผ้าใส่ในกระเป๋าเสื้อนอก
เธอวิ่งกลับออกไปหาซ่งมู่ไป๋ “พี่ซ่ง เมื่อครู่ฉันรีบไปหน่อย เดี๋ยวฉันออกไปส่งนะคะ”
ครั้นซ่งมู่ไป๋เห็นเด็กสาวหลบตา รู้ทันทีว่ากำลังพูดโกหก
เขาคิดพร้อมยิ้มในใจ ไม่รู้ว่าเมื่อครู่อีกคนรีบไปทำอะไรมา
เขากวาดตาสำรวจตัวของเด็กสาว ก่อนจะสังเกตเห็นว่าเสื้อนอกที่เธอสวมใส่อยู่ดูนูนขึ้นมา
เขายกยิ้มมุมปากพลางพยักหน้า “เอาสิ”
ทั้งสองคนเดินออกจากโรงพยาบาล ซ่งมู่ไป๋เดินนำหน้า ส่วนเซี่ยโม่เดินตามอยู่ด้านหลัง
เมื่อมาถึงหน้าโรงพยาบาล ตรงจุดที่ซ่งมู่ไป๋จอดจักรยานทิ้งไว้ เซี่ยโม่ถึงค่อยเอ่ยออกมา “พี่ซ่ง ฉันไม่รู้ว่าพี่ชอบอะไร ครั้งนี้พี่ช่วยฉันเยอะมาก ฉันเลยอยากให้ของเพื่อเป็การตอบแทน พี่ช่วยรับไว้ด้วยนะคะ” จากนั้นหยิบที่โกนหนวดไฟฟ้าออกมา
“ที่โกนหนวดไฟฟ้านี้ใช้ดีมาก หากแบตหมดก็สามารถชาร์จได้”
ซ่งมู่ไป๋รับที่โกนหนวดกับอุปกรณ์มา ดูแล้วน่าจะเป็ของดีราคาแพง ในใจเขาพลันรู้สึกหวานล้ำ เก็บใส่กระเป๋าอย่างทะนุถนอม
“ไม่เลว ฉันชอบมาก”
นี่เป็ของที่เด็กสาวมอบให้แก่เขา เป็ของขวัญที่มีแค่ชิ้นเดียว
“ฉันรู้ว่าพี่ต้องไปขอให้คนรู้จักช่วยถึงจัดการเื่ที่เกิดขึ้นได้ ทำให้พี่ต้องติดหนี้น้ำใจคนอื่น ดังนั้นฉันเลยอยากให้ที่โกนหนวดพี่ พี่จะได้เอาไปเป็ของตอบแทนให้คนคนนั้น” เซี่ยโม่พูดพร้อมกับยื่นที่โกนหนวดอีกอันให้
เขายื่นมือไปรับ ความรู้สึกหวานล้ำที่เคยมีหายวับไปกับตา
ที่แท้ของที่เด็กสาวมอบให้เขาไม่ได้มีแค่อันเดียว!
ความผิดหวังเข้าจู่โจม ซ่งมู่ไป๋รับที่โกนหนวดมาเก็บใส่กระเป๋าด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะพอใจนัก
หนี้น้ำใจอะไรกัน ที่โกนหนวดทั้งสองอันนี้เขาจะเก็บเอาไว้เอง ไม่ให้ใครทั้งสิ้น!
แต่พอเวลาผ่านไป ใจเขาก็เริ่มสงบ
เซี่ยโม่ไม่เข้าใจ ตอนให้ที่โกนหนวดอันแรก สีหน้าพี่ซ่งยังดูดีใจอยู่เลย แต่ทำไมพอเธอยื่นอันที่สองให้ สีหน้าเขาถึงเปลี่ยนเป็ไม่พอใจแล้วล่ะ
เซี่ยโม่ผู้น่าสงสาร แม้จะมีชีวิตถึงสองชาติ แต่ก็เป็โสดทั้งสองชาติ เลยไม่รู้ความคิดของผู้ชาย
แม้จะเคยมีแฟนคือเซี่ยวฉางเซิงในชาติที่แล้ว แต่ทั้งคู่ก็คบกันเพียงผิวเผิน และเป็การคบหาเพราะเด็กหนุ่ม้าหลอกใช้ ต่อมาเซี่ยวฉางเซิงก็ไปแต่งงานกับพี่สาวต่างมารดา
หลังจากปรับอารมณ์ได้แล้ว ซ่งมู่ไป๋เอ่ยถามอย่างเป็ห่วง “เฉินเฟิงต้องนอนโรงพยาบาลกี่วัน”
“เห็นอาจารย์บอกว่าวันมะรืนนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วค่ะ”
“อาจารย์?”
เซี่ยโม่ถึงค่อยนึกขึ้นได้ว่า เธอยังไม่ได้บอกเื่นี้กับอีกฝ่าย
“ก็คือคุณปู่จ้าวนั่นแหละค่ะ ถึงตอนนี้ฉันยังจะไม่ได้กราบท่านเป็อาจารย์ก็ตาม” เธออธิบาย “ตอนนี้คุณปู่จ้าวเป็หมอรักษาเท้าอยู่ที่หมู่บ้านของฉัน ต่อไปเวลาฉันไปเรียนเื่การแพทย์และสมุนไพรกับอาจารย์ก็จะสะดวก”
“ก็ดี เหล่าจ้าวมีความรู้มีความสามารถ เธอไปเรียนกับเขาก็ดี”
เธอพยักหน้า “ค่ะ!”
“เธอใกล้จะเปิดเทอมแล้วใช่ไหม” ซ่งมู่ไป๋พยายามหาเื่มาชวนคุย
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เวลาอยู่กับพี่ซ่งทีไรเธอมักจะพูดทุกเื่ออกมาโดยไม่ปิดบัง “ยังเหลืออีกสิบวันค่ะ รอให้เปิดเทอมเมื่อไร ฉันว่าจะไปสอบข้ามชั้น”
“ทำไมล่ะ” ซ่งมู่ไป๋เลิกคิ้วถาม
------------------------------
[1] ชอบกินแตงโม หมายถึง คนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเื่ชาวบ้าน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้