เมื่อโอสถยอดหยกถูกกลืนลงท้อง พลันมีพลังฟ้าดินสายหนึ่งแผ่ซ่านไปทั่วร่างของหลงอวี้
“ จงดูดกลืน! ”
หัวใจของหลงอวี้เต้นรัว ร่างกายค่อยๆ แปรเปลี่ยนพลังฟ้าดินในโอสถยอดหยกให้กลายเป็ลมปราณสะสมไว้ในชีพจรทั่วร่าง
จากที่เขามีระดับวิถียุทธ์ขั้นที่สาม พละกำลังสี่พันชั่ง เมื่อโอสถยอดหยกทำงาน พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
สี่พันหนึ่งร้อยชั่ง
สี่พันสองร้อยชั่ง...
สัญลักษณ์ัเขียวบนอกของหลงอวี้ร้อนผ่าวขึ้นทันที มันดูดกลืนพลังส่วนที่เขาไม่สามารถทำได้เองไปเก็บไว้
เมื่อััได้เช่นนั้น เขาก็ตัดสินใจเร่งความเร็วในการซึมซับพลัง ผ่านไปไม่นานพลังฟ้าดินสามส่วนในโอสถยอดหยกได้ถูกเปลี่ยนเป็ลมปราณไหลเวียนอยู่ในชีพจรทั่วร่าง
ลมปราณในชีพจรของเขาขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ยังทะลวงขีดจำกัดไม่ได้ พลังของเขาจึงไม่สามารถเพิ่มขึ้นไปมากกว่าห้าพันชั่งได้อย่างไรก็ต้องรอให้ทะลวงขึ้นสู่ขั้นที่สี่ให้สำเร็จเสียก่อน พลังของเขาจึงจะเพิ่มสูงขึ้นถึงแปดพันชั่ง
เขาลืมตาทั้งสองข้างขึ้น พบว่าท้องฟ้าด้านนอกมืดลงแล้ว จึงหยุดการบำเพ็ญพลังลงก่อน ถึงอย่างไรพลังฟ้าดินส่วนที่เหลือก็ถูกเก็บไว้ในสัญลักษณ์ัเขียวอยู่แล้ว เขาต้องออกไปดูเสียหน่อยว่าสิ่งของของตัวเองส่งมาถึงหรือยัง
เฟิงฉางเกอเคยบอกว่าในลัทธิใหญ่อย่างลัทธิสยบฟ้า การจะเข้าไปค้นหาวิชาวิทยายุทธ์ในหอวิทยายุทธ์จำเป็ต้องมีตราประจำตัวของลูกศิษย์จึงจะเข้าไปได้
หลงอวี้ไม่ได้ใส่ใจเื่เครื่องแบบของลูกศิษย์ระดับล่างมากนัก สำหรับเขาตราประจำตัวต่างหากที่เป็สิ่งสำคัญ
หลังจากผลักประตูบ้านพักออก ก็พบว่าบนพื้นลานบ้านมีสิ่งของจำนวนหนึ่งวางไว้ เห็นได้ชัดว่ามีคนนำมาส่งให้ตอนที่เขากำลังบำเพ็ญพลัง
เขาพิจารณาอย่างละเอียดก็พบว่ามีเสื้อผ้าสีน้ำเงินชุดหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็เครื่องแบบที่ว่า ชุดนั้นคล้ายกับถูกโยนลงพื้นส่งๆ เปรอะเลอะรอยเท้าและคราบโคลน เห็นได้ชัดว่าถูกผู้อื่นเหยียบไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง
ข้างๆ ชุดสีน้ำเงินที่เปรอะเปื้อน มีอาหารเหลือๆ จานหนึ่งวางอยู่ หรือว่านั่นจะเป็อาหารเย็นที่ส่งให้หลงอวี้
“ แล้วตราประจำตัวล่ะ? ”
หลงอวี้คิดได้เช่นนั้นก็รีบค้นดูในชุดสีน้ำเงินที่เละเทะดู แต่ค้นอย่างไรก็ไม่เจอตราประจำตัวของลูกศิษย์ระดับล่างที่ว่าเลย
เห็นได้ชัดว่า ไอ้คนส่งของมันยึดตราประจำตัวของหลงอวี้ไว้ และส่งแค่เสื้อกับเศษอาหารมาให้เท่านั้น มันจงใจก่อกวนหลงอวี้ชัดๆ!
“ ประเสริฐ ข้าได้จดหนี้แค้นเพิ่มอีกแล้ว ”
ดวงตาของหลงอวี้ฉายประกายเ็าขึ้นแวบหนึ่ง จากนั้นเลื่อนสายตามองไปนอกบ้านในจุดที่ไม่ไกลเท่าไร
ตรงนั้นเป็ป่าผืนหนึ่ง มื้อเย็นวันนี้คงต้องหาเองแล้ว ส่วนเื่อื่นนั้น รอให้บรรลุวิถียุทธ์ขั้นสี่ก่อนค่อยคิดหาวิธีก็ยังไม่สาย
......
ยามวิกาลมาเยือน หลังจากหลงอวี้ดื่มด่ำกับเนื้อกระต่ายย่างที่จับได้จากในป่าแล้ว เขาก็เริ่มบำเพ็ญพลังอีกครั้ง
พลังฟ้าดินจากโอสถยอดหยกที่เก็บไว้ในสัญลักษณ์ัเขียวเริ่มแปรเปลี่ยนเป็ลมปราณให้หลงอวี้ซึมซับ ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ พลังของสัญลักษณ์ัช่างร้ายกาจยิ่งนัก ”
หลงอวี้คิดในใจ
กลางดึกคืนนั้น ชีพจรทั่วร่างเต็มเปี่ยมไปด้วยลมปราณ พลังเพิ่มสูงขึ้นจนถึงขีดจำกัดของวิถียุทธ์ขั้นที่สามคือห้าพันชั่ง ตอนนี้เหลือแค่ทะลวงขีดจำกัดระหว่างขั้นแล้ว!
ในแผ่นดินเทียนอวี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่อยากยกระดับขึ้นไปสู่วิถียุทธ์ขั้นที่สี่จะต้องเผชิญกับสภาวะคอขวดที่ต้องผ่านไปให้ได้ ซึ่งวิธีที่จะผ่านไปได้คือต้องรวบรวมลมปราณกำลังภายในให้อัดแน่น หากทำไม่ได้ก็จะไม่สามารถทะลวงขึ้นสู่ขั้นที่สี่ได้เหมือนกับเ้าเฟิงลั่วที่ถูกหลงอวี้สั่งสอนไปก่อนหน้านี้
แต่เื่นี้ดูจะไม่เป็ปัญหาสำหรับหลงอวี้
“ จงทะลวงเสีย!”
เส้นเืบนหน้าผากหลงอวี้ปูดโปน ลมปราณทะลักไปทั่วร่าง ชีพจรของเขาดูดกลืนมันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแพร่กระจายไปทุกส่วนของร่างกาย ตอนนั้นตัวเขาราวกับผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น พละกำลังเพิ่มขึ้นอีกสามพันชั่งในพริบตา!
แปดพันชั่ง!
วิถียุทธ์ขั้นที่สี่!
หลงอวี้ใช้เพียงพร์ของตัวเองก็สามารถเทียบเคียงอัจฉริยะอย่างเฟิงเหยาได้แล้ว เฟิงเหยาก้าวเข้าสู่วิถียุทธ์ขั้นที่เจ็ดได้ั้แ่อายุสิบหกปี หากหลงอวี้ไม่มีภาวะเส้นลมปราณติดขัดละก็ เขาเองก็ย่อมทำได้เช่นกัน
คอขวดของวิถียุทธ์ขั้นสี่นั้น เมื่ออยู่ตรงหน้าหลงอวี้ก็แทบจะไร้ตัวตน
หลงอวี้ลืมตาและลุกขึ้น ในที่สุดเขาก็บรรลุถึงขั้นที่สี่ มีพละกำลังมากกว่าแปดพันชั่ง ความรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นเช่นนี้ ทำให้เขาตื่นเต้นจนไม่อาจอธิบายได้
ในโลกใบนี้ ผู้ที่มีพลังเท่านั้นถึงจะเป็ใหญ่ หลงอวี้ในตอนนี้เดินอยู่บนหนทางสู่ยอดฝีมือ กำลังก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว
“ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปทวงตราประจำตัวคืนก็แล้วกัน ”
ขณะที่หลงอวี้คิดเช่นนั้น จู่ๆ ก็รู้สึกแสบร้อนบริเวณอก ราวกับสัญลักษณ์ัเขียวกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
“ จริงสิ ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าทะลวงขีดจำกัดขึ้นสู่วิถียุทธ์ขั้นสองและสามสัญลักษณ์ัเขียวก็เหมือนจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเช่นกัน ถึงจะยังมองไม่ออกว่าเปลี่ยนไปตรงไหน แต่พอทะลวงถึงขั้นที่สี่แล้ว ความรู้สึกนั่นก็ยิ่งรุนแรง... ”
หลงอวี้คิดถึงตรงนี้ ก็รีบฉีกเสื้อตรงอกออก พอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็ถึงกับชะงักไปทันที
“นื่คือ... ”
บริเวณอกของเขาตรงตำแหน่งสัญลักษณ์ัเขียว ัเขียวที่ขดตัวอยู่ตนนั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!
ก่อนหน้านี้เ้าสัญลักษณ์ัเขียวยังเลือนราง และไม่ค่อยเข้ากับร่างกายของเขาเท่าไรนัก แต่ตอนนี้ สัญลักษณ์ัเขียวปรากฏชัดขึ้น ราวกับติดตัวเขามาั้แ่เกิดก็ว่าได้
สีของัเขียวเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน แต่เดิมที่เป็สีเขียวได้เปลี่ยนไปเกิดลายสลักเส้นสีดำเพิ่มขึ้น ให้ความรู้สึกลึกลับ
ความรู้สึกแสบร้อนที่หลงอวี้ััได้เมื่อครู่ ถูกส่งมาจากลายเส้นสีดำเหล่านี้เอง
เขารู้สึกประหลาดใจ
“ ปรภพ... ัแห่งปรภพ... ”
ชื่อหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในหัวของหลงอวี้ เขาเข้าใจได้ทันที สัญลักษณ์ตรงอกเขาไม่ใช่ัเขียว ทว่าเป็ัจากปรภพต่างหาก!
เมื่อเป็เช่นนี้ สัญลักษณ์ตรงอกนี้ก็ไม่สมควรถูกเรียกว่าสัญลักษณ์ัเขียวแต่ควรเรียกว่า สัญลักษณ์ัปรภพ
“ จงตื่น! ”
หลงอวี้ไม่ลังเล รีบปลุกสัญลักษณ์ัปรภพขึ้นมา เขาพบว่าจู่ๆ ลายเส้นสีดำพลันเปล่งประกายสีดำขึ้นมา! ขณะเดียวกันนั้นพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวสายหนึ่งจากสัญลักษณ์สีดำก็ได้หลั่งไหลไปทั่วร่าง
“ นี่มัน…! พละกำลังหมื่นชั่งงั้นเรอะ? ”
หลงอวี้ถึงกับตะลึงงัน
หลังจากกระตุ้นสัญลักษณ์ัปรภพขึ้นมาแล้ว พลังที่มาจากลายเส้นสีดำอย่างเดียวก็มีมากถึงหนึ่งหมื่นชั่งจนน่าตกตะลึง นี่มันแข็งแกร่งกว่าพลังของตัวเขาที่มีแค่แปดพันชั่งเสียอีก!
นั่นหมายความว่า หากตอนนี้หลงอวี้ปลุกสัญลักษณ์ัปรภพขึ้นมา เขาจะมีพละกำลังทั้งหมดหนึ่งหมื่นแปดพันชั่ง แข็งแกร่งยิ่งกว่าวิถียุทธ์ขั้นห้าที่มีพละกำลังหนึ่งหมื่นหกพันชั่งเสียอีก!
ในแผ่นดินเทียนอวี้ พละกำลังหนึ่งพันชั่งถูกเรียกขานว่า ‘ พละกำลังของม้าพยศหนึ่งตัว ’ เพราะม้าพยศทั่วไปในแผ่นดินเทียนอวี้ หากวิ่งตะบึงเต็มกำลังจะมีกำลังราวพันชั่ง
ถ้าหลงอวี้ปลุกพลังของสัญลักษณ์ขึ้นมาด้วย ก็เท่ากับว่าเขามีกำลังของม้าพยศถึงสิบแปดตัว คนละชั้นกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
วิถียุทธ์เก้าขั้นในแผ่นดินเทียนอวี้ พละกำลังจะสูงขึ้นเป็เท่าตัวในทุกขั้นที่บรรลุ ดังนั้นจึงมีน้อยคนมากที่สามารถท้าสู้กับคู่ต่อสู้ข้ามขั้นได้
แต่เื่นี้ เหมือนจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไปแล้ว
เวลาผ่านไปเพียงครึ่งธูป หลงอวี้เริ่มรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว แม้การปลุกสัญลักษณ์ัปรภพจะมอบพลังมหาศาล แต่ก็มีผลข้างเคียงไม่เบาเช่นกัน
“ เป็เพราะร่างกายยังแข็งแรงไม่พอ วิถียุทธ์เพียงขั้นสี่แต่แบกรับพลังที่เหนือกว่าวิถียุทธ์ขั้นห้า ต้องเป็ภาระร่างกายอย่างมากอยู่แล้ว ยิ่งเวลาผ่านไปนานมันก็ยิ่งส่งผลร้ายต่อร่างกายเขา...”
หลงอวี้รีบหยุดความสามารถของสัญลักษณ์ลงและล้มตัวนอนบนเตียงหญ้าเพื่อพักผ่อน
ตอนนี้เขาปวดร้าวไปทั้งตัว ผลข้างเคียงของการใช้พลังจากสัญลักษณ์นั้นรุนแรงมาก แต่พักผ่อนสักคืนหนึ่งก็น่าจะหายดี
......
เช้าตรู่ของวันที่สอง หลงอวี้ออกจากบ้านพักไปหาข่าว
ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสม ไม่นานเขาก็ได้ข้อมูลจากปากของเหล่าลูกศิษย์ระดับล่างในลัทธิหลายคน และเริ่มเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ
ตราประจำตัวและเครื่องแบบของลูกศิษย์ระดับล่าง ลูกศิษย์ระดับล่างฝ่ายธุรการจะเป็คนคอยดูแลทั้งหมด และลูกศิษย์ฝ่ายธุรการได้รับการคัดเลือกมาจากลูกศิษย์ระดับล่าง ซึ่งจะมีการเปลี่ยนคนเดือนละครั้ง
ลูกศิษย์ฝ่ายธุรการประจำเดือนนี้ มีชื่อว่า ‘เฟิงหยาง’ !
“ เฟิงหยางเป็คนของตระกูลเฟิง เ้านี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องในการยึดตราประจำตัวของข้าไว้แน่ ”
ดวงตาของหลงอวี้เผยประกายเ็า และตอนนี้เขาก็มาถึงที่พักของถานเยว่โดยไม่รู้ตัว
ที่พักแห่งนี้มีหอสูงตระหง่านดูหรูหรา มีูเาเทียมและสวนดอกไม้ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ดีกว่าบ้านพักที่เตรียมให้หลงอวี้เป็ร้อยเป็พันเท่า
เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหน้า พอหลงอวี้เงยหน้าขึ้น ก็เห็นถานเยว่ในชุดสีแดงกำลังกอดอกอย่างหยิ่งยโส นางกำลังเดินกลับที่พักของตัวเองด้วยท่าทางราวกับเ้าหญิงก็ไม่ปาน
ด้านหลังของนางคือเ้าหน้าเหลี่ยมที่ดูแข็งกร้าว หานเจี้ยนนั่นเอง
หานเจี้ยนเหลือบมองหลงอวี้เล็กน้อย ก่อนพูดกับถานเยว่ด้วยเสียงอันดังว่า “ศิษย์น้องถานเยว่ ดูท่าพวกเราจะดวงดีไม่เบา เพิ่งกลับจากหอวิทยายุทธ์ไม่ทันไรก็ได้เจอกับ ‘ สหายเก่า ’ เข้าแล้ว! ”
หลงอวี้ยังไม่ได้รับตราประจำตัว ในขณะที่ถานเยว่ได้รับมาั้แ่แรก
ดูท่าหานเจี้ยนเพิ่งจะพาถานเยว่ไปยังหอวิทยายุทธ์ของลัทธิเมื่อครู่ และคงได้รับอะไรกลับมาไม่น้อย!
ถานเยว่หยุดฝีเท้า มองหลงอวี้อย่างดูแคลน “ ข้าไปสืบมาแล้ว ไอ้สวะนี่มันชื่อหลงอวี้ ก่อนหน้านี้อาศัยอยู่ในตระกูลเฟิงเมืองอวี้กวน ไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้ั้แ่เด็ก ไม่คิดเลยว่าลัทธิสยบฟ้าจะรับลูกศิษย์ไร้ประโยชน์เช่นนี้ด้วย ”
คำพูดของถานเยว่และหานเจี้ยนไร้ซึ่งความเกรงใจ เพียงครู่เดียวก็ดึงดูดสายตาลูกศิษย์คนอื่นที่อยู่รอบข้างได้ไม่น้อย
รูปโฉมงดงามและท่าทางหยิ่งยโสของถานเยว่เป็ที่สนใจของผู้คนไม่น้อยั้แ่ตอนมาถึง แต่ขณะนี้ พอเห็นถานเยว่กำลังเล่นงานลูกศิษย์หน้าใหม่ที่แสนจืดชืดคนหนึ่ง พวกเขาก็พากันหยุดสิ่งที่ทำอยู่แล้วมามุงดู ขณะเดียวกันก็ชี้นิ้วมาทางหลงอวี้
“ เ้าหมอนี่มันใครกัน สวะของเมืองอวี้กวนหรือ มันเข้าร่วมลัทธิของเราได้ด้วยเหรอ?”
“ ข้าไม่รู้ว่ามันเป็ใคร แต่ได้ยินว่ามันหาเื่ศิษย์น้องถานเยว่ จุดจบของไอ้สวะนี่จะต้องน่าอนาถแน่นอน พวกเรารอดูเื่สนุกกันดีกว่า”
“ พวกเ้ากล้าเดาหรือไม่ว่าศิษย์น้องถานเยว่จะเล่นงานเ้าหมอนี่อย่างไร ”
“ จะอย่างไรก็ช่าง ขยี้ตันเถียนของมัน ทำให้มันกลายเป็สวะจริงๆ ไปเลย! ”
ผู้คนรอบบริเวณต่างส่งเสียงหัวเราะสนุกสนาน มองดูหลงอวี้ราวกับเป็ตัวตลก!
หารู้ไม่ว่า หลงอวี้ที่กำลังมองหานเจี้ยนและถานเยว่อย่างเฉยชาอยู่นั้นก็ไม่ต่างกัน เขากำลังจ้องมองอีกฝ่ายราวกับเป็ตัวตลกเช่นกัน!
ก้าวขึ้นสู่วิถียุทธ์ระดับสี่ สัญลักษณ์ัเขียวเปลี่ยนเป็สัญลักษณ์ัปรภพ พลังของหลงอวี้ตอนนี้ยกระดับขึ้นอย่างก้าวะโ คนอย่างถานเยว่นั้นไม่คู่ควรให้เขาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ ต่อให้เป็ถานเจี้ยนที่มีวิถียุทธ์ขั้นห้า หลงอวี้ก็กล้าซัดกับมันสักตั้ง และโอกาสที่เขาจะชนะก็มีไม่น้อย!