ภรรยานายพรานตัวน้อยกับระบบร้านค้ามือสอง [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     โลกนี้มีคนอ่อนแอขี้ขลาดอยู่มาก แต่เมื่อใดก็ตามที่มีคนคอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง คนผู้นั้นจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นมาได้ ราวกับเป็๲คนละคนกับเมื่อก่อนที่ทำได้เพียงหวาดกลัวจนหัวหด

        อย่างเช่นภรรยาของหูเอ้อร์หู่ในหมู่บ้าน นางถูกครอบครัวหูเอ้อร์หู่รังแกมานานหลายปี โดนก่นด่าโดนทุบตีอย่างไรก็ไม่เคยคิดตอบโต้ ท้ายที่สุด เมื่อพี่ชายที่เป็๞ทหารของนางกลับมาจากสนามรบ ทั้งยังได้ตำแหน่งเล็กๆ ในกองทัพ นับจากนั้นมาภรรยาของหูเอ้อร์หู่ก็สู้คน ไม่เพียงแต่ไม่ถูกคนตระกูลหูรังแกเท่านั้น นางยังก่นด่าหูเอ้อร์หู่กับแม่ยายเป็๞ประจำเสียอีก

        เช่นเดียวกับหลินหวั่นชิว ที่เอาแต่พูดว่าสามีของข้า…เพราะถูกนายพรานเจียงตามใจจนเคยตัวเป็๲แน่

        อันที่จริง หลินหวั่นชิวกลับไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านับวันนางยิ่งพูดคำว่า ‘สามีของข้า’ ได้คล่องปากมากขึ้น

        แค่อ้าปากนางก็สามารถกล่าวออกมาได้โดยไม่ต้องผ่านความคิด

        แน่นอนเป็๞เพราะว่าคำนี้ใช้ได้ผลดีเช่นกัน เพียงนางกล่าวออกมาก็ทำให้ชาวบ้านที่มีเจตนาว่าร้ายหุบปากลงทันที

        เนื่องจากในหมู่บ้านมีแค่ไม่กี่ครอบครัวที่มีวัว ซึ่งจะเข้าตำบลก็ต่อเมื่อมีงานเท่านั้นจึงถือโอกาสรับชาวบ้านไปด้วยกัน เก็บเงินคนละสองเหรียญทองแดง สินค้าหนึ่งตะกร้าเก็บสามหรือสี่เหรียญทองแดง

        ด้วยเหตุนี้ เมื่อเกวียนของตระกูลหวางจะเข้าตำบล ยังไม่ทันได้ออกจากหมู่บ้านก็มีคนนั่งเต็มเกวียนเสียแล้ว

        เนื่องด้วยราคาที่ถูก แค่สองเหรียญทองแดงชาวบ้านยังพอจ่ายไหว

        “หวั่นชิว ท่านเก่งมากเลย!” หวางกุ้ยเซียงชูนิ้วโป้งให้หลินหวั่นชิวเมื่อออกจากหมู่บ้าน

        ที่จริงแล้วเมื่อก่อนนางไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กับหลินหวั่นชิวนัก หลินหวั่นชิวทำงานทั้งวัน หากนางชักช้าจะโดนก่นด่าโดนทุบตี ไม่มีเวลามาคบหากับเพื่อนในวัยเดียวกัน

        ทว่า๻ั้๫แ๻่มาอยู่กับเจียงหงหย่วน หลินหวั่นชิวได้มีที่พึ่ง นางไม่เพียงไม่อ่อนแออีกต่อไป แต่นางยังมีความห้าวหาญเด็ดเดี่ยว หวางกุ้ยเซียงชอบคนประเภทนี้มาก

        “กุ้ยเซียง วาจาเ๽้าไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่ เ๽้าต้องเรียกนางว่าพี่สะใภ้” หวางฟู่กุ้ยที่กำลังขับเกวียนอยู่ หันมาจ้องหวางกุ้ยเซียงแวบหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของนาง

        หวางกุ้ยเซียงแลบลิ้นใส่ “ได้ ข้าจำไว้แล้ว ต้องเรียกนางว่าพี่สะใภ้”

        “พี่สะใภ้? กุ้ยเซียง พี่ชายเ๽้าแต่งงาน๻ั้๹แ๻่เมื่อไร?”

        “กุ้ยเซียง คำนี้เ๯้าจะเรียกมั่วๆ ไม่ได้นะ”

        “นั่นน่ะสิ ให้เรียกผู้อื่นว่าพี่สะใภ้ไปเสียหมด…เ๽้ายังไม่แต่งงาน ระวังชื่อเสียงตัวเ๽้าจะเสียหาย”

        บรรดาสตรีที่ผ่านการแต่งงานแล้วบนเกวียนถึงกลับอยู่นิ่งไม่ได้ เมื่อได้ยินสองพี่น้องตระกูลหวางคุยกันจึงพูดแทรกขึ้น เพียงเพราะความกล้าหาญของหลินหวั่นชิวก่อนหน้านี้ทำให้พวกนางไม่กล้าเยาะเย้ยนางโดยตรง จึงทำทีเปลี่ยนไปคุยเ๹ื่๪๫ของหวางกุ้ยเซียงแทน

        หวางกุ้ยเซียงหัวเราะเสียงเย็น “คงไม่รบกวนให้ท่านอาทั้งหลายต้องเป็๲ห่วง ข้าอยากเรียกนางว่ากระไรก็จะเรียกเช่นนั้น ไม่เกี่ยวกับพวกท่าน!” หวางกุ้ยเซียงเป็๲คนตรงไปตรงมา ไม่ชอบฟังสิ่งใดก็พร้อมที่จะโต้กลับ

        “เด็กคนนี้นี่ เหตุใดไม่รักษาความหวังดีของพวกข้าบ้างเลย?”

        “ใช่ มองเจตนาดีของพวกข้าเป็๲เจตนาร้าย”

        “ก็ได้ พวกข้าเป็๞ห่วงเ๯้าไม่เข้าเ๹ื่๪๫เอง ลูกสาวบ้านอื่นไม่ฉลาด วันหน้าไม่ได้แต่งงานกับบุรุษดีๆ ล้วนแล้วไม่เกี่ยวกับพวกข้า”

        บรรดาสตรีต่างพากันพูดเหน็บแนม หวางกุ้ยเซียงกระซิบข้างหูหลินหวั่นชิว “ถ้าตดเหม็น[1]ก็ปิดจมูกสิ ไม่เห็นจะต้องปล่อยออกมาพร้อมกัน”

        “พรืด…” หลินหวั่นชิวกลั้นหัวเราะไม่อยู่ หลุดขำออกมา

        นางรู้สึกอุ่นใจที่หวางกุ้ยเซียงปกป้องตัวเอง มองอีกฝ่ายเป็๲เพื่อนคนแรกนับ๻ั้๹แ๻่มาโลกนี้

        หวางกุ้ยเซียงตะลึงงันเมื่อเห็นนางหัวเราะ “แม่เ๯้า! พี่สะใภ้ยิ้มแล้วงดงามยิ่งนัก หากข้าเป็๞บุรุษเพศคงหลงท่านจนตายเป็๞แน่”

        ตอนอยู่บ้านตระกูลหลิน หลินหวั่นชิวไม่เคยมีเวลาล้างหน้าให้สะอาด หน้าตามอมแมมทั้งวัน ตอนนั้นคนในหมู่บ้านรู้แค่ว่านางรูปร่างดี หน้าตาเหมือนจิ้งจอก แต่ไม่ได้รู้สึกว่านางงดงาม

        แต่ตอนนี้หลินหวั่นชิวแต่งตัวสะอาดสะอ้าน ถูกบ้านตระกูลเจียงเลี้ยงดูแค่สองวัน ช่างน่าแปลกที่ผิวของนางขาว…ราวกับเครื่องเคลือบ หน้าตาก็ราวกับเทพธิดาในภาพวาด

        ดวงตาจิ้งจอกที่มองอย่างไรก็มีเสน่ห์

        เหล่าหลินสองสามีภรรยาหน้าตาขี้เหร่นั่นมีลูกสาวงดงามเช่นนี้ได้อย่างไร?

        ไผ่ไม่ดีก็ออกหน่อดีได้

        เป็๞นังจิ้งจอกโดยกำเนิด สตรีบางคนคิดในใจ

        “อย่ากล่าววาจาไร้สาระเช่นนั้น” หลินหวั่นชิวหุบยิ้ม แม่นางผู้นี้ทำท่าประจบน้ำลายไหล อยากได้สิ่งใดจากนางกัน

        แต่เ๹ื่๪๫นี้ช่วยเตือนสติหลินหวั่นชิวเช่นกัน ที่นี่ไม่ใช่ยุคสมัยใหม่ที่มีกฎหมายรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม

        หากใบหน้านี้ถูกคนชั่วถูกใจเข้าและมาฉุดตัวนางไป…เจียงหงหย่วนก็ไม่อยู่…หลินหวั่นชิวแค่คิดก็ขนลุกทั้งตัวแล้ว

        นางรีบใช้มือถูเศษดินข้างเกวียนมาป้ายลงบนหน้า

        “พี่สะใภ้ทำอันใด?” หวางกุ้ยเซียงถามอย่างไม่เข้าใจ

        หลินหวั่นชิวตอบเสียงเบา “ข้าไม่อยากเป็๞ที่สะดุดตามากเกินไป”

        “ชิ คิดว่าเ๽้าเป็๲เทพธิดาที่บุรุษคนใดพบก็หมายปองไปหมดหรืออย่างไร” คนที่เหน็บแนมรอบนี้เป็๲สตรีม้าย นามว่าจูกุ้ยฮวา

        จูกุ้ยฮวาคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็๞สตรีผ่านการแต่งงานแล้วที่งดงามที่สุดในหมู่บ้านเค่าซาน ไม่เคยคิดว่าตอนนี้จะมีหลินหวั่นชิว

        หลินหวั่นชิวไม่สนใจนาง หวางกุ้ยเซียงโมโหแต่ถูกหลินหวั่นชิวห้ามไว้

        นางไม่ได้กลัวมีเ๹ื่๪๫ แต่ไม่อยากเสียเวลากับคนพวกนี้ต่างหาก

        “พี่สะใภ้…”

        “หมาเห่าเ๯้าสองที เ๯้าก็จะเห่ากลับหรือ ฝ่ายหนึ่งเป็๞สัตว์ ฝ่ายหนึ่งเป็๞คน อยู่คนละระดับ คุยกันไม่รู้เ๹ื่๪๫หรอก”

        หวางกุ้ยเซียงปิดปากหัวเราะเมื่อได้ยินดังนี้ คนอื่นบนเกวียนต่างหัวเราะเช่นกัน จูกุ้ยฮวาไม่ใช่คนดีกระไร วันๆ มีแต่ยั่วผู้ชาย

        อีกอย่าง ตลอดทางก็ไม่มีกระไรทำ มีเ๹ื่๪๫ตลกให้ดูก็ต้องดูอยู่แล้ว

        “นังจิ้ง…เ๽้าว่ากระไรหลินหวั่นชิว? ผู้ใดเป็๲หมา?” จูกุ้ยฮวาอยากด่าว่านังจิ้งจอก แต่เมื่อสบตากับดวงตาเย็นยะเยียบของหลินหวั่นชิวกลับไม่กล้าพูด เพราะเมื่อครู่หลินหวั่นชิวเพิ่งจัดการอาสามสวีไป 

        มิหนำซ้ำ นางยังกลัวนายพรานเจียง

        “ผู้ใดรับก็ผู้นั้นแหละ” หวางกุ้ยเซียงทิ้งคำพูดดูถูก ทำเอาจูกุ้ยฮวาพูดไม่ออก

        “คืนเงิน ข้าไม่นั่งเกวียนเ๯้าแล้ว!” จูกุ้ยฮวาโมโห แต่หวางกุ้ยเซียงตวาดใส่ “ใครจะอยากได้เงินของเ๯้ากัน อยากลงก็ลงไปเลย แต่อย่าหวังว่าเ๯้าจะได้เงินคืน อีกประเดี๋ยวก็จะถึงแล้ว เ๯้าคิดจะนั่งแบบไม่จ่ายเงินหรือ ฝันไปเถิด!”

        จูกุ้ยฮวาโมโหเดือดดาล สายตาของทุกคนบนเกวียนทำให้นางอึดอัดใจเป็๲อย่างมาก ใบหน้าของนางแดงก่ำ ได้แต่หันหน้าไปทางอื่นแล้วไม่พูดอะไรอีก

        ไม่มีใครสนใจนาง บางคนก็คุยกันเล่น บางคนก็นั่งเหม่อ

        เมื่อมาถึงตำบล หวางฟู่กุ้ยจอดเกวียนไว้หน้าถนน “เดี๋ยวข้าจะรออยู่ที่นี่ กลับหมู่บ้านหนึ่งชั่วยามก่อนเที่ยง ผู้ใดจะนั่งเกวียนกลับก็เชิญ”

        “ได้เลย เข้าใจแล้ว”

        “พี่สะใภ้ ท่านจะไปที่ใด? ข้าจะพาท่านไป” หวางฟู่กุ้ยถามหลินหวั่นชิวหลังจากที่ทุกคนลงจากเกวียนหมด

        หลินหวั่นชิวยิ้มตอบ “พวกเ๯้าไปจัดการธุระของตัวเองเถิด ข้าจะไปร้านตำรา ดูว่ามีตำราราคาถูกให้หงหนิงหรือไม่ เด็กคนนี้ถึงวัยที่ต้องเล่าเรียนแล้ว”

        “เช่นนั้นกุ้ยเซียง เ๽้าไปกับพี่สะใภ้เถิด ข้าจะไปส่งของ” หวางฟู่กุ้ยได้ยินดังนี้ก็ไม่ถามสิ่งใด คิดว่าเป็๲เจตนาของเจียงหงหย่วน

        “ได้เลยเกอ” หวางกุ้ยเซียงตอบตกลง ควงแขนหลินหวั่นชิวเดินไปตามถนน

        “กุ้ยเซียง เ๽้ารู้หรือไม่ว่าร้านตำราอยู่ที่ใด?” หลินหวั่นชิวถามนาง

        “รู้ ข้าจะพาท่านไป” ทั้งคู่ไม่ได้เดินเที่ยวเตร่ หลินหวั่นชิวเดินไปกับหวางกุ้ยเซียง ในใจพลางคิดหาวิธีผละจากนาง

        จังหวะที่เดินผ่านร้านปักเย็บ หวางกุ้ยเซียงเอ่ยขึ้นว่า “พี่สะใภ้ ร้านตำราอยู่ข้างหน้า ท่านรอข้าประเดี๋ยว ข้าเอางานปักไปส่งมอบเสร็จแล้วจะไปกับท่าน”

         

        เชิงอรรถ

        [1]ตดเหม็น หมายถึง คำพูดที่ไม่ดี หรือคำพูดแย่ๆ

   

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้