การล้มก่อนที่จะได้พบกับศัตรู นี่เป็สิ่งที่น่าเศร้า
ิญญาชั่วร้ายชุกชุมสมกับที่ถูกเรียกขานว่าหุบเขาิญญาเมฆา เมื่อมาถึงที่นี่ อี้เทียนหรงและอี้จื่อฮันต่างต้านทานิญญาชั่วร้ายได้อย่างยากลำบาก หากว่าพวกเขายังคงเดินทางต่อไปยังจุดศูนย์กลางของหุบเขา พวกเขาอาจล้มลงก่อนได้
"ข้าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับความน่ากลัวของิญญาร้ายและในที่สุดข้าก็มีโอกาสที่จะได้ประสบกับมันด้วยตนเอง ข่าวลือยังมีอีกว่าขนาดผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้์ขั้นปลายยังไม่อาจทนต่อการกัดกร่อนของิญญาชั่วร้ายได้ บางทีพวกเราอาจจะไปไม่ถึงแท่นบูชาก็เป็ได้"
อี้เทียนหรงเผยรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้า เมื่อพวกเขามองไปยังเจียงเฉินและหวงต้าผู้ที่ยังดูสบายๆอยู่ พวกเขายิ่งรู้สึกหดหู่ นี่มันบ้าชัดๆ ความแตกต่างระหว่างพวกเขามันมากมายนัก
"น้องเจียง พวกเราจะทำอย่างไรดี? ดูเหมือนว่าพวกเราจะกลายเป็ตัวถ่วงไปซะแล้ว"
อี้จื่อฮันมองเจียงเฉินแล้วถาม ในใจของเขานั้นเจียงเฉินเป็ผู้นำกลุ่มพวกเขา
ใบหน้าของเจียงเฉินเรียบเฉย ไม่แสดงท่าทางตื่นตระหนกใดๆออกมา เขาพลิกฝ่ามือและนำขวดมรกตออกมาจากแหวนมิติของเขา
"วารีกำเนิดพลังนี้จะช่วยพวกเ้าต้านทานิญญาร้ายได้ รับไปซะ แล้วจิบเพียงอึกหนึ่งเมื่อเ้ารู้สึกทนไปไม่ไหว"
เจียงเฉินส่งขวดมรกตไปให้อี้จื่อฮัน
"วารีกำเนิดพลัง?!"
อี้จื่อฮันและอี้เทียนหรงะโออกมาอย่างไม่อยากเชื่อในเวลาเดียวกันขณะที่พวกเขามองไปยังขวดมรกต มันมีวารีกำเนิดพลังเต็มเปี่ยมอยู่ภายใน นี่เป็การเปิดหูเปิดตาพวกเขานัก วารีกำเนิดพลังเป็พลังหยางอันบริสุทธิ์ มันสามารถที่จะช่วยต้านทานพลังหยินจากิญญาร้ายตราบที่มีมันก็จะได้รับประโยชน์อย่างมาก
"ข้าได้หยดโลหิตของข้าลงในวารีกำเนิดพลัง โลหิตของข้ามีพลังหยางอันบริสุทธิ์ที่สุดในโลก มันเป็ศัตรูโดยธรรมชาติของิญญาชั่วร้าย หลังจากที่พวกเ้าได้ดื่มมันไป พวกเ้าไม่ต้องกลัวพวกิญญาร้ายไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง"
เจียงเฉินพูดขึ้น
ใบหน้าของอี้เทียนหรงและอีกสามคนตกตะลึงอย่างหนัก พวกเขาเหม่อลอยอย่างโง่งม สำหรับพวกเขาแล้วเจียงเฉินเป็ดั่งสัตว์ประหลาดไร้ที่เปรียบ
"คุณชายเจียง วารีกำเนิดพลังนี่มันล้ำค่ามาก แต่พวกข้าไม่ขอปฏิเสธ หากข้าอี้เทียนหรงสามารถรอดออกจากหุบเขาได้ ทุกๆคนในตระกูลอี้จะรับใช้คุณชายเจียงเป็นายของพวกเรา และจะทำทุกสิ่งที่ท่านบอกพวกข้าให้ทำ!แม้ตายหมื่นครั้งพวกเราก็จะไม่ปริปากบ่น!"
อี้เทียนหรงพูดด้วยท่าทางจริงจัง ของขวัญแพงเช่นนี้ หากเป็ในโอกาสทั่วๆไปเขาอาจปฏิเสธ แต่ใน่เวลาคับขันเช่นนี้เขายอมรับมัน
อี้จื่อฮันเปิดขวดมรกตและจิบวารีกำเนิดพลังเข้าไป นอกจากนั้นอี้เทียนหรงและาุโอีกสองคนก็จิบด้วยเช่นกัน
เมื่อวารีกำเนิดพลังเข้าไปยังร่างกายของพวกเขา ทั้งสี่คนรู้สึกเหมือนกระแสอากาศอุ่นได้แพร่กระจายภายในร่างพวกเขา ด้วยการช่วยเหลือของกระแสอากาศอุ่น ิญญาชั่วร้ายไม่อาจขัดขืนและได้ถูกขับออกจากร่างกายพวกเขา และพวกเขารู้สึกสบายตัวในทันใด ความรู้สึกแย่ที่มาจากการกัดกร่อนของิญญาชั่วร้ายได้หายไปเป็ปลิดทิ้ง
ในใจทั้งสี่รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะลำพังวารีกำเนิดพลังไม่มีประสิทธิภาพถึงเพียงนี้ นี่มันท้าทาย์นัก
วารีกำเนิดพลังเป็พลังหยางบริสุทธิ์และหลังจากที่หยดโลหิตของเจียงเฉินลงไป คุณภาพได้เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ทำให้มันสามารถต้านทานิญญาชั่วร้ายได้
ทั้งกลุ่มได้เดินทางไปถึงส่วนที่สี่ เส้นทางที่หวงต้าเลือกนั้นไม่มีเวรยามปีศาจโลหิตคอยเฝ้าอยู่ เหมือนกับว่าพวกมันได้โดนหวงต้าสังหารทิ้งก่อนหน้าแล้ว ทุกคนได้เดินทางอย่างเงียบๆและราบรื่น จนมาถึงจุดศูนย์กลางของหุบเขาิญญาเมฆา
"พวกเ้าเห็นนั่นหรือไม่? มีเนินเขาขนาดเล็กอยู่ตรงหน้าและด้านหลังเนินเขาเป็หุบเขา แท่นบูชาอยู่ที่หุบเขาแห่งนั้น"
หวงต้ากล่าว
"มันเงียบจนน่าขนลุก ข้าคิดว่าพิธีเซ่นสังเวยยังไม่เริ่มที"
อี้จื่อฮันพูด
"ิญญาชั่วร้ายจะแข็งกล้ามากที่สุดในยามเที่ยงคืน หากการคาดเดาของข้าถูกต้องนั้น ราชันย์จันทราโลหิตจะเริ่มพิธียามเที่ยงคืน"
เจียงเฉินพูดออกมา
แต่ละคนปกปิดพลังปราณมิให้รั่วไหลออกไป จากนั้นพวกเขาเดินไปยังเนินเขาแห่งนั้นทีละก้าวทีละก้าว เมื่อพวกเขาขึ้นไปสู่ยอดของเนินเขาแห่งนั้นพวกเขาหันหน้าไปยังหุบเขาที่อยู่ตรงหน้า
สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือกลุ่มของปีศาจโลหิตขนาดใหญ่ พวกมันต่างคุกเข่าอยู่บนพื้นกำลังทำการบ่มเพาะอยู๋ ไม่มีปีศาจโลหิตตนไหนกล้าเงยหัว ตรงหน้าพวกมันมีแท่นบูชาสีดำทั้งหมดสร้างมาจากหัวกระโหลกของมนุษย์มันดูอันตรายและน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
บนแท่นบูชามีชายหนุ่มสวมชุดสีแดงเปื้อนเืนั่งหลับตาขัดสมาธิอยู่ ใบหน้าของมันดูชั่วร้าย ด้วยริมฝีปากสีดำและพลังปราณสีดำปกคลุมรอบตัว และบนหน้าผากมีอักขระลึกลับอยู่ ตัวมันดูราวกับผู้ที่มาจากขุมนรก
ถัดจากแท่นบูชาเป็เด็กสาวเรียงแถวเก้าสิบเก้าคน พวกนางทุกคนดูจิตใจเลื่อนลอยราวกับว่าพวกนางได้พบกับเหตุการณ์ที่ทำให้ช็อคเป็อย่างมาก หมอกสีดำจางๆล้อมรอบพวกนาง ป้องกันมิให้ิญญาร้ายกัดกร่อนร่างกายของพวกนาง นี่เป็เหตุว่าทำไมพวกนางถึงไม่ได้รับผลกระทบจากิญญาชั่วร้าย
"จื่อเหยียน!"
"น้องสาวข้า!"
อี้เทียนหรงและอี้จื่อฮันเห็นเด็กสาวที่อยู่หัวเถว เป็เด็กสาวที่สวมชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงิน ด้วยร่างที่ผอมบางใบหน้าที่งดงาม นางยืนขึ้นทันทีในหมู่เด็กสาว ดวงตาที่งดงามของนางได้กลายเป็ว่างเปล่า ทำให้ผู้อื่นรู้สึกเสียใจเมื่อได้มองตานาง
สภาพของนางทำให้อารมณ์ของอี้จื่อฮันและอี้เทียนหรงขึ้นๆลงๆ แต่โชคดีที่พวกเขาไม่ใช่คนทั่วๆไป พวกเขายังยับยั้งตัวเองได้ และไม่ผลีผลามลงมือ
"คุณชายเจียง พวกเราจะลงมือเมื่อใดรึ?"
อี้เทียนหรงมองไปยังอี้จื่อฮัน พวกเขารู้สึกเหมือนมีมีดแทงใจพวกเขาตอนนี้ขณะที่เห็นบุตรสาวที่รักของเขาต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น
เจียงเฉินกำลังมองหาราชันย์จันทราโลหิต ด้วยการตัดสินใจของเขาและทักษะยอดิญญาต้าเหยี่ยน เขาสามารถบอกระดับการบ่มเพาะของจ้าวจันทราโลหิตได้ทันที มันมีพลังอันแข็งแกร่ง และระดับการบ่มเพาะของมันอยู่ขอบเขตแก่นแท้์ขั้นสูงสุด นอกจากนี้ชัดเจนว่าราชันย์จันทราโลหิตได้รับสืบทอดทักษะของคนทรงจันทราโลหิตมาด้วย มันเชี่ยวชาญทักษะของปีศาจโลหิต แม้ว่าราชันย์จันทราโลหิตอาจไม่สามารถเทียบกับหนานเป่ยเฉาได้ แต่มันอยู่ระดับเดียวกับกวนอี้หยุนและเหลียงเซียว กระทั่งเฝินคุนยังอ่อนแอกว่าราชันย์จันทราโลหิต คนประเภทนี้ไม่ใช่ผู้ที่เจียงเฉินสามารถจัดการได้
"ราชันย์จันทราโลหิตรับมือไม่ง่าย นอกจากนั้นข้าไม่รู้ด้วยว่ามันได้รับสืบทอดทักษะใดมาจากคนทรงจันทราโลหิต หากพวกเราลงมือโดยไม่รู้เื่เกี่ยวกับพวกมันมาก กระทั่งข้าอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน ดังนั้นพวกเราจำต้องรอก่อน"
ดวงตาของเจียงเฉินลุกวาว ในตอนนี้เขามีตราประทับัทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบดวงแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาสามารถที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้์ขั้นปลายทั่วๆไปได้ เขากระทั่งสามารถรับมืออัจฉริยะเช่นเฝินคุนได้ แต่การที่เขาจะต้องสู้กับคนที่อยู่ระดับเดียวกับกวนอี้หยุนเขาจำเป็้าพลังอีกเล็กน้อย
นอกจากนี้สถานที่นี้คือหุบเขาิญญาเมฆา มันเป็ถิ่นของราชันย์จันทราโลหิต นอกจากระดับการบ่มเพาะที่ร้ายกาจของมัน เจียงเฉินไม่เชื่อว่ามันจะไม่มีไพ่ตายอื่นอีก
"พวกเราจะต้องรอจนถึงเมื่อใดกัน?"
อี้จื่อฮันถาม
"ข้ารู้ว่าพวกเ้าต่างเป็ห่วงอี้จื่อเหยียน หากพวกเราลงมือในตอนนี้ ไม่เพียงแค่พวกเราไม่อาจช่วยนางได้ พวกเ้าทั้งหมดอาจถูกสังหารอีกด้วย แม้ว่าหากข้าสามารถรับมือราชันย์จันทราโลหิตได้ พวกเ้าทุกคนจะรับมือกับปีศาจโลหิตนับพันอย่างไร?"
เจียงเฉินมองไปยังอี้เทียนหรงและอี้จื่อฮันแล้วเขาก็พูดต่อ
"รอจนเที่ยงคืน เมื่อจ้าวปีศาจโลหิตเริ่มพิธีเซ่นสังเวย พิธีเช่นนี้จักต้องใช้เวลาชั่วระยะเวลาหนึ่งถึงจะเสร็จสมบูรณ์ เมื่อพิธีนี้ได้ถูกขัดจังหวะ ถึงแม้ว่าเป็ราชันย์จันทราโลหิตจะต้องได้รับความเสียหายเป็แน่ ข้าจะรอ่เวลาที่ราชันย์จันทราโลหิตได้มุ่งความสนใจไปยังพิธีกรรม เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราจะเริ่มลงมือ"
บนใบหน้าเจียงเฉินเผยรอยยิ้มแสยะ ยอดฝีมือที่แท้จริงไม่จำเป็ต้องมีเพียงความแข็งแกร่งที่เหนือคนทั่วไป เขาจักต้องมีความฉลาดเหนือล้ำเหนือคนทั่วไปอีกด้วย เมื่อประสานทั้งสองอย่าง คนผู้นั้นจะถูกเรียกว่ายอดฝีมือที่แท้จริง
ความแข็งแกร่งโดยรวมของเจียงเฉินทรงพลังมาก เขาไม่เคยลงมือโดยที่ไม่มีแผนการ เขารู้ดีว่าต้องลงมือจัดการศัตรูใน่เวลาใด หากเพียงลำพัง เขามีความมั่นใจว่าเขาจะได้รับชัยชนะในทุกการต่อสู้ ถึงแม้ว่าอาจต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม เขาจะลงมือทำในสิ่งที่เขามีความมั่นใจเท่านั้น และเขาไม่เคยทำสิ่งใดโดยที่ขาดความมั่นใจ
"ท่านผู้นำ คุณชายเจียงพูดมานั้นล้วนถูกต้อง ไม่มีความจำเป็ต้องเร่งรีบ หากพวกเราลงมือตอนนี้ ด้วยราชันย์จันทราโลหิตอยู่ในสภาพพร้อมที่สุด พวกเราไม่อาจจัดการมันได้แน่"
หนึ่งในาุโตระกูลอี้พูดขึ้น
อี้เทียนหรงหายใจเข้าลึกๆและผงกหัว ตัวเขารู้ว่าเจียงเฉินพูดถูก เพราะด้วยแผนการลงมือของเขาเท่านั้นที่จะมีโอกาสที่จะจัดการเ้าพวกปีศาจโลหิต แต่เขาได้คิดบางอย่างและถามตรงๆ
"คุณชายเจียง จากที่ท่านพูดมา พวกเราจำเป็ต้องรอจนกว่าราชันย์ปีศาจโลหิตจะมุ่งความสนใจทั้งหมดกับพิธีกรรมเซ่นสังเวย...นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเราต้องรอจนกว่าพิธีกรรมเซ่นสังเวยเริ่มก่อนที่พวกเราจะลงมือเช่นนั้นรึ?"
"ตามที่ข้าพูดไป พิธีกรรมเซ่นสังเวยโลหิตนั้นจะใช้เวลาระยะหนึ่งถึงเสร็จสมบูรณ์ และเหล่าเด็กสาวจักถูกนำไปสังเวยทีละคนทีละคน พวกมันไม่นำไปสังเวยทั้งหมดในคราเดียว พวกเ้าจะต้องวิงวอนมิให้อี้จื่อเหยียนเป็คนแรกที่ต้องโดนสังเวย"
เจียงเฉินไม่แสดงอาการใดๆออกมาทางสีหน้า
"น้องเจียง เ้าจะบอกว่าจะต้องให้เด็กสาวบางคนต้องเป็เครื่องสังเวยงั้นรึ?"
อี้จื่อฮันถามขึ้น
"จะต้องมีใครบางคนต้องเป็เหยื่อเซ่นสังเวย การสังเวยเพียงไม่กี่คนย่อมดีกว่าการที่สังเวยพวกนางหมดทุกคน ไม่ใช่ว่าข้าไม่้าช่วยเหลือพวกนาง แต่ข้าจำเป็ต้องช่วยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะช่วยได้"
ใบหน้าของเจียงเฉินสงบนิ่งดุจสายน้ำ มันยากที่จะเชื่อว่าเด็กหนุ่มวัยสิบหก จะไม่สนใจชีวิตผู้อื่นได้ขนาดนี้
แต่สิ่งที่เจียงเฉินพูดนั้นถูกต้อง จำเป็ต้องมีใครบางคนต้องเป็เหยื่อสังเวยเพื่อที่จะช่วยชีวิตอื่นอีกมาก นอกจากนั้นเจียงเฉิน้าที่จะให้พิธีกรรมสังเวยโลหิตเริ่มขึ้นก่อนที่พวกเขาจะลงมือ มันเป็โอกาสเดียวที่จะจัดการราชันย์จันทราโลหิตได้ หากพวกเขาทำสำเร็จเพียงแค่หนึ่งชีวิตที่ยอมถูกเซ่นสังเวย ขณะที่คนที่เหลือปลอดภัย นี่เป็เพียงวิธีเดียวที่สามารถทำได้หากไม่เช่นนั้นชีวิตทุกชีวิตของพวกนางจักต้องตกตายหมดสิ้น
"พวกข้าจะปฏิบัติตามคำพูดของคุณชายเจียง"
อี้เทียนหรงหายใจถี่มากขึ้น ในใจของเขาเป็กังวลอย่างมาก เพราะอี้จื่อเหยียนเป็คนหนึ่งที่ได้อยู่ใกล้แท่นบูชาที่สุด และนางเป็หัวแถวอีกด้วย นั่นหมายความว่าหากราชันย์จันทราโลหิต้าที่จะเริ่มพิธีกรรมเซ่นสังเวยโลหิต เป็ไปได้สูงที่นางจะถูกเลือกเป็คนแรกที่ต้องสังเวย
"น้องสาวข้า โชคชะตาของเ้า ขึ้นอยู่กับโชคของเ้าแล้ว"
อี้จื่อฮันกำหมัดแน่น และดวงตาของอี้เทียนหรงแดงก่ำ สำหรับพวกเขาเพียงแค่ผ่านไปเพียงวินาทีนั่นหมายถึงความเ็ป ความรู้สึกที่ต้องมองสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดต้องดิ้นรนท่ามกลางเพลิงนรกขณะที่พวกเขาทำได้เพียงแค่มองดูเท่านั้น ความรู้สึกเช่นนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจได้
เจียงเฉินถอนหายใจในใจ ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวประเภทนี้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น แต่ในเวลาเดียวกันรู้สึกทำอะไรไม่ถูก
นี่คือชีวิต ด้วย่ขณะที่หมดหนทาง อาจต้องเผชิญกับตัวเลือกทุกรูปแบบ และบางครั้งการตัดสินใจอาจส่งผลถึงชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นก็จำเป็ต้องตัดสินใจ
เป็เวลาระยะหนึ่งและไม่นานมันก็จะถึงยามเที่ยงคืน ่เวลานั้น ิญญาชั่วร้ายทั้งหมดในหุบเขาจะอยู่รวมกันหนาแน่นอย่างแท้จริง ราชันย์จันทราโลหิต ผู้ที่หลับตามาโดยตลอดทันใดนั้นมันพลันลืมตาขึ้นในทันที
