“พี่อวิ๋นเฟย!”
สวี่ชิวเยวี่ยได้ยินเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอ่ยเช่นนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมาทันที บัดนี้ขาก็ไม่เจ็บเอวก็ไม่ปวดแล้ว นางยันตัวกำลังจะลุกขึ้นมาไล่ตาม แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมาหรือรั้งรอเลยแม้แต่น้อย และได้วิ่งตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นที่เยวี่ยเจาหรานอยู่นานแล้ว
“เยวี่ยเจาหราน” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วมองรอบๆ แล้วไม่มีใคร จึงเรียกชื่อจริงของเยวี่ยเจาหรานออกมาโดยตรง หากแต่ยังคงคุมน้ำเสียงเอาไว้บ้าง ไม่ได้พูดดังจนเกินไป
ในมือของเยวี่ยเจาหรานยามนี้ไม่รู้ว่ามีลูกผิงกั่วเพิ่มขึ้นมาลูกหนึ่งั้แ่ตอนไหน สีขาวอมแดง แดงอมชมพู สีสันสวยงามยิ่ง “อืม... หืม?” เยวี่ยเจาหรานกะพริบตามองไปยังเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างเหม่อลอย แล้วเร่งความเร็วในการเคี้ยว ราวกับหากยังช้าอยู่อีกนิด ผิงกั่วลูกนี้จะถูกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วตะครุบไปเหมือนเสือดุมาแย่งอย่างไรอย่างนั้น
“ข้าไม่้าผิงกั่วของเ้าหรอก ไปเถอะ เราขึ้นเขากัน”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกลอกตาใส่เยวี่ยเจาหรานอย่างหงุดหงิดรำคาญ แล้วเอ่ยเช่นนั้น เยวี่ยเจาหรานถึงได้วางใจ แล้วปรับความเร็วของตนลงให้เท่ากับเมื่อครู่ก่อน ซึ่งนับว่าเป็ปกติ
“เื่วุ่นวายของเ้า จัดการเรียบร้อยแล้วหรือ?” เยวี่ยเจาหรานเร่งเดินตรงไปข้างหน้า กระทั่งเทียบเคียงกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่เดินนำข้างหน้าอยู่ตลอดแล้ว จึงผ่อนฝีเท้าช้าลงในที่สุด ผิงกั่วในมือนั้นแทบจะเหลืออยู่แค่เพียงแกนกลาง แต่เยวี่ยเจาหรานกลับยังคงยืนกรานในคุณธรรมพื้นฐาน ‘ห้ามทิ้งขยะเรี่ยราดทำลายสิ่งแวดล้อม’ จึงยังถืออยู่อย่างนั้น
“ข้าว่า ระวังคำพูดของเ้าหน่อย นั่นมันเื่วุ่นวายของข้าหรือ? นั่นมันปัญหาที่เ้าหามาชัดๆ” พูดถึงตรงนี้ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ะเิออกมาด้วยความโมโห นางยกเท้าเตะหินเล็กๆ ลอยไปก้อนหนึ่ง มันลอยไปทางไหล่ของเยวี่ยเจาหรานก่อนพุ่งชนค่อนข้างรุนแรง จนเขาชักจะปวดหัวกับชีวิตขึ้นมา “เจ็บ เจ็บเป็บ้าเลย! ทำอะไรของเ้า!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถอนหายใจยาว แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เ้ายังมีหน้ามาบอกว่าเจ็บอีกหรือ? เ้าไม่เห็นหรือว่าเมื่อครู่สวี่ชิวเยวี่ยก็ตกลงมาก้นจ้ำเบ้าอย่างแรงเลยนะ คนอื่นเขาเป็แค่หญิงสาวตัวเล็กๆ นางไม่เจ็บหรือไร?”
ก้นจ้ำเบ้าอย่างแรง? มันคำศัพท์ใหม่ที่ไปเรียนมาจากไหนกันล่ะนั่น ทำเอาเยวี่ยเจาหรานหัวเราะลั่นออกมาก แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ “ลูกพี่ คำบรรยายของเ้าน่าสนใจยิ่งนัก หัวเราะเสียจนข้าเองก็อยากจะล้มก้นจ้ำเบ้าเหมือนกันเลยทีเดียว แต่ที่นางตกลงมามันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย เ้าจะมาโมโหใส่ข้าทำไม...”
พูดตามตรง เยวี่ยเจาหรานรู้สึกว่าคำบรรยายนั้นน่าสนใจจริงๆ ไม่ต้องถามก็รู้ว่าคงจะเรียนมาจากศิษย์พี่ลึกลับน่าอัศจรรย์ผู้นั้นของนางอีกเป็แน่ หากตนเองมีโอกาสก็อยากจะไปศึกษาเพิ่มเติมด้วยสักหน่อยจริงๆ การเสริมศักยภาพร่างกายพัฒนาฝีมือจนเอาชนะเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วได้หรือไม่นั้นเป็เื่รอง หากสามารถเรียนรู้คำศัพท์รูปแบบใหม่สักเล็กน้อยไว้ประดับกายก็ไม่ได้เสียหายแล้ว
“เ้าอยากจะหกล้มมันยากหรืออย่างไร? ข้าจะทำให้เ้าได้ลิ้มรสเสน่ห์ของก้นจ้ำเบ้าเดี๋ยวนี้แหละ” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรวบมือสองข้างเข้าหากัน ทำเอาเยวี่ยเจาหรานใกลัวจนถอยกรูดไปสามก้าว โยนผิงกั่วในมือทิ้งไปไกลกว่าสิบลี้ทันใด ก่อนจะร้องขอความเมตตาอย่างตื่นตระหนก “ท่านผู้กล้าไว้ชีวิตด้วย! ข้าไม่ได้อยากจะเปลี่ยนก้นใหม่จริงๆ เสียหน่อย”
เยวี่ยเจาหรานยักไหล่ ไม่ได้เอ่ยอะไรมากความอีก กระนั้นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว่นี้ก็สำรวมกิริยาไม่น้อย ไม่ค่อยลงไม้ลงมือกับเยวี่ยเจาหรานแล้วจริงๆ คราวนี้ทั้งสองคนต่างเงียบลง ก่อนได้ยินเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอ่ยอีกครั้ง “ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับเ้าหรือไม่ ข้ามองดูเื่นี้แล้ว น่ากลัวว่ามันคงไม่จบลงง่ายๆ”
เยี่ยนเยวี่ยทั้งสองมองหน้ากัน แล้วพยักหน้าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย สวี่ชิวเยวี่ยนั้นอย่างไรก็อาศัยอยู่ในจวนเยี่ยนมาสักพักแล้ว นางเป็คนเช่นไร เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกับเยวี่ยเจาหรานต่างรู้อยู่แก่ใจไม่มากก็น้อย นั่นเป็ผู้ที่ไม่ควรจะเข้าไปพัวพันด้วย ทั้งยุแยงและใส่ความครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ผู้อื่นกลับไม่อาจจับจุดอ่อนของตนไว้ได้เสียที
“เช่นนั้น เ้าคิดจะทำอย่างไร?”
เมื่อเห็นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนิ่งเงียบ เยวี่ยเจาหรานก็ชิงเอ่ยขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ผู้ที่สวี่ชิวเยวี่ย้าจะฉุดลงมาจริงๆ ก็คือตน เื่ในวันนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าพุ่งเป้ามายังตน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเลย ในมุมมองของเยวี่ยเจาหราน เื่นี้ตนควรจะรับไว้เอง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะดีร้ายอย่างไรตนก็เป็บุรุษผู้หนึ่งเช่นกัน
ถึงแม้ว่าที่ตนสวมใส่อยู่ในยามนี้จะไม่ค่อยเหมือนนัก ทว่าความทระนงองอาจของลูกผู้ชายที่อยู่ภายในนั้นยังไม่ได้สูญสลายหายไป... อ้อ ยกเว้นตอนที่เจอกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ถึงอย่างไรชายชาตรีก็ยอมถอยได้เพื่อไม่ให้เสียเปรียบยามคับขัน ต่อให้มีความองอาจของลูกผู้ชายเองก็ไม่อาจยอมนิ่งให้ตี ไม่หนีไม่หลบหลีกได้หรอกนะ...
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ทำอะไรรวดเร็วเฉียบขาดมาตลอดยามนี้กลับตกอยู่ในความเงียบงัน นางรู้นิสัยของมารดาตนดี จึงเข้าใจกลอุบายของสวี่ชิวเยวี่ย ฮูหยินเยี่ยนนั้นไม่ชอบ ‘เยวี่ยเจาหราน’ ดังนั้น ต่อให้นางจะรู้ว่าเยวี่ยเจาหรานถูกกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็ธรรม ก็ไม่คงไม่ยอมยืนอยู่ข้างเดียวกับเยวี่ยเจาหราน
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหันไปเหลือบมองเยวี่ยเจาหรานเล็กน้อย ในที่สุดก็เอ่ยขึ้น “วันนี้ขากลับจากวัดจินติ่ง ข้าจะส่งเ้ากลับจวนเยวี่ยก่อนก็แล้วกัน”
กลับจวนเยวี่ย?! หลังจากที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอ่ยจบ เยวี่ยเจาหรานก็เบิกดวงตาที่แต่เดิมก็ไม่ได้เล็กนั้นยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก ในนั้นเต็มไปด้วยความสับสนและงงงวยอย่างยิ่งยวด แผนการอะไรอีกล่ะนั่น? หย่าภรรยาเพื่อรักษาชีวิต หรือจะแต่งสวี่ชิวเยวี่ยเป็ภรรยาให้คลื่นลมสงบไปเสียเลย? ทว่าโชคชะตาอันผิดบาปของตนกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วในครั้งนี้ เป็สิ่งราชันผู้นั้นได้ลงตราด้วยพระองค์เอง...
ในหัวของเยวี่ยเจาหรานกำลังเต็มไปด้วยความคิดและจินตนาการมากมายนับไม่ถ้วน จนไม่ทันตอบสนองกับข้อเสนอของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วได้ทัน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ดึงเยวี่ยเจาหรานเอาไว้ อีกทั้งยังจ้องมองดวงตาของเขา แล้วเอ่ยซ้ำอีกครั้งหนึ่ง “เยวี่ยเจาหราน เ้ากลับไปอยู่ที่จวนเยวี่ยก่อนสักสองวันเถิด”
เกี่ยวกับเื่นี้ ในใจของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเองก็มีความคิดของตัวเองอยู่แล้ว อย่างไรเสียสวี่ชิวเยวี่ยก็เป็หลานสาวของฮูหยินเยี่ยน การแบ่งพรรคแบ่งพวกก็ถือเป็ธรรมชาติของมนุษย์
แม้ว่าไมตรีจิตอันน้อยนิดต่อเยวี่ยเจาหรานจะไม่สามารถถ่วงดุลความลำเอียงต่อสวี่ชิวเยวี่ยของฮูหยินเยี่ยนได้ แต่กับตนไม่เหมือนกัน อย่างไรตนก็เป็ลูกสาวแท้ๆ ที่ฮูหยินเยี่ยนตั้งท้องสิบเดือนก้าวผ่านประตูความตายแลกมา...
ดังนั้น การให้เยวี่ยเจาหรานกลับไปหลบภัยอยู่ที่จวนเยี่ยนสักสองวัน สำหรับเยวี่ยเจาหรานก็เป็ที่ลี้ภัยที่ดีที่สุดแล้ว อย่างแรกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจับ ‘คนร้าย’ ไม่ได้ จึงไม่อาจกำหนดโทษของเยวี่ยเจาหรานได้ ตอนที่เยวี่ยเจาหรานกลับมาจวนเยี่ยน ไม่แน่ว่าฮูหยินเยี่ยนที่เป็คนโผงผางลำไส้ตรงอาจจะโยนบุญคุณความแค้นในวันนี้ทิ้งไปแล้วก็ได้ อย่างที่สอง เมื่อเยวี่ยเจาหรานกลับจวนเยวี่ยแล้ว ก็จะกลายเป็การคุมเชิงกันของจวนเยวี่ยและจวนเยี่ยนสองตระกูลไปโดยปริยาย ฮูหยินเยี่ยนเป็คนรู้จักพอประมาณ คงไม่ประจันหน้ากับตระกูลเยวี่ยโดยตรง
ส่วนตนเองจะต้องเผชิญหน้ากับลมมรสุมแบบไหนนั้น? ด้วยความสัตย์จริง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่เคยคิดเื่นั้นเลย
“แต่ว่า...” เยวี่ยเจาหรานยังคิดจะพูดอะไรอีกสักหน่อย แต่ปากกลับโดนเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยกมือขึ้นมาปิดไว้ เยวี่ยเจาหรานกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะทำสีหน้างุนงง
“แต่เต่ออะไรของเ้าเล่า เ้าอยู่กับข้าก็มีแต่ก่อเื่ยุ่งให้ข้าทุกวี่ทุกวัน เ้ากลับไปข้าถึงมีกะจิตกะใจจัดการเื่วุ่นวายน่ารำคาญพวกนี้ได้”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแกล้งทำท่าทางว่าไม่เป็อะไร คิ้วเลิกโค้ง เอ่ยอย่างเรียบเฉย ในที่สุดปากที่น่าสงสารของเยวี่ยเจาหรานก็ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง แต่ก็กลับถูกทักษะการแสดงอันยอดเยี่ยมของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหลอกเข้าให้ “พวกเราเป็คู่หูที่ดีกันมาตั้งนานขนาดนี้ เ้ายังไม่เชื่อใจข้าอีกหรือ!”
เยวี่ยเจาหรานที่ถูกอุดปากจนเจ็บ พูดพลางนวดคลึงกล้ามเนื้อตรงปาก เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเดินไปข้างหน้าอย่างไม่บอกกล่าว พร้อมกับเอ่ยทิ้งท้าย “สามสิบหกกลยุทธ์ วันนี้เ้าใช้วิธี ‘หนี’ ที่เป็สุดยอดกลยุทธ์ให้ข้าดูหน่อยก็แล้วกัน!” [1]
เชิงอรรถ
[1] ในสามสิบหกกลยุทธ์ หนีคือสุดยอดกลยุทธ์ (三十六计,走为上计) ตรงกับสำนวน รู้หลบเป็ปีกรู้หลีกเป็หาง (สามสิบหกกลยุทธ์ มาจาก 36 กลยุทธ์ในตำราพิชัยาซุนจื่อ)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้