“ค่ะ ปรายทราบแล้ว” เธอเชิดหน้ามองเขาตรงๆไม่กลัวคำขู่ของเขา “แต่ปรายก็อยากให้คุณทราบ ปรายมาอยู่ที่นี่ด้วยความจำเป็ แต่ไม่เคยคิดร้ายอะไรกับคุณ และโดยเฉพาะคุณท่านทั้งสอง”
ภูมิพยัตพนักหน้าและเหยียดยิ้มให้ เขาปล่อยให้เธอจัดการเก็บครัวเองแล้วเดินออกมาที่ด้านนอก พ่อของเขามองหน้าแล้วเรียกไว้
“ไอ้เสือพาพ่อไปห้องหนังสือหน่อยซิ”
“ครับ”
ชายหนุ่มรู้ดีว่า ถ้าพ่อเรียกให้พาไปห้องหนังสือทีไร ต้องมีเื่อะไรแน่ๆ ภูมิพยักพยุงพ่อเดินเข้ามาในห้องหนังสือเล็กๆ ที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือนานาชนิด ทั้งหนังสือสำหรับอ่านและบางเล่มเป็หนังสือสะสม
“เอ็งไปเจอหนูปรายที่ไหน” คุณบุญมาเปิดประเด็น
“ก็...” จะบอกยังไงว่าแม่เล้าส่งมาให้ เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็เข้าใจผิดว่าเขาเอาผู้หญิงอย่างว่าเข้ามาบ้าน
“เอาล่ะๆ หนูปรายบอกพ่อแล้วว่าเจนนี่ส่งตัวมาให้”
“มันไม่ใช่อย่างที่พ่อคิดนะ”
“เอ็งรู้เรอะว่าข้าคิดอะไรอยู่”
“เอ่อ...เอ้า พ่อจะเอายังไงล่ะ จะให้ผมส่งกลับไหม?”
“ไม่ใช่! พ่อกับแม่สงสารหนูปราย เธอคงมีความจำเป็อะไรบ้างอย่างที่ต้องมาทำงานแบบนี้”
“ก็เงินไง จะอะไรอีก” ภูมิพยัตพูดเหยียดๆ ผู้หญิงดีๆที่ไหนจะมาขายตัวแลกเงิน
“ก็ใช่ มันก็คงเื่เงินนั้นแหละ คนเราก็ทำงานแลกเงินกันทั้งนั้นไม่ใช่เรอะ เอ็งเองก็เหมือนกันนั้นแหละ อย่าได้คิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นนักเลย”
“พ่อจะเอายังไงล่ะ เอาเงินไปไถ่ตัวมารึไง”
“แล้วเอ็งซื้อหนูปรายมาเท่าไหร่ละ?”
คราวนี้เขานิ่งเงียบไป จริงซิ ก็ไม่ได้ตกลงเื่เงินอะไรกับเจนนี่ เพราะไม่ได้้าผู้หญิงบำเรอ ที่เขาสั่งให้เจนนี่หาให้ก็หาแม่บ้านจริงๆนั้นแหละ ตอนนั้นสั่งไว้ ถ้าได้แม่บ้านทำงานเป็งานจริงก็มีค่านายหน้าให้ แต่เจนนี่ดันหาผู้หญิงอย่างว่ามาให้เสียนี่ เขาขู่จนหล่อนกระเจิงเลยไม่ได้ตกลงจะจ่ายค่านายหน้ายังไง
“ที่คุยกันไว้ก็จ่ายเงินเดือนเดือนละเก้าพันบาท ถ้าทำงานดีค่อยเพิ่มให้ ทำไม่ไหวส่งกลับทันที”
“แล้วหนูปรายไม่เรียกร้องเอาอะไรเพิ่มเลยเรอะ”
“ก็...ไม่มีนะครับ นอกจากเมื่อกี้ถามว่าเลิกงานกี่โมง”
“แล้วเอ็งให้หนูปรายนอนที่ไหน”
“ก็บ้านผมซิ มันมีห้องว่างอยู่ไง” ภูมิพยัตขมวดคิ้ว “พ่ออย่าบอกนะว่าจะให้หนูปรายของพ่อมานอนเรือนใหญ่ ผมไม่ยอมหรอก”
“อ้าว! ตกลงจ้างเป็แม่บ้านหรือจ้างมาทำอะไร หวงจริง”
“ผมเป็ห่วงพ่อกับแม่ เราไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเธอ จะให้มาอยู่ใกล้พ่อกับแม่ได้ไง เผื่อทำให้เราตายใจแล้วนัดแหนะผัวมายกเค้าบ้านทำไงล่ะ”
“เฮ้ย! พ่อว่าหนูปรายไม่ใช่คนแบบนั้นน่ะ แล้วพ่อว่าหนูปรายยังไม่มีผัวด้วย”
“ก็เพราะพ่อเป็แบบนี้แหละ ไว้ใจคนง่าย ให้ปรายอยู่บ้านผมนั้นแหละ เกิดอะไรขึ้นผมจะได้จัดการได้ทันเวลา”
“ี้เีเถียงกับลูกหัวดื้ออย่างเอ็งแล้ววะ เอาเป็ว่าห้ามเอ็งรังแกหนูปรายเด็ดขาด”
“ผมจะรอดูว่าหนูปรายของพ่อจะเป็คนดีสักแค่ไหนเชียว”
ภูมิพยัตเดินกลับมาที่บ้านของตัวเอง ไม่ได้เรียกให้เธอเดินกลับมาด้วย ไม่รู้ทำไมถึงหงุดหงิดนักเพียงแค่เห็นพ่อกับแม่ให้ความสนิทสนมกับไปรยามากเป็พิเศษ คงแค่หลงไปกับหน้าตาน่ารักๆ และเอาอกเอาใจก็เท่านั้น เื่แบบนี้ไม่ได้ทำให้เขาหวั่นไหวได้หรอก เห็นแบบนี้เขาเคยเจ็บมาแล้ว และจะไม่กลับไปเจ็บกับผู้หญิงแบบนั้นอีกแน่ๆ
ชายหนุ่มเดินกลับมาถึงบ้านก็ตรงดิ่งไปที่ตู้เย็น หวังจะหยิบเบียร์มาดื่มแก้เมื่อยเหมือนทุกวัน แต่แล้วก็ต้องชะงักมือไป เพราะที่ว่างในกระเพาะไม่เหลือให้เติมเครื่องดื่มแล้ว ก็ต้มข่าไก่ใส่เห็ดของโปรดนั้นนะซิ ทำให้กินข้าวได้ตั้งสองจานพูนๆ มันอร่อยเสียจนลืมอิ่มไปเลย แต่จะใช่ฝีมือไปรยาจริงหรือเปล่าหรือแม่เขาแกล้งอำก็ไม่รู้ ในเมื่อดื่มเบียร์ไม่ได้ เขาจึงเปลี่ยนใจไปอาบน้ำให้สบายเนื้อตัวแทน
หลังจากไปรยาจัดการเก็บครัวแล้วก็ตรวจดูความเรียบร้อยของเรือนหลังใหญ่แล้วขอตัวกลับมาพักผ่อนที่เรือนหลังเล็กของภูมิพยัต แม้จะห่างไม่มาก แต่ทางเดินค่อนข้างมืดทำให้เธอรีบวิ่งเร็วๆ จนเท้าไปสะดุดก้อนอิฐบล็อกตัวหนอนเข้าให้
“ว้าย!”
“ยัยขาสั้นเอ๊ย!”
“คุณพยัต”
ร่างเล็กซุกอยู่ในวงแขนกว้าง ถ้าไม่มีร่างใหญ่ยืนอยู่เบื้องหน้าเธอคงได้หน้าคว่ำคะมำจูบพื้นดินไปแล้ว เนื้อตัวของเขายังเปียกชื้น แต่กระนั้นลมหายใจของเขาก็ร้อนเสียจน เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าแดง แม้เขาจะมองราวกับเสือจะกินเนื้อกระต่าย แต่เขาจับไหล่ประคองเธอไว้ให้ทรงตัวยืนได้
“เดินแค่นี้ก็ล้ม”
“ก็มันมืดมองไม่เห็นทางนี่คะ ปรายกลัวงูนี่”
“เห็นงูแล้วหรือไงถึงได้กลัว”
“ถ้าเห็นแล้วค่อยกลัว ถึงตอนนั้นก็คงโดนฉกแล้วล่ะ”
“ก็ได้ พรุ่งนี้จะให้คนมาต่อไฟให้ ปกติมันก็มีอยู่หรอกแต่ผมเดินคนเดียวไม่เคยหกล้มสักที”
“ก็ใช่นี่ พ่อคนขายาว” เธอเถียงเขาแล้วดันตัวออกห่าง ทำท่าจะเดินเข้าบ้านแต่เขากลับโอบไหล่เหมือนประคองขณะเดิน
“คุณเข้าบ้านมาแล้วไม่ใช่เหรอคะ หรือมาตาม คุณ้าอะไรหรือเปล่า”
“ก็แค่ออกมาสูดอากาศเท่านั้นแหละ ถ้าผมไม่ยืนตรงนั้นพอดี คุณได้หน้าคว่ำดั้งหักไปแล้ว”
“ปากนะ! ถ้าเป็เด็กจะลงโทษให้ตบปากตามอายุตัวเองเลย!”
“อะไร?” เขางุนงง “คุณเลี้ยงเด็กด้วยเหรอ”
“เอ่อ..อ้อ..ใช่ค่ะ เด็กเจ็ดแปดขวบนะ” เกือบหลุดปากบอกว่าเป็ครูสอนเด็กประถมไปแล้ว
“ดูท่าทางจะเข้ากันได้ดีกับพ่อแม่ของผมจริงๆนะ”
ไปรยามองหน้าเขาแล้วหัวเราะออกมา แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้ามุ่ยเสียนี่
“หัวเราะอะไร”
“แหม! ก็คุณทำเหมือนเด็กกลัวโดนแย่งความรักนี่คะ”
“บ้าซิ ผมไม่ใช่เด็กเล็กๆนะ”
“โอ๋! เด็กน้อย”
ไปรยายิ้ม หยุดยืนที่หน้าประตูบ้าน เมื่อยืนใกล้กันขนาดนี้ เธอจึงรู้สึกได้ชัดว่าตัวเองเตี้ยกว่าเขามาก แต่กระนั้นเธอก็เขย่งปลายเท้ายื่นมือไปยี้ผมด้านหน้าของเขา ทำเหมือนเวลาที่หยอกเด็กที่โรงเรียน แต่ชายหนุ่มคว้ามือของเธอไว้รั้งเอวบางมาแนบชิด เธอสะดุ้งเฮือกและนึกได้ว่าเขาเป็ผู้ชาย ผู้ชายตัวใหญ่มากเสียด้วย
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ใช่เด็ก”
“ขอโทษค่ะ”
ภูมิพยัตเห็นอีกฝ่ายหลบตา เขาก็ยอมปล่อยเธอออกอย่างง่ายดาย เพราะเธอเอาแต่ก้มหน้าเขาเลยไม่รู้ว่าเธอหน้าแดงจัดขนาดไหน เพียงเขาเบี่ยงตัวให้คนตัวเล็ก เธอก็รีบเข้าไปในบ้านทันที
“อาบน้ำแล้วก็รีบนอนซะ พรุ่งนี้คุณต้องไปดูแลพ่อกับแม่ผมแต่เช้า”
“ค่ะทราบแล้ว”
ภูมิพยัตเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว ท่าทางเขินอายแบบนั้นจะแสร้งแกล้งทำหรือเป็จริง คงต้องใช้เวลาพิสูจน์กัน ไปรยา!
ไปรยาตื่นเช้าเป็ปรกติ น่าแปลกทั้งที่เธอเจอเื่เลวร้ายมาแท้ๆ แค่กลับหลับสนิทยิ่งกว่าบ้านตัวเองเสียอีก เธอรู้ว่าต้องพูดความจริงกับเขา ปิดบังไว้นานวันเข้าจะไม่ดี แต่ความสุขใจที่ได้รับมันมากเกินกว่าจะเธอจะทำลายมันลง หรืออย่างน้อยเธอก็ขอเป็คนเห็นแก่ตัวที่จะเก็บเกี่ยวความสุขไว้กับตัวให้มากที่สุดก่อนจะจากไป
หญิงสาวมองดูเสื้อผ้าสองสามชุดที่เตรียมมา จะหาซื้อเสื้อผ้าถูกๆ ใส่ดีไหม? กลัวว่าจะถูกส่งกลับก่อนจะได้ใส่เสื้อใหม่จนคุ้ม? ทำงานเป็แม่บ้านไม่จำเป็ต้องใส่ชุดสวยก็ได้ แต่เธอก็มีแต่ชุดกระโปรงเท่านั้นนี่นะ ไปรยาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอแหงนหน้ามองไปทางชั้นบน คิดว่าเขาคงยังไม่ตื่น เมื่อคืนพออาบน้ำเสร็จเธอก็ขังตัวเองอยู่ในห้องเพราะกลัวเขา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้