“ได้ขอรับ กระหม่อมจะทำตามนั้น พระชายายังมีเื่ใดจะกำชับหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ผู้ตัดสินหลี่เอ่ยถามมู่อวิ๋นจิ่น
“ไม่มีเื่ใดแล้ว ข้าไปก่อนล่ะ” นางบอก
“กระหม่อมไปจะส่งพ่ะย่ะค่ะ” ผู้ตัดสินหลี่หมายเดินนำอย่างนอบน้อม
“ไม่ต้องหรอก ข้าเดินเองได้” มู่อวิ๋นจิ่นผายมือก่อนเดินออกประตูใหญ่หยาเหมิน
เมื่อเดินกลับมาที่ตลาด มู่อวิ๋นจิ่นก็เดินอย่างสบายอารมณ์ เตรียมจะกลับไปที่เรือน
ระหว่างนั้นเดินกลับ ได้ผ่านร้านขนมคุณป้าที่ถูกพังร้านอีกครั้ง มู่อวิ๋นจิ่นเห็นคนของหยาเหมินมาช่วยเก็บข้าวของ พร้อมกับดีใจที่วันนี้นางได้ทำเื่ดี ๆ
…
เดินชมนู่นชมนี่จนกลับมาถึงเรือน มู่อวิ๋นจิ่นผลักประตูเปิดออก ััได้ถึงลมอันหนาวเหน็บและหมอกขาวโพลนยังพัดผ่านอยู่รอบตัวเหมือนตอนที่เดินขึ้นูเา
มู่อวิ๋นจิ่นก้าวเข้าไปในห้องได้ไม่ถึงสองก้าว กลับมีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง นางจึงหันกลับไป ก่อนพบว่าเป็ติงเสี่ยนและฉู่ลี่ยืนอยู่ด้านหลัง
ฉู่ลี่เห็นมู่อวิ๋นจิ่นเพิ่งเดินเข้ามา จึงมองด้วยความแปลกใจ “เ้าเพิ่งกลับมา?”
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับ จากนั้นเหลือบมองท้องฟ้าที่ใกล้เวลาอาทิตย์อัสดงแล้ว จึงได้รู้ว่านางเสียเวลาทั้งบ่ายไปกับเื่เ้าเมืองหลิงและเหอหู
“เื่ของเ้าจัดการเรียบร้อยแล้วหรือ?” มู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้าไปถามฉู่ลี่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
ฉู่ลี่พยักหน้าแทนการตอบ
ระหว่างนั้นประตูเรือนถูกเปิดออกอีกครั้ง พบว่ามีคุณป้าที่ดูใจดีเดินเข้ามาพร้อมกับตะกร้าผักสด
พอคุณป้าเดินเข้ามาก็ได้เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “องค์ชาย บ่าวคุยกับคนข้างนอกเพลินไปหน่อยทำให้เสียเวลาแล้ว บ่าวจะไปทำอาหารเดี๋ยวนี้เพคะ”
คุณป้าสูงวัยรีบสาวเท้าเข้าไปทำอาหารในห้องครัว
มู่อวิ๋นจิ่นมองฉู่ลี่ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย “เ้าหาแม่ครัวมาทำอาหารให้ที่นี่ด้วยหรือ?”
“อืม” ฉู่ลี่ตอบเสียงแ่เบา
มู่อวิ๋นจิ่นจึงพยักหน้าเข้าใจเื่ทั้งหมด “มิน่าเล่า หลายเดือนถึงจะกลับจวนครั้งหนึ่ง ดูท่าเ้าอยู่ข้างนอกคงสุขสบายเหลือเกิน”
ฉู่ลี่หัวเราะหึ ๆ ในลำคอ
…
อาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ประจวบกับอาหารเย็นที่ถูกนำมาจัดวางบนโต๊ะ
หลังจากที่ป้าจางวางอาหารจานสุดท้ายลงบนโต๊ะแล้ว ก็เอาแต่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ด้านข้าง
“ป้าจางมีเื่ดีใจอะไรหรือ?” ติงเสี่ยนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ป้าจางได้ยินก็รีบพูดอย่างดีใจ “พวกท่านรู้หรือไม่ วันนี้ในเมืองมียอดสตรีหญิงคนหนึ่งช่วยชาวบ้านกำจัดพวกวางอำนาจบาตรใหญ่ แม้แต่ท่านเ้าเมืองหลิงก็พลอยโดนเล่นงานไปด้วย ตอนนี้ถูกขังที่คุกหยาเหมินไปแล้ว”
“ไอ้หูเหอที่วางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนในเมืองธารรัตติกร ที่แท้ เื้ักลับมีท่านเ้าเมืองหลิงคอยถือหางอยู่ แต่กลับพลาดท่าเสียทีให้กับยอดสตรีหญิงคนหนึ่ง ป้าจะไม่ดีใจได้อย่างไรกัน”
ได้ยินที่ป้าจางเล่ามาเป็ฉาก ๆ มู่อวิ๋นจิ่นที่กำลังเคี้ยวข้าวถึงกับสำลักจนต้องหยิบน้ำชาขึ้นดื่ม แล้วก้มหน้าก้มตาทานข้าวโดยไม่เงยหน้ามองป้าจาง
ฉู่ลี่ฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้สนใจเนื้อหาที่ป้าจางเล่านัก ทว่ากลับส่งสายตามาทางมู่อวิ๋นจิ่น ที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานข้าวอย่างผิดปกติ
หลังจากที่นางทานข้าวอิ่มแล้ว ก็ได้ทีหาข้ออ้างกลับไปห้องของตัวเอง
ฉู่ลี่ส่งสายตาให้ติงเสี่ยน และเปรยขึ้นว่า “เ้าไปสืบซิว่ายอดสตรีที่ป้าจางเล่านั้นเป็ใคร”
ติงเสี่ยนพยักหน้ารับคำสั่งแล้วเดินออกไป
มู่อวิ๋นจิ่นที่นอนอยู่บนเตียงในเวลานี้ ครุ่นคิดไปมาว่าการออกมากับฉู่ลี่ตั้งครึ่งค่อนเดือนไม่เห็นสนุกอย่างที่คิดไว้เลย
ถึงแม้นางอยากรู้ว่าฉู่ลี่แอบทำสิ่งใดลับหลัง แต่เขากลับกีดกันไม่ให้นางรู้ได้แม้แต่น้อย
แม้แต่ดอกบัวดำบนูเาลูกนั้นก็ยังถูกฉู่ลี่วางกลไกเปิดปิดทางเอาไว้
ชีวิตอีกครึ่งเดือนที่ต้องอยู่ที่นี่ เห็นทีคงจะน่าเบื่อเสียเต็มประดา
หากรู้แบบนี้นางยอมอยู่ที่จวน กิน ดื่ม เล่นอย่างสบายอุราเสียดีกว่า
…
หลังจากที่ติงเสี่ยนกลับมาข้างนอกก็รีบรายงานฉู่ลี่ในทันใด “องค์ชาย กระหม่อมได้สืบทราบมาแล้วว่ายอดสตรีที่ป้าจางเล่านั้นคือพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่ลี่ได้ฟังเช่นนั้นแล้ว กลับไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมายนัก “ถ้าเป็นางก็ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด”
ติงเสี่ยนพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นไม่นานก็ถามขึ้นว่า “องค์ชาย ระหว่างที่สืบนั้นกระหม่อมได้ฟังคนเล่าว่าพระชายาใช้แส้ฟาดเหอหู ทั้งยังใช้เข็มสังหารองครักษ์ของท่านเ้าเมืองหลิง แต่ยังมิยืนยันว่าเป็เื่จริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“หากเป็เื่จริงแล้วล่ะก็ พระชายาคนนี้ย่อมเป็วิทยายุทธ์” ฉู่ลี่นั่งหมุนแก้วน้ำไปมาสักพักหนึ่ง ก่อนเอ่ยต่อว่า “ในตัวของนางไม่มีเื่ใดเป็ไปไม่ได้!”
ติงเสี่ยนทำหน้าเหมือนจะเข้าใจและไม่เข้าใจในเวลาเดียวกัน
ในระหว่างที่นายบ่าวกำลังสนทนากันอยู่ มีชายชุดดำแวบมาหยุดยืนหน้าประตู ก่อนเคาะส่งสัญญาณพร้อมกับส่งเสียงแหบแห้ง “พบเบาะแสแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
…
ในระหว่างนั้นมู่อวิ๋นจิ่นกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น หางตาเหลือบไปเห็นเงาดำแวบผ่านหน้าต่างไป จนนางลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแทน
กระทั่งเงาดำหายวับไปแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นถึงเดินลงจากเตียง เดินไปที่ประตูเพื่อแนบหูฟัง จนได้ยินเสียงด้านนอกครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไร้เสียงใด ๆ
นั่นคงมิใช่นักสังหารที่ถูกส่งมาจวนในครั้งก่อนหรอก
มู่อวิ๋นจิ่นผลักประตูเปิดออกไป เห็นในสวนมีโคมไฟถูกแขวนไว้หลายดวง ในขณะที่ห้องของฉู่ลี่กลับมืดสนิทไร้แสงสว่าง
มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ก่อนเดินเข้าไปที่ห้องของเขา และยกมือเคาะประตูอยู่หลายที แต่กระนั้นกลับไม่มีเสียงตอบรับกลับมาแม้แต่น้อย
สงสัยพวกเขาคงแอบแวบออกไปยามดึกดื่นอีกแล้ว
จากนั้นรูปขนหงส์สีทองที่หายไปนานกลับเปล่งแสงขึ้นมาอีกครั้ง
การปรากฏแสงสีทองขึ้นมาเช่นนี้ แสดงว่ากำลังมีภัยคืบคลานเข้ามาหานางอย่างนั้นหรือ?
“เหมี๊ยว” เสียงร้องของฉีฉี่ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัว
“นายหญิง ฉีฉี่มาแล้ว” ฉีฉี่มองดูข้อมือมู่อวิ๋นจิ่นที่เปล่งแสง “มีแสงเปล่งออกมาเช่นนี้ แสดงว่ามีเื่ใหญ่เกิดขึ้นแล้ว”
ฉีฉี่หยุดนิ่งขับพลังลมปราณเป็เส้นสีชมพูออกมา ก่อนเห็นว่ามันวิ่งพุ่งไปทางทิศตะวันออก
“นายหญิง พวกเราไปดูกันเถอะ” ฉีฉี่ชี้ไปทางทิศตะวันออก เตรียมใช้วิชาตัวเบาเดินทางไป
มู่อวิ๋นจิ่นยืนนิ่งชะงักอยู่ที่เดิม ก่อนพูดอย่างงงงวย “ข้าไม่เป็วิชาตัวเบาเสียหน่อย”
“อะไรนะ” ฉีฉี่อ้าปากค้าง ยกมือขึ้นเกาหูทั้งสองข้าง “มิน่าใช่ ลำแสงที่เปล่งออกมาจากข้อมือนั้น ล้วนแสดงถึงพลังลมปราณที่แท้จริงภายในของนายหญิง มิเช่นนั้นไม่อาจแสดงได้”
“ฉีฉี่รู้แล้ว บางทีนายหญิงอาจไม่รู้วิธีใช้วิชาตัวเบาต่างหาก” ฉีฉี่นึกขึ้นได้ว่ามู่อวิ๋นจิ่นเป็มนุษย์ จึงยังมิได้เรียนรู้ถึงกลไกต่าง ๆ
มู่อวิ๋นจิ่นก้มมองข้อมือที่เปล่งแสง พร้อมกับเอ่ยถามฉีฉี่ “ไหนเ้าว่าเกิดเื่ใหญ่ขึ้น ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี?”
“นายหญิงลองซึมซับพลังลมปราณที่แท้จริงเข้าสู่ร่างกายดู หากในร่างกายนายหญิงมีพลังลมปราณอยู่ภายในจริงแล้วมินำมาใช้ ก็น่าเสียดายอยู่มิน้อย” ฉีฉี่จับข้อมือมู่อวิ๋นจิ่นขึ้นก่อนวาดวงกลมที่รูปขนหงส์สีทอง
“ลองสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ดูดซับพลังลมปราณดูเ้าค่ะ” ฉีฉี่คอยสอนอยู่ด้านข้าง
มู่อวิ๋นจิ่นลองทำตามที่ฉีฉี่สอน โดยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อดูดซับพลังลมปราณ ปรากฏว่ามีพลังลมปราณวนเวียนไหลเข้าสู่ร่างกายของนาง
ความรู้สึกนี้ช่างคุ้นเคย ราวกับว่า… เป็ความรู้สึกเหมือนเดินทางไปตำหนักหวงอวี่และได้พบหรงเฟย
หรือว่าหรงเฟยจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาตำหนักหวงอวี่ไว้ในร่างกายของมู่อวิ๋นจิ่นเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
มู่อวิ๋นจิ่นลองกระดิกปลายเท้าขึ้นเพียงเล็กน้อย นางััได้ถึงความเบาหวิวของร่างกาย พอมองย้อนลงมาที่ปลายเท้า กลับพบว่าร่างกายลอยอยู่กลางอากาศ นางรู้สึกอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
“ดูสิ ฉีฉี่ว่าแล้ว นายหญิงมิใช่คนธรรมดาจะใช้วิชาตัวเบาไม่เป็ได้อย่างไร! นายหญิง เวลานี้มีเื่ใหญ่เกิดขึ้นมิอาจรีรอได้ พวกเรารีบตามไปดูกันเถอะเ้าค่ะ”
“ไปกันเลย” มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้า
จากนั้นนายบ่าวคู่นี้ก็ใช้วิชาตัวเบา พุ่งตัวมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก
ตลอดทาง มู่อวิ๋นจิ่นมิอาจข่มความดีอกดีใจเอาไว้ได้ ภายในระยะเวลาอันสั้น นางสามารถใช้พลังลมปราณควบคุมวิชาตัวเบาได้คล่องแคล่วตามใจนึก
ไม่รู้ว่าล่องลอยนานเท่าไหร่ ฉีฉี่ได้หยุดยืนอยู่บนกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ โดยมีมู่อวิ๋นจิ่นตามมา
“น่าแปลกพิลึก ทำไมจู่ ๆ ฉีฉี่มิอาจััพวกเขาได้แล้ว” ฉีฉี่ลองขับเส้นลมปราณสีชมพูอีกครั้ง ทว่ากลับมิอาจเค้นออกมาได้
“เ้าใช้วิชาติดตามเป็หรือไม่?” มู่อวิ๋นจิ่นหันมาถาม
“ได้นายหญิง ข้าน้อยเป็แมว การดมกลิ่นและการมองเห็นเป็ความถนัดที่สุด ดังนั้นความสามารถในการติดตามถือเป็ที่หนึ่งในตำหนักหวงอวี่”
พูดจบฉีฉี่กลับชะงักไปชั่วขณะ “เพียงแต่ว่า… วันนี้คนที่ติดตามกลับมีวรยุทธ์สูงส่งกว่า ทำให้วิชาติดตามมิอาจใช้ได้ ข้าน้อยจึงััการมีอยู่ของพวกเขามิได้”
มู่อวิ๋นจิ่นพยายามมองไปทั่ว ๆ เห็นเพียงป่าเขาอันมืดมิดที่ห้อมล้อมอยู่โดยรอบ จนมองไม่ออก และไม่สามารถรับรู้ได้ว่าอะไรเป็อะไร
ฉู่ลี่มองเห็นไม่ชัดในยามค่ำคืน ดึกดื่นป่านนี้ยังกล้าออกมาอีก ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์ใด?
“ช่างเถอะ ในเมื่อไม่รู้จะตามได้ที่ใด พวกเรากลับกันก็ได้ เพราะหากฉู่ลี่กลับไปก่อนไม่พบข้าอยู่ที่เรือน มีหวังต้องสงสัยในตัวข้าขึ้นไปอีก” มู่อวิ๋นจิ่นบ่นพึมพำ
นางมิอาจบอกฉู่ลี่ ถึงการได้ไปพบกับหรงเฟยได้ เพราะอย่างไรเสียหรงเฟยก็ได้กำชับกำชาเื่บางอย่างไว้กับนาง
“ได้นายหญิง” ฉีฉี่พยักหน้ารับทราบ
เมื่อทั้งสองคนกำลังเตรียมตัวเดินทางกลับ ก็ได้ยินเสียงก้าวเท้าเดินของใครบางคนกำลังมุ่งมาทางนี้ ทั้งคู่จึงซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ที่หนาแน่นเพื่ออำพรางตัว
เสียงเท้าก้าวเดินค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นทุกขณะ ไม่นานนักชายชุดดำสองคนก็ปรากฏตัวอยู่ด้านล่างต้นไม้ใหญ่
“ครั้งนี้พวกเราส่งข่าวปลอมให้กับฉู่ลี่เดินทางไปที่อาณาจักรตงหลินด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นทำตามที่องค์ชายของพวกเราสั่งเอาไว้ กลไกที่ติดตั้งอยู่ในอาณาจักรตงหลิน คงปลิดชีพฉู่ลี่ลงได้!”
“ถูกต้องแล้ว ถึงตอนนั้นองค์ชายของพวกเรา จะได้มีโอกาสเป็องค์รัชทายาทเสียที”
“ใช่แล้ว ใครใช้ให้ฉู่ลี่มัวแต่ยึดมั่นในของสิ่งนั้น มิฉะนั้นพวกเราคงมิสบโอกาสหรอก”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พวกเรากลับไปรับรางวัลกันเถอะ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้