ตอนที่ 62 ดูแลตัวเองให้ดี
“เอาล่ะ เปิ่นกงจู่ไม่อยากเสียเวลานานกว่านี้อีกแล้ว ลี่เหนียงพาพวกนางเข้าไปข้างใน คืนนี้เดินทางออกเมือง จากนี้จำให้ดีต้องสั่งสอนให้เข้มงวด” ฉู่ชิงเฉียงส่งสายตาเยาะเย้ยออกมา
ลี่เหนียงพยักหน้ารับทราบ หันกลับไปผายมือให้บุรุษกำยำนับสิบไปจับมู่อวิ๋นจิ่น “เร็วเข้า นำตัวนางไปได้!”
“ขอรับ!” บุรุษเ่าั้ขานรับ พร้อมเดินเข้าไป
จื่อเซียงที่เห็นบุรุษพวกนั้นเข้ามาใกล้ รีบพุ่งตัวไปขวางอยู่ด้านหน้ามู่อวิ๋นจิ่นด้วยความใ พลางเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ “องค์หญิงห้าขอร้องเถอะเพคะ องค์หญิงจะทำเช่นนี้มิได้ คุณหนูของบ่าวเป็ถึงพระชายาหกนะเพคะ…”
ยังไม่ทันรอให้ฉู่ชิงเฉียงได้ปริปากพูด มู่อวิ๋นจิ่นชิงหัวเราะเยาะออกมาเสียก่อน “จื่อเซียง เ้าจะขอร้องนางไปทำไมกัน?”
“ควรเป็นางต่างหากที่ต้องมาขอร้องวิงวอนพวกเรา มิให้นำเื่ที่นางกับหอนางโลมทำการค้าไปบอกใครถึงจะถูก”
เมื่อได้ยินที่มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ย ฉู่ชิงเฉียงยิ้มมุมปาก ด้วยแววตาไร้ความหวาดหวั่น “ความตายอยู่เบื้องหน้าแล้ว ยังปากกล้าถึงเพียงนี้ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ”
“ใครก็ได้ จับนางไปประเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับองค์หญิง”
บุรุษกำยำเ่าั้เดินเข้าไปล้อมมู่อวิ๋นจิ่น โดยมีบุรุษคนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาหมายจับไหล่ของนางเอาไว้
“โอ๊ย!!!”
ยังไม่ทันที่มือของบุรุษจะััไหล่ของมู่อวิ๋นจิ่น กลับร้องเสียงลั่นด้วยความอนาถใจ ที่เข็มสามเล่มปักอยู่บนหลังมือตน
มู่อวิ๋นจิ่นยื่นยักคิ้วหลิ่วตา จู่ ๆ ก็มีร่างคนลอยจากด้านหลังของเรือนมาหยุดยื่นนิ่งเบื้องหน้า
“พี่ใหญ่?”
คนที่ลอยมาจากด้านหลังนั้นเป็มู่อวิ๋นหานนี่เอง!
มู่อวิ๋นหานสีหน้าบึ้งตึง ขมวดคิ้วเข้าหากันแแ่ สายตาจ้องมองไปที่ร่างของฉู่ชิงเฉียง “องค์หญิงห้าช่างสร้างเื่ที่ทำให้คนนึกไม่ถึงอยู่เสมอเลยขอรับ”
ฉู่ชิงเฉียงชะงักงันไปชั่วครู่ ไม่นึกไม่ฝันว่ามู่อวิ๋นหานจะมาที่นี่ได้ ตอนนี้แววตาของนางแสดงถึงความหวาดหวั่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ใหญ่มาได้อย่างไร?” มู่อวิ๋นจิ่นถามอย่างระคนสงสัย
มู่อวิ๋นหานหันตอบมู่อวิ๋นจิ่นเสียงเรียบ “หลังจากที่เ้าเดินทางไปแล้ว พี่อยากไปรับอวี้เหยียนที่จวนสกุลจ้วงด้วยตัวเอง แต่กลับเห็นรถม้าของเ้ายังคงอยู่ด้านนอก หัวหน้าบ่าวรับใช้ไปสืบถึงได้รู้ว่ามาที่นี่”
มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกผ่อนคลายและหัวเราะให้แก่โชคชะตาของตัวเอง
ฉู่ชิงเฉียงสีหน้าถอดสีจนซีดเซียวไปหมด สถานที่แห่งนี้เป็สถานที่ลับของนางที่คงไม่มีใครล่วงรู้ แต่กระนั้นวันนี้มู่อวิ๋นหานรู้เข้าแล้ว
ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ หากเื่นี้แพร่ออกไป คงไม่เป็การดีอย่างแน่นอน
คิดมาถึงตรงนี้ แววตาสังหารได้ปรากกฏขึ้นอีกครั้ง หลังจากนั้นองค์หญิงห้าก็เอานกหวีดหยกออกมาเป่าเสียงเบา
เมื่อได้เห็นนกหวีดหยกดัง มู่อวิ๋นจิ่นถึงกับใจนบอกไม่ถูก
ชั่วพริบตาเดียวในพื้นที่กว้างใหญ่ กลับมีองครักษ์ชุดเขียวปรากฏตัวขึ้นมา ประมาณด้วยสายตาน่าจะร้อยคนเห็นจะได้
“นี่เป็องครักษ์ประจำราชวงศ์” มู่อวิ๋นหานมองไปรอบทิศทาง
มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “บรรดาองค์ชายองค์หญิงต่างมีองครักษ์ลับของตัวเองเช่นนั้นหรือพี่ใหญ่?”
มู่อวิ๋นหานพยักหน้าเป็คำตอบ “ฝ่าาย่อมแบ่งองครักษ์ประจำตัวของพระองค์มาเพื่อพิทักษ์เหล่าองค์รัชทายาทเมื่อถึงวัยอันควรในระดับหนึ่ง”
“เป็อย่างนี้นี่เอง” มู่อวิ๋นจิ่นเผยยิ้มเรียบนิ่ง
เห็นทีฉู่ชิงเฉียงเรียกองครักษ์ลับให้ออกมา คงจะเอาจริงเอาจังขึ้นแล้ว
“องค์หญิงห้าแน่ใจว่าจะทำอย่างนี้หรือเพคะ?” มู่อวิ๋นจิ่นถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ฉู่ชิงเฉียงกลับเอ่ยอย่างหยิ่งยโส “ข้ายอมเป็หยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็กระเบื้องที่ชิ้นสมบูรณ์[1]”
เื่ในวันนี้เป็เพราะฉู่ชิงเฉียงบุ่มบ่ามจนเกินไป ขาดการพิจารณาอย่างรอบคอบ เผยให้ผู้อื่นล่วงรู้ถึงเื่ลับสุดยอดของตน เกี่ยวกับหอนางโลมบุหลันออกมา ซึ่งมีความสำคัญเกี่ยวข้องกับความเป็ความตาย
วันนี้หากเื่หลุดแพร่ออกไปจากปากมู่อวิ๋นจิ่นและมู่อวิ๋นหาน ชีวิตของนางอาจจบสิ้นลงได้
มู่อวิ๋นหานขมวดคิ้วมององครักษ์ที่เดินเข้ามาจากทุกทิศทาง กระซิบให้มู่อวิ๋นจิ่นฟังว่า “อีกประเดี๋ยวพี่จะเปิดทางให้เ้า เ้ารีบวิ่งหนีไปก่อนได้เลย”
“ไม่ต้องหรอก พวกเราเดินกลับไปด้วยกัน” มู่อวิ๋นจิ่นพูดเสียงเรียบดูไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์เบื้องหน้าแม้แต่น้อย
หลังจากนั้น สายตาของมู่อวิ๋นจิ่นทอดมองไปยังฉู่ชิงเฉียงและเผยรอยยิ้มที่งดงามของนางออกมาให้เห็น “องครักษ์ลับใช่ไหม ข้าก็มีเหมือนกัน!”
ในระหว่างที่ฉู่ชิงเฉียงยังคงแปลกใจ มู่อวิ๋นจิ่นเองก็หยิบนกหวีดหยกขึ้นมาเป่าเบา ๆ
ชั่วพริบตาเดียว สายลมพัดแรงมาจากทั่วสารทิศ ต่อจากนั้นก็เห็นองครักษ์ในชุดสีม่วงปรากฏตัวออกมาจากที่ซ่อนจำนวนมาก เพียงพอที่จะล้อมองครักษ์ลับชุดเขียวถึงสองรอบ
“องครักษ์ชุดม่วง ฉู่ลี่ยอมแบ่งองครักษ์ให้กับเ้าด้วยหรือ?” ฉู่ชิงเฉียงถอยผงะไปหนึ่งก้าว สูดหายใจลึกด้วยความตระหนกอย่างยิ่ง
ปัจจุบันนี้อาณาจักรที่อยู่ทางเหนือ ใต้ ออก ตก ที่จริงแล้วมิได้สงบและปรองดองอย่างที่เห็น ดังนั้นในฐานะองค์หญิงองค์ชาย ั้แ่เยาว์วัยจะมีองครักษ์ลับส่วนตัว เพื่อใช้ปกป้องชีวิตในยามที่ภยันตรายมาอย่างไม่คาดคิด
ทว่าฉู่ลี่กลับให้องครักษ์ลับชุดม่วงที่สำคัญมากถึงเพียงนี้แก่มู่อวิ๋นจิ่น หรือว่า…
ฉู่ลี่ที่ไม่สนใจเื่ใดในใต้หล้า มาครั้งนี้จะรู้สึกปฏิพัทธ์กับมู่อวิ๋นจิ่นด้วยใจจริงงั้นหรือ?
“องค์หญิงห้า แน่ใจหรือว่าจะตาต่อตาฟันต่อฟัน?” มู่อวิ๋นจิ่นได้ชำเลืองเห็นจำนวนองครักษ์ชุดม่วงมากกว่าชุดเขียวถึงสองเท่า
ภายในใจของนางรู้สึกชื่นชมฉู่ลี่ ที่ให้นกหวีดหยกมา มันช่างใช้ได้ดีเสียเหลือเกิน
ตอนนี้สีหน้าฉู่ชิงเฉียงซีดเผือดทันที นางกัดฟันกรอด และด้วยความหยิ่งยโสของนางที่มีมา ไม่มีทางยอมก้มหน้าขอร้องมู่อวิ๋นจิ่นเป็อันขาด
“วันนี้เป็เพียงความเข้าใจผิดต่างหาก ทุกท่านแยกย้ายกันกลับเถอะ หอบุหลันของกระหม่อมเป็เพียงร้านที่ขับขานดนตรีและมีการแสดงเท่านั้น ทุกท่านอย่าคิดไปในทางที่ไม่ดีเลย” ลี่เหนียงรีบแก้ตัวทันควันเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี
มู่อวิ๋นจิ่นแสยะยิ้มเชิดหน้าอย่างผู้กำชัย “ที่แท้เป็อย่างนี้นี่เอง พี่ห้าเห็นว่าอย่างไร?”
อันที่จริง มู่อวิ๋นจิ่นมิได้หมายเอาชีวิตของฉู่ชิงเฉียง ต่อให้อยากได้ชีวิตของฉู่ชิงเฉียง นางก็คงไม่ต้องลงมือเอง
ในตอนนี้ฉู่ชิงเฉียงถูกมู่อวิ๋นจิ่นจัดการจนไม่ความยโสโอหัง ดูท่าหลังจากนี้คงเจียมตัวมากขึ้นกว่าเดิม
ด้านฉู่ชิงเฉียงได้ที่เอาแต่ขบฟันกรอด ๆ มาครู่ใหญ่ ก็ฉีกยิ้มออกอย่างชื่นมื่น “น้องสะใภ้หก วันนี้เป็เื่เข้าใจผิดเท่านั้นเอง”
จากนั้นฉู่ชิงเฉียงโบกมือไปมา ให้องครักษ์ลับในชุดเขียวถอยกลับไปทันที
เมื่อองครักษ์ลับของฉู่ชิงเฉียงล่าถอยกลับไปแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นจึงยกมือให้องครักษ์ลับชุดม่วงล่าถอยกลับเช่นกัน
“ในเมื่อเป็ความเข้าผิด วันนี้ก็พอเท่านี้แล้วกัน” มู่อวิ๋นจิ่นกล่าว
แม้ฉู่ชิงเฉียงรู้สึกมิชอบใจ ถึงกระนั้นก็ได้แต่กล้ำกลืนความไม่พอใจนี้ลงไป และเลือกที่จะใช้สายตาเสแสร้งมองไปทางมู่อวิ๋นจิ่น
ในชาตินี้ ฉู่ชิงเฉียงคงไร้โอกาสเล่นงานมู่อวิ๋นจิ่นได้อีก!
แต่ไม่เป็ไร ฉู่ชิงเฉียงยังสามารถเล่นงานนางแพศยาจ้วงอวี้เหยียนที่แย่งบุรุษรักของนางไป
ระหว่างที่เดินออกมาจากเรือนรกร้าง หว่านซิ่วกำลังประคองฉู่ชิงเฉียงขึ้นรถม้าอยู่นั้น กลับถูกมู่อวิ๋นจิ่นเรียกให้หยุด
“ยังมีเื่อะไรอีก?” ฉู่ชิงเฉียงเอ่ยอย่างหงุดหงิดใจ
มู่อวิ๋นจิ่นหรี่ตาฉีกยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปกระซิบใกล้ ๆ ฉู่ชิงเฉียง “เื่ที่เ้ากับหอนางโลมทำการค้าด้วยกัน ข้าจะไม่เอาไปพูด แต่ถ้า่นี้ข้าและคนในครอบครัว รวมทั้งจ้วงอวี้เหยียนเกิดเื่ไม่คาดฝันขึ้น ข้ารับรองได้ทันที ความลับนี้จะต้องแพร่ไปทั่วอาณาจักรซีหยวน”
…
ระหว่างที่เดินทางกลับ มู่อวิ๋นหานจูงม้าเดินเคียงข้างมู่อวิ๋นจิ่น เผยแววตาแห่งความชื่นชมไม่น้องสาวอยู่ไม่น้อยออกมา
“อวิ๋นจิ่นเปลี่ยนไปมากเสียจริง” มู่อวิ๋นหานเปรยขึ้น ด้วยจำได้ว่าก่อนที่เขาเดินทางออกรับกับตระกูลฉิน มู่อวิ๋นจิ่นเอาแต่อยู่ในเรือนมวลบุปผาไม่ไปไหนทั้งนั้น กลายเป็คุณหนูสามที่มัวแต่กลัวนั่นกลัวนี่ไปเสียทุกอย่าง
หลังจากกลับมาจากการทำศึก นิสัยของมู่อวิ๋นจิ่นกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็หลังมือราวกับเป็คนละคน
ดูอย่างเมื่อครู่ที่ต้องเผชิญหน้ากับฉู่ชิงเฉียงกับองครักษ์ลับชุดเขียว ความนิ่งสงบเยือกเย็นนั้นยากที่สตรีทั่วไปจะควบคุมได้
มู่อวิ๋นจิ่นหัวเราะออกมา และหันไปพูดกับมู่อวิ๋นหานว่า “เมื่อก่อนอวิ๋นจิ่นต้องปิดบังนิสัยบางอย่างเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดรู้บ้างสิ”
มู่อวิ๋นหานพยักหน้าด้วยความแปลกใจ “ถ้ารู้จักปกป้องตัวเองนับว่าเป็เื่ดีไม่น้อย”
“ใช่แล้วพี่ใหญ่”
…
กลับมาที่พระตำหนักองค์ชายหก
“ในที่สุดพระชายาก็กลับมาเสียที วันนี้ออกไปข้างนอกทั้งวันเลย องค์ชายกำลังรอทานอาหารเย็นอยู่เ้าค่ะ!”
พอมู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้าประตู แม่นมเสิ่นมายืนรอรับทันที แม้ว่าปากจะแอบตำหนิ แต่กลับยิ้มทั้ง ๆ ขณะที่พูดออกมา
“ฉู่ลี่กำลังรอข้าอย่างนั้นหรือ?” มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกประหลาดใจ
ทันใดนั้นแม่นมเสิ่นรีบยกนิ้วชี้ขึ้นมาบังปากพร้อมกับทำเสียง “ฉู่ ๆ ” ออกมาเสียงยาว “พระชายามิอาจเรียกชื่อขององค์ชายโดยตรงนะเ้าคะ”
“อืม รู้แล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้าจำได้ จากนั้นก็เดินไปที่ห้องทานอาหาร
เมื่อก้าวเข้าไปยังห้องอาหาร กลิ่นหอมฉุยจากอาหารเลิศรสลอยโชยมาเตะจมูก ฉู่ลี่กำลังนั่งจ้องมา และเมื่อนางเข้านั่งเป็ที่เรียบร้อยก็หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปาก
ในวันนี้ทั้งวันนางถูกฉู่ชิงเฉียงตั้งใจจะเล่นงาน จนหิวโซไส้แทบจะขาดอยู่แล้ว
ฉู่ลี่นั่งอยู่อย่างนั้น เอาแต่จ้องมองตั้งแตมู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้ามาและนั่งทานอาหารราวกับว่านางไม่ได้ทานอาหารมานานหลายวัน เขาได้แต่มองด้วยแววตาที่คร้านจะพูด และเลือกหยิบตะเกียบคีบอย่างอาหารอย่างช้า ๆ
ทางด้านแม่นมเสิ่นที่เห็นภาพเบื้องหน้า พลันหันไปถามจื่อเซียงด้วยความตระหนกใ “เ้ากับพระชายาไปทำอะไรมาทั้งวัน? เหตุใดพระชายาถึงหิวกระหายเช่นนี้?”
จื่อเซียงคันปากยิบ ๆ อยากจะเล่าเหลือหลาย ก่อนที่นางจะชำเลืองมองมู่อวิ๋นจิ่นไปทีหนึ่ง
มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินที่แม่นมเสิ่นถามจื่อเซียง จึงวางตะเกียบ และหยิบผ้าขึ้นเช็ดปาก “ไม่มีอะไร เมื่อบ่ายรู้สึกเบื่อหน่าย จึงเดินออกไปนอกเมืองนานไปหน่อย เลยรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่บ้าง”
แม่นมเสิ่นพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
พอทานได้ประมาณครึ่งท้อง มู่อวิ๋นจิ่นชำเลืองมองไปที่ฉู่ลี่ พลันนึกถึงเื่เมื่อบ่ายที่นางเป่านกหวีดหยกเรียกองครักษ์ลับชุดม่วงมาช่วยเหลือ นางจึงมิอาจกลั้นหัวเราะเบื้องหน้าฉู่ลี่ได้
“ให้เ้า” มู่อวิ๋นจิ่นช่วยฉู่ลี่รินน้ำชาจนเต็ม และยื่นส่งไปเบื้องหน้าเขา
ฉู่ลี่หรี่ตามองมู่อวิ๋นจิ่นอย่างพินิจ จากนั้นหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นดื่ม เพื่อรักษาหน้าของนาง
“ไหนพูดออกมาสิ เ้ายุ่งมากขนาดนั้นเลยหรือ?” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยทวงถาม
ฉู่ลี่ยักคิ้วด้วยความงงงวย “อะไรกัน?”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก ปกติเ้าแทบไม่อยู่ที่ตำหนักจึงเกิดสงสัยเท่านั้น” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยเสียงอ่อย
ฉู่ลี่ได้ฟังเช่นนั้นแล้วเอ่ยขึ้นถามมู่อวิ๋นจิ่นเสียงเรียบ “วันนี้ตอนบ่าย เ้าเรียกองครักษ์ลับออกไปด้วยเหตุผลใด?”
“เออ…” มู่อวิ๋นจิ่นชะงักงัน แววตากลับกลอกไปมาไม่เป็ธรรมชาติ ก้มหน้าก้มตาครุ่นคิด สุดท้ายจึงได้เอ่ยขึ้นว่า “เ้ารู้เื่ด้วยหรือ?”
มู่อวิ๋นจิ่นเม้มปากแแ่ ก่อนปล่อยเสียงหัวเราะกลบเกลื่อน “แค่เป่านกหวีดหยกโดยไม่ได้ตั้งใจแค่นั้นเอง”
“อ๋อ?” ฉู่ลี่เพ็งพินิจด้วยไม่เชื่อในคำพูดและท่าทางของนางเสียเท่าไหร่
มู่อวิ๋นจิ่นถูกฉู่ลี่ต้อนถามจนมุม จึงพยายามบ่ายเบี่ยงแทน “เ้ามิได้ให้นกหวีดหยกกับช้าเองหรอกหรือ? ดังนั้นสิทธิ์การใช้หรือไม่นั้น ย่อมเป็สิทธิ์ของข้ามิใช่หรือ?”
ฉู่ลี่แสยะยิ้มเย็นะเืออกมา โดยี้เีถามอะไรต่ออีกแล้ว
………………………………………………………………………………………….............................
[1] ยอมเป็หยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็กระเบื้องที่ชิ้นสมบูรณ์ เป็สำนวนจีนเปรียบ คนที่ยึดมั่นในความดี ปณิธานไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าภยันตรายจะเกิดขึ้นกับตนเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้