ตอนที่ 9 ทะลวงสู่ขั้นห้า!
เพียงครึ่งวัน ครอบครัวของอาจารย์ที่สละชีพก็ถูกชู่จื่อหางจัดการเื่อาหารแล้วเรียกรถส่งกลับบ้านเรียบร้อย
ท่านอธิการบดีจางยืนที่หน้าต่างห้องทำงานมองรถแท็กซี่ลับสายตา จึงค่อยละสายตากลับมาในใจรู้ชัดว่าเงินก้อนนั้นต้องออกจากเขาเองทั้งสิ้น
ทั้งสถาบันคือแหล่งเงินของเขา การทุ่มเพื่อสถาบันก็คือใช้ช่องทางให้เกิดประโยชน์เต็มที่
ไม่นานชู่จื่อหางเคาะประตูเข้ามาพร้อมจางลู่หนาทั้งคู่มีสีหน้าลำบากใจ
“ท่านอธิการบดีจาง เราพอเกลี้ยกล่อมครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ชั่วคราวเท่านั้น แต่เงื่อนไขอื่นๆที่ท่านพูดถึงเราทำเองไม่ไหว”
“คนตายไปแล้ว รัฐจะยกเลิกสถานะทันที เงินเดือนตามระบบก็จ่ายต่อไม่ได้”
“เื่กำแพงจารึกวีรชน เราทำได้ ด้านหลังมีที่ว่างเหลือเยอะ”
จางหย่งอันยกมือขัด “รองอธิการ ฟังให้ชัดๆนะไม่ว่าฉันสัญญาอะไรไว้ตราบใดที่ฉันยังอยู่ที่นี่ ยังมีลมหายใจ ทุกคำพูดของฉันล้วนทำได้จริง”
เขาหันมองจางลู่หนา “เธอล่ะ”
จางลู่หนาก้าวขึ้น “ฉันจะช่วยออกด้วยส่วนหนึ่ง เราเป็สหายร่วมทีมกัน”
เหตุการณ์ในวันนั้นทีมทั้งห้าคนพลาดเข้าไปเขตอสูรขั้นสี่ แถวนั้นมีตัวที่แข็งแกร่งอยู่หลายตน ถ้าไม่บังเอิญมีผู้แข็งแกร่งขั้นห้าผ่านมาช่วย เธอเองก็คงไม่รอด
ในแดนต่างเผ่าพันธุ์หากไม่มีถึงขั้นห้าจริงๆ แค่เผลอใจเดียวก็เอาชีวิตไม่รอด
จางหย่งอันนิ่งไปชั่วครู่ก่อนพูดชัด “ฟังฉันนะไปด้วยกันแล้วอย่าประมาทพอ”
สองคนพยักหน้า จำต้องถอยออกไป
ออกจากห้องทั้งคู่เร่งเท้าขึ้นชั้นสามเข้าห้องอาจารย์ที่นัดกันไว้อาจารย์ราวสิบกว่าคนนั่งรอ ล้วนเป็คนที่ช่วยส่งครอบครัวผู้เสียชีวิตกลับเมื่อครู่
“ท่านอธิการบดีจางว่าไงบ้าง” หัวหน้าชั้นปีปีหนึ่งจางเหลียงถามก่อน
ชู่จื่อหางเล่าเนื้อๆ ทุกคำพูด
มีอาจารย์คนหนึ่งขมวดคิ้ว “พูดแล้วทำได้จริงอย่างนั้นเหรอ? ทั้งทรัพยากรให้เด็กๆ ทั้งสวัสดิการอาจารย์ หรือแค่เพียงลมปาก”
อีกคนเสริม “ประวัติเขาเช็กดีแล้วสินะ?”
ชู่จื่อหางถอนใจ “ท่านอธิการบดีจางรับราชการมานานไม่มีเส้นสายเดิมอยู่ขั้นสามสูงสุด ตอนนี้น่าจะขั้นสี่ภารกิจเหรียญกล้าหาญชั้นหนึ่งเป็ความลับ ฉันเปิดดูยิบย่อยไม่ได้และดูท่าไม่ได้มีเงินมาก จะพึ่งกำลังตัวเองขั้นสี่ไปหาทรัพยากรแบบหน่วยล่าอสูรเสียมากกว่า”
หัวหน้าชั้นปีอีกคนหวังจิงจิงส่ายหน้าขั้นสี่ก็จริงแต่สถาบันใหญ่ขนาดนี้ต่อให้เขาหามาได้เดือนละแสนสองแสนเหรียญสหพันธ์ก็ไม่พอหรอกฉันไม่ได้ดูแคลนท่านอธิการบดีจางหรอกนะ แต่เื่ว่านี้มันเป็ไปได้ยาก”
จางลู่หนานึกถึงดวงตาดำสนิทคู่นั้นและน้ำเสียงที่ไม่เปิดช่องต่อรองเธอเอ่ยช้าๆท่านอธิการจางบอกไว้เวลาเท่านั้นจะพิสูจน์เราควรเชื่อเขาสักครั้ง”
บทสนทนาจบลงแบบไม่มีข้อสรุปทุกคนรู้ดีว่าพูดไปก็เท่านั้นต้องรอดูสถานการณ์จริง
ถึงอย่างน้อย วันนี้เขาก็ชนะใจพวกเธอไปอีกก้าวหนึ่งแล้วกับวิธีที่ยืนข้างอาจารย์ที่เสียชีวิตลง
บ่ายวันนั้นจางหย่งอันตระเวนดูห้องฝึกของแต่ละชั้นปี
ในแต่ละห้องไม่มีใครอู้งานทุกคนนั่งเข้าฌานฝึกอย่างเอาเป็เอาตาย
เขายิ้มบางๆแม้พร์ไม่เด่นแต่ถ้าขยันและทรัพยากรมากพอ พลังจะพุ่งเร็วมาก ปัญหาคือต้องใช้เงิน
ไปแดนต่างเผ่าพันธุ์ ฉันต้องรีบแล้ว
ตอนนี้เด็กๆได้โอสถพลังภายในขั้นหนึ่งคนละสามเม็ด วันนี้คือเม็ดที่สอง
แถมเช้าก็พึ่งจ่ายเงินเยียวยาครอบครัวอาจารย์ไป เงินส่วนกลางแทบเกลี้ยงเหลือพอประคองสถาบันให้เดินต่อเท่านั้น
ความจริงแล้ว เขาเร่งรอบแจกโอสถชุดนี้ก็เพื่อยกระดับพลังตัวเองให้พุ่งไวขึ้นจะได้ออกตามหาทรัพยากรได้มากขึ้น
พอหมดรอบนี้ คงต้องให้เด็กๆรอกันระยะเวลาสั้นๆ ระหว่างที่เขาไปหาทรัพยากร
สายตาเขาเหลือบมองแหวนเก็บของเหรียญกล้าหาญชั้นหนึ่งที่นิ้ว ของชิ้นนี้ขายได้หลายสิบล้านแต่จะขายก็ได้แค่คืนพันธมิตรนักสู้และเอาจริง เขาไม่อยากขาย
นี่คือเืเนื้อของสหายห้าสิบกว่าคนที่เสียชีวิตไป
—ยามเที่ยงคืน—
【คิดยอดพลังประจำวัน】
อักษรทองจมหายเข้าร่างกาย คลื่นพลังภายในลูกใหญ่ทะลักเข้าสู่เส้นลมปราณ
วันนี้คือครั้งแรกของโอสถ สรรพคุณแรงเป็พิเศษ
เพียงพริบตา ระดับก็พุ่งทันที
“ขั้นสี่สูงสุด!”
พลังยังสูงขึ้นต่ออีก่ใหญ่ก่อนจะชะลอลง ยังไม่แตะขั้นห้า แต่ระยะก็สั้นเข้าอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าเม็ดนี้ย่อยหมดและรับเม็ดสุดท้ายครบ สูตรนี้ต้องยกระดับเขาทะลวงได้แน่
ใช่ มันเร็วมาก
แน่นอนยิ่งระดับสูงพลังที่ระบบรวบรวมพลังส่งกลับในแต่ละวันอาจไม่พอข้ามขั้นใหญ่ได้ไวแบบนี้เสมอไป
—ผ่านไปอีกสองวัน—
โอสถพลังภายในขั้นหนึ่งเม็ดที่สองเด็กๆ ย่อยหมดทั้งสถาบัน
การได้ทรัพยากรแล้วมันอยู่คนละโลกจริงๆ เห็นสีหน้าแต่ละคนก็รู้ว่าพลังเต็มเปี่ยม
แต่ทุกคนก็ได้ยินข่าว เงินสถาบันเกือบจะหมดคลังโอสถเหลืออีกเม็ดเดียวถ้าปาฏิหาริย์ไม่มาปีนี้อาจไม่มีทรัพยากรเพิ่ม
มือแต่ละคนสั่นตอนรับเม็ดสุดท้ายจะเก็บก็เสียดายแต่พอโดนคำสั่งของท่านอธิการบดีจาง ทุกคนก็กลืนลงแล้วเข้าฌานทันที
ตกดึก อักษรทองผุดขึ้นอีกครั้ง
จางหย่งอันหลับตา สูดลมหายใจ “ขาดแค่นิดเดียว คืนนี้ต้องทะลวง”
แสงทองซึมเข้าร่าง—
เปรี๊ยะ! กระดูกทั้งตัวดังแกร๊กะเืพร้อมกัน
ลืมตาขึ้น รอยยิ้มฉายชัด
“ขั้นห้าต้น!”
—โปรดติดตามตอนต่อไป—