หนึ่งในผู้ที่หวังเส้าตงจ้างวานให้ค้นหาชายสวมหน้ากากส่งข้อความมาบอกว่าสามารถใช้เส้นทางลับผ่านป่าเนินเขาเล็ดลอดการปิดกั้นของตำรวจ ไปถึงชายฝั่งทะเลได้
หลังจากผ่านเนินเขาจะมีหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่คนอพยพออกไปแล้วซึ่งมีน้ำทะเลสูงถึงข้อเท้า คนจรจัดที่อยู่ที่นั่นพบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน!
แม้จะไม่ได้ยืนยันว่าชายสวมหน้ากากอยู่ที่นั่น แต่ก็มีความเป็ไปได้ เพราะข่าวเื่พายุฝนกระจายไปทุกที่แล้ว ดังนั้นคนทั่วไปย่อมไม่กล้าอยู่ในหมู่บ้านตามแนวชายฝั่งอีก หรือต่อให้พวกเขาไม่อยากอพยพ ก็จะถูกเ้าหน้าที่บังคับให้ออกไปอยู่ดี
หวังเส้าตงได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นราวกับอยากไปที่นั่นคนเดียว ขณะเดียวกันก็แอบส่งข้อความไปให้คนจรจัดหาตัวชายสวมหน้ากากและฆ่ามันทิ้งเสีย จากนั้นโยนศพมันลงทะเลไป ด้วยสภาพอากาศเช่นนี้ รับรองว่าจะไม่มีใครรู้เื่นี้แน่!
ในเวลาเดียวกัน เซียวเยว่ในชุดกระโปรงสีแดงก็ลุกขึ้นและเดินตามหวังเส้าตงไป เหลือแค่หลินซือฉิงและเซียวฉี่ที่อยู่ในห้อง ทั้งสองสาวไม่ได้ไปด้วยเพราะรู้ว่าพวกเธออยู่ภายใต้การจับตาดูของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ บางทีอาจออกนอกเขตเมืองเซี่ยงซานไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“พี่เยว่ ระวังตัวด้วยนะ”
เมื่อเซียวฉี่เห็นพี่สาวของเธอตามหวังเส้าตงไปก็อดกังวลใจไม่ได้ แค่มองผ่านๆ ก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไร แล้วเซียวเยว่จะตามเขาไปโดยลำพังงั้นหรอ?
“ไม่ต้องห่วง” รอยยิ้มของเซียวเยว่ฉายแววมั่นใจ
หลินซือฉิงและเซียวฉี่มาที่นี่เพราะ้าพบชายสวมหน้ากากและพาเขากลับไปอย่างปลอดภัย แต่หวังเส้าตงและเซียวเยว่ไม่ได้คิดเหมือนพวกเธอ หวังเส้าตง้าสังหารชายสวมหน้ากาก ขณะที่เซียวเยว่ไม่้าให้ชายสวมหน้ากากมีโอกาสเข้าใกล้เซียวฉี่แม้เพียงครึ่งก้าว…
หวังเส้าตงและเซียวเยว่นำอุปกรณ์ออฟโรดเช่นไฟฉายและอื่นๆ สำหรับใช้เวลากลางคืนมารวมไว้ด้วยกัน พวกเขาตัดสินใจไปชายฝั่งทะเลให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็ไปได้
“พวกเราหาทางกันเองดีกว่านะ” หลินซือฉิงกระซิบบอกเซียวฉี่ ชายสวมหน้ากากสำคัญสำหรับพวกเธอมาก และตอนนี้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็ไม่มีเวลาตามหาเขา สองสาวจึงได้แต่พึ่งตัวเอง
สำหรับหวังเส้าตงและเซียวเยว่ แน่นอนว่าหลินซือฉิงไม่เชื่อว่าทั้งคู่จะช่วยหาตัวชายสวมหน้ากากอย่างสนิทใจ
เซียวฉี่พยักหน้า และแล้วทั้งสองคนก็เริ่มคิดแผนของพวกเธอเอง…
่เวลาสั้นๆ ในร้านอาหารอีกแห่งหนึ่ง หลังจากเย่เวิ่นเทียนและซูเมิ่งหานกินอาหารเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งทะเลทิศใต้
สำหรับเย่เวิ่นเทียน ถึงซูเมิ่งหานจะติดสอยห้อยตามเขาไปด้วย แต่การฝ่าเขตปิดกั้นของตำรวจก็ยังเป็เื่ง่ายสำหรับเขาอยู่ดี
…………
เวลานี้ เย่เฟิงสามารถสร้างร่างหยินเสินออกมาได้สำเร็จ ร่างเทียมนี้มีจิตหยั่งรู้เช่นเดียวกัน ชายหนุ่มสามารถควบคุมอย่างง่ายดายและรับรู้เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นรอบๆ ร่างเทียมนี้ รัศมีการตรวจจับของร่างเทียมถือว่าเล็กมาก มันสามารถรับรู้สถานการณ์ได้ในระยะเพียงสิบเมตร แต่นั่นก็มากเกินพอ
หลังจากสร้างร่างเทียม เย่เฟิงก็ตรงไปยังสถานที่ซึ่งาาปะการังเติบโต ขณะมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย น้ำทะเลก็กลายเป็เย็นจนแสบกระดูกพร้อมกับคลื่นใต้น้ำกดดันรุนแรง แม้เขาจะใช้เคล็ดวิชาเต่าัอุดลมปราณ แต่ก็ยังได้รับผลกระทบจากความหนาวเย็นอยู่ดี มันทำให้จินตนาการได้เลยว่า เมื่อหลงโม่หรานและคนอื่นๆ ะโลงทะเล จะพบกับอุปสรรคที่ร้ายแรงเพียงใด
‘หนาวจริงๆ ใกล้ๆ ก้นทะเลต้องเกิดเหตุการณ์ผิดปกติบางอย่างแน่ รอให้ได้าาปะการังมาเมื่อไร เราค่อยไปดูให้แน่ใจ เป็ไปได้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับอาจารย์...’ เย่เฟิงคิดในใจขณะว่ายน้ำไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็ว
ที่ก้นทะเล คลื่นใต้น้ำปั่นป่วนมาก นอกจากนี้เศษน้ำแข็งแหลมคมที่กระจัดกระจายไปทั่วทำให้ฝูงปลาแตกฮือหลายครั้ง ปลาตัวไหนที่หลบไม่พ้นก็จะถูกเศษน้ำแข็งผ่าออกเป็สองส่วนทันที
เย่เฟิงเป็เพียงคนเดียวในที่แห่งนี้ที่ไม่จำเป็ต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆ ของนักดำน้ำ ขณะที่คนอื่นๆ รวมทั้งหลงโม่หรานจำเป็ต้องใส่อุปกรณ์ดังกล่าวก่อนลงทะเล ต่อให้รวมเวลาในการกลั้นหายใจของกลุ่มผู้ฝึกวรยุทธ์ทั้งหมดที่มา ก็ยังไม่อาจเทียบกับเวลากลั้นหายใจของเย่เฟิงได้ สิ่งนี้คือความสุดยอดของเคล็ดวิชาเต่าัอุดลมปราณ
ใต้ทะเลแสนมืดมิด มองเห็นแค่แสงเรืองรองของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลเพียงบางครั้ง ระยะการตรวจจับของจิตหยั่งรู้ถูกลดลงครึ่งหนึ่ง ดังนั้นเย่เฟิงในตอนนี้จึงสามารถรับรู้สิ่งต่างๆ ได้ในระยะเพียงห้าสิบเมตร ไม่นานนักชายหนุ่มก็ััได้ถึงสิ่งแปลกปลอมบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจเขา
แม้จะยังไปไม่ถึงที่ตั้งของาาปะการัง แต่ก็สามารถเห็นอุปกรณ์ซับซ้อนบางอย่างถูกติดไว้ทั่ว ความจริงมันคือกล้องตรวจจับใต้น้ำที่ถูกติดตั้งอยู่ในพื้นที่แห่งนี้นั่นเอง
หากใครเข้าไปใกล้าาปะการัง คนๆ นั้นจะถูกพบโดยเหล่าผู้ฝึกวรยุทธ์ทันที!
ถึงคนเ่าั้จะเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักเทคโนโลยีสมัยใหม่ กลับกันพวกเขาช่ำชองเื่เทคโนโลยีมากกว่าคนปกติด้วยซ้ำ
เย่เฟิงไม่ได้ลงมือทันที เขามองไปรอบๆ อย่างระมัดระวังและพบกล้องตรวจจับแบบเดียวกันนับสิบอันถูกติดตั้งอยู่ในถ้ำใต้ทะเล บนดิน และสถานที่แอบแฝงอื่นๆ
ถ้าชายหนุ่มเป็เพียงคนธรรมดา ย่อมไม่อาจพบกล้องตรวจจับเหล่านี้ แต่เพราะเป็ผู้ฝึกวิถีเซียนซึ่งมีจิตหยั่งรู้ กล้องพวกนี้ไม่อาจหลุดรอดการรับรู้ของเขาได้
‘อืม มีกล้องหลายตัวถูกทำลายโดยเศษน้ำแข็งในคลื่นอันปั่นป่วน ถ้าเราเคลื่อนที่ช้าๆ ก็น่าจะทำลายกล้องที่เหลืออยู่โดยไม่ให้คนสงสัยได้!’ เย่เฟิงพลันบีบอัดพลังชี่เป็กระบี่สีทอง น่าเสียดายที่ใต้ทะเลอันมืดมิดแห่งนี้ตลอดจนสภาพอากาศที่เลวร้าย ทำให้น้ำทะเลขุ่นมัวแทบทั้งหมด แม้แต่แสงสีทองของกระบี่ก็ไม่อาจส่องสว่างออกไปได้ไกล
ฉัวะ… ฉัวะ… ฉัวะ…
กล้องใต้น้ำราคาสูงทั้งหลายถูกทำลายด้วยกระบี่สีทอง!
คลื่นใต้น้ำยังคงปั่นป่วนพร้อมพัดพาเศษน้ำแข็งเล็กๆ มาด้วย เขาไม่รู้ว่าเศษน้ำแข็งเหล่านี้ลอยมาจากไหน เพราะมันไม่เพียงมีจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ยังมีขนาดเล็กมากอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เอง การที่กล้องตรวจจับถูกทำลายจึงถือเป็เื่ปกติ ต่อให้มีคนคอยเฝ้าหน้าจอตลอดเวลาและรู้สึกสงสัย พวกเขาก็ไม่มีทางสาวมาถึงเย่เฟิงได้
หลังจากใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อทำลายกล้องตรวจจับใต้น้ำจนหมด เย่เฟิงก็แหวกว่ายเข้าไปหาาาปะการังอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึง กลุ่มปะการังสีแดงพลันปรากฏในการรับรู้ของเย่เฟิง ทำให้เขาใเล็กน้อย
‘มันไม่ได้มีแค่าาปะการัง แต่ยังมีปะการังเล็กๆ ด้วย!’
ใจกลางกลุ่มปะการังคือาาปะการังส่องสว่างและอุดมไปด้วยพลังิญญา รอบๆ มีกลุ่มปะการังต้นเล็กๆ กระจายมากมาย ถ้าได้ดูดซับมันล่ะก็ จะเพิ่มระดับวรยุทธ์ได้หนึ่งถึงสองปี!
ก่อนหน้านี้ เย่เฟิงกังวลเกี่ยวกับซูเมิ่งหาน หนานฟาง และเตาปาเล็กน้อย เพราะพวกเขาไม่มีสิ่งใดช่วยเพิ่มระดับพลังลมปราณเลย แต่เขากลับเจอสถานที่ที่น่าใโดยไม่คาดคิด
“อืม พวกนั้นเริ่มลงมือแล้วหรือ?”
ในเวลานี้ ร่างเทียมของเย่เฟิงััได้ถึงกลุ่มผู้ฝึกวรยุทธ์รวมทั้งหลงโม่หราน หลังจากเตรียมตัวอยู่นาน ในที่สุดแต่ละคนก็สวมชุดดำน้ำรวมถึงอุปกรณ์ และะโลงทะเลเพื่อเตรียมแย่งชิงาาปะการังต้นนี้ ผลก็คือเย่เฟิงที่สวมหน้ากากซึ่งซ่อนอยู่ใต้ทะเลถูกคนพวกนั้นพบเข้าแล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้