เหลียนเซวียนนั่งขัดสมาธิอยู่บนโขดหิน สงบนิ่งราวกับภิกษุแก่พรรษากำลังบำเพ็ญภาวนา
เขาถึงขั้นหลับตา หากไม่เพราะมือทั้งสองยังถือด้ามจับตาข่ายดักปลาอยู่ เซวียเสี่ยวหรั่นก็นึกว่าเขากำลังนั่งสมาธิอยู่
หลับตาจะจับปลาได้หรือ? เซวียเสี่ยวหรั่นปรามาสในใจ
แต่ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตาก็เหมือนกันเองนี่ เซวียเสี่ยวหรั่นเกาหัว
เธออยู่เฉยรู้สึกเซ็ง เหลียวซ้ายแลขวา ขณะกำลังเตรียมจะไปขุดหัวเฝิ่นเฮ่อ ก็ได้ยินเสียงตูมดังขึ้น
เหลียนเซวียนพลิกตาข่ายดักปลาในมือไปด้านหลัง ปลาตัวหนึ่งร่วงลงไปดิ้นพราดๆ บนพื้นหินกรวดซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
"ว้าว" เซวียเสี่ยวหรั่นมองด้วยความตื่นเต้นดีใจ "จับปลาได้แล้ว"
เธอวิ่งเข้าไปหาหมายจะจับปลาเป็ๆ ที่กำลังดิ้นอยู่บนพื้น แต่ตัวของมันลื่นมาก จับอยู่หลายครั้งก็คว้าไม่อยู่
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยได้ยินเสียงก็วิ่งออกมาจากกองฟางด้านข้าง มองปลาดิ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เหลียนเซวียนเอี้ยวศีรษะกลับมามอง นึกเหยียดหยันอยู่ในใจ ไยไม่รู้จักรอให้ปลาดิ้นจนหมดแรงแล้วค่อยจับ
เขาวางตาข่ายลงไปในน้ำอีกครั้ง แล้วหลับตาเหมือนเดิม อดทนรอปลาที่ตื่นตระหนกว่ายกลับมาใหม่
ฝ่ายเซวียเสี่ยวหรั่นในที่สุดก็จับปลาได้่ที่มันหมดแรงพอดี มุมปากของเธอฉีกยิ้มไปถึงใบหู
"ตัวนี้น่าจะเป็ปลาเฉ่า [1] กระมัง หนักน่าดู น่าจะสักสองชั่งได้ เอาเนื้อปลามาแล่ทำเป็ซุปปลาผักกาดดอง [2] น่าจะดี"
เซวียเสี่ยวหรั่นเดาะลิ้นด้วยความรู้สึกเสียดาย "เสียดายไม่มีผักกาดดอง งั้นก็ย่างกินแล้วกัน มีเกลือแล้ว ย่างปลาก็ไม่เลว อาเหลย คืนนี้พวกเรามีปลาย่างกินกันแล้ว"
เธอวางปลาไว้ตรงหน้าอาเหลย อาเหลยนึกอยากรู้อยากเห็น เลยยื่นเท้าหน้าออกไปอยากจะลองคลำดู แต่ผลก็คือปลาตัวนั้นะโผึงกะทันหัน ทำให้มันใหดอุ้งเท้ากลับอย่างรวดเร็ว
"ฮ่าๆ "เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะเสียงดัง ก่อนโยนปลาเข้าไปในตะกร้าหวาย หลังจากนั้นก็วิ่งไปล้างมือข้างลำธาร
เห็นเหลียนเซวียนกำลังตั้งสมาธิ ก็เลยไม่กล้าทำเสียงดังรบกวน กวักมือเรียกอาเหลยไปขุดเฝิ่นเฮ่อ
ก็เป็เช่นนี้ พวกเขาแบ่งหน้าที่กันทำ คนหนึ่งรับผิดชอบจับปลา อีกคนก็ไปขุดหัวเฝิ่นเฮ่อ หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง เซวียเสี่ยวหรั่นก็หอบหิ้วหัวเฝิ่นเฮ่อหนักอึ้งกลับมาริมธาร
บนพื้นกรวดมีปลาน้อยใหญ่นอนอยู่สิบกว่าตัว บ้างก็ยังะโ บ้างก็แน่นิ่งไปแล้ว
"โอ้โห จับได้เพียบเลย" ดวงตาของเซวียเสี่ยวหรั่นระยิบระยับวับวาว "เหลียนเซวียน ท่านนี่เก่งสุดยอด หากไม่มีท่าน ข้าคงอยู่ไม่รอดบนูเาแห่งนี้เป็แน่"
การแสดงออกเกินจริงของเธอ ทำให้เหลียนเซวียนปั้นหน้าไม่ถูก
"หนึ่ง สอง สาม.... สิบสาม ปลาทั้งหมดสิบสามตัว มีทั้งปลาเล็กปลาใหญ่ รวมๆ กันแล้วก็น่าจะหนักยี่สิบกว่าชั่งได้"
เซวียเสี่ยวหรั่นคำนวณน้ำหนักเรียบร้อย หัวคิ้วก็ขมวดชนกัน น้ำหนักไม่ใช่เบา รวมกับหัวเฝิ่นเฮ่ออีกยี่สิบกว่าชั่ง ไอ้หยา... อย่างน้อยคงต้องวิ่งสองรอบถึงจะขนกลับไปหมด
ขณะกำลังใช้ความคิด เสียงตุ้บก็ดังขึ้นอีกหน ปลาตัวใหญ่ตกลงมาไม่ไกลจากเธอมากนัก ะโพลิกตัวขึ้นลง ท่าทางแรงเยอะไม่เบา ดูจากความอวบของมัน น่าจะหนักสักสี่ห้าชั่งได้
เพิ่งบอกว่าหนักยังไม่ขาดคำ ก็มีปลาตัวเบ้อเร่อเพิ่มขึ้นมาอีกตัว เซวียเสี่ยวหรั่นไม่รู้ว่าควรจะยินดีหรือละเหี่ยใจ
อาเหลยเข้ามาสำรวจปลาตัวใหญ่ซึ่งมีพลังเต็มเปี่ยมตัวนั้นด้วยแววตาประหลาดใจ
"เหลียนเซวียน วันนี้พอแค่นี้เถอะ หากจับต่อไปก็คงขนกลับลำบาก"
ภายใต้ข้อจำกัดเื่ความสามารถในการขนส่ง ผลผลิตล้นเกินก็น่าหงุดหงิดเช่นกัน
เหลียนเซวียนลุกขึ้นจากโขดหินอย่างยากเย็น ชั่วขณะที่จับปลาต้องใช้กำลังภายในพอสมควร ดังนั้นจึงสูญเสียพลังไปไม่น้อย
เขายื่นไม้เท้ากวาดไปข้างหน้า สวมรองเท้าฟางอย่างแม่นยำแล้วเดินตรงไป
เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งไปรับตาข่ายดักปลาจากมือเขา แล้วช่วยประคองแขนเดินกลับมาที่ริมฝั่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "เหลียนเซวียน ท่านเก่งกาจมาก จับครั้งไหนก็ได้ครั้งนั้นไม่มีพลาด"
จับปลาไหนเลยต้องใช้ความเก่งกาจ แค่จับจังหวะได้ นางก็สามารถจับได้ในทีเดียวเหมือนกัน เพียงแต่นางใจร้อนเกินไป
ทั้งสองเดินไปถึงข้างตะกร้าหวาย ปลาตัวใหญ่ที่ดิ้นพราดตัวนั้นแน่นิ่งไปแล้ว
"ปลาหนึ่งตะกร้า กับหัวเฝิ่นเฮ่ออีกตะกร้า ข้าจะหิ้วปลาไปวางตรง่ทางแยกของแม่น้ำก่อน แล้วค่อยกลับมาเอาหัวเฝิ่นเฮ่อ ท่านกับลิงน้อยค่อยๆ เดินกลับไปก็พอ ช้าหน่อยไม่เป็ไร
เซวียเสี่ยวหรั่นอารมณ์ดีเป็พิเศษ หลังส่งมีดเงินให้เหลียนเซวียน ก็เดินเข้าไปหาปลาตัวใหญ่แล้วจับมันโยนเข้าไปในตะกร้า
เธอก้มลงออกแรงยกขึ้น อื้อหือ หนักจริงๆ เธอต้องเค้นสุดแรงถึงจะยกขึ้น พลางกัดฟันเดินไปข้างหน้า
ถึงเวลาแบบนี้ทีไร เหลียนเซวียนก็รู้สึกละอายใจทุกครั้ง งานหนักแบบนี้ไม่ควรให้สตรีนางหนึ่งมารับผิดชอบ
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยหันไปมองเขาพลางร้องถามว่าทำไมเขาไม่เดิน
เหลียนเซวียนไม่ขยับ เขารอให้หญิงสาวกลับมาเอาหัวเฝิ่นเฮ่อก่อนถึงจะเดินไป
อาเหลยเห็นเขาไม่ขยับก็รู้สึกหงุดหงิด เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว พอนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เซวียเสี่ยวหรั่นกำชับมันว่าให้ตามเหลียนเซวียน ก็เลยเดินวนไปวนมาอยู่แถวนั้น
เหลียนเซวียนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวของมันก็นึกสะท้อนใจมาก เ้าลิงน้อยตัวนี้เฉลียวฉลาดและมีความรู้สึกนึกคิดเช่นเดียวกับมนุษย์ ใน่เวลาไม่นาน มันสามารถเข้าใจความหมายของแม่นางผู้นั้น ทั้งยังเชื่อฟังและปฏิบัติตาม ช่างเป็สิ่งที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ
อาจเป็เพราะสิ่งของหนักเกินไป ทั้งที่ระยะทางแค่สั้นๆ หนึ่งเค่อหลังจากนั้น เหลียนเซวียนถึงได้ยินเสียงนางย้อนกลับมา
"เดินไปได้ครึ่งทางปลาใหญ่ตัวนั้นะโออกมาอีก ทำเอาข้าต้องไล่จับอยู่นาน เปลืองแรงชะมัด"
เซวียเสี่ยวหรั่นบ่นอุบ "แล้วทำไมพวกท่านถึงไม่ขยับกันเลยล่ะ ข้ามาเอาหัวเฝิ่นเฮ่อก็ไปได้แล้ว ไม่ต้องอยู่รอก็ได้"
เห็นพวกเขายังอยู่ที่เดิม เซวียนเสี่ยวหรั่นก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
พอได้ยินเสียงบ่นปากเปียกปากแฉะของนาง เหลียนเซวียนก็เริ่มขยับไม้เท้า
เซวียเสี่ยวหรั่นแลบลิ้นปลิ้นตาใส่แผ่นหลังของเขา ก่อนอุ้มเฝิ่นเฮ่อที่มัดรวมกันขึ้นมา แล้วยกเท้าเตรียมจะเดิน
แต่เหลียนเซวียนซึ่งนำอยู่ด้านหน้ากลับหยุดเท้ากะทันหัน ศีรษะหันไปมองสถานที่ไม่ไกลด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เห็นชัดว่าได้ยินอะไรบางอย่าง
เซวียเสี่ยวหรั่นตื่นตระหนกหันมองตามสายตาเขาไป พงไม้บนไหล่เขาล้มเป็แถบๆ ก่อนที่สัตว์ขนาดใหญ่สีดำเมี่ยมจะโผล่หัวออกมา เสียงกีบเท้าทั้งสี่ดังสนั่นหวั่นไหวตะบึงตรงเข้ามาหาพวกเขา
ซวยแล้ว นั่นมันหมูป่าที่เจอครั้งก่อนไม่ใช่หรือ
ดันมาเจออริเก่าบนทางแคบอีกแล้ว เ้านั่นตกเป็เบี้ยล่างมาครั้งหนึ่ง แต่ไม่รู้จักเข็ด
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบโบนเถาเฮ่อในมือทิ้งไป ล้วงสเปรย์พริกออกมาจากเสื้อชั้นใน เปิดฝาตั้งท่าเตรียมพร้อม
"เหลียนเซวียน ท่านวิ่งตรงไปทางซ้าย ที่นั่นมีโขดหินใหญ่ ท่านปีนขึ้นไปก็ปลอดภัยแล้ว"
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินเข้ามาขวางอยู่ด้านหน้าของชายหนุ่มพลางะโเสียงดังประโยคหนึ่ง
เหลียนเซวียนไม่พอใจ นี่คือสิ่งที่นางควรทำหรือ
เวลาแบบนี้ยังจะทำอวดเก่ง
เหลียนเซวียนยื่นมือซ้ายออกมาคว้าแขนของนางอย่างแม่นยำ ก่อนออกแรงลากนางไปด้านหลัง
"ว้าย..." เซวียเสี่ยวหรั่นเซถลาไปด้านหลังสองสามก้าว หลังจากยืนตั้งหลักได้แล้ว เห็นแผ่นหลังผึ่งผายตั้งตระหง่านขวางอยู่เบื้องหน้าสายตา ก็ตะลึงไป
"อู๊ดๆๆ" เมื่อเจอหน้าคู่แค้นโทสะย่อมลุกโหม ดูเหมือนว่าหมูป่าจะจำเซวียเสี่ยวหรั่นคนที่ทำให้มันต้องตกเป็เบี้ยล่างคราก่อนได้ ดวงตาราวกับกระพรวนทองแดงของมันเบิกโพลง ร่างกำยำพ่วงพีวิ่งฝุ่นตลบพุ่งตรงเข้าหาพวกเขา
เซวียเสี่ยวหรั่นได้สติกลับมา ก็ร้อนใจมาก "เหลียนเซวียน ท่านรีบหลบไป หมูป่ามาโน่นแล้ว รีบหลบเร็ว"
เขาจับแขนของเธอไว้แน่น ไม่ว่าอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด เห็นหมูป่าเขี้ยวโง้งท่าทางดุร้ายใกล้เข้ามาทุกขณะ เซวียเสี่ยวหรั่นหวาดวิตกจนน้ำตาไหล
เหลียนเซวียนยังมั่งคงดุจขุนเขา ยกแขนขวาขึ้นมาอย่างช้าๆ มีดสีเงินทอประกายเย็นเยียบอยู่กลางฝ่ามือ
...
[1] ปลาเฉ่า หรือปลาหญ้า เป็ปลาน้ำจืดตระกูลเดียวกับปลาตะเพียน โตเต็มวัยยาวประมาณหนึ่งเมตร ไม่มีหนวด เป็ปลาที่มีก้างเยอะ
[2] ซุปปลากับผักกาดดอง เป็อาหารขึ้นชื่อของมณฑลเสฉวน มีรสเปรี้ยวเผ็ด วัตถุดิบหลักคือเนื้อปลา กับผักดอง และพริกดอง