[โฮสต์ ยังไหวนะครับ?] ระบบเองก็ร้องไห้จนเกือบไม่ไหว ตอนนี้เสียงแหบไปแล้ว
เขากังวลสภาพจิตใจของอวี๋มู่มาก [หรือพวกเราจะพักที่นี่ก่อนแล้วค่อยเดินทางดีครับ?]
อวี๋มู่สูดหายใจลึกอยู่หลายรอบ พลางกำหมัดแน่น จนท้ายที่สุดก็ทนไม่ไหว เอ่ยถามระบบ : เว่ยจวินหยาง เขา…เป็อย่างไรบ้าง?
เขารู้ว่าหลังจากตัวเองจากมา เวลาของโลกใบนั้นจะหมุนอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาสามารถรู้ได้ว่าเว่ยจวินหยางลงเอยอย่างไร
[เขา…] เมื่อพูดถึงเว่ยจวินหยาง ระบบก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง [เขากอดร่างของคุณอยู่สามวันสามคืน พูดเื่ราวมากมาย จนเสียงแหบ น้ำตาเหือดแห้ง จากนั้นก็ตัดชีพจรตัวเองแล้วตายอยู่ข้างกายคุณครับ]
อวี๋มู่กัดฟันกรอด นานสักพักใหญ่ถึงเปลี่ยนกลับมาสภาพที่สะอื้นอย่างทรมานใจ
เขาบอก : ระบบ ฉันอยากเปลี่ยนวิธีการพิชิตใจในโลกหน้า หลังจากคะแนนความประทับใจเต็มแล้ว 24 ชั่วโมงหลังจากนั้น ฉันจะทำให้ตัววายร้ายเกลียดฉัน จนอยากฆ่าฉัน เท่านี้แม้พวกเขาจะลืมฉันไม่ได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นฆ่าตัวตาย
เขาทนไม่ไหวอีกแล้วกับการที่ต้องให้ใครคนหนึ่งมาจบชีวิตเพื่อเขา
แม้รู้ว่าวายร้ายพวกนี้อาจจะเป็เพียงตัวละครที่สร้างขึ้นมา แต่ความรู้สึกที่พวกเขาแสดงออกมานั้นมันรุนแรงจนเขากลัว
เขาคิดว่าตัวเองเป็คนหักหลังเสี่ยวหาน วางลู่ทางให้เขาดิบดีเพื่อให้เขาเติบโตอย่างราบรื่น แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายกลับหนีจากการลงเอยเช่นเดิมไม่ได้
ส่วนเว่ยจวินหยางที่เดิมควรจะเ็าไร้ความรู้สึก เป็ตัววายร้ายยิ่งใหญ่ที่ไม่กลัวฟ้าดิน แต่หลังจากเขาบอกชัดแล้วว่าไม่ชอบ วายร้ายก็ยังคงยืนกรานจะตายพร้อมกับเขา
หากเป็เช่นนี้ต่อไป เขาคงฝืนทนต่อไม่ไหว
[แน่ใจนะครับว่าจะทำเช่นนี้? โฮสต์…] ตอนนี้ระบบเริ่มเห็นใจอวี๋มู่ แต่เื่ของท่านผู้นั้นเขายังต้องรักษาไว้เป็ความลับ เวลานี้เขาเองก็ไม่รู้จะปลอบใจอวี๋มู่อย่างไรดี
อวี๋มู่ถอนหายใจ ตอบเขา : นี่คือวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันจะคิดได้
เื่ราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ เขาไม่มีทางถอดใจเื่ชุบชีวิตชีหย่วน ซึ่งการจะทำภารกิจให้จบ โดยให้ิญญาวายร้ายที่หวาดระแวงยังมีชีวิตอยู่ต่อนั้น คงมีเพียงการทำลายความทรงจำของตัวเองในใจพวกเขาในตอนสุดท้ายเท่านั้น
ทางที่ดีต้องให้คะแนนความประทับใจกลับไปเหลือศูนย์ หากเป็แบบนี้เขาถึงจะวางใจแล้วจากมาได้
[ได้ครับ โฮสต์ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเราไปยังโลกหน้ากันเถอะครับ]
*
ห้านาทีผ่านไป อวี๋มู่ยืนตัวแข็งเกร็งอยู่ท่ามกลางแสงสีเขียว เขาจับเสื้อสีแดงสดที่ตัวเองสวมไว้ แล้วนิ่งเงียบ
ข้างกายเขามีภูตผีน้อยสามตัวกำลังเล่นโยนศีรษะกันไปมา เมื่อเห็นเขาตื่น ก็มือสั่น จนหนึ่งในภูตผีน้อยพลั้งทำศีรษะหล่นตุบลงพื้น กลิ้งหลุนๆ ไปหลายรอบ จนไปหยุดที่ข้างเท้าของอวี๋มู่ ใบหน้านั้นแหงนขึ้นมองกะพริบตาปริบๆ และฉีกยิ้มให้เขา เผยให้เห็นแผงฟันเรียงตัวสีขาวปนเื “ฮี่ๆ พี่ชายิญญาพิศวาส ท่านตื่นแล้วหรือ?”
อวี๋มู่สะดุ้งโหยง ยับยั้งตัวเองไม่ให้เตะศีรษะที่หล่นอยู่ข้างเท้า พลางตอบเสียงอึกอัก “อา ตื่นแล้ว”
ภูตผีน้อยพวกนี้ยังเป็เด็ก อายุราวสิบขวบ โดยตัวที่ศีรษะหล่นเดินเซไปเซมาจนถึงข้างตัวอวี๋มู่ แล้วเก็บศีรษะขึ้นมาประกอบ พอขยับอยู่สองสามที ก็ส่งเสียงดังกึก เล่นเอาอวี๋มู่ตัวเย็นเฉียบอีกครั้ง
ภูตผีน้อยตัวนั้นจ้องเขา แล้วถอนหายใจ “พี่ชายิญญาพิศวาส ข้าเตือนว่าเ้าถอดใจเสียดีกว่า” เขายกนิ้วชี้ขึ้นเหนือศีรษะ “คนที่อยู่ข้างบนนั่นน่ะ ไม่ใช่คนที่พวกเราจะไปยั่วโมโหได้นะ! อย่าเห็นว่าเขารูปโฉมงดงามแล้วจ้องตาเป็มัน ถ้าเกิดเ้านักบวชนั่นบ้าคลั่งขึ้นมา ิญญาตัวเดียวอย่างเ้ารับมือไม่ไหวหรอก กลับกันอาจจะถูกจับกิน อย่างนั้นไม่คุ้มนา!”
“อั้ยหยา ซานซาน เ้าพูดเื่พวกนี้กับเขาจะไปมีประโยชน์อะไร! เขาเป็พวกิญญาหื่นกาม! ถึงตอนนั้นเอาชีวิตไปทิ้ง…” เ้าภูตผีน้อยพูดถึงตรงนี้ ก็หยุด “ไม่ใช่สิ พวกเราตายไปแล้วนี่นา ฮ่าๆ”
จากนั้นก็เอ่ยต่อ “ถึงอย่างไร หากเขายินดีจะไปก็ให้เขาไป หากไม่กลัวิญญาแหลกสลายก็เชิญ!”
เ้าภูตผีน้อยอีกตัวยืนมองอีกสองตัวด้วยท่าทางซื่อบื้อ จากนั้นก็ถอดศีรษะตัวเองลงมา แล้วหมุนอยู่สองรอบ ก่อนจะเอ่ย “เอาละ ๆ พวกเราเล่นกันต่อเถอะ”
พวกภูตผีน้อยยังมีท่าทางอารมณ์ดี พลางเอ่ยถามอวี๋มู่ว่าจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่
อวี๋มู่ปฏิเสธสีหน้าซีดเผือด
เขาสำรวจบรรยากาศวังเวงที่ล้อมรอบด้วยิญญา แล้วเอ่ยถามระบบในหัว : เ้าระบบ ในโลกนี้ ฉันไม่ได้เป็แม้กระทั่งคนเนี่ยนะ?
[โฮสต์อย่าเพิ่งใจร้อนครับ ผมจะรีบค้นหาข้อมูลส่งให้คุณ]
พออวี๋มู่ได้รับข้อมูลมา สีหน้าก็ยิ่งดูไม่จืด
นี่คือโลกเหนือจินตนาการนิดๆ โครงเื่ของนิยายเป็ละครที่เล่าว่าพระเอกนั้นเป็องค์ชายเก้าแห่งราชวงศ์เฟิง โดดเด่นเหนือบรรดาองค์ชายทั้งหมด จนได้ครองราชบัลลังก์
ตัววายร้ายในเื่ก็คือหนึ่งในองค์ชาย เป็ศัตรูคนสุดท้ายขององค์ชายเก้า--องค์ชายสามเฟิงอวี้
ตอนที่เฟิงอวี้ถือกำเนิดนั้น มีการดึงดูดิญญาชั่วร้ายนับร้อยออกมา จนทำให้แม่เขาเสียหลังจากคลอด ซึ่งต่อมาเทียนซือ天师[1]แห่งราชสำนักได้ลงยันต์ให้เขา ด้วยรู้ว่าเขาคืออสูรฟ้าสองขั้วที่พันปีจะพานพบหนึ่งหน ร่างกายมีทั้งปีศาจและโพธิสัตว์อาศัยอยู่
ครึ่งหนึ่งนั้นมีความดี อีกครึ่งหนึ่งมีความชั่วร้าย
หากว่าปล่อยให้ด้านชั่วร้ายของเขาพัฒนาขึ้น ก็จะนำภัยใหญ่หลวงมาสู่ราชวงศ์เฟิง
ฮ่องเต้ของราชสำนักได้ยินคำทำนายนี้ถึงกับชักดาบจะฆ่าเฟิงอวี้ แต่กลับถูกเทียนซือขวางไว้เสียก่อน เทียนซือบอกว่าการถือกำเนิดของอสูรฟ้าสองขั้วนั้นก็เพื่อทดสอบราชวงศ์เฟิง หากว่าพวกเขาฆ่าเฟิงอวี้ เกรงว่าจะถูก์พิพากษาให้ได้รับการลงทัณฑ์จาก์ ประชาชนไม่สามารถอยู่เย็นเป็สุขได้และบ้านเมืองจะลุกเป็ไฟ
สุดท้ายเทียนซือแนะนำว่าให้นักบวชสูงส่งสิบสองท่านจากวัดหนานหลัวมาร่ายคาถาหน่วงเหนี่ยวปีศาจบนร่างกายของเฟิงอวี้ จากนั้นก็กักขังเขาไว้ภายในชั้นบนสุดของเจดีย์เจิ้นเยา镇妖塔[2] หกโมงเช้าของทุกวันจะมีคนส่งอาหารและน้ำดื่มมาให้ ่ที่แสงตะวันแรงที่สุดในตอนเที่ยงก็จะใช้กระจกน้ำสวดมนต์ให้เขาโดยเฉพาะ หวังจะใช้พิธีกรรมทางธรรมมากำจัดปีศาจในใจเขา
สิ่งที่พวกเขาคิดคือหากว่าสามารถกำจัดปีศาจได้ พวกเขาก็จะปล่อยเฟิงอวี้ออกมา และยกเขาให้เป็เทพคุ้มครองประจำราชวงศ์เฟิง
ในนิยายกล่าวว่าเฟิงอวี้ถูกตัดสินว่าปีศาจในตัวถูกกำจัดแล้ว และสามารถออกจากเจดีย์เจิ้นเยาได้
แต่อันที่จริง คนทั้งหมดนั้นถูกด้านที่เป็ปีศาจหลอกเข้าให้ แม้กระทั่งตัวเฟิงอวี้เองก็รู้สึกว่าปีศาจในตัวถูกกำจัดแล้ว และเขาได้กลายเป็โพธิสัตว์อย่างสมบูรณ์
ทว่าในความเป็จริง กลับเป็ปีศาจของเขาที่กลืนกินิญญาน้อยใหญ่ในเจดีย์เจิ้นเยามาตลอดสิบห้าปี จนกลายเป็ราชันแห่งภูต และเมื่อถูกปล่อยออกมาก็เข้ายึดครองร่างนี้ เผาทำลายวัดหนาวหลัว แล้วต่อมาก็ก่อตั้งเผ่าิญญา เข้าบุกแก้แค้นราชสำนักเฟิง
หลังจากนั้นก็เป็่เปิดศึกา สุดท้ายองค์ชายเก้าอาศัยเพียงคำพูดลมปากปลุกเฟิงอวี้ที่ด้านดีงามให้ตื่นขึ้น ให้เขาปลิดชีพตัวเองเป็การไถ่โทษ ถึงกำจัดคนผู้นี้ได้ และได้มาซึ่งตอนจบอันสวยงาม
อวี๋มู่รู้สึกได้ว่าตอนจบเป็แบบขอไปที
ผู้แต่งเขียนเฟิงอวี้ได้ร้ายกาจเกินไป ทำให้ต่อมามีเพียงการปลิดชีพตัวเองถึงทำให้ตัวเอกได้รับชัยชนะ
อวี๋มู่นั่งอยู่ตรงมุม ยักคิ้วเอ่ยกับระบบ :ระบบ ตอนนี้ฉันรู้สึกสงสัยอยู่ลึกๆ ว่านายกำลังแกล้งฉัน
เขาเบ้ปากมองชุดเสื้อคลุมสีแดงตัวใหญ่ของตัวเอง : เฟิงอวี้ชอบกินิญญา ส่วนฉันก็คืออาหารของเขา นายให้ฉันรีบไปป้อนอาหารให้เขาถึงปาก เดาว่าคะแนนความประทับใจยังไม่ทันเต็ม ฉันก็คงถูกกินเสียก่อน
[โฮสต์ไม่ต้องกลัว ๆ เขามีด้านโพธิสัตว์ด้วยนี่นา! ยังน่าคบหาอยู่บ้างครับ!]
อวี๋มู่ : ไม่รู้ทำไม พอนายพูดแบบนี้ ฉันยิ่งรู้สึกไม่แน่ใจ
สถานการณ์ของเฟิงอวี้แบบนี้ หากว่าอยู่ในโลกปัจจุบัน คงเป็โรคไบโพลาร์ที่มีคนสองคนในร่างเดียว แต่นิสัยแตกต่างกันชัดเจนเพียงนี้
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ จากที่ระบุในนิยาย ด้านโพธิสัตว์ของเขานั้นไร้เดียงสาบริสุทธิ์มาก ส่วนด้านปีศาจนั้นก็เ้าเล่ห์เพทุบายอย่างมากเช่นกัน
เขากลัวว่าตัวเองจะถูกปีศาจเฟิงอวี้หลอกเข้าให้ ถึงตอนนั้นคงตายโดยไม่รู้สาเหตุด้วยซ้ำ
ตอนนี้เฟิงอวี้อายุสิบแปดปีบริบูรณ์ อีกสองปีก็จะถึง่หักมุม่ตอนจบของเื่
พอคิดๆ ดู เข้ามาั้แ่ห้าขวบ จนตอนนี้สิบแปดปี ก็เท่ากับว่าถูกกักขังมาแล้วสิบสามปี
ถ้าอย่างนั้นจะยังเหมือนคนปกติได้อยู่หรือ?
เขานึกถึงเว่ยจวินหยางขึ้นมาทันใด อวี๋มู่เคาะหัวตัวเอง รีบไล่ใบหน้าหมอนั่นออกไป ก่อนจะลุกขึ้นแล้วออกไปทางประตู
สถานที่ที่เขาและภูตผีน้อยสามตัวถูกขังไว้คือชั้นสามของเจดีย์เจิ้นเยา ส่วนเฟิงอวี้อยู่ชั้นสิบแปด
เขาแอบบ่นไปพลางเื่รูปแบบที่เหมือนกับนรกสิบแปดขุม เขาเลียบผ่านทางเดินไปหาบันได โดยตอนที่ออกจากประตูก็พบกับิญญาชายหญิงหลายตัว ซึ่งพอิญญาเ่าั้มองเห็นเขาก็ต่างปิดปากแอบหัวเราะคิกคัก
มีคนเยาะเย้ยเขา “พี่ิญญาพิศวาส นี่พี่จะไปลวนลามนักบวชน้อยนั่นอีกแล้วหรือ?”
“พี่ิญญาพิศวาสนี่หื่นกามไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ!”
“ขอให้โชคดีนะ เมื่อวานข้าได้ยินมาว่าิญญาชั้นสิบห้าอยากไปจับนักบวชน้อยนั่นกินเสีย แต่ผลคือพอเข้าชั้นสิบแปดไปแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ลงมาเลยนะสิ!”
“…”
ทำไมอวี๋่มู่ฟังคำพูดพวกนี้แล้วรู้สึกเสียดหู เมื่อเดินไปถึงชั้นห้า ในที่สุดเขาก็หยุดฝีเท้า แล้วยื่นมือออกไปเพื่อร่ายเวทมนตร์คาถาแบบง่ายๆ จนเกิดเป็กระจกน้ำใช้ส่องท่าทางของตัวเองในตอนนี้
จากนั้น เขาร้อนรนร้องหาระบบ
อวี๋มู่ : เ้าระบบ นายไม่ให้ฉันเป็คนฉันก็รับได้ ให้เป็ิญญาก็เป็ิญญา แต่ทำไมนายต้องให้ฉันกลายเป็ิญญาพิศวาสด้วย
สิ่งที่สะท้อนในกระจกคือร่างของชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมสีแดงตัวใหญ่บางเบา ผมเผ้าสยาย ผิวพรรณซีดขาว แม้หน้าตาจะไม่ได้เปลี่ยนอะไร แต่หางตาเรียวยาวกลับมีเครื่องสำอางป้ายอยู่เป็ชั้น ทำให้เขาดูแปลกประหลาด จะชายก็ไม่ชาย จะหญิงก็ไม่หญิง
อวี๋มู่เกลียดการแต่งกายแบบนี้ที่สุด รู้สึกว่าความเป็ชายแท้ของตัวเองถูกย่ำยี จึงไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกเซ็งขึ้นมา
[ิญญาพิศวาสแล้วทำไมครับ?] ระบบเอ่ยเสียงตื่นเต้น [นี่มันสวยมากเลย หน้าตาดูดีออก แล้วยังง่ายต่อการเข้าใกล้วายร้ายด้วยไม่ใช่หรือครับ? ]
อวี๋มู่ชะงัก พลันเบะปาก : นายรู้สึกว่าแบบนี้สวยอย่างนั้นเหรอ? ระบบ สายตานายน่าจะมีปัญหา อย่าลืมไปรักษานะ ถ้าจ่ายค่ารักษาไม่ไหว เดี๋ยวพี่ชายช่วยจ่ายให้นายเอง
[...]
แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่เื่ราวมาถึงขั้นนี้ที่เขาข้ามมิติมาแล้ว อวี๋มู่ก็หมดหนทาง
ในความเข้าใจของเขาคือ : ิญญาพิศวาสก็คือิญญามักมาก ซึ่งก็เท่ากับิญญาหื่นกาม
ทั้งที่ทัศนคติสามด้านของเขาออกจะเที่ยงตรง รสนิยมทางเพศก็ปกติเหมือนหนุ่มใหญ่ทั่วไป แต่ตอนนี้กลับมาเป็ิญญาหื่นกามน่าไม่อายที่มักมากในความงดงามของนักบวช
น่าขายหน้าจริงๆ
*
ิญญาในเจดีย์เจิ้นเยาชั้นที่หนึ่งนั้นอ่อนแอที่สุด และค่อยๆ ร้ายกาจขึ้นตามลำดับชั้น
ิญญาเองก็มีการแบ่งระดับชั้น และหลายครั้งที่ิญญาชั้นล่างมักจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปชั้นบน
หากพบกับิญญาชั้นสูงที่นิสัยไม่ดี ก็อาจจะถูกจับกินตรงนั้นก็เป็ได้
แต่โชคดีตอนที่อวี๋มู่ข้ามมิติมา ร่างเดิมก็มักจะคลุกคลีอยู่กับพวกิญญาชั้นสูงอยู่แล้ว จึงผ่านเข้าไปได้
เขาผ่านขึ้นมาถึงชั้นสิบแปดโดยไม่มีใครห้าม มองไปก็เห็นนักบวชที่นั่งขัดสมาธิอยู่ชั้นบนสุดใจกลางห้อง ท่าทางชะงักไปชั่วขณะจิต
หน้าต่างชั้นบนสุดมีม่านพลัง และต่างจากชั้นอื่นตรงที่ไม่ตัดขาดกับแสงสว่างจากดวงตะวัน
ขณะนี้ แสงสีทองอ่อนๆ สาดส่องเข้ามา มีส่วนหนึ่งที่ส่องเข้ากับเสื้อผ้าสีเทาบนตัวเฟิงอวี้ จนเห็นเป็แสงและเงา
ศีรษะของชายหนุ่มไม่มีเส้นผม เป็ศีรษะที่เกลี้ยงเกลาและตรงกลางมีปานรูปกลีบดอกไม้สีแดงจางๆ ดูไม่ค่อยเข้ากันกับบุคลิกท่าทางที่เงียบและนิ่งสงบ
มือขวาตั้งตรงอยู่ตรงหน้าอก ส่วนมือซ้ายถือประคำ ริมฝีปากกำลังขยับสวดมนต์พึมพำ เสียงนั้นทำให้อวี๋มู่ที่ไม่ได้อยู่ใกล้มากรู้สึกถึงความไม่สบาย
น่าจะกำลังท่องบทสวดมนต์
บทสวดปราบิญญา จึงเป็ปกติที่เขาจะไม่สบายตัว
เขามองดูเฟิงอวี้ที่เป็เช่นนี้แล้ว รู้สึกโล่งอก
ดูเหมือนเขาโชคไม่เลว คนคนนี้น่าจะเป็โพธิสัตว์ไม่ใช่ปีศาจ
บุคคลเป้าหมายปรากฏตัว เหนือหัวเฟิงอวี้มีข้อความอักษรปรากฏขึ้น : [เป้าหมายพิชิตใจ : เฟิงอวี้/หย่งอวี้ อายุ: 18 อาชีพ: นักบวช/องค์ชาย/ปีศาจ เริ่มต้นภารกิจ]
อวี๋มู่ยังนึกแปลกใจทำไมคำบรรยายของเฟิงอวี้ถึงมีหลากหลายประเภท แล้วก็เห็นบนศีรษะของชายหนุ่มมีแถบขึ้นมาสองแถว แถบคะแนนความประทับใจสีดำสองแถว!
โดยแบ่งเป็แถบบนกับแถบล่าง แถบละห้าดวง รวมทั้งหมดสิบดวง!
ความนิ่งเงียบผ่านไปนานสักพักใหญ่
อวี๋มู่แทบจะกัดฟันพูดกับระบบ : …ระบบ นี่มันอะไรกัน อธิบายมาหน่อยสิ
---------------------------------------------------------------------------------------------------
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] เทียนซือ天师 คือ นักทำนายชะตาแห่งราชสำนัก ทำหน้าที่ ทำนาย อ่านวิเคราะห์ดวงเมือง เหมือนโหราจารย์
[2] เจดีย์เจิ้นเยา镇妖塔 แปล 镇妖 หมายถึง เมืองปีศาจ 塔 หมายถึง เจดีย์ ซึ่งเจดีย์เจิ้นเยาในเื่ เป็สถานที่ที่ไว้ใช้กักขังภูตผีปีศาจและิญญา มีทั้งหมดสิบแปดชั้น