เหนือบริเวณยอดเขาเขียวอันเป็ชัยภูมิที่ตั้งของม่านพิภพตระกูลฮั่น ท้องนภาที่แผ่ปกคลุมกว้างใหญ่ไพศาลนั้นได้สั่นะเืสะท้อนไปทั่ว ห้วงอากาศส่วนนั้นถึงกับบิดเบี้ยวผันผวนด้วยแรงบีบอัดอันมหาศาลก่อเป็รูปร่างของกระจกโบราณขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์โบราณอหังการยิ่ง ก่อนจะปรากฏเงาจำนวนสามร่างทะลุออกมาจากม่านกระจกอันพิสดารนี้ ตรงด้านหน้าสุดนั้นเป็ชายวัยกลางคนอายุราว ๆ สี่สิบห้าสิบปีที่มีใบหน้าหล่อเหลาน่าเกรงขาม
ดวงตาคมกล้าสีดำสนิทจ้องมองไปเบื้องหน้าด้วยความเข้มแข็งดุดันพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างท่วมท้น ตรงด้านหลังยังปรากฏเป็วงแหวนเวทย์สีแดงเข้มซ้อนกันสองชั้น อันเป็สัญลักษณ์ของผู้ฝึกตนราชทินนามเทพยุทธ์ขั้นกลางผู้หนึ่ง ถือเป็หนึ่งในตัวตนระดับสูงเพียงไม่กี่คนในแคว้นจูเชว่ที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัตินี้
ตรงด้านข้างซ้ายขวานั้นได้ถูกประกบด้วยชายชราผมสีขาวโพลนทั้งสอง จากรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขาคล้ายกับอยู่ใน่วัยหกสิบเจ็ดสิบปี ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากวงแหวนเวทย์สีแดงหนึ่งชั้นที่อยู่ย่อมไม่อาจดูเบาได้เพียงนิด ราชินนามเทพยุทธ์ขั้นต้นย่างก้าวที่ลึกล้ำโดดเด่น เพียงไม่กี่อึดใจต่อมาทั้งสองเฒ่าได้ยกมือขึ้นเป็ท่วงท่าที่สอดประสานอย่างฉับไวจนบังเกิดเป็ห่าฝนกระบี่นับหมื่นเล่มที่ส่งกลิ่นอายะเืฟ้าดินยิ่ง
ค่ายกลราชันย์หมื่นกระบี่เพลิงทมิฬ!!!!
ตู้ม!!!
สิ้นเสียงสั่งการของทั้งสองผู้เฒ่า ได้บังเกิดห่าฝนกระบี่สีส้มดำประกายที่ได้รับแรงหนุนจากพลังลมปราณจากทั่วทุกสารทิศที่ต่างหมุนวนเป็ห้วงพายุด้วยความรวดเร็วยากจะเห็นด้วยตาเปล่า
กระแสพลังทำลายล้างอันเข้มข้นฟาดฟันตัดผ่านห้วงอากาศสิ่งนี้นับเป็สุดยอดวิชาค่ายกลโจมตีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงกดดันอันมหาศาล ก่อนจะถาโถมเข้าสู่เบื้องล่างด้วยความรวดเร็วยิ่งแรงสะกดข่มของพลังลมปราณแผ่ซ่านกระจายไปทั่ว
เสียงแตกร้าวราวกับกระจกผืนใหญ่ที่ปริแตกได้ดังขึ้นสะท้อนไปทั่วทั่งบริเวณสร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้ที่ลักลอบสังเกตการณ์เป็อย่างมาก ผลลัพธ์จากการบัญชาการวิชายุทธ์พิฆาตกระบี่นั้นได้เกิดแรงผันผวนของห้วงมิติที่กำลังบิดเบี้ยวราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกระทำ ไม่กี่ชั่วอึดใจต่อมาจึงเกิดเป็ช่องว่างมิติขนาดใหญ่ที่มีพลังปั่นป่วนอย่างถึงที่สุดเผยให้เห็นส่วนด้านในของม่านพิภพตระกูลฮั่วที่ยามนี้ได้มีหน่วยลาดตระเวนคอยรักษาการอยู่
"ตระกูลฮั่นกำลังถูกบุกรุก!!! รีบไปแจ้ง..." หัวหน้าผู้ดูแลตระกูลฮั่นเห็นว่าสิ่งที่กำลังปรากฎนี้ย่อมไม่ใช่เื่ดีเป็แน่ เงาร่างที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาในม่านพิภพของตระกูลนั้นคงเป็ผู้นำตระกูลหวังและผู้ติดตามทั้งสอง ทว่าก่อนที่จะเอ่ยถ้อยคำจนจบประโยคครบถ้วนเพื่อแจ้งสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ผ่านหยกสื่อสาร ส่วนของหน้าอกได้มีกระบี่สีขาวบริสุทธิ์เสือกแทงเข้ากลางอกก่อนจะสิ้นลมหายใจไปในที่สุด
คล้อยหลังตามมานั้นได้ปรากฏเงาร่างของผู้ติดตามอีกนับร้อยเลยทีเดียว กลิ่นอายของสุดยอดฝีมือในกองกำลังนี้ที่แผ่ซ่านออกมานั้นล้วนไม่อ่อนด้อยกว่าราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาทั้งสิ้น ไม่ต้องมีคำสั่งการใดใดกลุ่มกองกำลังเหล่านี้ต่างพุ่งเข้าสังหารหน่วยลาดตระเวนของตระกูลฮั่นที่เหลืออย่างไม่ทันตั้งตัวด้วยคาดไม่ถึงว่าทางฝั่งของตระกูลหวังจะลงมืออย่างรวดเร็วเช่นนี้
อัญเชิญสมบัติวิเศษปราการเทพอัคคีศักดิ์สิทธิ์ สำแดง!!!!
พรึบ!!!!
พริบตาเดียวนั้นได้ปรากฏม่านปราการอัคคีสีแดงส้มประกายพิสุทธิ์ ได้ครอบทับล้อมรอบพื้นที่มากกว่าสองในสามส่วนของม่านพิภพ จากนั้นบรรดาผู้าุโรวมไปถึงสุดยอดฝีมือของกองกำลังที่ติดตามมานั้นต่างปลดปล่อยพลังลมปราณในร่างกายออกมาพร้อมกับเรียกใช้ิญญายุทธ์ประจำตัวเพื่อส่งพลังปราณทำลายหมุดศิลาค่ายกลที่ถูกวางไว้โดยรอบของตระกูลฮั่น
กล่าวได้ว่าต้องขอบคุณในความสามารถของคุณชายหวังหนิงอ้ายอย่างถึงที่สุด ด้วยเพราะอีกฝ่ายสามารถวาดแผนที่ทั้งหมดของตระกูลฮั่นได้อย่างครบถ้วน พร้อมกับระบุไว้อย่างชัดเจนว่าจุดใดที่ควรเฝ้าระวังและจุดใดควรที่จะตั้งรับอย่างไร
ข้อมูลเกี่ยวกับชัยภูมิเหล่านี้ล้วนเป็ประโยชน์อย่างยิ่งในการ่ชิงความได้เปรียบที่นำมาซึ่งชัยชนะในครั้งนี้ อีกทั้งก่อนหน้านี้พวกเขาต่างได้รับโอสถวิเศษพิสดารเม็ดหนึ่งจากคุณชายน้อยทั้งสิ้น ไม่น่าเชื่อว่าโอสถวิเศษที่พวกเขาได้รับไปนั้น จะสามารถยกระดับฝีมือและเขตขั้นของพลังปราณให้เพิ่มขึ้นสองถึงสามขั้นย่อย
บางคนถึงกับประสบโชควาสนาสามารถเลื่อนระดับขั้นใหญ่ได้เสียด้วยซ้ำ แม้ว่าฤทธิ์ของโอสถนี้จะเพิ่มขีดจำกัดความสามารถได้เพียงไม่กี่ชั่วยามก็ตาม ยิ่งพวกเขาได้รับรู้ภายหลังว่าโอสถเหล่านี้ล้วนเป็โอสถทิพย์ระดับห้าทั้งสิ้น พวกเขาจึงยิ่งซาบซึ้งและยอมรับนับถือคุณชายน้อยผู้นี้อย่างถึงที่สุด
พรึบ!!!! พรึบ!!!!
“บังอาจยิ่งนัก!!!!”
เงาร่างนับสิบสายได้พุ่งทะยานตรงมาด้วยความรวดเร็ว พินิจจากกลิ่นอายของพลังปราณที่แผ่ซ่านให้ัันั้นถือว่าเป็สุดยอดฝีมือที่ไม่อ่อนด้อยเช่นกัน แต่ที่โดดเด่นที่สุดนั้นจะเป็หนึ่งบุรุษวัยกลางคนที่มีวงแหวนสีแดงเข้มซ้อนอยู่ด้านหลังสองชั้น และสตรีสาวคนหนึ่งที่มีวงแหวนเวทย์สีแดงสองชั้นเช่นกัน นอกจากนั้นแล้วผู้ที่ติดตามด้านหลังล้วนเป็ผู้าุโที่มีรากฐานพลังปราณไม่อ่อนด้อยคอยติดตามมาด้วย พร้อมกับเผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด
"ตระกูลหวังคงถือว่าตนเป็ใหญ่จึงละเว้นซึ่งมารยาทและบุกทำลายม่านมิติของตระกูลอย่างนั่นรึ? ช่างเป็การกระทำที่ไร้ยางอายเสียจริง!!!" ฮั่นหลี่เฉียงหรือผู้นำตระกูลฮั่นคนปัจจุบัน ปราดร่างพุ่งตรงประจันหน้าด้วยความโกรธเกรี้ยว แววตาสังหารแม้จะซุกซ่อนเพียงใดย่อมไม่อาจปกปิดได้มิดชิด
"ประมุขตระกูลฮั่นอย่าได้เอ่ยวาจาราวกับตนเป็ฝ่ายถูกกระทำบริสุทธิ์...บทละครนี้ผู้ใดล้วนมองออกทั้งสิ้นอย่าได้เล่นลิ้นให้มากความนัก!!! เมื่อวันก่อนนี้น้องชายข้าถูกลอบสังหารจนเกือบเอาชีวิตรอดไม่ได้ ส่วนเมื่อคืนนี้บิดาของข้ารวมไปถึงผู้าุโทุกท่านก็ได้รับพิษร้ายของสัตว์อสูรมายาระดับสูงถึงสองชนิด รวมไปถึงโอสถสลายลมปราณนั่น วันนี้ข้าจะมาสะสางคิดบัญชีให้หมด!!!” หวังจิ่งหลงตวาดกร้าวตอบกลับไป
กลิ่นอายของราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างหนักหน่วง พื้นที่โดยรอบถูกสะกดข่มด้วยพลังปราณที่หนักแน่นชวนให้รู้สึกอึดอัด ผู้แกร่งกล้าที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่หนักแน่นเพียงพอย่อมไม่อาจหยัดยืนได้โดยง่ายจนต้องหลบหนีออกไปจากตรงนี้อย่างเสียไม่ได้ตรงด้านหลังของสุดยอดฝีมือของทั้งสองฝั่งยังปรากฏวงแหวนเวทย์ที่มีความแตกต่างกับไปตามระดับพลังิญญาที่ถือครองอยู่
“ช่างเป็คำกล่าวหาที่ร้ายแรงยิ่ง มีเหตุผลใดตระกูลฮั่นต้องกระทำเช่นนั้นกัน เื่ราวสิ่งใดเกิดขึ้นในตระกูลหวังพวกข้าหาใช่ว่าจะรับรู้ด้วย ใช่ว่าพวกเ้าไม่มีศัตรูไปเสียเมื่อไหร่กัน!!!” ฮั่นหลี่เฉียงเห็นกองกำลังผู้ติดตามหวังจิ่งหลงที่ติดตามมาเื้ั จึงรับรู้ได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายคงได้เตรียมการมาเป็อย่างดี
ทั้งที่พวกเขาตั้งใจและวางแผนการเอาไว้ว่าในอีกสามหวันหลังจากนี้จะบุกม่านพิภพเพื่อสังหารตระกูลหวังให้หมดสิ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่คาดคิดว่าวันนี้อีกฝ่ายจะชิงลงมือก่อนโดยไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ ราวกับว่าอีกฝ่ายรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวและแผนการที่ได้วางไว้เสียอย่างนั้น
“ไม่ใช่ว่าทางตระกูลฮั่นได้มีการลักลอบใช้ประตูเวทย์เคลื่อนย้ายกองกำลังอย่างลับ ๆ ในม่านพิภพตระกูลอย่างลับ ๆ และมีแผนการบุกตระกูลในอีกสามวันหลังจากนี้ไม่ใช่รึ?” หวังจิ่งหลงตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“พวกเ้ารู้ได้อย่างไรกัน!!!” แม้จะรู้สึกใมากเพียงใด ทว่าสถานการณ์ยามนี้กล่าวได้ว่าฮั่นหลี่เฉียงย่อมไม่อาจหาตัวผู้คิดคดทรยศได้ แต่หลังจากสังหารพวกตระกูลหวังจนหมดสิ้นแล้วคงไม่ใช่เื่ยากในการลงมือ
“อยากได้หลักฐานอย่างนั้นรึ? ย่อมมีมากมายเลยทีเดียว อีกทั้งเหตุการณ์ความวุ่นวายภายในมหานครจู่เชว่ล้วนมีผู้อยู่เื้ันั่นคือตระกูลฮั่นทั้งสิ้น มากไปกว่านั้นเ้ายังเข้าร่วมกับพวกมารปีศาจและคอยให้ความช่วยเหลือ
ชีวิตของบริสุทธิ์ที่หายตัวไปล้วนตกเป็เหยื่อของพิธีการอุบาทว์เซ่นสังเวยนั่น วันนี้ข้าหวังจิ่งหลงในฐานะของผู้ปกครองดินแดนจูเชว่ขอประกาศโทษตายแก่ตระกูลฮั่นรวมไปถึงตระกูลพันธมิตรย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยง!!!” หวังจิ่งหลงตวาดกร้าว
“ในเมื่อท่านประมุขตระกูลหวังมาเยี่ยมเยียนถึงม่านพิภพของตระกูลฮั่นพร้อมกองกำลังเช่นนี้ หากไม่ต้อนรับขับสู้คงถือว่าบกพร่องไปแล้ว ฟังคำสั่งข้า!!! สังหารผู้บุกรุกจากตระกุลหวังทั้งหมดอย่าให้หลุดรอดไปได้!!” ฮั่นหลี่เฉียงตวาดกร้าวสั่งการออกไปเสียงดัง
กองกำลังของตระกูลหวังในวันนี้แม้จะมากไปด้วยฝีมือ ทว่ายังคงอ่อนด้อยกว่าอดีตผู้นำตระกุลคนเก่าและผู้าุโเ่าั้หลายขั้น ต้องขอบคุณหวังจางจิ้นที่ลงมือวางยาพิษพวกมันได้สำเร็จ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามตระกูลหวังต้องสิ้นชื่อไปจากแคว้นจูเชว่ให้ได้ในวันนี้
ฮั่นหลี่เฉียงพุ่งทะยานออกไปเบื้องหน้า ตรงมือขวาปรากฏเป็ยุทธ์ฝ่ามือพิฆาตสายหนึ่งที่ประสานด้วยพลังปราณทำลายล้าง ทว่าจังหวะที่ฝ่ามือนี้จะบรรลุถึงเบื้องหน้าของหวังจิ่งหลง กลับมีคลื่นพลังปราณสายหนึ่งได้พวยพุ่งออกมาต้านรับและสลายการโจมตีได้อย่างง่ายดาย
ส่งผลให้ร่างกายของฮั่นหลี่เฉียงร่นถอยหลังกลับไปหลายก้าวพร้อมกับเศษฝุ่นที่ฟุ้งกระจายอยู่โดยรอบ ยามเมื่อทุกอย่างจางหายไปนั้นก็ปรากฏร่างของหวังป๋อเหวิน อดีตผู้นำตระกูลคนเก่าที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าของหวังจิ่งหลงด้วยท่วงท่าสง่างามทรงพลังยิ่ง
“เป็ไปได้อย่างไรกัน ไม่ใช่ว่าท่านถูกพิษร้ายอย่างนั้นรึ?” น้ำเสียงของฮั่นหลี่เฉียงสั่นเครือด้วยความตกตะลึงอย่างแท้จริง
ด้วยเพราะเมื่อวานนี้มีพยานยืนยันว่าตาเฒ่าหวังจางจิ้นได้ลงมือวางยาพิษพี่ชายของอีกฝ่ายและพวกผู้าุโหน้าตายพวกนั้นได้สำเร็จแล้วยากจะรักษาชีวิตไว้ได้ ยิ่งเห็นเงาร่างของผู้ที่ติดตามเื้ัล้วนเป็รายชื่อในแผนการที่ต้องถูกจัดการด้วยพิษร้ายทั้งสิ้น แต่เหตุใดเพียงชั่วค่ำคืนกลับสามารถกลับมาเป็ปกติเช่นนี้ได้กัน อีกทั้งท่านผู้นั้นมั่นใจในพิษของอสูรมายาระดับสูงยิ่งนัก ไม่นับรวมไปถึงโอสถสลายปราณระดับหกนั่นอีก ไม่รู้ว่าตระกูลหวังสามารถรักษาได้อย่างทันท่วงทีด้วยวิธีการใดกันแน่
“ข้าหวังป๋อเหวินขอเตือนเป็ครั้งสุดท้าย จงมอบตัวหวังจางจิ้นให้เราแต่โดยดีและยอมรับความพ่ายแพ้นี้พร้อมอพยพออกไปจากแคว้นจูเชว่แห่งนี้เสีย นี่คือโอกาสสุดท้ายที่ทางตระกูลหวังจะสามารถมอบให้ได้!!! ไม่เช่นนั้นอย่าได้ถือว่าตระกูลหวังกระทำเกินกว่าเหตุ...”
หวังป๋อเหวิน ประกาศดังก้องสะท้อนไปทั่วทั้งม่านพิภพแห่งนี้ แน่นอนว่าผู้ที่กำลังหลบหนีหรือซ่อนตัวอยู่ในห้องลับต่างได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ทั้งสิ้น
“ช่างเป็โอกาสที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาเสียจริง คิดหรือว่าการโค่นล้มตระกูลหวังในครั้งนี้จะมีเพียงตระกูลฮั่นเท่านั้น ข้ายังมีกองทัพสนับสนุนมากมายที่เชื่อได้ว่าย่อมสามารถจัดการพวกเ้าได้อย่างไม่ยาก ท่านน่าจะตกตายไปตามความ้าของน้องชายท่านเสีย...”
“กล้าบุกเข้าม่านพิภพตระกูลฮั่นก็จงยอมรับความตายแต่โดยดี ข้าจะเอาโลหิตของพวกเ้ามาล้างเท้าคนตระกูลฮั่นและจะเสียบศีรษะของตระกูลหวังแห่ทั่วทั้งมหานคร ตระกูลฮั่นและพันธมิตรจงสังหารพวกมันให้สิ้น!!!!!” ฮั่นหลี่เฉียงตวาดสั่งการด้วยจิตสังหารถึงขีดสุด
นอกจากกองกำลังของผู้ฝึกตนในสังกัดของตระกูลฮั่นและตระกูลที่เข้าร่วมพันธมิตรแล้ว ยังได้ปรากฎเงาร่างสีดำทมิฬอันเกิดจากผู้ใช้ปราณมารที่ต่างพุ่งทะยานออกมาจากทั่วทุกสารทิศ กลุ่มคนเหล่านี้ล้วนเป็คนของสำนักเทพมารที่คอยการสนับสนุนตระกูลฮั่นในตลอดหลายปี
จากนั้นบรรดาผู้ใช้ปราณมารต่างรวมตัวพร้อมกับก่อร่างสร้างค่ายกลด้วยความรวดเร็ว บังเกิดเป็ดวงตามารสีแดงฉานขนาดใหญ่ขึ้นเหนือท้องฟ้า ยามเมื่อแสงประกายสีแดงดำทมิฬนั่นสาดส่องไปยังบริเวณได้ คล้ายกับว่ากองกำลังที่มีพลังปราณมารแฝงอยู่ล้วนได้รับการกระตุ้นยกระดับฝีมือขึ้นทั้งสิ้น
สีหน้าของหวังจิ่งหลง หวังป๋อเหวินรวมไปถึงผู้าุโและกองกำลังทางฝั่งของตระกูลหวังล้วนแสดงสีหน้าตกตะลึงกันทั้งสิ้น ด้วยไม่คิดว่าตัวตนเื้ัที่คอยสนับสนุนตระกูลฮั่นนั้นจะเป็สำนักเทพมาร อันเป็ผู้ที่ฝึกฝนเข้าสู่เส้นทางใช้ปราณมารเช่นนี้
ทุกคนต่างเรียกใช้พลังปราณในร่างกายออกมาป้องกันร่างกายเพื่อไม่ให้ปราณมารเข้าไปสอดแทรกทำลายเส้นชีพจรในร่างกายได้ เพราะหากเป็เช่นนั้นพวกเขาทั้งหมดคงพลาดท่าตกตายไปสิ้นเป็แน่ ยิ่งค่ายกลดวงตามารนั่นที่ในยามนี้ได้แผ่ซ่านกลิ่นอายแห่งความตายออกมาอย่างถึงที่สุด
ด้วยพลังปราณมารเหล่านี้ย่อมเพียงพอที่จะสังหารพวกเขาทุกคนในที่นี้ได้อย่างไม่อยากนัก ต่อให้พวกเขาประสานกำลังสร้างค่ายกลหรือบัญชาการสมบัติวิเศษที่มีคุณสมบัติป้องกันปราณมารได้นั้นคงยื้อเวลาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยามเพียงเท่านั้น กล่าวได้ว่าสถานการณ์ยามนี้ได้พลิกผันส่งผลให้ตระกูลฮั่นได้รับแต้มต่ออีกครั้งแล้ว
“ตระกูลหวัง โจมตี!!!!” เสียงของหวังจิ่งหลงนั้นไม่ต่างไปจากคำประกาศิตคงไม่เกินจริงไปนัก
พริบตานั้นเหนือท้องฟ้าของม่านพิภพตระกูลฮั่นได้ถูกปกคลุมไปด้วยเงามืดของสุดยอดฝีมือของทั้งสองฝ่ายที่พุ่งทะยานเข้าโจมตีอย่างไม่ยั้งมือ เสียงท้องนภาสั่นะเืพร้อมกับห้วงอากาศบริเวณนั้นถึงกับบิดเบี้ยวไปชั่วขณะด้วยจิตสังหารที่ประสานเข้ากับพลังลมปราณได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างท่วมท้น
“หวังจิ่งหลงหากเ้า้าจับกุมข้าคงไม่ง่ายถึงเพียงนั้น พวกเ้าจงตกตายไปอย่างทรมานเสียเถอะ!!!”
ฮั่นหลี่เฉียงตวาดกร้าว สองมือประสานขึ้นเป็ท่วงท่าพิสดาร ปรากฏเป็ฝ่ามือพิฆาตที่อาบย้อมไปด้วยปราณมารสีดำทมิฬไหลเวียนอยู่ ก่อนจะเข้าซาดซัดด้วยความรวดเร็วยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นหวังจิ่งหลงก็สามารถตั้งรับได้อย่างทันท่วงทีเช่นกัน
“ข้าฝากพวกท่านช่วยดูแลทางอื่นด้วยขอรับ ส่วนทางนี้ข้าจะรับมือกับประมุขตระกูลฮั่นเอง” หวังจิ่งหลงเอ่ยกับหวังป๋อเหวินผู้เป็บิดาและผู้าุโทั้งสองที่ติดตามอยู่เื้ั ด้วยยามนี้ได้มีสุดยอดฝีมือของทางฝั่งตระกูลฮั่นที่ไม่อาจดูเบาได้เช่นกัน
“วันนี้ข้าจะขอชมดูว่าเปลวเพลิงแห่งเฟยเฟิ่งนั้นจะแกร่งกล้าดังเช่นที่ผู้คนเขาลือกันหรือไม่!!”
กล่าวจบลงนั้น กระแสพลังปราณอันล้ำลึกที่ผสานเข้ากับปราณมารอันลึกล้ำได้อบอวลแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของฮั่นหลี่เฉียง พริบตานั้นเปลวเพลิงสีส้มดำประกายแปลกตาได้ก่อตัวขึ้นเป็วิหคเพลิงทมิฬที่เต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรงยิ่ง
หวังจิ่งหลงไม่รอช้าระดมเรียกพลังปราณธาตุไฟระดับสามออกมาต้านรับในทันที เหนือน่านฟ้าบริเวณส่วนนี้พลันบังเกิดเป็เงาร่างของเฟยเฟิ่งขนาดใหญ่ที่อาบย้อมไปด้วยเปลวเพลิงสีแดงส้มประกายพิสุทธิ์ ก่อนจะเข้าปะทะกับวิหคเพลิงทมิฬของฮั่นหลี่เฉียงอย่างไม่กลัวเกรง
ยามนี้บรรยากาศภายในม่านพิภพตระกูลฮั่นได้แปรเปลี่ยนเป็สนามประลองที่เต็มไปด้วยลมฝนคาวเืฟุ้งกระจายไปโดยรอบ การเข้าปะทะของสุดยอดฝีมือทั้งสองฝั่งนั้นกล่าวได้ว่าเป็สุดสอดแห่งพลังทำลายล้างอย่างแท้จริง
แต่ถึงอย่างไรนั้นดูเหมือนว่าทางฝั่งตระกูลฮั่นจะได้เปรียบกว่าตระกูลไปหนึ่งขั้น ด้วยเพราะนอกจากจะได้รับแรงสนับสนุนจากผู้ฝึกตนที่ใช้ปราณมารแล้ว ยังได้ปรากฎหุ่นเชิดมารพยนต์อีกจำนวนนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว
แน่นอนว่าทุกการโจมตีของหุ่นเชิดมารพยนต์เหล่านี้ล้วนแฝงไปด้วยปราณมารทั้งสิ้น โอสถรักษาทั่วไปยังไม่อาจรักษาาแที่ปนเปื้อนปราณมารได้อย่างหมดจด บรรดาผู้าุโที่นำทัพกองกำลังเหล่านี้จึงได้แต่เรียกใช้สมบัติวิเศษปราณธาตุแสงออกมารักษาเพื่อบรรเทาเบื้องต้นเพียงเท่านั้น แต่ด้วยเพราะปราณมารที่คละคลุ้งไปทั่วด้วยแรงสนับสนุนของค่ายกลดวงตามารนั่นจึงยากที่กองกำลังของตระกูลหวังจะตั้งรับและโจมตีกลับไปได้โดยง่ายแล้วในยามนี้...
