เหอชูซานรู้สึกว่าเขาได้ประสบกับปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตแล้ว–– เขานั่งรถของชย่าลิ่วอีที่เมาแอ๋กลับมาถึงเมืองกำแพงเจียวหลงได้อย่างปลอดภัย มีชีวิต! รอด! มาได้!
–– สรุปแล้วว่าเพราะเป็เวลาดึก รถและคนจึงน้อย เขาถึงโชคดีรอดชีวิตมาได้
ชย่าลิ่วอีเหยียบเบรกเพื่อจอดข้างถนนกะทันหัน แล้วเปิดไฟให้สัญญาณว่ารถกำลังจอดอยู่ ขณะรอให้เหอชูซานลงจากรถ
เหอชูซานคลายมือที่จับราวบนหลังคารถแน่น ก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยออก เขาเปิดประตูรถแล้วก้าวลงมาด้วยขาที่อ่อนแรง ถึงอย่างนั้นเขายังคงรู้สึกเป็ห่วงชย่าลิ่วอีอยู่ดี “พี่ลิ่วอี แล้วพี่จะกลับยังไง?”
“ไม่ต้องสนใจฉัน ไปให้พ้น” ชย่าลิ่วอีพูด
เหอชูซานนึกถึงภาพน่ากลัวตอนที่ชย่าลิ่วอีหมุนพวงมาลัยไปมาเพื่อวนรถอยู่กับที่ตรงสี่แยกเมื่อครู่แล้วก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันที เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกลับไปนั่งลงที่เดิมโดยไม่กลัวตาย “พี่ลิ่วอี ผมขอไปส่งพี่กลับบ้านนะครับ ผมเป็ห่วงถ้าพี่ขับคนเดียว”
“ฉันจะไม่กลับบ้าน!” ชย่าลิ่วอีหรี่ตาลงแล้วผลักเขาออกไปอย่างไม่ไยดี ก่อนจะคว้ากระเป๋าของเขาแล้วโยนออกไปนอกรถ “ไปให้พ้น!”
“ไม่กลับบ้าน? แล้วจะไปไหน?” เหอชูซานรู้สึกแปลกใจมาก เขาอุ้มกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ ทันใดนั้นชย่าลิ่วอีก็เอื้อมมือมาปิดประตูรถเสียงดังปัง
เหอชูซานพยายามดึงประตูรถให้เปิดออกถึงสองครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ เขาพบว่าชย่าลิ่วอีล็อกรถจากด้านใน จากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง “พี่ลิ่วอี? เปิดประตู! พี่จะไปไหนคนเดียวน่ะ?”
ชย่าลิ่วอีอยู่ในรถ เขาชูนิ้วกลางให้เหอชูซานอย่างเย้ยหยัน- ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในครั้งนี้เ้าพ่อมาเฟียผู้รักษาภาพลักษณ์คนนี้เมามากจริงๆ–– เขาพูดออกมาสี่คำ ดูจากปากน่าจะอ่านได้เป็คำว่า “ไม่เกี่ยว อะไร กับ แก!”
เหอชูซานทุบกระจกรถสองครั้งแต่คนด้านในก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ กลับมา เขาเห็นชย่าลิ่วอีกำลังจะเหยียบคันเร่ง ใน่เวลาที่คับขันเช่นนี้ เหอชูซานจึงตัดสินใจพุ่งตัวไปข้างหน้ารถแทน!
เขาทรุดตัวลงไปนอนคว่ำอยู่หน้ารถอย่างทุลักทุเล จากนั้นก็โยนกระเป๋าไปบนฝากระโปรงรถ แล้วลุกขึ้นยืนกางแขนทั้งสองข้างออกจนมีท่าทางเหมือนตั๊กแตนที่กำลังยืนขวางหน้ารถ ลูกพี่ชย่าไม่ได้สังเกตเห็นตั๊กแตนตัวน้อยนี้จึงเผลอเหยียบคันเร่งโดยไม่รู้ตัว เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ส่วนเหอชูซานนั้นหายวับไปกับตา!
ชย่าลิ่วอีรู้สึกเหมือนมีเสียงะเิดังขึ้นในหัว เขาจึงเหยียบเบรกอย่างรวดเร็วแล้วรีบลดกระจกลงเพื่อมองออกไป—— เหอชูซานล้มลงไปกองอยู่กับพื้นไม่ไกลนัก ใบหน้าของเขาเปื้อนฝุ่น นอนอยู่บนถนนเพียงไม่นานเขาก็กำลังพยายามลุกขึ้น ดูเหมือนจะไม่ได้รับาเ็อะไรมากมายนัก
ชย่าลิ่วอียื่นหัวออกมาด่าด้วยความโกรธ “ไอ้เวร! อยากตายหรือไง! มาขวางข้างหน้าทำไม?!”
เหอชูซานลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ ไม่แม้แต่จะเก็บกระเป๋า เขายังดื้อดึงขวางหน้ารถ “พี่ลิ่วอี พี่ขับรถในสภาพนี้ไม่ได้นะ!”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับแก! ไปให้พ้น!”
“ทำไมจะไม่เกี่ยวกับผมล่ะ?! ผมไม่อยากเห็นพี่เป็อะไรไป! อย่าทำอะไรบ้าๆ นะพี่ลิ่วอี! ลงมาเดี๋ยวนี้นะ!” ไอ้เด็กเหลือขอนี่มันกล้าะโใส่เขาด้วยสีหน้าจริงจังอย่างนั้นได้อย่างไรกัน
ชย่าลิ่วอีโกรธจัด บีบแตรรถเสียงดังลั่น ‘ปี๊น!’
เหอชูซานจึงใช้มือทั้งสองข้างตบฝากระโปรงรถดัง ‘ป้าบ——!’ แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็งไปที่เขาด้วยความโกรธ—— ไม่มีความกลัวเกรงเลยแม้แต่น้อย
ไอ้เด็กเวรนี่มันบังอาจนัก! ชย่าลิ่วอีขบฟันแน่น ตั้งใจจะเหยียบคันเร่งอีกครั้ง... แต่สุดท้ายก็ทำไม่ลง
เขาโมโหจึงบีบแตรอีกครั้งแล้วขมวดคิ้วพูด “นายจะมายุ่งวุ่นวายกับฉันทำไม? ฉันมีธุระ อย่ามาขวางฉัน!”
“พี่มีธุระอะไรที่ต้องทำตอนนี้ให้ได้กัน? ดึกป่านนี้แล้ว! แถมพี่ยังเมาขนาดนี้ จะไปทำอะไรกันแน่?!”
ชย่าลิ่วอีจ้องเขาอยู่นาน เหล้าเริ่มออกฤทธิ์ตามเืที่สูบฉีดจนเขาเริ่มรู้สึกมึนหัว เขาเอนหลังพิงเบาะรถและพูดด้วยความหงุดหงิด “อย่ามายุ่งกับฉันเลย นายมันน่ารำคาญจริงๆ ฉันเห็นนายทีไรก็ปวดหัวทุกที…”
เหอชูซานพูดเสียงอ่อนลง “พี่ลิ่วอี ผมเป็ห่วงพี่จริงๆ นะ พี่จะไปไหนกันแน่? ให้ผมไปเป็เพื่อนพี่ได้ไหม?”
ชย่าลิ่วอียกแขนขึ้นมาบังหน้าแล้วพึมพำเสียงแ่เบาเหมือนพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ไปให้หมด อย่ามายุ่ง…”
เหอชูซานเดินไปยังที่นั่งฝั่งคนขับ เขาก้มลงไปจับแขนขวาที่ไร้เรี่ยวแรงของชย่าลิ่วอี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผมจะไม่รบกวนพี่หรอกนะ ขอแค่ให้ผมไปอยู่เป็เพื่อนพี่ตอนขับรถได้ไหม? ผมเป็ห่วงที่พี่ขับรถคนเดียว พอลงจากรถแล้วพี่จะไปไหนก็ไป จะทำอะไรก็ทำ ผมจะอยู่ในรถไม่ลงไปไหน โอเคไหม?”
ชย่าลิ่วอีปิดหน้าเงียบไม่พูดอะไรเหมือนหลับไปแล้ว เหอชูซานจึงเขย่าแขนเขาเบาๆ แล้วพูดเสียงอ่อนต่อไป “พี่ลิ่วอี…”
“…”
เหอชูซานอุ้มกระเป๋าใบเล็กที่เต็มไปด้วยฝุ่นเดินกลับมานั่งที่เบาะข้างคนขับ จากนั้นชย่าลิ่วอีก็เหยียบคันเร่งออกไปโดยไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมาบนใบหน้าให้เห็น
บรรยากาศในรถเงียบกริบ ทั้งสองคนทำเพียงขับรถและมองทางไปเงียบๆ มีเป็บางครั้งบางคราวเท่านั้นที่จะได้ยินเสียงของเหอชูซานพูดเตือน “มีราวกันทางด้านซ้าย”
“…”
“พี่อยากขึ้นเขาหรือ? เลี้ยวขวาตรงนี้เลย”
“…”
“อย่าขับเร็วเกินไปตอนเข้าโค้ง เดี๋ยวจะตกหน้าผาเอา”
“…”
“อย่าขับเร็วเกินไปนะ พี่ลิ่วอี!”
“ะโหามารดาแกหรือ! แกเป็ใหญ่หรือฉันเป็ใหญ่!”
“…”
แกนี่มันต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง! แก๊งมาเฟียเอาแต่ใจ! เหอชูซานคิดอย่างโกรธเคืองแต่ไม่กล้าพูดออกมา
ถนนบนเขาแสนว่างเปล่าที่ทอดยาวขึ้นไปมีรถแล่นไปตามทางเพียงคันเดียวเท่านั้น ไม่มีรถคันอื่นทั้งข้างหน้าและข้างหลัง รถยนต์คันนั้นขับไปอย่างเชื่องช้า หยุดบ้าง เดินหน้าบ้าง จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านพักตากอากาศริมทะเลที่มีลมทะเลพัดเข้ามาอย่างแรง
ชย่าลิ่วอีเข้าเกียร์ว่างแล้วดึงกุญแจรถออก ทันใดนั้นไฟหน้ารถที่เป็แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวก็ดับลง บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความมืดมิดทันที
แสงจันทร์สลัว ดวงดาวเบาบาง สายลมทะเลพัดกระหน่ำเข้าทางหน้าต่างรถ เศษกระดาษสีเหลืองที่ติดอยู่บนรั้วเหล็กหน้าวิลล่าปลิวไสวราวกับกำลังโบกมือเรียกพวกเขา
“อย่าลงมานะ!” ชย่าลิ่วอีพูด ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเดินโซซัดโซเซออกไป
เหอชูซานปีนเบาะขึ้นไปเกาะขอบหน้าต่างรถ มองดูเขาเดินโซเซไปยังหน้าประตูวิลล่าที่ดูน่ากลัวและลึกลับ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งพิงร่างกับรั้วเหล็ก
หลังจากนั่งเหม่อลอยอยู่สักพัก เขาก็ก้มลงไปหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดบุหรี่หนึ่งมวนแล้วสอดมันไว้ในช่องว่างของลูกกรง จากนั้นก็ก้มลงจุดอีกมวนหนึ่งแล้วคาบไว้ในปากของตัวเอง
ท้องฟ้ามืดสนิท ชย่าลิ่วอีจอดรถไว้ไกลจากจุดที่เขานั่งอยู่พอสมควร เหอชูซานจึงมองเห็นเขาไม่ชัดนัก เห็นเพียงแสงไฟริบหรี่จากบุหรี่ หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ดูน่ากลัวนี้ ชย่าลิ่วอีผู้มีใบหน้าเลือนรางนั้นดูตัวเล็กเหลือเกิน เขานั่งนิ่งเงียบราวกับจะถูกความมืดมิดที่น่ากลัวนี้กลืนกินเข้าไป
แม้เหอชูซานจะไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่ด้วยความฉลาดหลักแหลมของเขา เพียงแค่คิดว่าชย่าลิ่วอีจะไปที่ไหนใน ‘วันเกิด’ เมื่อเขาเมา พอได้เห็นความหรูหราและความทรุดโทรมของวิลล่าหลังนี้ เขาก็พอจะเดาออกว่าที่นี่คือที่ไหน
ไม่น่าแปลกใจที่ชย่าลิ่วอียืนกรานหนักแน่นที่จะขับรถมาส่งเหอชูซานด้วยตัวเอง ที่จริงแล้วเขาคงอยากจะแวะมาดูสถานที่แห่งนี้ด้วย
เหอชูซานถอนหายใจเงียบๆ ในใจ แล้วเอียงศีรษะพิงเบาะนั่งจ้องมองชย่าลิ่วอีอย่างเหม่อลอย
เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เขาเริ่มง่วงนอน ศีรษะของเขาโขกกับกระจกหน้าต่างอย่างแรงจนตื่นขึ้นมาทันที เขารีบมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงจากบุหรี่หายไปนานแล้ว แต่ชย่าลิ่วอียังนั่งเป็เงาดำอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
เหอชูซานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยๆ เปิดประตูรถและเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ
เขาเดินต้านลมทะเลที่พัดแรงไปยังรั้วเหล็ก ชย่าลิ่วอีพิงอยู่ตรงนั้น ก้มศีรษะลงราวกับกำลังหลับ เสื้อสูทของเขาเปิดออกเผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตบางๆ ข้างใน
เหอชูซานค่อย ๆ ย่อตัวลงแล้วลองแตะแขนเขาเบาๆ
ชย่าลิ่วอีก้มหน้าลง เขาไม่ขยับเขยื้อน มีเพียงเสียงหายใจที่สม่ำเสมอและยาวนาน
เหอชูซานพยายามดึงเขาให้ลุกขึ้นแต่ไม่สำเร็จ และหากเขายังคงทำแบบนี้ต่อไปเกรงว่าจะปลุกชย่าลิ่วอีให้ตื่น เขาจึงต้องหยุด
เขานั่งลงข้างๆ ชย่าลิ่วอีแล้วจัดแจงเสื้อสูทให้เขา จากนั้นก็พบว่านอกจากก้นบุหรี่ที่ดับลงแล้ว เขายังกำอะไรบางอย่างอยู่ในมือ
เหอชูซานค่อยๆ แกะมือเขาให้แบออกอย่างระมัดระวัง แล้วดึงการ์ดอวยพรที่เขาที่ให้ชย่าลิ่วอีออกมา
ในความมืดสลัวเขาเห็นตัวหนังสือ ‘สุขสันต์วันเกิด ลิ่วอี’ บนเค้กวันเกิดที่ดูไม่สวยงามถูกทำให้เลือนหายไปด้วยคราบน้ำที่ไม่ทราบที่มา
—— วันนั้นคือวันที่ 1 มิถุนายน เป็ครั้งแรกในชีวิตที่ฉันได้กินเค้ก ฉันรู้สึกว่าวันนั้นเป็วันเกิดแรกในชีวิตของฉันจริงๆ ฉันบอกเขาว่าฉันจะอยู่กับเขาตลอดไป ตราบใดที่ฉันอยู่กับเขา ฉันจะมีเค้กกิน
หัวใจของเหอชูซานเต้นแรงขึ้นมาทันที! มือของเขาคลายออกกะทันหัน แล้วลมทะเลก็พัดการ์ดใบนั้นให้ปลิวหายไปจากสายตา
เหอชูซานไม่สามารถไล่จับการ์ดใบนั้นได้ เขาจึงหันกลับมามองชย่าลิ่วอีอย่างร้อนรน ตรงหน้าของเขานั้นคือชย่าลิ่วอีที่กำลังก้มหน้าฟุบลง เงาด้านข้างของเขาดูเ็าและบอบบาง มุมปากของเขาโค้งลงเล็กน้อย ดูเป็ส่วนโค้งที่ดูอ้างว้าง
ชายคนนี้ที่ปกติแล้วในสายตาของคนอื่นเป็มาเฟียที่เ็า ไร้อารมณ์ และโเี้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขากลับกลายเป็คนที่มีอารมณ์รุนแรง เอาแต่ใจ เผด็จการ ทะนงตัว และพยายามอดทนกับทุกอย่างที่เขาทำ ถึงแม้ชย่าลิ่วอีจะดูเหมือนเป็คนโหดร้าย แต่ในความเป็จริงแล้วเขามีความห่วงใยให้แก่คนรอบข้าง อีกทั้งบางครั้งก็เผยให้เห็นถึงความเปราะบางออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจเหมือนในตอนนี้
เขาจัดงานวันเกิดขึ้นเพื่อเป็ข้ออ้างในการเลี้ยงฉลองให้กับลูกน้องของเขา มีทั้งร้องเล่นเต้นรำ มีอาหารการกินมากมาย และมีเสียงหัวเราะสนุกสนาน ทั้งหมดนี้เป็เพียงฉากหน้าที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อลูกน้องของเขา ทว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาจะปรากฏขึ้นในยามค่ำคืน เขาจะขับรถขึ้นไปบนูเาเพียงลำพัง นั่งอยู่หน้าบ้านที่ถูกทิ้งร้าง สูบบุหรี่อย่างเงียบงัน และหลั่งน้ำตาให้กับการ์ดอวยพรใบหนึ่ง ก่อนที่จะหลับไปอย่างเงียบๆ
เขาไม่รู้ว่าตัวเองมีความสำคัญต่อชย่าลิ่วอีแค่ไหน แต่การที่มาเฟียผู้เอาแต่ใจตนเองคนนี้ปรากฏตัวขึ้นและวางท่าใหญ่โตคงทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวและสับสนเหมือนถูกบุกรุกเข้ามาในใจ จนในที่สุดก็เข้ามายึดครองพื้นที่ทั้งหมดในใจของเขาไปแล้ว—— มิเช่นนั้นเขาคงไม่รู้สึกเ็ปและทรมานใจเพียงแค่เห็นชย่าลิ่วอีอยู่ในสภาพเช่นนี้