ตูม!
เมื่อกู่ไห่เห็นเช่นนั้น จึงไม่รอช้า รีบะโตามลงไปในน้ำ เพื่อไล่ล่าศีรษะอสรพิษของหลี่ชิงเหอ ที่กำลังจะหลบหนีทันที
ในขณะเดียวกัน เมื่อไต้ซือหลิวเหนียนได้ฟังคำตำหนิของกู่ไห่ ก็ละอายใจไม่น้อยต่อการกระทำของตัวเอง จึงตั้งใจโจมตีอีกครั้ง ลูกประคำทั้งสิบแปดเม็ด[1]ที่ส่องประกาย ได้เคลื่อนเข้าห้อมล้อมร่างตัวเองเอาไว้
“แหวนั? ฮ่าๆๆ! ซ่งเซิงผิง นี่แปลว่าเ้าได้เตรียมการเอาไว้แล้วสินะ?” เจียวหลงแผดเสียงด้วยความเคืองแค้น พลางต้านการโจมตีของผู้ทรงศีลตรงหน้าตน
ติ๊งๆๆๆ!
ซ่งเซิงผิงต้านพลังของลูกประคำ ด้วยแหวนทองคำในมือ
“ฟู่เสวี่ย! นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาโต้เถียงกัน ก่อนอื่นพวกเราต้องจัดการเ้าลาแก่หัวล้านนี่ให้ได้เสียก่อน อย่างอื่นค่อยไปว่ากันทีหลัง” ซ่งเซิงผิงกล่าวอย่างร้อนรน
“ฮึ่ม! ซ่งเซิงผิง ข้าเคยเอ่ยกับเ้าไว้ว่าอย่างไร ในตอนที่เ้าส่งศิษย์สำนักซ่งเจี่ยมาให้ข้าจัดการเปลี่ยนร่างพวกมัน? ข้าถามไปว่าเหตุใดเ้าจึงใจกว้างนัก?
เป็เพราะเ้ารอโอกาสอยู่นี่เอง หากข้าค้นหาชีพจรัพบ เ้าก็จะได้ใช้แหวนักำจัดข้าสินะ?” เจียวหลงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว
“มันไม่ใช่อย่างที่เ้าคิด!” ซ่งเซิงผิงรีบปฏิเสธ
“ไม่ใช่อย่างที่ข้าคิดอย่างนั้นหรือ? แหวนัจากดินแดนแรกสาบสูญ? หึ!... นี่คือหนึ่งในอาวุธวิเศษ ที่ผู้าุโกวนฉีสร้างขึ้นในอดีต เพื่อใช้ข่มเหงเผ่าัของข้า! ดีๆๆ! ซ่งเซิงผิง เ้าช่างฉลาดจริงๆ” เจียวหลงกล่าว
“แล้วข้าเคยทำเช่นนั้นกับเ้าหรืออย่างไร? ตอนนี้มีอะไรให้แย่งชิงกัน? รีบจับเ้าลาแก่หัวล้านนี่เถอะ มิฉะนั้นคงเป็พวกเรา ที่จะไม่รอด!” ซ่งเซิงผิงะโอย่างร้อนใจ
“ฮึ่ม!” เจียวหลงตอบกลับอย่างขุ่นเคือง ก่อนหันไปมองภิกษุชราอีกครั้ง
“มหาสมุทรไร้ขอบเขต แม่น้ำหมื่นสายไหลมา!” ฟู่เสวี่ยเอ่ย
ตูม!
สายน้ำพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ตรงไปยังร่างของอีกฝ่ายทันที
ไต้ซือประสานมือ เตรียมตอบโต้ “ไข่มุกเก้าดารา!”
ตูมๆ!
ทันใดนั้น ลูกประคำเก้าเม็ดก็ตกลงมาจากฟากฟ้าราวกับดาวตก แล้วพุ่งเข้าใส่ร่างของเจียวหลง ทันทีที่ปะทะกัน ลูกประคำทั้งเก้าพลันะเิพลังออกมา สะกดร่างของมันเอาไว้
“อะไรกัน?” ฟู่เสวี่ยเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ตูมๆ!
ลูกประคำทั้งเก้าเม็ด กดทับร่างของเจียวหลงโดยฉับพลัน
“โฮก!”
พลังโจมตีอันมหาศาลที่กดทับ ทำให้ฟู่เสวี่ยในตอนนี้ ไม่สามารถขยับตัวได้ชั่วคราว
“ลาแก่หัวล้าน นั่นมันอาวุธวิเศษอะไรกัน? เ้าเป็ใครกันแน่?” เจียวหลงคำรามลั่น
บัดนี้ ร่างเจียวหลงของฟู่เสวี่ย ถูกสะกดไว้ด้วยลูกประคำ ราวกับว่าหากยอมแพ้เมื่อใด ร่างเขาจะถูกประคำทั้งเก้าเม็ดบดขยี้ทันที พลังอันร้ายกาจนี้ แม้แต่เขาก็ไม่อาจต่อกรได้
อสูรทะเลเริ่มแสดงอาการดิ้นรน แต่ไต้ซือหลิวเหนียนกับมิได้สนใจอะไรอีก รีบบังคับลูกประคำที่เหลือ เข้าสะกดแหวนัทันที
ตูม!
แหวนัสร้างโล่ทองอย่างรวดเร็ว เพื่อต้านการโจมตีจากลูกประคำเอาไว้ แต่ด้วยความทรงพลังของลูกประคำ ทำให้ซ่งเซิงผิงที่คอยควบคุมแหวนัอยู่ด้านหลัง เกิดอาการหวาดหวั่น... พลังช่างมหาศาลนัก จนแทบจะต้านทานไม่ไหว
“แหวนันี้ สมแล้วที่เป็อาวุธวิเศษซึ่งสร้างโดยผู้าุโกวนฉี ทว่า น่าเสียดาย ที่เ้าไม่อาจสร้างค่ายกลขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์ ค่ายกลผลึกเกราะทองนั่น ถูกควบคุมด้วยแหวนัใช่หรือไม่?” ภิกษุชราพูดเสียงเรียบ
“เ้ารู้ได้อย่างไร?” ซ่งเซิงผิงเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจ
“อืม... ข้ารู้ได้อย่างไรหรือ? ในคัมภีร์มีการบันทึกไว้ว่า ผู้าุโกวนฉีใช้วงแหวนั เพื่อสร้างค่ายกลเกราะทองขนาดใหญ่ ที่มีพลังเหนือค่ายกลทั้งปวง
ซึ่งคล้ายคลึงกับค่ายกลผลึกเกราะทองของเ้ามาก แต่ดูเหมือนว่าเ้ายังไม่อาจสร้างค่ายกลแบบเดียวกับของท่านผู้าุโได้” ไต้ซือเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนคว่ำมือ แล้วทำท่ากดลงไป
“พรวด!” ซ่งเซิงผิงถึงกับกระอักเืทันที
“ไต้ซือหลิวเหนียน ช้าก่อน อภัยให้ข้าด้วย ทุกอย่างเป็เพราะการชักนำของฟู่เสวี่ย!” ซ่งเซิงผิงกล่าวเสียงสั่น ก่อนร้องด้วยความเ็ป
“ถังจู่อยู่ที่ไหน เ้าได้ทำร้ายนางหรือไม่” ภิกษุชราถามกลับ
“ไม่ๆ! เราไม่กล้า หากทำเช่นนั้น แล้วท่านตาของถังจู่ทราบ ก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย เราจึงไม่กล้าทำร้ายท่านถังจู่ นางปลอดภัยดี ไม่เป็อันตรายใดๆ แม้แต่เส้นผมสักเส้น พวกข้าก็หาได้แตะต้องไม่!” ซ่งเซิงผิงรีบตอบ
“ฮึ่ม! ข้าจะยกโทษให้ก็ได้ เพราะเ้ามิได้ทำร้ายถังจู่ แต่ถึงอย่างไร เ้าก็ช่างบังอาจนัก!” ไต้ซือหลิวเหนียนกล่าวเสียงเย็น
“ไม่! พวกเราแค่้าสอบถามนาง เกี่ยวกับข่าวเมื่อยี่สิบปีก่อน ที่ท่านถังจู่คนเก่าได้ค้นพบชีพจรัเท่านั้น
แต่เมื่อถามหลงหว่านชิงไป นางกลับไม่ยอมตอบ ข้าก็ไม่กล้าทำอะไร จึงได้แต่ลงมือกับเหล่าองครักษ์เท่านั้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้เป็อันตรายถึงตาย” ซ่งเซิงผิงรีบอธิบาย
ขณะเดียวกัน ในจุดที่ไกลออกไป ณ ทางเข้าของค่ายกลผลึกเกราะทอง ก็มีร่างองครักษ์ทั้งสามของหลงหว่านชิง เดินเซออกมา
“ดูสิ! พวกเขายังมีชีวิตอยู่” ซ่งเซิงผิงกล่าวอย่างรีบร้อน
“ไต้ซือ ท่านกลับมาแล้ว!” องครักษ์ทั้งสาม โค้งคำนับภิกษุชราจากหน้าประตูของค่ายกล
“ท่านถังจู่อยู่ที่ไหน?”
“พวกเราก็ไม่ทราบ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้อยู่ในสำนักซ่งเจี่ยขอรับ!” องครักษ์ทั้งสามพูดอย่างหวาดวิตก
ขวับ!
ไต้ซือหันไปยังซ่งเซิงผิง ด้วยใบหน้าเ็ายิ่ง
“ท่านถังจู่อยู่ที่ไหน?” ภิกษุชราเอ่ยถามเสียงต่ำ
“ไต้ซือหลิวเหนียน เราไม่กล้าทำร้ายท่านถังจู่ จึงมอบนางให้กับติงรุ่ยไปแล้ว” ซ่งเซิงผิงกล่าวอย่างกลุ้มใจ
“หัวหน้าสังกัดอัคคีแห่งหออี้ผิน ติงรุ่ย?” ไต้ซือถามกลับ พลางเลิกคิ้วขึ้น
“ใช่ๆ! เราส่งนางให้กับติงรุ่ย เพราะนี่คือปัญหาภายในของหออี้ผิน พวกเรามิได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย จึงมิได้แตะต้องถังจู่ อย่างมากก็แค่จับกุมองครักษ์ทั้งสามคน หากเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ใช่เื่ของเราแล้ว เพราะเราก็แค่ลงมือกับสมุนสามคนนี้เท่านั้น” ซ่งเซิงผิงกล่าว
“ฮ่าๆๆ! ซ่งเซิงผิง เ้าช่างคาดการณ์ได้เก่งจริงๆ คิดว่าจะไม่มีใครสาวถึงตัวเ้าอย่างนั้นหรือ… ฮึ่ม!” ภิกษุชราเอ่ยเสียงเยือกเย็น
“ติงรุ่ยเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่นี้ นางรู้ว่าพวกเรากำลังจะทำอะไร แต่ก็มิได้ขัดขวาง แถมตอนนี้เรายังต้องฟังคำสั่งของนางด้วยซ้ำไป” ซ่งเซิงผิงกล่าว
“ติงรุ่ยหรือ?” ท่าทีของไต้ซือหลิวเหนียนพลันเปลี่ยนไปทันที
“ติงรุ่ยทำเช่นนี้ ไม่เท่ากับเป็การก่อฏหรือขอรับ?” องครักษ์ทั้งสามที่อยู่ห่างออกไป เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
ภิกษุชราพลันหันไปมองซ่งเซิงผิง “ซ่งเซิงผิงตอนนี้ติงรุ่ยอยู่ที่ไหน?”
“ข้า... ข้า... ข้า...” ซ่งเซิงผิงราวกับตระหนักได้ถึงผลที่จะตามมา จึงถามกลับด้วยความหวั่นใจ “ท่านไต้ซือ หากข้าบอกไป จะได้ความดีความชอบหรือไม่?”
“พูด!” ไต้ซือกล่าวเสียงต่ำ พลางเบิกตากว้าง
ขณะเดียวกัน ไต้ซือหลิวเหนียนก็เริ่มที่จะตระหนักได้ ว่าตอนนี้ทุกอย่างเริ่มจะบานปลาย เกินกว่าที่ตนเองจะควบคุมได้แล้ว มันเป็ไปตามที่กู่ไห่ได้เอ่ยเอาไว้
“หากเกิดอะไรขึ้น…”
ถ้าเจียวหลงและซ่งเซิงผิงเป็คนจับตัวถังจู่เอาไว้ เขาคงไม่วิตกกังวลถึงเพียงนี้ เพราะทั้งสองต่างรู้ดีว่า ท่านตาของหลงหว่านชิงนั้น น่าเกรงขามมากเพียงใด
ทว่า ติงรุ่ยคิดจะก่อการบางอย่างกับหออี้ผินอย่างนั้นหรือ?
ติงรุ่ยรู้จักหญิงสาวดี แต่กลับกล้าที่จะทำร้ายนาง จะต้องมีเส้นสนกลในบางอย่าง ที่ทำให้ติงรุ่ยจนตรอก จนถึงขนาดที่กล้าแตะต้องอีกฝ่าย บางทีวังวนอันเชี่ยวกรากนี้ อาจจะเกี่ยวข้องกับการตายของท่านแม่ของหลงหว่านชิงก็เป็ได้
หลงหว่านชิงกำลังตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง!
“บอกมา... ว่าติงรุ่ยอยู่ที่ใด!” ภิกษุชรากล่าว พร้อมจ้องซ่งเซิงผิงเขม็ง
“ข้า… ข้า… อยู่ที่... ” ซ่งเซิงผิงพูดตะกุกตะกัก ด้วยความกลัว
ฟิ้ว!
เสียงบางสิ่ง กำลังแหวกพุ่งอากาศเข้ามาจากระยะไกล
“หืม?” ผู้ทรงศีลหันขวับไปมองทันที
เป็ลูกศรยาวสีทองนั่นเอง ที่กำลังพุ่งตรงเข้ามายังพวกเขา
“ไม่!” ท่าทีของไต้ซือเปลี่ยนไปทันที ตอนนี้สิ่งที่ควรทำก็คือ ยับยั้งการโจมตีของบุคคลปริศนานี้เสียก่อน
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเร็วของลูกธนูสีทองนี้ มันพุ่งผ่านลูกประคำทั้งเก้าเม็ดของไต้ซือหลิวเหนียน ตรงไปยังแหวนัของซ่งเซิงผิงอย่างว่องไว
โล่สีทองไม่อาจป้องกันการโจมตีได้ ลูกศรจึงทะลุผ่านไปยังแหวนัทันที
“ไม่!” ซ่งเซิงผิงอุทานด้วยความตื่นตระหนก
ตูม!
ไม่เพียงแต่แหวนั ร่างของซ่งเซิงผิงเอง ก็ถูกลูกธนูสีทองะเิร่าง จนแหลกเป็จุณในชั่วพริบตา
ลูกศรสีทองพุ่งทะลุค่ายกลผลึกเกราะทอง
ตุม!
รอยร้าวจำนวนมากปรากฏขึ้นบนค่ายกล ราวกับว่าหากไปแตะต้อง ก็พร้อมที่จะแตกสลายได้ทุกเมื่อก็ไม่ปาน
ส่วนของปีกลูกธนูยาวสีทอง ที่อยู่ด้านนอกค่ายกลนั้น สั่นไหวเล็กน้อย จนเกิดเสียงแ่เบา
ตูม!
ลูกประคำทั้งเก้าเม็ด ร่วงหล่นสู่แม่น้ำใหญ่เบื้องล่าง
“โฮก!”
อีกด้านหนึ่ง เจียวหลงคำรามลั่น รวบรวมพลังทั้งหมดอีกครั้ง เพื่อกระแทกลูกประคำอีกเก้าเม็ด ที่ผนึกร่างของตนเอาไว้
ตูม!
ทันทีที่หลุดจากพันธนาการ เจียวหลงก็ทะยานหนีไปในทันที
“เจียวหลง... เ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” ภิกษุชราตวาดเสียงดัง ด้วยความโกรธเกรี้ยว
ฟิ้ว!
เพียงพริบตา จู่ๆ เรือเหาะของกองกำลังเฉินจีหยิง ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า โดยมีหลี่ฮ่าวหรานเป็ผู้คุม ในมือของเขาถือคันธนูใหญ่สีทอง จึงทราบได้ในทันที ว่าลูกธนูเมื่อครู่ที่สังหารซ่งเซิงผิงไป เป็ฝีมือของใคร
“ท่านไต้ซือหลิวเหนียน ข้าเพิ่งมาจากสำนักชิงเหอ เกิดอะไรขึ้น? หลงหว่านชิงอยู่ที่ไหน?” หลี่ฮ่าวหรานถามเสียงเรียบ
หมับ!
ไต้ซือคว้าแหวนัไว้ในมือ ก่อนหันไปมองหลี่ฮ่าวหรานด้วยสายตาเยียบเย็น “หลี่ฮ่าวหราน... ท่าน... หึ!”
“ฮึ่ม!”
ผู้ทรงศีลคว้าลูกประคำทั้งสิบแปดเม็ดด้วยมือซ้าย ก่อนหมุนตัว ไล่ตามเจียวหลงที่กำลังหลบหนี
ยามนี้ยังไม่รู้ตำแหน่งของหลงหว่านชิง คงต้องตามหาติงรุ่ยให้พบ
หลี่ฮ่าวหราน? มีเจตนาจะช่วยเขาจริงๆ หรือ?
ตูม!
ทันทีที่ไต้ซือพลิกฝ่ามือ เรือเหาะก็ปรากฏขึ้น ภิกษุชราไม่รอช้า รีบก้าวขึ้นเรือเหาะ แล้วไล่ตามเจียวหลงไปทันที
ทว่า อสูรทะเลกลับซ่อนตัวอยู่ในน้ำ... นี่คือสิ่งที่น่ากังวล
ที่ด้านหลังของไต้ซือหลิวเหนียน รอยยิ้มร้ายค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าของหลี่ฮ่าวหราน
“ท่านผู้บัญชาการ ข่าวจากท่านติงรุ่ยมาได้เวลาจริงๆ” ผู้ใต้บังคับบัญชากระซิบ
หลี่ฮ่าวหรานพยักหน้า
เวลานี้ กู่ไห่ยังคงไล่ตามศีรษะอสรพิษของหลี่ชิงเหออย่างเต็มกำลัง เมื่อผ่านแม่น้ำไปได้ มันก็หนีเข้าไปในป่าลึกด้วยความรวดเร็ว
“จะหนีไปไหน?” กู่ไห่ไล่ตามไปเรื่อย ๆ
ฟ่อๆๆ!
หัวงูจำนวนมาก พลันขยายใหญ่ขึ้น พร้อมพ่นพิษออกจากปากอย่างต่อเนื่อง
“ทำลาย!” ทันทีที่กระบี่เจวี๋ยเซิงฟันลงไป กลุ่มควันสีดำก็เริ่มก่อตัว
ตูม!
เพียงชั่วครู่ พิษที่พ่นออกมาก็ถูกกลืนกินไปจนหมด โดยหัวกะโหลกจิ๋วในกลุ่มควันสีดำนั่น
ใบหน้าของหลี่ชิงเหอ เริ่มแสดงท่าทีหวาดกลัว
ตูม!
ศีรษะอสรพิษหยุดต่อสู้กับกู่ไห่ แล้วหันหน้า รีบหนีเข้าไปในป่าทันที
“กู่ไห่ หากไม่มีข้า เ้าจะมีวันนี้หรือ?” อสรพิษที่ตั้งหน้าตั้งตาหนีจากการไล่ล่า เอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“ข้ามีวันนี้ได้ เพราะหลงหว่านชิงต่างหาก สิ่งที่ท่านทำ ช่างหนักหนานัก เดิมที ตอนที่อยู่ในสำนักชิงเหอ ท่านก็คิดจะสังหารข้าเช่นกัน หากข้าไร้ซึ่งคนมีอำนาจคอยสนับสนุน ป่านนี้คงตายไปแล้ว
อีกทั้ง หากท่านไม่ตาย คนใต้อาณัติทั้งสามพันคนของข้า ก็จะกลายเป็หินไปตลอดกาล” กู่ไห่ะโเสียงกร้าว พร้อมไล่ตามศีรษะอสูรต่อไป
เพราะตอนนี้หลี่ชิงเหอเหลือเพียงศีรษะ ไร้ซึ่งร่างกาย มีพลังไม่มากนัก จึงไม่ใช่เื่ยาก ที่กู่ไห่จะจัดการกับอสูรตนนี้
-------------------------------------------
[1] สร้อยประคำ 18 เม็ด เป็สร้อยข้อมือ ที่พระจีนและทิเบตมักจะใช้กัน
ลูกประคำ 18 เม็ด หมายถึงพระอรหันต์ 18 องค์ หรือมักจะรู้จักกันในนาม 18 อรหันต์
โดยพระอรหันต์ 18 องค์นี้ ได้ปรากฏชื่อเป็หลักฐานอยู่ในคัมภีร์ธรรมสถิติ ที่แปลเป็ภาษาจีนโดย พระตรีปิฎกธราจารย์ (เฮี้ยนจัง) ในสมัยราชวงศ์ถัง
ในคัมภีร์ได้กล่าวถึงเื่ของพระอรหันต์ผู้รักษาพระธรรม จนกว่าจะหมดกาลแห่งศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเ้าองค์ปัจจุบัน ซึ่งเดิมพระคัมภีร์นี้ได้รับการเทศนาโดยพระอรหันต์นนทิมิตรจากเกาะลังกา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้