วันนี้นางได้พาต้านิวขึ้นูเาไปหาใบไม้หอมมาเป็จำนวนมาก นางนำกลับมาเพื่อที่จะใช้รมควัน และหลังจากที่ได้ปิดรูรอบบ้านแล้ว นางซ่อมแซมรูรั่วมากมายบนหลังคาด้วยเช่นกัน
อันที่จริงแล้วหน้าที่เหล่านี้สมควรจะเป็จางเฉาิที่เข้ามาจัดการ แต่เมื่อพิจารณาจากขาของเขาที่เดินเหินไม่สะดวก ซูฉีเฉียวจึงกำชับให้เขาอุ้มต้าซวงและเสี่ยวซวงเอาไว้ ส่วนตนเองก็ขึ้นไปปิดรูรั่วบนหลังคา ในตอนที่ยืนอยู่บนหลังคาที่ผุพัง นางเป็กังวลเหลือเกินว่าตนเองจะโชคไม่ดีแล้วร่วงลงไป
แต่โชคยังดีที่นางสามารถซ่อมแซมหลังคาจนเสร็จโดยที่ตนเองไม่ตกลงมาเสียก่อน
“ภรรยา เ้าช่างเก่งจริงๆ” ตอนที่นางก้าวลงมาจากบันได จางเฉาิก็รีบเข้าไปส่งจอกน้ำให้กับนาง
จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะต่ำลงด้วยความนับถือและขยับตัวไปยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ในฐานะของผู้เป็ชาย การที่เขาไม่สามารถเป็ผู้แบ่งเบาความยากลำบากให้กับผู้เป็ภรรยาได้ การซ่อมแซมรูรั่วบนหลังคาก็ต้องให้ภรรยาเป็คนทำ เช่นนี้ทำให้ตัวเขารู้สึกลำบากใจยิ่ง
“เช่นนี้เรือนของพวกเราก็ไม่ต้องห่วงเื่หลังคารั่วอีกแล้ว ต้าซวง เสี่ยวซวงก็เล่นกันอย่างมีความสุข เ้าเก่งจริงๆ ที่เอาพวกเขาไปใส่ไว้ในถังนวดข้าวเช่นนั้น”
ทุกๆ เรือนในชนบทมักจะมีถังนวดข้าวคนละหนึ่งใบ
ถังสี่เหลี่ยมนี้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับใส่เด็กสองคนให้ลงไปเล่นในนั้น อีกทั้งด้วยความที่ถังสูงจึงทำให้เด็กปีนออกมาไม่ได้
“ฮ่าๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าคิดหรอก เมื่อก่อนข้าเห็นคนในหมู่บ้านทำเช่นนี้ ดังนั้นก็แค่ทำตาม เป็เพราะขาของข้ายังไม่หายดี ไม่เช่นนั้นข้าก็ขึ้นเขาไปทำงาน ไม่ต้องให้เ้าถูกท่านแม่และพี่สะใภ้ด่าทอเช่นนี้หรอก”
เมื่อได้ยินเสียงด่าทอของนางจางหลิ่วที่ดังมาไม่ไกล ก็ทำให้จางเฉาิก้มหน้าลงด้วยความลำบากใจ
ซูฉีเฉียวตั้งใจฟัง เหมือนกับว่านางจางหลิ่วจะด่าทอว่าตนเองเป็ตัวซวยอีกแล้ว อีกทั้งยังด่าอีกว่าทำให้ตระกูลจางของนางต้องซวยไปด้วย
หนึ่งครั้งสองครั้งยังพอทน แต่การด่าทอทุกวี่ทุกวันเช่นนี้ก็ทำให้ในใจของซูฉีเฉียวเกิดความโกรธเคืองขึ้นมา
“ภรรยา ไม่ว่านางจะพูดอะไร อย่างไรนางก็เป็แม่ของข้า” เมื่อเขารับรู้ได้ว่าในใจของนางโกรธเคือง จางเฉาิจึงเอ่ยเสียงแหลมขึ้นมาก่อนจะก้มหน้าเงียบลงไปดังเดิม
ซูฉีเฉียวชะงัก ในใจของนางรู้สึกงุนงง นี่มันยุคโบราณนี่นา คนในยุคนี้ความกตัญญูและความชอบธรรมต้องมาก่อน เคารพนับถือผู้สูงอายุ รักเด็ก กตัญญูต่อบิดามารดา เป็ความเชื่อที่ทุกคนต้องรักษาไว้ ส่วนบุตรสาวจำเป็จะต้องรักษาหลักสามเชื่อฟังและสี่คุณธรรม
นางสูดลมหายใจ พยายามควบคุมอารมณ์ของตนเองให้สงบลง “อืม ข้ารู้ พวกเราจะไม่ถือสาเอาความอะไรพวกนาง แต่เย็นนี้พวกเราจะกินอะไรกันดี เ้าดูแลลูกไปเถิด ข้าจะไปหาของจากหลังูเา ดูสิว่าจะหาของกินอะไรกลับมาได้หรือไม่”
พูดไปก็ปวดใจ หลังจากที่ทั้งสองสามีภรรยากลับมาที่นี่ นางจางหลิ่วก็หลีกเลี่ยงด้วยข้ออ้างว่าที่บ้านมีถ้วยและตะเกียบไม่เพียงพอ ไม่สามารถแบ่งอาหารการกินให้กับครอบครัวของทั้งคู่ได้
สาเหตุก็เกรงว่าจะมาจากความรู้สึกที่นางคิดว่าพวกเขาทั้งสองเป็คนอับโชค และกลัวว่าจะส่งผลมาถึงบ้านของตนเองด้วย แม้ว่าตาเฒ่าจางจะไม่ค่อยพอใจ แต่อย่างไรเื่ในบ้านก็ไม่ใช่เขาที่เป็ใหญ่ คนหูเบาอย่างเขาจึงทำได้เพียงหลับหูหลับตาไป ในตอนที่เขาพยายามแข็งกร้าวเพื่อร้องขอ จึงได้รับแป้งข้าวโพดเพียงเล็กน้อยมาให้กับจางเฉาิและภรรยาด้วยความไม่เต็มใจเท่าไรนัก
เดิมทีแล้วจางเฉาิเดินทางกลับมาที่หมู่บ้านก็เพราะ้ามารักษาอาการาเ็ แป้งข้าวโพดเพียงเล็กน้อยแค่นี้นำมาต้มโจ๊กก็คงจะกินได้เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
หลังจากที่นำมาใช้ต้มโจ๊กไปราวๆ สิบกว่าวัน แป้งข้าวโพดก็ลดลงจนเหลือเพียงก้นห่อ
จางเฉาิบากหน้าไปหานางจางหลิ่ว ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากพูดก็ถูกนางจางหลิ่วขับไล่ราวกับเป็โรคระบาด ซึ่งปากของนางก็ด่าทอคำพูดหยาบคายออกมาว่าเขาอกตัญญู ให้ท้ายผู้เป็ภรรยา ไม่รู้จักแบ่งเบางานภายในบ้าน…
ยามที่จางเฉาิถูกด่าทอ นางจางหลิ่วไม่ได้แบ่งอาหารให้แม้แต่นิดเดียว แต่กลับถูกด่าเสียเละเทะ หลังจากที่ซูฉีเฉียวได้รับรู้เื่นี้ก็ห้ามไม่ให้เขาไปขออาหารอีก
ในเรือนหลงเหลืออาหารอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ละวันก็ไม่ได้กินอาหารคาวหวานมากนัก ดังนั้นอาการาเ็ที่ขาของจางเฉาิที่ควรจะฟื้นฟูแล้ว กลับยิ่งทำให้อาการของเขาหายช้ามากขึ้น
เมื่อเห็นว่าอาการาเ็ที่ขาของเขาหายช้า นางก็ยิ่งร้อนใจ
นางได้ทะลุมิติมาสวมิญญาอยู่ในร่างนี้ ร่างนี้มีสามีเป็คนชนบท ซึ่งแน่นอนว่านางก็ได้ใช้ชีวิตอย่างภรรยาชาวสวนชาวไร่
ซูฉีเฉียวที่คุ้นเคยกับร่างนี้แล้วก็ได้กำชับว่าไม่ให้จางเฉาิเดินไปไหนมาไหนมั่วซั่ว สนใจแค่เื่ดูแลบุตรสาวทั้งสามคนก็พอ จากนั้นนางจึงแบกตะกร้าไม้ไผ่ขึ้นเขาเพื่อหาอะไรมากิน
ความจริงแล้วการที่จะต้องมาใช้ชีวิตยากจนเช่นนี้ ไม่ใช่ว่านางไม่โมโห แต่นางโกรธไปแล้วจะมีประโยชน์อะไรเล่า
หย่ากับจางเฉาิ จากนั้นเล่า กลับบ้านของมารดาอย่างนั้นหรือ ในยุคโบราณเช่นนี้ หญิงสาวที่หย่าร้าง สำหรับตัวนางนั้นไม่ได้สนใจเื่ชื่อเสียงเ่าั้อยู่แล้ว แต่ทางบ้านของมารดาเล่าจะทำอย่างไรกัน ในครอบครัวของนางยังมีพี่น้องอีกหลายคนที่ยังไม่แต่งงาน หากนางมีเหตุต้องหย่าร้าง เกรงว่าเหล่าพี่น้องของนางก็คงจะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเป็แน่
หากไม่ได้เป็เช่นนั้น มารดาของนางก็คงไม่ต้องคุกเข่าต่อหน้าแม่สามี ต้องถูกบีบบังคับให้เลียเสมหะอย่างไร มารดาของนางก็ต้องทำ นั่นก็เป็เพราะหญิงสาวในสมัยนี้ไม่กล้าที่จะเสี่ยง
ส่วนเื่ลูก หากเป็หญิงสาวคนอื่นที่ทะลุมิติมาแล้วต้องมีบุตรสาวถึงสามคนก็เกรงว่าคงจะต้องเป็กังวลแน่
แต่ตัวนางรักเด็ก อีกอย่างชีวิตคนเราก็เป็เช่นนี้ นางเลือกที่จะปล่อยมันไปด้วยความรู้สึกยินดี
นางครุ่นคิดไปพร้อมกับก้าวขึ้นูเาไปด้วย
ในความเป็จริง คนที่ไม่เคยมาใช้ชีวิตอันยากลำบากคงไม่รู้หรอกว่าชีวิตในชนบทนั้นขมขื่นเพียงใด
โดยเฉพาะในยุคนี้ ช่างเป็ชีวิตที่ยากลำบากมากจริงๆ
ใน่ที่พืชผลทางการเกษตรยังไม่ถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ในแปลงผักของแต่ละบ้านก็ยังไม่มีพืชผักอะไรให้เก็บกิน ทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยต้องไปเก็บผักและหาของป่ามากิน
เมื่อก่อนตอนที่อาศัยอยู่ในเมือง ก็จะมีบางครั้งที่ได้กินพืชผักและผลไม้จากในป่าบ้าง ความรู้สึกและรสชาตินั้นคือไม่เลวเช่นกัน
แต่หากว่าในแต่ละวันนางไม่ได้กินอาหารที่มีน้ำมันเลย แล้วยิ่งได้กินพวกผักและผลไม้ขมๆ ในป่า ก็ยิ่งทำให้นางมีความอยากอาหารมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อก่อนนางกินข้าวแค่เพียงครึ่งถ้วยเล็กๆ เท่านั้น ตอนนี้พูดอย่างไม่เกินจริง แค่มีบะหมี่ชามโตมาอยู่ตรงหน้า นางก็จะต้องกินหมดแน่นอน
แต่ว่านั่นก็เป็เพียงแค่ความคิด ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการไปหาของมาทำอะไรกิน
ทางที่เดินขึ้นเขาจะต้องผ่านแม่น้ำสายหนึ่ง นางได้เห็นเด็กๆ ที่เริ่มโตแล้วหลายคนมาจับปลาอยู่ในแม่น้ำ เมื่อเห็นนางเดินมาแต่ละคนก็ส่งสัญญาณให้กันและหันมามองนางทีละคน
นางมอบรอยยิ้มให้กับคนเ่าั้ด้วยความเมตตา ในตอนที่กำลังตั้งใจจะก้าวเท้าเข้าไปหา กลับมองเห็นเด็กคนหนึ่งโยนหอยขมทิ้งลงบนหญ้า
ทำไมถึงไม่มีคนกินหอยแบบนี้กันนะ ในยุคปัจจุบันหอยขมนาผัดเป็อาหารที่อร่อยมาก แน่นอนว่าของแบบนี้จะต้องล้างอย่างดี หากล้างไม่ดีก็อาจทำให้ป่วยเมื่อกินเข้าไปได้
เื่หนอนดูดเืไม่ใช่เื่เล่นๆ เลย ตามรายงานบอกเอาไว้ว่ามีคนที่ไม่ได้ทำความสะอาดให้ดี หลังจากที่กินหอยขมนาไปแล้วก็อาจมีหนอนดูดเือยู่ในร่างกายเป็สิบๆ ปี
ทว่าหากล้างให้สะอาด ของประเภทนี้ก็จะกลายเป็อาหารเลิศรส โดยเฉพาะสำหรับครอบครัวของนาง ของแบบนี้จะกลายเป็อาหารที่คลายความหิวโหยได้เป็อย่างดี แม้ว่าหอมขมจะตัวเล็กแค่ไหนแต่อย่างน้อยก็ถือว่ามีเนื้อให้กิน
“พวกเ้าจะเก็บหอยขมพวกนี้หรือไม่” นางยิ้มและเอ่ยถามกลุ่มเด็กๆ ที่อยู่ในแม่น้ำ
มีเด็กกล้าหาญคนหนึ่งหันมามองที่นางเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบนางเสียงดัง “อืม ไม่เอาหรอก เ้าอยากได้หรือ”
ซูฉีเฉียวรีบพยักหน้าทันที “เอา เอา”
เมื่อเอ่ยจบเด็กโตเ่าั้ก็เผยสีหน้าเห็นอกเห็นใจนาง แม่นางคนนี้ยากจนกระทั่งต้องกินหอยขมแล้วหรือ
เหล่าเด็กโตกลุ่มนั้นได้เอ่ยเตือนออกมาด้วยความจริงใจ “อาสะใภ้ห้า ของพวกนี้กินไม่ได้นะ หลายปีก่อนพบเจอภัยแล้ง มีคนนำไปกินแล้วถึงกับตายเลยเชียว”
เขาจ้องมองปลาตัวเล็กที่ตนเองจับได้ด้วยความสับสน อยากจะมอบมันให้กับนาง แต่…ก็อดอาลัยอาวรณ์ไม่ได้
เมื่อซูฉีเฉียวมองเห็นท่าทีสับสนของเด็กคนนั้น นางก็รีบเอ่ยพร้อมรอยยิ้มทันที “ไม่เป็ไร อย่างไรพวกเ้าตักขึ้นมาก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรอยู่แล้ว ข้าจะนำมันมาทำอาหารกินสักหน่อย วางใจเถอะ กินแล้วไม่ตายแน่นอน”
ตอนแรกนางตั้งใจจะลงไปงมหอยในแม่น้ำ คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กเ่าั้จะกระตือรือร้นต่อนางมากขนาดนี้
พวกเขาช่วยนางงมหอยขึ้นมา ทำให้นางเก็บหอยคนเดียวแทบไม่หวาดไม่ไหว “อาสะใภ้ห้า ต้องกินอย่างระมัดระวังด้วยนะ”
สุดท้ายแล้วเด็กเ่าั้ก็เตือนนางด้วยความหวังดีอีกครั้ง ดูท่าเด็กเหล่านี้ยังคงมีความนับถือเ้าของร่างเก่าในฐานะญาติอยู่ ทำให้ความรู้สึกดีของซูฉีเฉียวที่มีต่อเขาเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่พยักหน้าอีกครั้งหนึ่ง นางก็ได้ยินเสียงคนเอ่ยเรียกเขาว่าเ้าลูกหมาตามหลังมา
เมื่อนำหอยขมกลับมาที่บ้าน ซูฉีเฉียวก็รีบนำมันแช่ลงไปในน้ำสะอาดและใส่เกลือลงไปเพื่อเป็การกระตุ้น แบบนี้จึงจะทำให้หอยขมคลายเศษทรายละเอียดออกมาได้หมด ตอนเย็นเมื่อนางลงมาจากบนเขาก็สามารถนำไปผัดกินได้
จางเฉาิที่ดูแลลูกๆ เห็นนางเก็บหอยขมมามากมายก็รู้สึกหดหู่ใจ เขามองที่ขาของตนเอง ไหนจะรอยแผลที่มือซึ่งยังไม่หายดีอีก เป็เพราะเขาไม่ระวังตัวตอนที่ขึ้นเขา หากไม่ใช่เพราะเขาาเ็ก็คงไม่ต้องให้ภรรยาของตนเองไปลำบากเช่นนี้
หลังจากนี้หากเขาหายแล้ว เขาก็จะแย่งงานของนางให้หมดทุกอย่าง ไม่ให้ภรรยาต้องหิวโหย
“ตัวเ้าตอนนี้ดูแลลูกๆ อย่างสบายใจไปเถิด แล้วก็รักษาขาให้หาย ข้าเชื่อว่าครอบครัวของเราจะต้องเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเื่อื่นอย่าไปแบกรับมันมากนัก คนเราน่ะต่อให้มีอุปสรรค ขอแค่เราเป็น้ำหนึ่งใจเดียวกันก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้”
เมื่อเห็นท่าทีท้อแท้ใจของเขา ซูฉีเฉียวจึงเอ่ยปลอบเขาอีกสองสามประโยค ก่อนไปนางก็มอบรอยยิ้มอบอุ่นให้เขาอีกครั้ง “ข้าจะขึ้นไปหาของกินบนเขาอีก พวกเราอาจจะทนทุกข์ได้ แต่ลูกๆ ทั้งสามคนทนแบบนั้นไม่ได้”
รอยยิ้มนี้ คำพูดเหล่านี้ ทำให้จางเฉาิที่ได้ยินถึงกับรู้สึกคันยุบยิบที่จมูก ช่างเป็ภรรยาที่ดีเหลือเกิน เหตุใดคนอื่นๆ จึงต้องพูดกันว่านางเป็คนไม่ดีด้วย
“อืม ข้าจะดูแลลูกอยู่ที่บ้าน เ้ารีบไปรีบกลับเล่า”
เมื่อได้ยินคำพูดใส่ใจจากอีกฝ่าย ซูฉีเฉียวก็ขึ้นเขาไปพร้อมรอยยิ้ม
ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของเ้าของเก่าเช่นนี้ก็ต้องใช้ชีวิตดิ้นรนแบบนี้นั่นแหละ แล้วนางจะทำอะไรได้อีก นางไม่ได้มีมือที่สามารถชี้นิ้วสั่งได้ ทำได้เพียงแค่หาวิธีเพื่อที่จะมีชีวิตของตนเอง เื่อื่นนางคงทำอะไรไม่ได้
การขึ้นเขาครั้งนี้ นางจะเสาะหาผักที่จะใช้ในการผัดหอยขมเย็นวันนี้
หากเจอพริกหรือพวกพืชตระกูลมะแขว่นก็คงจะเป็เื่ดี แค่นึกถึงเครื่องปรุงรสเหล่านี้นางก็รู้สึกน้ำลายไหล
ตอนนี้ไม่อยากจะนึกถึงของกินเลย แค่นึกถึงก็รู้สึกเปรี้ยวปากเสียแล้ว
ซูฉีเฉียวหยุดคิดถึงเื่ราวเ่าั้ก่อนจะปีนขึ้นไปบนเขา
พูดตามตรง ร่างกายนี้ก็ยังถือว่าแข็งแรงอยู่ ไม่ได้อ่อนแอนัก เดินขึ้นและลงเขาก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหอบอะไรขนาดนั้น
ระหว่างทางนางหาผักป่าเจอเพียงแค่ไม่กี่อย่าง ส่วนพืชจำพวกเห็ดนางไม่เจอเลยสักอย่างเดียว มาคิดดูแล้วของพวกนั้นน่าจะออกตามฤดูกาล
เื่ที่โชคดีก็คือระหว่างทางได้เจอแห้วและใบยี่หร่า
นอกนั้นนางก็ยังเจอผักหอมต่างๆ อีกด้วย หลังจากที่นางเก็บพืชผักเป็ที่เรียบร้อยแล้ว นางก็ตั้งใจที่จะไปหาของกินอร่อยๆ อีกเล็กน้อย ซึ่งดูท่าแล้วด้านหน้าของหุบเขาก็คงจะมีคนจำนวนไม่น้อยมาหาของกินที่นี่เหมือนกัน
หลังจากทะลุมิติมาอยู่หลังเขาแล้ว นางก็ได้มองเห็นผักป่าสีแดงที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งสิ่งนั้นทำให้นางใเป็อย่างมาก
คิดไม่ถึงเลยว่าก่อนหน้านี้นางกำลังตามหาพริกอยู่และพบว่าที่นี่จะมีจริงๆ
และเป็พริกป่าที่เผ็ดมากๆ อีกด้วย
เดาได้เลยว่าคนที่นี่ไม่น่าจะกินเข้าไปได้ ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดให้ผู้คนมาเด็ดมันไป
นางเก็บพริกมาหนึ่งตะกร้าด้วยความตื่นเต้น เมื่อโชคดีเข้ามาหา นางก็ได้พบกับเห็ดหัวลิงบนต้นไม้ เทพเซียนมาโปรด นางโชคดีจริงๆ ที่ได้พบเจอของพวกนี้
ตอนนี้ในบ้านมีเด็กสามคนกับผู้ใหญ่สองคน ใครๆ ก็้าอาหารที่มีโภชนาการ เห็ดหัวลิงถือเป็ของดีเลยเชียว
หากนำไปขายก็เป็ของที่มีราคาแพงไม่น้อย
นางเก็บเห็ดหัวลิงอย่างระมัดระวัง เมื่อนำไปวางลงในตะกร้าก็ค่อยๆ บรรจงวางลงช้าๆ ยามนี้นางเหน็ดเหนื่อยและยกมือขึ้นปาดเหงื่อ
ทว่าดวงตาที่ตื่นเต้นคู่นั้นของนางก็คอยสอดส่องรอบด้าน ตัวนางในตอนนี้เหมือนคนที่กำลังเล่นเกมอยู่ เกมที่นางเล่นคือเกมหาขุมทรัพย์
คิดไม่ถึงเลยว่าในพื้นที่ห่างไกลเช่นนี้จะสามารถหาอาหารเจอได้จริงๆ
อย่างน้อยก็มีพวกผลไม้รสเปรี้ยว เช่นพวกซานจา รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ที่สตรีมีครรภ์ชอบกินกัน แต่นางนั้นไม่ค่อยชอบสักเท่าไร เพราะผลไม้อย่างซานจากินไม่อิ่ม อีกทั้งยังทำให้หิวเร็วกว่าเดิม
และเพราะเหตุนี้ทำให้เด็กๆ ส่วนมากในหมู่บ้านไม่กินผลไม้ชนิดนี้
ซูฉีเฉียวไม่ได้สนใจเื่เ่าั้ เมื่อเห็นผลไม้ชนิดนี้นางนึกถึงเพียงแค่อยากจะเก็บมันไปลองชิมดูสักเล็กน้อยเท่านั้น