ในพริบตาที่ลาวาปะทุออกมา คนที่ได้รับผลกระทบไม่ได้มีเพียงสามคนนั้น เสิ่นเสวียนและเสิ่นล่างก็ไม่ต่างกัน
ด้านล่างถูกปกคลุมไปด้วยลาวา จะยังมีที่ให้ซ่อนตัวอยู่อีกหรือ หนีขึ้นไปบนฟ้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ในทวีปหลิงโซ่วแห่งนี้ คิดจะเหาะเหินเดินอากาศให้ได้อย่างแท้จริงต้องฝึกฝนถึงขั้นราชันก่อน ซึ่งเทียบเท่ากับการบำเพ็ญเพียรขั้นหยวนก่อกำเนิด แม้ขั้นบรรพบุรุษจะเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ ทว่าเหาะเหินเดินอากาศได้เพียง่ระยะเวลาสั้นๆ มิอาจแสดงพลังกลางอากาศได้
เสิ่นเสวียนใช้พลังลอยอยู่กลางอากาศได้เพียง่เวลาสั้นๆ เช่นกัน อย่างมากก็หนึ่งเค่อ
“ปิดหน้าเร็ว”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเสิ่นล่าง จากนั้นก็ฉีกชายผ้าออกมาปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขณะเดียวกันก็กินยาแปรผันที่เอาออกมาก่อนหน้านี้เข้าไปเพื่อแปรเปลี่ยนไอพลังของตนเอง
หากปิดหน้าอยู่ พวกเขามั่นใจว่ายากที่จะรู้ใบหน้าแท้จริงของพวกเขาได้
“เป็ของดีจริงๆ ด้วย” หลังจากที่เสิ่นล่างทำตาม เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เช่นนี้เขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว
“พวกเ้าเป็ใครกัน ถึงกล้ามาซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
พี่ใหญ่จากเผ่าอนธการผู้นั้นมองพวกของเสิ่นเสวียนด้วยแววตาเหยียดหยาม
อันที่จริงการปรากฏตัวของพวกเขาเพียงพอที่จะเหยียดหยามผู้คนส่วนมากในทวีปนี้ได้เลย แม้เสิ่นล่างมีพลังยุทธ์เหนือกว่าเขามากแต่เขาก็ไม่ใส่ใจ
ที่อีกฝ่ายปิดบังใบหน้าเพราะกังวลว่าพวกเขาจะนำพาความเดือดร้อนไปให้ และคนต่ำต้อยที่ไม่กล้าแม้แต่จะแสดงตัวออกมา แน่นอนว่าไม่สามารถเป็ภัยต่อพวกเขา
“ตอนนี้ข้ากำลังอารมณ์ดี รีบไสหัวไป ไม่เช่นนั้นข้าจะใช้เพลิงโทสะแห่งเผ่าอนธการชำระล้างพวกเ้า”
ปกติแล้วแค่พวกเขาข่มขู่เพียงประโยคสองประโยค อีกฝ่ายก็มักหวาดกลัวจนหนีเตลิดเปิดเปิง พวกเขายังมีเื่อื่นต้องทำ หากทำให้ภารกิจของมหาปุโรหิตเกิดความผิดพลาดขึ้น ไม่ว่าใครก็รับผิดชอบไม่ไหว
“เ้าไม่รู้หรือว่าเหตุใดพวกข้าจึงปิดบังใบหน้า” เสิ่นเสวียนกล่าว หัวเราะเสียงเย็น
“เพราะเหตุใด”
“เพราะอยากหาเื่อย่างไรเล่า!”
สำหรับอำนาจเช่นนี้ เสิ่นเสวียนคิดเพียงแค่คำเดียว นั่นคือ ‘จัดการ’
“จัดการพวกเขาก่อน”
หลังจากที่พี่ใหญ่รู้แล้วว่าพวกของเสิ่นเสวียนเป็ภัยจึงออกคำสั่งทันที แล้วร่างของเขาพลันหายวับไป
เสิ่นเสวียนที่ลอยอยู่กลางอากาศมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง
“พลังมิติ!”
หลังจากกล่าวพึมพำ พลังหมัดพลันทะลวงผ่านมิติว่างเปล่าตรงหน้าอย่างรุนแรง
หมัดนี้ทำให้พี่ใหญ่ที่หายตัวไปคนนั้นปรากฏตัวขึ้นในฉับพลัน
พลั่ก!
พลังหมัดโจมตีโดนหน้าอกของอีกฝ่าย ทว่าฝั่งนั้นไม่เป็อะไรเลย กลับเป็เสิ่นเสวียนที่ถอยหลังไปหลายก้าว
“พลังไม่เลว แต่ยังด้อยกว่าข้านัก”
พี่ใหญ่ผู้นั้นกระตุกยิ้มมุมปาก ร่างพลันหายวับไปอีกครั้ง
พลังมิติเป็การยืมพลังของมิติเข้ามากระตุ้นพลังของตนเอง ทำให้สามารถซ่อนตัวอยู่ในมิติได้ พลังมิติระดับสูงอาจสามารถทะลวงผ่านกาลเวลาและมิติไปได้อีกด้วย ก่อนหน้านี้เสิ่นเสวียนก็ทะลวงผ่านมิติมายังโลกนี้ด้วยจิติญญา
แน่นอนว่าอีกฝ่ายควบคุมพลังมิติได้เพียงเล็กน้อย ยังไม่ชำนาญนัก พลังจิติญญาของเสิ่นเสวียนปกคลุมอาณาเขตอยู่ ตราบใดที่อีกฝ่ายเข้าใกล้รัศมีหนึ่งจั้ง เขาจะสังเกตเห็นได้ทันที
แต่หลังจากเจออีกฝ่ายแล้ว เขาทำได้เพียงป้องกันตัวไม่ให้าเ็เท่านั้น คิดจะเอาชนะไม่ใช่เื่ง่าย
ทางด้านเสิ่นล่างกำลังเข้าปะทะกับอีกสองคนจากเผ่าอนธการ
เสิ่นล่างมีพลังยุทธ์ขั้นบรรพบุรุษระดับสูงสุด ส่วนสองคนนั้นมีพลังยุทธ์ขั้นบรรพบุรุษระดับกลางเท่านั้น จึงไม่ได้เปลืองแรงมากนัก
ส่วนเสิ่นเสวียนที่กำลังสู้กับพี่ใหญ่ผู้นั้นอย่างยากลำบากกลับมีสีหน้าหมดหนทาง จริงอยู่ว่าก่อนหน้านี้เขาบอกให้เสิ่นล่างจัดการสองคน แต่เขาไม่ได้หมายถึงสองคนที่มีพลังน้อยกว่า กลายเป็ว่าตอนนี้เขาต้องมาสู้กับคนที่มีพลังสูงสุดเสียแล้ว
แม้จะเอาชนะหานเฟิงได้ แต่พลังของคนผู้นี้อยู่ในระดับเดียวกับเสิ่นล่าง เขามิอาจสู้ได้เลย
“ลำพังแค่เ้า ยังคิดหาเื่อีกหรือ”
พี่ใหญ่ผู้นั้นทำให้เสิ่นเสวียนกระเด็นออกไปด้วยหมัดเดียว สีหน้าเขาดูพึงพอใจยิ่ง แต่เื่ที่เสิ่นเสวียนสามารถทำลายพลังมิติของเขาได้ก็ทำให้เขาประหลาดใจมาก ไม่เช่นนั้นตอนที่ปะทะกันครั้งแรก เสิ่นเสวียนคงกลายเป็ศพไปแล้ว
เสิ่นเสวียนที่โดนซัดกระเด็นร่วงหล่นลงไปอยู่บนก้อนหินลาวาที่ควบแน่นแล้วก้อนหนึ่ง จากนั้นก็เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง
“เมื่อครู่ข้าบอกให้เ้าไป เ้ากลับไม่ไป ตอนนี้คิดหนีก็สายไปแล้ว ตายซะเถอะ!”
พี่ใหญ่ผู้นั้นกล่าวจบ มือที่ห่อหุ้มด้วยเกราะสีแดงยื่นออกไปโจมตีเสิ่นเสวียนทันที
จุดพลังสีแดงเข้มปรากฏขึ้นใจกลางฝ่ามือและรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
เมื่อััได้ถึงพลังนี้ เสิ่นเสวียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย พลังของเขาทั้งสองคนแตกต่างกันมากเกินไป ยากที่จะหาสิ่งใดมาเติมเต็มได้ บนกลุ่มก้อนพลังนั้นมีไอพลังแห่งความตายแผ่กระจายออกมา ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือมันตรึงร่างของเสิ่นเสวียนไว้จนมิอาจหลบหลีกได้เลย
อีกฝ่ายไม่ให้เสิ่นเสวียนได้มีเวลาพักหายใจ กลุ่มก้อนพลังใจกลางฝ่ามือขยายใหญ่จนกลายเป็ก้อนพลังสีแดงเข้มกว้างเกือบสองฉื่อในพริบตาเดียว ก้อนพลังนั้นสว่างวาบไม่หยุด แล้วมันก็พุ่งออกจากใจกลางฝ่ามือตรงเข้าใส่เสิ่นเสวียน
“แข็งแกร่งมาก!”
เสิ่นเสวียนมองก้อนพลังนั้นพุ่งตรงเข้ามาด้วยแววตาตื่นใ ถึงตอนนี้เขาจึงพบว่าพลังของพวกเขาแตกต่างกันมากเพียงไหน
“ระวัง!”
เสิ่นล่างที่กำลังต่อสู้กับอีกสองคนจากเผ่าอนธการรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ของเสิ่นเสวียน จึงะโออกไปเสียงดัง ทว่าเขาอยู่ห่างจากเสิ่นเสวียนมากและยังโดนสองคนนั้นรั้งไว้ ทำได้เพียงมองเสิ่นเสวียนโดนก้อนพลังลูกนั้นโจมตีโดยที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย
ตูม!
เสิ่นเสวียนมิอาจหลบหลีกได้ กลุ่มก้อนพลังโจมตีใส่ร่างของเขาอย่างจัง แรงะเิที่รุนแรงส่งผลให้พลังสีแดงเข้มกระจายออกไปรอบๆ ทำให้ลาวาเบื้องล่างโดนกดจนเป็หลุมขนาดใหญ่ ทว่าเพียงไม่นานก็มีลาวาใหม่เคลื่อนเข้ามาปกคลุมเหมือนเดิม
เพียงแต่...เสิ่นเสวียนหายไปแล้ว
“หลีกไป!”
เสิ่นล่างซัดพลังฝ่ามือออกไปด้วยพลังทั้งหมดทำให้สองคนนั้นถอยหลังไป แล้วเขาก็พุ่งเข้ามาตรงที่เสิ่นเสวียนหายไป เขากวาดตามองความว่างเปล่าตรงนั้นด้วยดวงตาแดงก่ำ
“พวกเ้า! รนหาที่ตาย!”
เสิ่นล่างจ้องเขม็งไปยังพี่ใหญ่ผู้นั้น เจตจำนงสังหารรุนแรงพลุ่งออกมาจากแววตา หากแววตานี้ฆ่าคนได้ สามคนนั้นคงตายไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง
ไม่ง่ายเลยกว่าตระกูลเสิ่นจะมีความหวังได้เจริญรุ่งเรืองขึ้น แต่กลับโดนอีกฝ่ายทำลายป่นปี้ไปแล้ว แม้พวกเขาจะมาจากเผ่าอนธการก็ต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่
“เฮอะ แค่มดตัวหนึ่ง คิดว่าข้ากลัวเ้าจริงๆ หรือ”
ได้เห็นเสิ่นล่างโกรธแค้น พี่ใหญ่ผู้นั้นเพียงแค่กล่าวเสียงเย็นออกมา กระบี่สีแดงก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นในมืออีกครั้ง เปลวเพลิงพุ่งออกไปทุกทิศทาง อานุภาพรุนแรงยิ่งกว่าเดิมมาก
กล่าวได้ว่าตอนปะทะกับเสิ่นเสวียนก่อนหน้านี้ เขายังไม่ได้แสดงพลังทั้งหมดออกมา
ทว่าทันใดนั้นเอง มีพลังน่ากลัวขุมหนึ่งปะทุออกมาจากลาวาที่อยู่เบื้องล่าง พลังนี้คล้ายพลังฟ้าดิน ทั้งยังเก่าแก่อีกด้วย
“กรร!”
เสียงร้องคำรามคล้ายสิงโต เสือ และัรวมกันดังออกมาจากลาวาเบื้องล่าง คลื่นเสียงอานุภาพรุนแรงแผ่กระจายเข้าใส่เสิ่นล่างและสามคนนั้นจากเผ่าอนธการ ทำให้ร่างของพวกเขาโซเซจนเกือบร่วงหล่นลงไป
“คำของมหาปุโรหิตเป็จริงแล้ว เตรียมพร้อมให้ข้าด้วย”
พี่ใหญ่ผู้นั้นไม่สนใจเสิ่นล่างอีก เขาถือกระบี่สีแดงเหาะตรงไปยังปากปล่องูเาไฟ อีกสองคนก็เช่นกัน เมื่อเหาะไปอยู่เหนือปากปล่องูเาไฟแล้ว พวกเขาก็มองลงไปยังปล่องูเาไฟเบื้องล่าง
“ผู้เฒ่าล่าง อย่าไป”
ขณะที่เสิ่นล่างคิดจะไล่ตามไป เสียงของเสิ่นเสวียนพลันดังขึ้นจากมิติว่างเปล่ารอบข้าง
“เอ๋? เ้ายังไม่ตาย!”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น เสิ่นล่างที่กำลังเดือดดาลพลันสงบนิ่งลง ก่อนจะมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย
“ข้ายังไม่ตาย ท่านไปหาที่ซ่อนก่อน” เสิ่นเสวียนกล่าวเสียงเบา
ูเาไฟเบื้องล่างปะทุรุนแรงอีกครั้ง ลาวาไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง มันพุ่งสูงขึ้นมากว่าสามจั้ง ทำให้สามคนนั้นต้องหลบหลีกในทันที ราวกับเป็ปลาในบ่อที่กำลังประสบภัยพิบัติ
“แยกเป็สามทาง เอาเชือกวิเศษออกมา”
ภายใต้คำสั่งของพี่ใหญ่ พวกเขาต่างเหาะไปยังตำแหน่งของตนเองเหนือปากปล่องูเาไฟ พวกเขาแต่ละคนถือเชือกสีแดงเอาไว้ แล้วจัดการขึงเหนือปากปล่องูเาไฟ
นี่คือการจับกุมที่เป็เอกลักษณ์ของเผ่าอนธการ เชือกวิเศษสามารถปิดกั้นไอพลังต่อสู้ไว้ได้ แม้แต่พลังอานุภาพรุนแรงก็มิอาจทะลวงผ่านออกมาได้
ทันใดนั้น ลูกไฟดวงหนึ่งพุ่งตามลาวาขึ้นมาและปะทะเข้ากับเชือกวิเศษอย่างรุนแรง