อินทรีวายุบินทะยานด้วยความเร็ว ลมหนาวแทรกซึมเข้าไปถึงกระดูก หลงเหยียนเปิดการทำงานของวิชากายสุริยะ ใช้พลังปราณห่อหุ้มร่างกายของตนเอาไว้ ด้วยความเร็วของอินทรีวายุ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเขาก็สามารถไปถึงชายแดนของเมืองหยุนจง เขานำสิ่งจำเป็ในชีวิตประจำวันมาเพียงพอสำหรับการใช้งาน หลงเหยียนใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเดินทาง ไม่กล้าเสียเวลาแม้เพียงครู่เดียว
สามวันให้หลัง สิ่งที่ปรากฏในดวงตาของหลงเหยียนคือเมืองที่กว้างใหญ่ไพศาล กำแพงเมืองสูงเสียดฟ้า เมืองทั้งเมืองเหมือนอยู่บนชั้นเมฆ รัศมีของธาตุพลังขนาดมหาศาลโชยมากระแทกใบหน้า
กำแพงเมืองกับตึกสูง บ้านเรือนที่งดงามและเต็มไปด้วยรังสีโอ่อ่า อากาศภายในเมฆหมอกถูกหักเหโดยแสงของดวงอาทิตย์ ฉายแสงที่งดงามราวกับความฝัน ทำให้เมืองที่ลึกลับนี้ดั่งเมือง์
หลงเหยียนไม่กล้าขี่อินทรีวายุเข้าไปในเมืองจึงต้องะโลงมา สัตว์มีปีกชั้นต่ำไม่อนุญาตให้บินอยู่เหนือบริเวณนี้ มิเช่นนั้นจะถือว่าผิดกฎ หากถูกยอดฝีมือที่อยู่ในเมืองนี้ฆ่าตายก็เหมือนตายอย่างเปล่าประโยชน์
สถานที่แห่งนี้ชื่อว่าเนินดารา เป็เขตแดนที่ใกล้กับขอบเมืองหยุนจงมากที่สุด และเป็หนึ่งในสิบของเขตป้องกันที่ห้อมล้อมเมืองหยุนจง
เดินบนถนนของเนินดารา ธาตุพลังหนาแน่นที่อยู่บนพื้นดินทำให้หลงเหยียนรู้สึกกระปรี้กระเปร่า บนถนนเต็มไปด้วยสิ่งของหายากนานาชนิดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทำเอาหลงเหยียนตาพร่ามัว
ผู้คนรอบกายมองดูหลงเหยียนด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป มองดูเสื้อผ้าและการแต่งกายของเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็คนบ้านนอกที่มาจากสถานที่เล็กๆ แม้เขาจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพง ทว่าในดวงตาของพวกเขาส่งสายตาดูถูกเหยียดหยาม สำหรับที่แห่งนี้ หลงเหยียนเต็มไปด้วยความสงสัย
เขากระชับเสื้อผ้าบนร่างกายและก้าวไปข้างหน้า จากพลังิญญาที่เขาััได้ พละกำลังของผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้ อย่างน้อยก็อยู่ในระดับพลังชีพัขั้นที่เจ็ด หลงเหยียนจึงประหลาดใจยิ่งนัก
“โอ้ ์! นี่ก็คือเมืองหยุนจงในตำนานงั้นหรือ อยู่ใกล้แค่เขตแดนของเมืองเท่านั้น ผู้ฝึกยุทธ์ที่เมืองัต่างจากที่นี่ราวฟ้ากับดิน ระดับพลังที่ต่ำที่สุดในนี้ก็อยู่ขั้นที่เจ็ดแล้ว หากอยู่ที่เมืองั นั่นคือระดับพละกำลังของเซียวเชียนมั่วและเซียวหลานเฟิง ล้วนเป็อัจฉริยะระดับต้นๆ เชียวนะ”
หลงเหยียนมองบน รู้สึกได้ถึงความไร้เรี่ยวแรงที่ไม่คุ้นเคยในหัวใจ หากเจอกับผู้แข็งแกร่งเ่าั้ ไม่รู้ว่าพละกำลังของพวกเขาเป็เช่นไร ไม่แปลกใจว่าที่แห่งนี้มีผู้แข็งแกร่งมากมาย แม้กระทั่งในอากาศยังมีพลังิญญาแฝงอยู่ เกรงว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่สามารถหลอมกายได้เร็วกว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองัมาก
นึกถึงศิษย์ของสำนักมารพยัคฆ์ร้ายจูเก๋อ ตอนนี้หลงเหยียนเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่คนพวกนั้นมองคนในเมืองัเหมือนเป็เพียงมดตัวเล็กๆ
นี่ยังเป็เพียงหนึ่งในสิบของเขตป้องกันรอบนอกเมืองหยุนจง ไม่รู้ว่าเมื่อถึงภายในเมืองหยุงจงจริงๆ ที่นั่นจะเป็เช่นไร เมื่อคิดว่าตนจะเลือกสร้างอนาคตที่นี่ หลงเหยียนรู้สึกเหมือนเืในร่างกายของตนกำลังเดือดพล่าน เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว จะให้ผู้อื่นดูถูกตนไม่ได้อย่างเด็ดขาด
หลงเหยียนถามหาร้านอาหารที่หรูหราที่สุดที่นี่ก่อนมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ผู้คนแนะนำ
ร้านอาหารถิงหยุนสกัดกั้นจอมยุทธ์ที่เดินผ่านไปมา เทียบกับร้านชิงเฟิงของเมืองัแล้ว ไม่รู้ว่าที่นี่หรูหรากว่าตั้งกี่เท่า ด้านล่างเป็เสาขนาดใหญ่สี่ต้นที่แบกรับน้ำหนักทั้งหมดของร้านอาหารเอาไว้ ใช้ไม้ที่อยู่ในระดับมายามาเป็เสาหลัก คิดได้เลยว่าคนที่นี่ร่ำรวยมากเพียงใด
หลงเหยียนเดินเข้าไป เสี่ยวเอ้อในร้านเดินออกมาต้อนรับ มองดูหลงเหยียนก็เดาได้พอประมาณแล้วว่าตัวตนของเขาเป็เช่นไร
“ฮึ มองซ้ายมองขวาดูอะไรอยู่ เ้า้ามาพักที่นี่หรือแค่หยุดพักชั่วคราว?” เสี่ยวเอ้อเชิดหน้าพลางกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
หลงเหยียนรวบรวมพลังปราณบนฝ่ามือ ยื่นมือคว้าเสี่ยวเอ้อไว้ในมือ เขารู้สึกประหลาดใจมาก พละกำลังของเขาอยู่ในระดับพลังชีพัขั้นที่หก ซึ่งทำให้หลงเหยียนตกตะลึงมาก
หลงเหยียนหมดเรี่ยวแรงไปทันทีพร้อมกล่าวอย่างเ็า “มาพัก อย่างไรวันนี้ข้าเหนื่อยกับการเดินทางมามากพอแล้ว เตรียมอาหารและเครื่องดื่มดีๆ ให้ข้าก่อน”
หลงเหยียนพูดจบก็หยิบเงินเหรียญออกมาจากถุงผ้าเฉียนคุนหนึ่งร้อยตำลึง วางไว้ในมือเสี่ยวเอ้อ ถือเป็การตกรางวัล จากนั้นหลงเหยียนก็ขึ้นไปบนชั้นสอง
เสี่ยวเอ้อที่เริ่มโมโหกลับมองดูเงินเหรียญที่อยู่ในมือ คิดไม่ถึงว่าคนที่แต่งตัวบ้านนอกจะใจกว้างเพียงนี้ น่าจะเป็คนที่เกิดในพื้นที่เล็กๆ ทว่าครอบครัวมีฐานะร่ำรวย หรือไม่ก็เป็ขุนนาง ไม่ควรเป็อริด้วย เขาจึงะโตอบกลับ “ได้ขอรับ ท่านขึ้นไปพักบนชั้นสองก่อน อาหารจะขึ้นไปส่งทันที”
มองไปด้านหลังของหลงเหยียน เสี่ยวเอ้อแอบสาปแช่งในใจ “เหอะ คนแบบนี้ เกรงว่าคงยังไม่รู้ ในเมืองนี้อันตรายมากเพียงใด ไม่รู้ว่าเมื่อไรต้องทนทุกข์ทรมาน”
บนชั้นสอง หลงเหยียนเจอที่นั่งริมหน้าต่างว่างอยู่จึงเดินไปนั่ง กลางห้องอาหารมีบุรุษร่างกำยำหลายคนนั่งอยู่ ข้างกายบุรุษเ่าั้มีเสือป่าที่ดุร้ายและโเี้หลายตัวนอนหมอบอยู่
หลงเหยียนรู้ได้ทันทีว่า นั่นคือเสือป่าระดับทองคำขั้นที่แปด คิดไม่ถึงว่ามันจะถูกฝึกจนเชื่องเช่นนี้ ดูไปแล้วคนเหล่านี้ล้วนมีระดับพลังชีพกำลังสูงตนทั้งนั้น
ฟังจากสำเนียงพวกเขาน่าจะไม่ใช่คนในพื้นที่ พวกเขาเป็คนที่เดินทางไปตระกูลอู่ตี้เพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกของตระกูลเช่นกัน
หลงเหยียนมองไปรอบๆ มองไปที่ด้านล่างของชั้นสอง ส่วนด้านหลังนั้นเป็บ้านพัก ในสวนภายในบ้านนั้นมีสัตว์ระดับทองคำนับสิบตัว บ้างก็กำลังหมอบอยู่ บ้างก็กำลังคลานอยู่
หลงเหยียนถอนหายใจ นี่เป็สถานที่ที่ใหญ่จริงๆ ทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย
หลงเหยียนมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ จึงดึงดูดความสนใจของบุรุษจำนวนไม่น้อย ชายร่างกำยำเ่าั้พูดถึงตระกูลอู่ตี้เป็ระยะๆ ทำให้หลงเหยียนแนบหูฟัง
ชายร่างกำยำคนหนึ่งโบกมือทักทายเขา “นี่ น้องชาย เ้าก็มาที่เนินดารานี่เป็ครั้งแรกใช่หรือไม่ จะมานั่งด้วยกันหรือเปล่า”
หลงเหยียนครุ่นคิด เมื่อออกจากบ้านต้องอาศัยเพื่อน บางทีการหาเพื่อนอีกสองสามคนก็อาจช่วยเขาได้มาก ดูพี่ชายทั้งหลายล้วนเป็คนตรงไปตรงมา เขาจึงเดินไปนั่งลง ครั้งนี้เป็การเดินทางออกจากบ้านครั้งแรก หลงเหยียนไม่คุ้นเคยกับที่นี่จริงๆ
“พี่ใหญ่ เมื่อครู่พี่พูดถึงตระกูลอู่ตี้หรือ? พี่รู้จักที่นั่นดีหรือไม่? หากน้องชายเดาไว้ไม่ผิด พวกพี่ล้วนเตรียมตัวไปยังตระกูลอู่ตี้แห่งเมืองหยุนจงใช่ไหม”
อีกคนเงยหน้าขึ้นพลางหัวเราะเสียงดัง ออกแรงดึงเสือป่าที่อยู่ข้างกายให้ถอยหลัง “ใช่ ไม่รู้ว่าน้องชายชื่ออะไร?”
“พี่ใหญ่ น้องชายชื่อหลงเหยียน!”
“หลงเหยียน? ชื่อนี้เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน” ชายร่างกำยำมองหลงเหยียนั้แ่หัวจรดเท้า คิดไม่ถึงว่ากลิ่นอายบนตัวของเด็กคนนี้ทำให้เสือป่ากลัว
หลังจากนั้นชายร่างกำยำก็หัวเราะก่อนนึกในใจ ‘น่าจะไม่ใช่ยอดอัจฉริยะที่เขาร่ำลือหรอกกระมัง เพียงแต่ดูจากการแต่งตัวแล้ว น่าจะเป็คุณชายในตระกูลใหญ่มากกว่า’
คนที่มีชื่อแซ่เหมือนกันมีหลายคน ดูิัที่บอบบางของหลงเหยียน น่าจะเป็คุณชายที่เติบโตมาในบ่อแช่น้ำร้อน อีกทั้งยังดูอายุยังน้อยอยู่เลย
“น้องหลงเหยียน ข้าชื่อหนานกงฉู่ มาจากหมู่บ้านตระกูลหยาง สามคนนี้เป็พี่ชายทั้งสามคนของข้า หนานกงซวิน หนานกงจิ่งและหนานกงมั่ว ครั้งนี้พวกเขาเดินทางไปเข้าร่วมการคัดเลือกของตระกูลอู่ตี้เป็เพื่อนข้า” พูดถึงตรงนี้ บนใบหน้าของหนานกงฉู่ก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
พลังิญญาของหลงเหยียนยังไม่สามารถรับรู้ถึงระดับพลังของพวกเขา คาดว่าอย่างต่ำก็น่าจะถึงพลังชีพัขั้นที่เก้าแล้ว ในเมื่อทุกคนล้วนเดินทางไปยังตระกูลอู่ตี้เหมือนกัน หลงเหยียนก็สนใจขึ้นมาทันที เขาพูดคุยกับสี่พี่น้องตระกูลหนานกงอย่างสนุกสนาน
ใน่เวลานี้ เสี่ยวเอ้อเอาอาหารและเครื่องดื่มของหลงเหยียนมาให้ เดิมทีดูจากใบหน้าที่อ่อนโยนของเขาแล้ว คิดว่าเขาเป็คนขี้อาย กลับคิดไม่ถึงว่าจะเข้ากับคนอื่นได้เร็วเช่นนี้ ทำให้รู้สึกแอบอิจฉาเล็กน้อย
“ฮึ หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่เงินเหรียญที่เ้าให้มา ข้าจะไม่ถือสาก็แล้วกัน!”
หลงเหยียนรินสุราลงในแก้วของสี่พี่น้องตระกูลหนานกงอย่างสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตน “พี่ฉู่ เมืองหยุนจงเป็อย่างไร ท่านเล่าให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่?”
--------------------