เสียงเปิดประตูห้องของหยางเซียวดังขึ้น ก่อนนางจะเดินมาจุดตะเกียง พลันทิ้งตะกร้าผัก เมื่อเห็นร่างของเยว่หลิวเหมยนั่งมองตรงมาด้วยสายตาแน่นิ่ง
“พี่รอง!” หยางเซียวเห็นดังนั้นจึงตั้งสติ แล้วก้มลงเก็บตะกร้าผักขึ้นมาด้วยความหวาดหวั่น ก่อนเยว่หลิวเหมยจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ข้าพึ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าเ้าออกไปจ่ายตลาด กลับดึกดื่นเช่นนี้ หากท่านแม่รู้เข้า เ้าจะโดนทำโทษเอาได้”
“ข้า...” หยางเซียวก้มหน้าลง พลางกำตะกร้าแน่นคิดหาคำแก้ตัว ก่อนเยว่หลิวเหมยจะลุกเดินตรงมายังหยางเซียว พลันเอ่ยขึ้น
“พี่ใหญ่เอาความดีความชอบของเ้าไป เหตุใดเ้าไม่ทวงคืน รู้หรือไม่ ว่าอีกไม่นานพี่ใหญ่จะกลายเป็ชายาขององค์ชายสาม ความดีความชอบมากมายเพียงนี้ เ้าอยู่เฉยได้อย่างไร” หยางเซียวเลื่อนสายตามองไปยังเยว่หลิวเหมย ยิ้มแล้วเดินไปจับแขนอีกฝ่ายเบา ๆ เพื่อให้นางคลายความโกรธ
“ที่แท้ เพราะท่านเป็ห่วงข้า!” คำพูดของหยางเซียวทำให้หลิวเหมยนิ่งเงียบ ก่อนหยางเซียวจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เื่ที่พี่ใหญ่อ้างความดีความชอบนั้น ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อย หากเป็ความสุขของพี่ใหญ่ ข้าก็ยินดี” หลิวเหมยได้ยินดังนั้นจึง ส่ายศีรษะไปมาช้า ๆ
“เหตุใดจึงโง่นัก พี่ใหญ่ไม่มีความรู้เื่สมุนไพร จะรับความดีความชอบนี้ได้อย่างไร ยิ่งกับองค์ชายสามแล้ว นางมีสิ่งใดคู่ควรกับเขา” หยางเซียวค่อย ๆ ปล่อยมือจากอีกฝ่ายในทันทีแล้วให้เหตุผล
“แต่ข้าไม่ได้อยากแต่งงานกับองค์ชายสาม” หลิวเหมยได้ยินดังนั้นจึงเดินเข้ามาใกล้อีกฝ่าย จนหยางเซียวต้องถอยหนี พร้อมสายตาหวาดหวั่นลดต่ำลง
“ข้าไม่ได้หมายความให้เ้าแต่งงานกับองค์ชายสาม แต่เ้าต้องหยุดงานอภิเษกที่จะเกิดขึ้น เ้าต้องบอกทุกคนให้รู้ ว่ายาสมุนไพรนั้นเป็ของเ้า หาใช่ของจางเหม่ยแต่อย่างใด งานอภิเษกจะเกิดขึ้นไม่ได้!” หยางเซียวกลืนน้ำลายด้วยความหวาดหวั่น
“เ้าจงเตรียมตัวให้พร้อม เ้าต้องเข้าวังหลวงกับข้า!” พูดจบเยว่หลิวเหมยก็สะบัดตัวเดินจากไป ก่อนสายตาของหยางเซียวจะแสดงความหวาดหวั่นออกมา
‘หากข้าทำเช่นนั้น พี่ใหญ่ต้องไม่ปล่อยข้าไว้แน่ ข้าจะต้องตายด้วยน้ำมือนาง อีกทั้งชื่อเสียงของสกุลเยว่ก็จะต้องถูกทำลาย ท่านพ่อต้องโกรธข้า ทุกคนต้องเกลียดข้ามากกว่าเดิม’ หยางเซียวขบคิด พลันย่อตัวลงนั่ง ด้วยสีหน้ากังวลใจอย่างถึงที่สุด
ก่อนประตูห้องของนาง จะถูกเปิดอีกครั้ง ร่างของเยว่ฮูหยินเดินเข้ามาพร้อมแส้ในมือ สายตาของหยางเซียวเบิกกว้างพลันลุกขึ้นยืนในทันทีด้วยความหวาดหวั่น
“เข่อเหยียนบอกข้าว่า เ้าออกไปจ่ายตลาดั้แ่เช้า แล้วกลับมาดึกดื่น ระหว่างนั้นเ้าหายไปไหนมา รู้หรือไม่ว่ากฎของสกุลเยว่เป็เช่นไร” พูดจบ ก็สั่งให้บ่าวจับตัวหยางเซียวไว้ แล้วฟาดแส้ลงบนตัวนางเพื่อลงโทษ เสียงกรีดร้องของหยางเซียวดังออกมาด้วยความเ็ป เป็ภาพชินตาของทุกคนในจวน จึงไม่มีผู้ใดใส่ใจมากนัก
หลังจากคืนนั้น เยว่หลิวเหมยเข้ามาในห้องของหยางเซียวอีกครั้ง พลันทอดสายตาไปยังร่างของอีกฝ่าย ที่นอนซมเพราะาเ็ จากการถูกทำโทษอย่างหนัก สายตาสั่นไหวของหยางเซียว ลืมตามองอีกฝ่ายพร้อมน้ำตา ก่อนหลิวเหมยจะเดินเข้ามาลูบแผ่นหลังของนางเบา ๆ แล้วพูดขึ้น
“หากเ้าไม่เชื่อฟังข้า เ้าก็จะต้องทรมานเช่นนี้จนตาย” คำพูดของหลิวเหมย ทำให้หยางเซียวที่นอนซม ถึงกลับปล่อยยิ้มออกมาบางเบา
“หากข้าทำตามคำสั่งของพี่รอง บอกความจริงกับฮ่องเต้และฮองเฮา ว่าความดีความชอบนั้น ควรเป็ของข้า! พี่รองคิดหรือไม่ว่าข้าจะมีชะตากรรมเช่นไร” หลิวเหมยหัวเราะร่วน ก่อนจะเดินมาย่อตัวลงนั่ง พลันรินชาขึ้นดื่มอย่างสบายใจ
“แต่ไหนแต่ไร เ้าก็โดนทำโทษเช่นนี้มาเสมอ ยังไม่ชินอีกงั้นรึ เหตุใดจึงคิดว่าข้าต้องห่วงใยเ้าด้วย” หยางเซียวได้ยินดังนั้นจึงกำมือแน่น สิ่งที่พยายามทำดีมาตลอด ไม่มีความหมายให้พวกเขาเห็นใจ
“มีสักครั้งหรือไม่ ที่พวกท่านเห็นข้าเป็น้องสาว” เยว่หลิวเหมยไม่ตอบคำถาม นางวางแก้วชาลงบนโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้น แล้วพูดทิ้งท้าย
“แล้วข้า จะมารับเ้าเข้าวังหลวงเพื่อเปิดโปงพี่ใหญ่ พร้อมกัน” สิ้นเสียงของเยว่หลิวเหมย นางก็ก้าวเท้าเดินจากไป ทิ้งให้หยางเซียว นอนซมอยู่ในห้องตามลำพัง
‘หากข้ายังอยู่ที่จวนสกุลเยว่ต่อไป ข้าต้องตายเป็แน่’ เมื่อคิดได้ดังนั้น หยางเซียวรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มี เก็บข้าวของบางส่วน รวมถึงป้ายรำลึกที่สลักชื่อมารดาไว้ใส่ในห่อผ้า แล้วตัดสินใจหอบสังขารที่เต็มไปด้วยาแ มุ่งตรงออกจากจวนสกุลเยว่ไป ก่อนนางจะหันกลับมามองป้ายหน้าจวนเป็ครั้งสุดท้าย พร้อมน้ำตาไหลอาบแก้ม
‘ข้าเคยคิด ว่าความดีของข้า จะชนะใจทุกคน แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้ว ว่าต่อให้ข้าทำดีเท่าใด ก็ไม่เพียงพอต่อความ้าของพวกเขา หากข้ายังอยู่ที่จวนนี้ต่อไป จุดจบของข้าคงไม่พ้นความตาย’ หญิงสาวทิ้งตัวคุกเข่า แล้วคำนับจวนสกุลเยว่สามครั้ง ก่อนจะเบี่ยงตัวเดินจากไป ท่ามกลางแสงไฟจากโคมที่นางถือติดมือมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้