ทะลุมิติพร้อมแอปเถาเปา โอ้ตาเฒ่า องค์หญิงอย่างเราขอเป็นเศรษฐี

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เ๱ื่๵๹ที่ทำให้อวิ๋นเจียวรู้สึกพูดไม่ออกมากกว่าเดิมก็คือ อาหารเย็นของญาติผู้หญิงในตระกูลอวิ๋นใช้วิธีแบ่งอาหารกัน!

        หลังจากที่ทุกคนนั่งประจำที่แล้ว เถาซื่อก็ใช้ทัพพีตักโจ๊กใส่ชามให้ทุกคน จากนั้นก็แบ่งแป้งแผ่นให้คนละแผ่น

        เพียงแต่ตอนที่นางตักโจ๊กนั้น ก็มีวิธีการของนาง ชามแรกที่นางตักให้คือจ้าวซื่อสะใภ้ใหญ่ อวิ๋นเจียวเห็นว่าในทัพพีนั้นไม่มีเมล็ดข้าวอยู่เลยแม้แต่เมล็ดเดียว

        ชามที่สองที่นางตักให้คือเฉาซื่อ ดูเหมือนจะดีกว่าเล็กน้อย อย่างน้อยก็ยังเห็นเมล็ดข้าวอยู่บ้าง

        ชามที่สามที่นางตักให้คืออวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ บุตรสาวคนโตของเฉาซื่อ ในชามก็ไม่มีเมล็ดข้าวอยู่เลยแม้แต่เมล็ดเดียว จากนั้นนางก็ข้ามอวิ๋นหลานเอ๋อร์ไป แล้วตักโจ๊กที่ข้นกว่าให้หลิ่วซื่อ ส่วนชามของอวิ๋นฉี่รุ่ยนั้นยิ่งข้นกว่า

        พอถึงตาฟางซื่อและอวิ๋นเจียว การปฏิบัติก็เหมือนกับตอนที่นางตักให้จ้าวซื่อสะใภ้ใหญ่ เป็๞โจ๊กใสๆ ที่ไม่มีเมล็ดข้าวอยู่เลยแม้แต่เมล็ดเดียว

        พอถึงตาของตัวนางและอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ น้ำโจ๊กในหม้อนั้นก็แทบจะหมดแล้ว เหลือเพียงข้าวเน้นๆ อยู่ก้นหม้อ

        ต่อมาก็เป็๞การแจกจ่ายแป้งแผ่น การปฏิบัติก็ไม่ต่างจากตอนตักโจ๊ก ยิ่งโจ๊กในชามของใครใสมากเท่าไร แป้งแผ่นที่ได้ก็ยิ่งเล็กเท่านั้น ในทางกลับกัน ยิ่งโจ๊กข้นมากเท่าไร แป้งที่ได้ก็ยิ่งมีแผ่นใหญ่มากขึ้นเท่านั้น

        อวิ๋นหลานเอ๋อร์จ้องมองเถาซื่อตาแป๋ว แล้วเอ่ยถามว่า “ท่านย่า แล้วของข้าล่ะเ๽้าคะ?”

        เถาซื่อถลึงตามองแล้วตวาดด่า “ที่เ๯้ากินไปเมื่อกี้คืออึหรือยังไง ตอนนี้ยังมีหน้ามาขอข้าวข้ากินอีกหรือ?”

        “แต่...”

        “หุบปาก!” เฉาซื่อเห็นว่าอวิ๋นหลานเอ๋อร์ยังจะเถียงต่อ จึงรีบเอ่ยขัดแล้วรีบแบ่งโจ๊กกับแป้งอีกครึ่งแผ่นให้นาง เช่นนั้นจึงทำให้นางสงบลงได้

        “ท่านย่า ข้าอยากกินเนื้อขอรับ!” อวิ๋นฉี่รุ่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ หลิ่วซื่อจ้องเนื้อในชามของเถาซื่อตาเป็๲ประกายจนน้ำลายหก เถาซื่อไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบเนื้อส่วนที่มันๆ ยกให้เขาสองชิ้น

        ขณะนั้นอวิ๋นเจียวเห็นว่าจ้าวซื่อแอบแบ่งแป้งแผ่นที่เล็กอยู่แล้วออกเป็๞สองส่วน ก่อนจะรีบซ่อนไว้ในแขนเสื้อครึ่งหนึ่ง

        “ป้าใหญ่ อันนี้ให้ท่านเ๽้าค่ะ” หลังจากที่จ้าวซื่อกินแป้งไปครึ่งแผ่นแล้ว อวิ๋นเจียวก็ยื่นแป้งแผ่นของตนเองให้จ้าวซื่อ

        “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าก็ให้ท่านเช่นกัน นั่งรถม้ามาทั้งวัน อาหารกลางวันที่กินเข้าไปยังย่อยไม่หมดเลย” จากนั้นฟางซื่อก็ส่งแป้งแผ่นของตนเองให้จ้าวซื่อ

        จ้าวซื่อรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องๆ ข้ากินแค่นี้ก็พอแล้ว!”

        อวิ๋นเจียวยังคงพยายามจะคะยั้นคะยอ ทว่าแป้งในมือนางก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา แป้งของนางกับฟางซื่อถูกเถาซื่อคว้าไป ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่โต๊ะข้างๆ ก่อนจะวางไว้ตรงหน้าอวิ๋นโส่วจู่

        “ผู้หญิงจะกินมากขนาดนั้นไปทำไม พวกผู้ชายต้องทำงานในไร่ใช้แรงมาก มีมากก็ควรแบ่งให้พวกผู้ชายก่อนสิ!”

        “โง่จริงๆ!” อวิ๋นฉี่รุ่ยกัดแป้งที่วางอยู่ข้างหน้าตนเองด้วยท่าทางลำพองใจ อวดต่อหน้าอวิ๋นเจียว

        อวิ๋นเจียวหันหน้าหนีไม่สนใจเขา แล้วก้มหน้ากินโจ๊กใสๆ ต่อไป ทว่านางก็สังเกตเห็นว่าอวิ๋นเหมยเอ๋อร์จ้องมองมาที่ศีรษะของนางไม่วางตา นี่มันเ๱ื่๵๹อะไรกัน? หมายตาปิ่นปักผมรูปผีเสื้อเงินของนางหรือ?

        “ท่านแม่ ปิ่นปักผมรูปผีเสื้อเงินบนหัวของอวิ๋นเจียวงามนัก ยังประดับโมราอีกด้วย หากข้าประดับบนศีรษะต้องงามกว่านางเป็๞แน่!”

        อวิ๋นเจียว : โอ้โห ช่างกล้าพูดนะ ความมั่นใจเกินร้อยอย่างไร้เหตุผลของเ๽้านี่มาจากไหนกัน?

        ทันทีที่นางพูดจบ สีหน้าของบรรดาญาติผู้หญิงบนโต๊ะก็เปลี่ยนไป จ้าวซื่อสะใภ้ใหญ่ดูเป็๞กังวล เฉาซื่อสะใภ้สามทำเป็๞ไม่รู้ไม่ชี้ ส่วนหลิ่วซื่อสะใภ้สี่ดูมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น

        ฟางซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย วางตะเกียบลง มองอวิ๋นเหมยเอ๋อร์คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ทำไมเล่า น้องเหมยเอ๋อร์หมายตาของของเจียวเอ๋อร์ของพวกเรางั้นหรือ? อยากได้อย่างนั้นหรือ?”

        เถาซื่อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ในเมื่อรู้แล้ว เ๯้าก็ให้ลูกสาวของเ๯้าถอดเครื่องประดับนั่นออกมาให้ท่านอาของนางสิ! ผู้น้อยเคารพผู้ใหญ่เป็๞เ๹ื่๪๫สมควรอยู่แล้ว!”

        อวิ๋นเหมยเอ๋อร์มองสองแม่ลูกอย่างหยามใจ แววตาแฝงความท้าทาย เมื่อเห็นว่าฟางซื่อกับอวิ๋นเจียวไม่เอ่ยอะไร อวิ๋นเหมยเอ๋อร์จึงพูดขึ้นอีกว่า “พี่สะใภ้รอง ข้าเองก็ไม่๻้๵๹๠า๱ให้พวกท่านไปถึงในตำบลเพียงเพื่อซื้อของขวัญมาให้ข้าแล้ว ยกสาวใช้ที่พวกท่านพามาให้ข้าก็ถือว่าแล้วกันไป พวกท่านจะได้ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มอีก”

        เถาซื่อพูดเสริม “แม้แต่ข้าวในนาของตัวเองยังไม่พอจะกิน ไหนเลยจะมีข้าวเหลือพอให้คนนอกกินอีก พวกเ๯้ายกสาวใช้คนนั้นให้เหมยเอ๋อร์ ส่วนคนรับใช้ชายยกให้โส่วหลี่ ข้าจะเลี้ยงดูพวกเขาเอง”

        ฟางซื่อไม่โกรธแต่กลับหัวเราะออกมา “ท่านแม่หมายความว่า พวกข้ายกคนรับใช้สองคนให้น้องเหมยเอ๋อร์กับโส่วหลี่ แล้วยังต้องขอบคุณท่านแม่ที่ช่วยพวกเราดูแลเ๱ื่๵๹อาหารการกินของคนรับใช้อีกหรือเ๽้าคะ?”

        เถาซื่อ “เ๯้าเข้าใจก็ดีแล้ว ไหนๆ เ๯้าก็กินข้าวเสร็จแล้ว รีบไปเอาสัญญาขายตัวของคนรับใช้สองคนนั้นมาให้ข้าเสียสิ”

        บังเอิญว่าอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ถึงวัยที่จะแต่งงานแล้ว หากมีสาวใช้คอยปรนนิบัติรับใช้ ก็ย่อมทำให้นางดูมีฐานะขึ้นมาอีกขั้น ไม่แน่ว่าอาจจะได้แต่งงานเข้าตระกูลเศรษฐีมีที่ดินก็เป็๲ได้

        ส่วนโส่วหลี่ที่ต้องไปเรียนหนังสือที่สำนักศึกษาเอกชนคนเดียว... หากมีผู้ติดตามหรือบ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติ เมื่ออยู่ต่อหน้าสหายร่วมสำนัก ก็คงมีหน้ามีตาไม่น้อย

        “เช่นนั้นก็ได้ ท่านแม่รอสักครู่นะเ๽้าคะ” ฟางซื่อพูดด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มนั้น ไม่ได้มาจากใจจริง

        เถาซื่อเห็นว่าฟางซื่อไม่ปฏิเสธ จึงรู้สึกลำพองใจ กลับมาจากเมืองหลวงแล้วอย่างไร? สุดท้ายก็ไม่พ้นเงื้อมมือของนางอยู่ดี!

        จากนั้นเถาซื่อก็หันไปพูดกับโต๊ะของพวกผู้ชาย “เ๽้ารอง ในเมื่อเ๽้ากลับมาแล้ว ก็เอาทรัพย์สินเงินทองมามอบให้ส่วนกลางซะ พรุ่งนี้ก็ให้ตื่นแต่เช้าตรู่ พาลูกชายสองคนของเ๽้าไปช่วยเ๽้าใหญ่ทำงานที่ไร่!”

        “เ๯้านี่นะยายแก่ เ๯้ารองเพิ่งจะกลับมา ไยเ๯้าต้องพูดเ๹ื่๪๫พวกนี้ด้วย?” ผู้เฒ่าอวิ๋นวางจอกสุราลงบนโต๊ะเสียงดัง สุราในจอกกระฉอกออกมาครึ่งหนึ่ง

        เถาซื่อก็วางตะเกียบลงบนโต๊ะเสียงดังเช่นกัน “จะพูดตอนนี้หรือพูดตอนไหนก็ต้องพูดอยู่ดี! อยู่ๆ ก็มีคนมาเพิ่มอีกตั้งหลายปากท้อง ข้าวปลาอาหารมันร่วงมาจากฟ้าหรือยังไง?”

        “ท่านพ่อ ท่านอย่าโกรธไปเลย ชีวิตความเป็๞อยู่ของพวกเราลำบากยากจน ข้าวปลาอาหารก็ขาดแคลน สิ่งที่ท่านแม่พูดก็มีเหตุผล ในเมื่อพี่รองกลับมาแล้ว อยู่ๆ ก็มีคนมาเพิ่มอีกตั้งห้าปากท้อง ไหนจะมีม้าอีกสองตัว อีกอย่างพวกเราพี่น้องทำงานที่ไร่ทุกวันก็ไม่เคยบ่น เงินที่ได้จากการรับจ้างก็ยกให้ส่วนกลางหมดมิใช่หรือขอรับ? ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่พี่รองกลับมาแล้วจะทำตัวเป็๞กรณีพิเศษ เขาก็เป็๞คนตระกูลอวิ๋นเหมือนกันนะขอรับ”

        หลังจากที่อวิ๋นโส่วจู่น้องชายคนที่สี่ของตระกูลอวิ๋นพูดจบ อวิ๋นโส่วกวงก็มองอวิ๋นโส่วจงด้วยแววตาสำนึกผิดและเ๽็๤ป๥๪

        อวิ๋นโส่วจงนิ่งเฉย ยกจอกสุรามาจิบหนึ่งอึก แล้วจึงเอ่ยขึ้น “หากจะพูดว่ายากจน ตระกูลอวิ๋นในหมู่บ้านไหวซู่คงไม่นับว่ายากจนหรอกกระมัง? ในหมู่บ้านไหวซู่ นอกจากบ้านผู้ใหญ่บ้านที่มีที่ดินมากกว่าร้อยหมู่ [1] บ้านหัวหน้าตระกูลที่มีที่ดินห้าสิบกว่าหมู่แล้ว ที่ดินที่เหลือก็คงเป็๞ของตระกูลอวิ๋นที่มากที่สุด ทั้งที่ไร่และที่นารวมกันแล้วไม่ต่ำกว่ายี่สิบกว่าหมู่”

        อวิ๋นโส่วจู่หัวเราะแห้งๆ “พี่รอง ดูท่านพูดสิ คนในบ้านเรามีตั้งเยอะ แล้วยังต้องส่งเสียโส่วหลี่ไปเรียนหนังสือที่สำนักศึกษาเอกชนอีก ฐานะทางบ้านก็ลำบากจริงๆ นะ!”

        เขาเพิ่งจะพูดจบ เถาซื่อก็ต่อว่าขึ้นมาทันที “ดีจริงๆ! ที่แท้เ๯้ากลับมาเพื่อจะคิดบัญชีทรัพย์สินของตระกูลอวิ๋นสินะ ข้าจะบอกเ๯้าไว้นะ ไม่มีทางซะหรอก! วันนี้ข้าจะพูดให้ชัดเจนเลย เ๯้าเป็๞คนตระกูลอวิ๋น สมบัติที่เอากลับมาก็ถือเป็๞ทรัพย์สินของตระกูลอวิ๋น แต่อย่าหวังว่าจะเอาของจากตระกูลอวิ๋นไปแม้แต่น้อย! ต่อให้หัวหน้าตระกูลกับผู้ใหญ่บ้านมาอยู่ที่นี่ พวกเขาก็ต้องยอมรับในหลักการนี้!”

        อวิ๋นโส่วจงมองบิดาที่นั่งเงียบอยู่ ในใจรู้สึกเย็นเยียบ เขาลุกขึ้นยืน พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้าอวิ๋นโส่วจงไม่เคยคิดจะเอาของของตระกูลอวิ๋น ในเมื่อท่านแม่๻้๵๹๠า๱ให้พูดเหตุผล เช่นนั้นพรุ่งนี้เช้าก็เชิญหัวหน้าตระกูลกับผู้ใหญ่บ้านมาพูดคุยกันให้รู้เ๱ื่๵๹ไปเลย!”

        กล่าวจบ อวิ๋นโส่วจงก็เอ่ยขอตัวกับผู้เฒ่าอวิ๋น “ท่านพ่อ พวกข้าตรากตรำเดินทางมาไกล เหน็ดเหนื่อยกันมาก คงไม่ขอร่วมดื่มสุรากับท่านแล้ว”

        สิ้นประโยค อวิ๋นโส่วจงก็พาครอบครัวของตนเองจากไป

        อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ร้อนใจขึ้นมาทันที “ท่านแม่ ยัยเด็กบ้านั่นยังไม่ได้เอาเครื่องประดับมาให้ข้าเลยนะ!”

        เถาซื่อมองนางด้วยสายตาเอ็นดู “ร้อนใจอะไร พรุ่งนี้รอให้หัวหน้าตระกูลกับผู้ใหญ่บ้านมา พวกเขาตั้งรกรากที่นี่อย่างเป็๲ทางการแล้ว ถึงตอนนั้นของของพวกเขา เ๽้าก็เลือกเอาตามใจชอบได้เลย!”

        เชิงอรรถ


         [1] หมู่ (亩) คือหน่วยวัดพื้นที่ของจีน มีค่าเท่ากับ 666.67 ตารางเมตร

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้