เมื่อออกจากเรือนของหลี่เหล่าไท่ไท่ รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่หยางซื่อก็พลันสลายไปสิ้น ครั้งนั้นเมื่อแต่งเข้ามาเป็ภรรยาของหลี่ซวี่ การดำเนินชีวิตของนางนั้นมิได้สุขสบายเลย แม้บิดาของนางจะรั้งตำแหน่งขุนนางขั้นสี่ ทว่ามารดาของสามีนั้นเป็มารดาเลี้ยง ในบรรดาสะใภ้ทั้งสามคนมีเพียงนางที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องใดๆ กับหลี่เหล่าไท่ไท่ ดังนั้นยามปกติจึงพูดจาน้อยความอยู่เป็ทุนเดิม ข้ารับใช้ในจวนสกุลหลี่ต่างไม่ให้ความสำคัญกับพวกเขา ต่อมาตำแหน่งของหลี่ซวี่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเวลาส่วนใหญ่ต้องอยู่นอกจวน เวลาที่จะกลับบ้านนั้นช่างน้อยนัก มิง่ายดายเลยที่ต่อมาหลี่ซวี่จะมีความดีความชอบจนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็โหวเหฺย[1] มีจวนโหวเป็ของตนเอง หลี่เหล่าไท่ไท่ก็ยังดีดลูกคิดรางแก้วย้ายเรือนเข้ามาอยู่ในจวนโหว พูดออกไปแล้วหน้าตาของจวนโหวนั้นใหญ่นัก พวกเขาเองก็จะได้มีหน้ามีตาเช่นกัน
ยิ่งคิดหลี่หยางซื่อยิ่งโมโห
“ฮูหยินเ้าคะ” จี้หมัวมัวตบหลังนางเบาๆ “ฮูหยินค่อยๆ นะเ้าคะ ชีวิตของเราจะต้องดีขึ้นเ้าค่ะ”
“ที่ดีน่ะไป์กันหมดแล้ว คนพวกนี้หากไม่ได้ยึดครองจวนโหวย่อมมิมีวันยอมถอดใจ” คำพูดประโยคนี้ของหลี่หยางซื่อนั้นไม่ดังและไม่เบา หากมีผู้ที่อยากจะฟัง ก็สามารถได้ยินได้
“ฮูหยิน ระวังหน้าต่างมีหูประตูมีช่องนะเ้าคะ” จี้หมัวมัวย่อมรู้ดีว่าหลี่หยางซื่อในยามปกตินั้นเป็คนนิสัยใจเย็น วันนี้แน่นอนแล้วว่านางโมโหจนลืมตัว
“กำลังจะครบกำหนดเวลาสี่ปีแล้ว ตลอดเวลาสี่ปีมานี้ฮ่องเต้มิเคยแพร่งพรายเบาะแสใดๆ ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็เช่นใดแล้วบ้าง? และหากหาเด็กคนนั้นพบ เด็กอายุเพียงห้าขวบก็ต้องมาตายอยุ่ดี จะสามารถทำอันใดได้?” หลี่หยางซื่อพูดอีกประโยคด้วยความโมโห เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาว น้อยครั้งนักที่นางจะควบคุมตนเองมิได้ คำพูดเหล่านี้นางจึงได้แต่พูดกับจี้หมัวมัว “ช่างเถอะๆ หมัวมัว ไปจวนจงกั๋วกง”
“เ้าค่ะ”
ณ จวนจงกั๋วกง
น้อยครั้งนักที่หลี่หยางซื่อจะมาเยือนที่นี่ สามปีก่อนต้องไว้ทุกข์ให้สามี จึงไม่สะดวกที่จะออกมาข้างนอก เมื่อครั้งหลี่ซวี่ยังมีชีวิตอยู่ก็เพียงแต่มาร่วมงานเลี้ยง วันเทศกาลสำคัญต่างๆ จึงจะมาเยือน โดยส่วนตัวแล้วมิเคยไปมาหาสู่ เมื่อวานขณะที่ได้รับเทียบเชิญ นางเองพอจะมองออกถึงความนัยว่าอาจจะเกี่ยวกับเื่ระยะเวลาสี่ปีที่ใกล้จะครบกำหนดรวมไปถึงเื่เกี่ยวกับตำแหน่งโหว หากอยากจะยกบุตรชายมาให้จวนจงหย่งโหวนั้น มิจำเป็ว่าต้องเป็สายเืของหลี่ไท่เหฺย ขอเพียงเป็คนที่อยู่ในผังสกุล[2]ก็ใช้ได้แล้ว
“จงหย่งโหวฮูหยินมาถึงแล้ว รีบเชิญด้านในเ้าค่ะ” ผู้ที่ออกมารับถึงหน้าประตูคือหมัวมัวคู่ใจของจงกั๋วกงฮูหยิน ถือได้ว่ามีหน้ามีตายิ่งนัก
“หมัวมัวสบายดีนะ” หลี่หยางซื่อยิ้มบางๆ
“เหล่าฮูหยินระลึกถึงท่านเ้าค่ะ” มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าราวเจ็ดส่วน ให้ความเป็กันเองมากอย่างชัดเจน
เมื่อไปถึงเรือนของกั๋วกงฮูหยิน พบว่าที่นั่นยังมีแขกคนอื่นๆ อีก เป็ฮูหยินท่านหนึ่งและแม่นางน้อยคนหนึ่ง
“หลานสะใภ้มาแล้ว” เมื่อเห็นหลี่หยางซื่อ จงกั๋วกงฮูหยินจึงรีบกวักมือมาทางนางอย่างกระตือรือร้น “นี่คือหลานสะใภ้ของข้า จงหย่งโหวฮูหยิน”
เมื่อได้ยินถึงตำแหน่งฮูหยินตราตั้งของหลี่หยางซื่อ ฮูหยินและแม่นางน้อยต่างรีบลุกขึ้นยืน พร้อมกับแสดงการคำนับกึ่งพิธีการโดยย่อตัวลงไปครึ่งหนึ่ง ในขณะเดียวกัน หลี่หยางซื่อก็แสดงความเคารพต่อจงกั๋วกงฮูหยินที่เป็ผู้าุโ
“รีบมานั่งเร็ว วันนี้จวนข้าคึกคักยิ่ง ข้ามีแขกโดยบังเอิญ พูดกันขึ้นมาแล้วก็เป็ญาติผู้น้องของเ้า เ้าอาจจะไม่รู้จัก” จงกั๋วกงฮูหยินทำหน้าที่เป็ผู้แนะนำ “นี่คือหลานสาวบ้านมารดาข้า หลี่ว์ซื่อ สามีนางคือ เซี่ยงโจวจือโจว[3] นี่คือลูกสาวของนาง หลี่ว์ิเจี๋ย ิเจี๋ยเอ๋อร์ปีนี้มีอายุสิบหกปี”
“ิเจี๋ยเอ๋อร์คารวะท่านป้าเ้าค่ะ” แม่นางน้อยเดินเข้ามา โค้งคำนับคารวะหนึ่งครั้ง
รอยยิ้มของหลี่หยางซื่อมีความเมตตากรุณาอยู่หลายส่วน “เพิ่งจะได้พบหลานสาวครั้งแรก งดงามยิ่งนัก” พูดแล้วก็ถอดกำไลหยกจากข้อมือของตน แล้วสวมให้ที่ข้อมือของหลี่ว์ิเจี๋ย “มิทราบว่าหลานสาวอยู่ที่นี่ด้วย จึงมิได้นำอะไรติดตัวมาเลย”
“ขอบคุณท่านป้าเ้าค่ะ” แม่นางน้อยเอ่ยอย่างอ่อนโยน ได้ฟังเสียงก็เหมือนได้พบคน ดูแล้วเป็คนที่นิสัยพอใช้ได้คนหนึ่ง
จงกั๋วกงฮูหยินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ครั้งหน้าไปจวนโหว เ้าค่อยชดเชยให้นางก็...” ยังไม่ได้ทันเอ่ยจบ หญิงรับใช้นางหนึ่งเดินเข้ามา หลังจากโค้งคำนับแล้วจึงรายงาน “เหล่าฮูหยินเ้าคะ ฮูหยินใหญ่้าพบหลี่ว์ฮูหยินและคุณหนูหลี่ว์เ้าค่ะ ท่านบอกว่าเป็เื่ด่วน”
“ในเมื่อเป็เื่เร่งด่วนเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นพวกเ้าก็รีบไปเถอะ”
หลังจากรอให้แม่ลูกสกุลหลี่ว์ออกไปแล้ว กั๋วกงฮูหยินก็เอ่ยปากยิ้มๆ ว่า “ที่จริงวันนี้เชิญเ้ามาที่จวน ข้าอยากเป็แม่สื่อให้ เ้ารู้สึกว่าิเจี๋ยเอ๋อร์เป็อย่างไรบ้าง?”
[1] โหวเหฺย (侯爷) คือคำที่เรียกนายท่านของจวนโหว หรือบุตรที่จะรับสืบทอดตำแหน่งเ้าของจวนโหว ซึ่งเป็บรรดาศักดิ์ที่สูงกว่าขั้น 1 โดยส่วนใหญ่พระราชทานให้พระญาติสนิท และขุนนางที่มีคุณงามความดีต่อแผ่นดิน เริ่มใช้ั้แ่ราชวงศ์ฉิน จนมาถึงราชวงศ์โจวจึงได้กำหนดบรรดาศักดิ์นี้ไว้ 5 ขั้น แบ่งเป็ กง โหว ป๋อ จื่อ หนาน (เทียบกับบรรดาศักดิ์ไทย คือ เ้าพระยา พระยา พระ หลวง ขุน)
[2] ผังสกุล (家族谱) คือผังสกุลสมาชิกในครอบครัวทุกคนที่ใช้สกุลร่วมกัน
[3] เซี่ยงโจวจือโจว (象州知州) หมายถึงตำแหน่งขุนนางในรัชสมัยซ่ง แบ่งเป็ จือโจว (เทียบเท่านายกเทศมนตรี), จือฝู่ (เทียบเท่าเลขานุการเทศบาลเมือง) และจือเซี่ยน (เทียบเท่านายอำเภอ) จือโจวนับเป็ขุนนางขั้นที่ 5