พอซีติ้งหลุดคำนี้ออกมา สยงเกอซึ่งล้มอยู่ที่พื้นก็เริ่มด่าทอสาดเสียเทเสีย "ไอ้ลูกไม่มีแม่สั่งสอนซีติ้ง เป็เ้าแล่นมาหาพวกเราถึงเต้าจื่อหลิ่งเองแท้ๆ ยังคิดบิดพลิ้ว"
"ไม่ใช่ข้า ข้าไม่รู้จักพวกเขา ผู้าุโ ท่านอย่าไปฟังพวกนั้น ขะ... ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น" ซีติ้งยังยืนกรานไม่ยอมรับ
"บิดาจะตีลูกสุนัขอย่างเ้าให้ตาย ขุดหลุมให้พวกเราะโลงไป ยังไม่กล้ายอมรับ" สยงเกอตะกายลุกขึ้นมา คิดจะกระโจนใส่เขา
"อูหลันฮวา ลงมือ คนเดียวก็อย่าให้รอดไปได้ รวมถึงเ้าซีติ้งนั่นด้วย" เหลียนเซวียนคร้านจะสนใจเสียงสุนัขกัดกัน จึงให้สัญญาณอูหลันฮวาให้เร่งจัดการโดยเร็ว
"เ้าค่ะ หลางจวิน" อูหลันฮวาหยิบท่อนไม้ ฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันขาว เดิมตรงเข้าหาคนกลุ่มนั้น
"อ๊าก"
"อ๊ากๆ"
"อ๊ากๆๆ"
เสียงร้องโหยหวนเสียงแล้วเสียงเล่าดังขึ้นต่อเนื่อง หมู่บ้านซึ่งเดิมทีอยู่ในความมืด ก็เริ่มจุดตะเกียงทีละบ้าน
พวกชาวบ้านต่างจ้องอูหลันฮวาตีชายร่างใหญ่กลุ่มใหญ่จนแขนขาหักตาไม่กะพริบ
รู้สึกหนาวเยือกไปทั้งแผ่นหลัง
ต่อไปควรอยู่ให้ห่างจากเด็กคนนี้จะดีกว่า ช่างโหดร้ายยิ่งนัก
เสียงร้องโหยหวนดังระงมไปทั่วเรือน อาเหลยใหวาดกลัว สองมือกอดต้นขาของเซวียเสี่ยวหรั่นไม่ปล่อย
เซวียเสี่ยวหรั่นลูบหัวของมันพลางปลอบประโลมเบาๆ
ซีต้าเฉียงลากเกวียนมาด้วย หลังจากจับคนจากเต้าจื่อหลิ่งทั้งหมดขึ้นไป ก็ถือคบไฟสว่างไสวมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านเต้าจื่อหลิ่งพร้อมกับชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่ง
ส่วนซีติ้งตัวการก่อเื่ก็ถูกหามไปส่งบ้าน ส่งเสียงร้องโอดครวญมาตลอดทาง
ในที่สุดเรือนหลังน้อยก็กลับมาสู่ความสงบเรียบร้อย
กลุ่มเมฆที่บดบังพระจันทร์เสี้ยวลอยไปไกลแล้ว แสงจันทร์สุกสกาวทอแสงลงมาบนผืนป่า
"หลันฮวา เ้าไม่เป็อะไรนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นเข้ามาหาอูหลันฮวา เธอเห็นอูหลันฮวาะโลงมาจากต้นไม้สูงมาก
"ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ข้าสบายดี" อูหลันฮวายิ้มตาหยี มีชัยชนะทั้งที อารมณ์ย่อมเบิกบานเป็พิเศษ
"ฮ่าๆ ไม่เป็อะไรก็ดี" นี่คือนักสู้ชั้นดี เซวียเสี่ยวหรั่นยอมรับหมดใจ
"พ้นคราวนี้ไปคงไม่มีใครกล้ามาลองดีกับพวกเราอีกแล้ว" อูหลันฮวาหยิบไม้กระบองที่โยนทิ้งไปด้านข้างขึ้นมาควงเสียงดังวืดๆ
"ดึกมากแล้ว พักผ่อนเถอะ มีอะไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน"
เหลียนเซวียนเหลือบมองไปที่ต้นไม้ใหญ่ด้านนอก เด็กนั่นซ่อนตัวอยู่บนนั้นนานแล้ว ทั้งยังควบคุมลมหายใจได้นิ่งมาก
"อื้อๆ ควรนอนเสียที เคี่ยวกรำมาครึ่งวัน ง่วงจะตายอยู่แล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นหาวหวอด ถ้าเป็ปรกติเธอก็หลับไปนานแล้ว "หลันฮวา อย่ามัวแต่ร่ายรำอยู่เลย ไปนอนเถอะ"
"เ้าค่ะ" อูหลันฮวายิ้มพลางรับคำ "ข้าจะเอากระบองไปเก็บก่อน แล้วจะแวะไปล้างมือด้วย"
นางไปห้องครัว เซวียเสี่ยวหรั่นเดินไปหาเหลียนเซวียนยกมือประคองแขนของเขา
เหลียนเซวียนเหลือบมองปราดหนึ่ง "ไม่ต้อง ข้าเดินเองได้"
พูดจบก็จับไม้เท้าเดินกลับห้องของตนเอง
"เมื่อครู่ท่านซัดลูกดอกสองครั้ง คงจะเหนื่อยมากแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นกลับดึงดันจะประคองเขาให้ได้ หันไปเรียกอาเหลยกลับห้องนอน
เหลียนเซวียนมุมปากกระตุก พิษเ้ากรรมถอนออกไม่ได้ เขาเองก็เบื่อหน่ายจุดนี้เต็มทน
ตะเกียงน้ำมันที่จุดสว่างถูกเป่าดับ เรือนหลังน้อยกลับคืนสู่ความสงัดเงียบยามราตรีอีกหน
ผ่านไปครู่ใหญ่ เงาร่างผอมเล็กซึ่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ด้านนอก ก็หันมามองภายในเรือน หลังจากนั้นก็ะโลงมาแล้วมุ่งหน้าไปหลังเขา
เช้าตรู่วันต่อมา หมู่บ้านขู่หลิ่งถุนก็ตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย
ซีติ้งถูกหักแขนซ้ายและขาซ้าย ครอบครัวเขาย่อมไม่ยินยอม แล่นไปขอคำอธิบายกับซีต้าเฉียง
คนในบ้านซีต้าเฉียงถูกชาวบ้านรุมล้อมอย่างเนืองแน่น
เมื่อคืนชาวบ้านส่วนใหญ่ล้วนได้ยินเสียงร้องอย่างน่าเวทนาจากท้ายหมู่บ้าน แต่พวกเขายังไม่เข้าใจเื่ราวความเป็ไป
ชาวบ้านที่เข้าร่วมซุ่มโจมตีเมื่อคืนต่างออกมาชี้แจงว่าซีติ้งสมคบกับอันธพาลจากเต้าจื่อหลิ่งบุกเข้ามาขู่หลิ่งถุนเมื่อคืนหมายปล้นฆ่าชิงทรัพย์
คนในหมู่บ้านถึงเข้าใจสถานการณ์โดยละเอียด
ทุกคนล้วนแต่ปรบมือโห่ร้องอย่างสุขใจที่ได้ยินว่าอันธพาลจากเต้าจื่อหลิ่งกลุ่มนั้นถูกหักแขนขา
แปดหมู่บ้านในระยะสิบลี้ ใครบ้างไม่เคืองแค้นหัวขโมยจากเต้าจื่อหลิ่งเ่าั้ แต่ผู้อื่นทั้งโเี้และยังมีพรรคพวกเป็หมู่คณะ คนที่ถูกกดขี่ข่มเหง ล้วนไม่กล้าทำอะไรพวกเขา
แม้แต่หัวหน้าเผ่าของเต้าจื่อหลิ่งยังควบคุมคนเ่าั้ไม่ได้ ในที่สุดผู้ที่ถูกรังแกก็ได้แต่กล้ำกลืนความไม่เป็ธรรม
ครานี้พวกเขาเตะถูกแผ่นเหล็กเข้า ทุกคนแทบอยากจุดประทัดเฉลิมฉลองกันด้วยซ้ำ
ส่วนซีติ้ง ไม่มีใครเวทนาเขาสักคน
เดิมทีก็เป็คนน่ารังเกียจ ไม่มีใครอยากคบหาด้วย นอกจากคนในครอบครัว ผู้ใดจะไปสนใจว่าเขาจะเป็หรือตาย
"ครอบครัวของคนเ่าั้จะยอมเลิกราแต่โดยดีหรือ"
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกว่าครอบครัวที่อบรมคนพาลเ่าั้ออกมา ไม่น่าจะใช่ครอบครัวที่รับมือง่าย
"พวกเขาไม่กล้าทำอะไร เมื่อคืนถูกจับคาหนังคาเขา ใครทำกรรมใดไว้กรรมนั้นย่อมสนอง เครื่องมือก่อกรรมทำเข็ญและอาวุธล้วนถูกโยนออกมาแสดงต่อหน้าหัวหน้าเผ่าของพวกเขา ไม่เอาชีวิตคนเ่าั้ก็นับว่าเห็นแก่น้ำใจไมตรีแล้ว" ซีมู่เซียงถักเสื้อไหมพรมไปสนทนาไป
"อื้ม ไม่กล้าทำอะไรก็ดี" เซวียเสี่ยวหรั่นพยักหน้า พวกเขาเป็แขกของผู้บ้านนี้ ไม่ช้าก็ต้องจากไป แต่คนสกุลซียังต้องอยู่หมู่บ้านนี้ชั่วลูกชั่วหลาน หากเกิดผลกระทบต่อพวกเขาก็คงย่ำแย่
"ข้าให้หลันฮวาไปซื้ออาหาร มื้อเที่ยงเชิญพวกบิดาเ้ากับสือโถวมากินข้าว แทนคำขอบคุณในความช่วยเหลือของพวกเ้าเมื่อคืนนี้"
"ต้าเหนียงจื่อเกรงใจแล้ว บิดาข้าบอกว่าล้วนเป็ความผิดของซีติ้งตัวหายนะนั่นคนเดียว เขาริษยาพวกท่านที่ขายสัตว์ได้เงินมา ยามบิดาข้านำสัตว์ไปขาย ไม่พาเขาไปด้วย จึงมิได้ส่วนแบ่ง เกิดผูกใจเจ็บคิดแผนการชั่วร้ายนี้ขึ้นมา"
ถ้อยคำของซีมู่เซียงเต็มไปด้วยอารมณ์เดือดดาล เ้าปากเสียซีติ้งทั้งกะล่อนซ้ำยังเกียจคร้านตัวเป็ขน บิดาไม่ชอบเขามาแต่ไหนแต่ไร ไหนเลยจะพาไปเพื่อให้เขาเอาส่วนแบ่ง
"สมองคนพรรค์นั้นล้วนมีปัญหา ไม่ได้ดั่งใจก็โทษแต่ผู้อื่น ไม่เคยค้นหาข้อผิดพลาดของตนเอง" เซวียเสี่ยวหรั่นส่ายหน้า
"มีเหตุผล" ซีมู่เซียงพยักหน้าคล้อยตาม
ทั้งสองคุยกันครู่หนึ่ง เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไปหาเหลียนเซวียนที่ห้องติดกัน
"ผงที่ท่านให้หลันฮวาเอาไปสาดเมื่อคืน คือยามึนเมาหรือยาสลายกำลัง ข้าเห็นคนเ่าั้ล้มอยู่ที่พื้นแต่ยังมีสติ แค่เคลื่อนไหวไม่ได้มากนัก"
เซวียเสี่ยวหรั่นจ้องเขา ผลลัพธ์ของยาประเภทนี้ไม่เลวเลย นางคิดว่าถ้ามีของสิ่งนี้พกติดตัว ต่อไปยามเจอคนชั่วก็แค่สาดออกไป พอฝ่ายตรงข้ามล้มลง ทุกอย่างย่อมสะดวกขึ้น
เหลียนเซวียนเลิกคิ้วมองไปที่นางอย่างขบคิด ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
"นั่นคือยาสลายกำลัง ผลลัพธ์ไม่ค่อยดีเท่าไร ขึ้นอยู่กับว่าสูดดมเข้าไปมากแค่ไหน อย่างมากก็ทำให้คนมือและเท้าอ่อนกำลังเพียงหนึ่งถึงสองเค่อ หากพบกับยอดฝีมือ แค่ลมหายใจเดียวก็ฟื้นกำลังได้แล้ว"
เซวียเสี่ยวหรั่นร้องอ้อ ทว่าดวงตากลับทอประกายเจิดจ้า
ถ่วงเวลาได้หนึ่งถึงสองเค่อ ก็ไม่เลวแล้ว ส่วนยอดฝีมือ ไหนเลยจะให้คนธรรมดาอย่างเธอมาพบเจอง่ายๆ
ดวงตาของเธอกลอกไปมา นึกถึงเทียบยาที่เขาเขียนให้อูหลันฮวาเมื่อวาน ไม่รู้ว่าเขาเอาไปวางตรงไหน
ถ้าเทียบยาฉบับนั้นยังอยู่ ต่อไปมีโอกาสก็สามารถคัดลอกไว้สักฉบับ
ยาสลายกำลังที่ว่าเป็ของป้องกันตัวชั้นดีสำหรับสตรีอ่อนแออย่างเธอ ทั้งยังดูเข้าท่ากว่าสเปรย์พริกเป็ไหนๆ
