“ฮี่ๆ กุบกับๆ!”
เสียงร้องและเสียงเกือกม้าดังสนั่นไปถึงท้องฟ้า ทำให้พื้นดินสั่นไหวไม่หยุด ขณะเดียวกันฝูงชนก็สับสนวุ่นวาย ทุกคนต่างพากันถอยหลังอย่างบ้าคลั่ง เพียง่เวลาสั้นๆ ชาวบ้านที่มุงดูอยู่โดยรอบก็ถูกแทนที่ด้วยทหารม้าโลหิต
ในเวลาเดียวกันนั้น ด้านหลังของเวทีปะาก็มีทหารจากอาณาจักรเสวี่ยเยว่กรูเข้ามาเป็จำนวนมาก
แต่จู่ๆ กองกำลังทหารม้าโลหิตก็พากันหยุดนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้น ขณะจ้องมองไปยังร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนหน้าอกของหลิ่วชั่งหลัน นั่นมันอดีตผู้บังคับบัญชาการของพวกเขา จอมเืร้อนในสนามรบคนนั้น... ได้ตายแล้วอย่างนั้นหรือ?!
“วูบ!!!”
หอกในมือของเหล่าทหารม้าโลหิตถูกชูขึ้นไปบนท้องฟ้า ขณะที่ส่งเสียงกู่ร้องอย่างโกรธเกรี้ยว จนแม้แต่์ก็ต้องสั่นะเื ตอนนี้จิตใจของฝูงชนพลันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง กองกำลังทหารม้าโลหิตคือกองทัพที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ในกลุ่มพวกเขา บางคนสามารถเป็ผู้บัญชาการทหารของเมืองหลวงได้ หรือแม้กระทั่งกลายเป็ผู้บัญชาการหอกที่โดดเด่นของเสวี่ยเยว่
ทั้งๆ ที่มีความสามารถเก่งกาจขนาดนี้ แต่ทำไมในาถึงได้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงขึ้นมาได้? อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เหล่าทหารนับแสนคนต้องตกตายในา?
หลินเฟิงยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยท่าทางเคร่งขรึม ผู้บัญชาการทหารม้าโลหิตจิวชื่อเซวี่ยเป็ลูกผู้ชายที่แท้จริง
หลินเฟิงตวัดดาบในมืออย่างรวดเร็ว เพื่อตัดโซ่ที่พันธนาการร่างของหลิ่วชั่งหลันออก แต่ถึงอย่างนั้นหลิ่วชั่งหลันก็ยังยืนกอดศพของจิวชื่อเซวี่ยไว้ โดยไม่กล่าววาจากับใคร
“หลินเฟิง ที่แท้เ้าก็วางแผนก่อฏใช่ไหม? เ้านำกองทัพฏพวกนี้เข้าเมืองหลวงเพื่อชิงตัวหลิ่วชั่งหลันใช่ไหม? พวกแกมันสมควรตาย!!!”
ดวงตาของต้วนเทียนหลางฉายแววเ็าขึ้นมา ขณะจ้องเขม็งไปที่หลินเฟิง
“กองทัพฏ?” หลินเฟิงทวนคำพูดของต้วนเทียนหลาง ขณะที่ปรายตามองอีกฝ่ายด้วยแววตาเย็นะเื
“ฆ่ามัน!”
ทหารม้าโลหิตคนหนึ่งะโออกมาอย่างโกรธแค้น
“ฆ่ามัน!!!”
เสียงะโอันเกรี้ยวกราดดังสนั่นไปทั่ว์ เหล่าทหารม้าโลหิตกำหอกแน่น พลางปลดปล่อยจิตสังหารออกมา
“หยุดเดี๋ยวนี้!!!”
หลินเฟิงหันไปตวาดด้วยน้ำเสียงดุดัน ทันใดนั้นทุกคนก็นิ่งเงียบไป ทุกสายตาล้วนจ้องมองหลินเฟิงอย่างไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็หยุดการเคลื่อนไหวตามคำสั่งของหลินเฟิง
“หากข้าไม่ได้ออกคำสั่งล่ะก็ ห้ามใครลงมือโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นข้าจะเป็คนสังหารพวกเ้าด้วยมือของข้าเอง!!!”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า ทำให้จิตใจของเหล่าทหารม้าโลหิตพลันสั่นไหวขึ้นมา แต่เมื่อเห็นแววตาที่เด็ดเดี่ยวของหลินเฟิงแล้ว พวกเขาก็นิ่งเงียบอย่างเชื่อฟัง
“ล้อมเวทีเอาไว้”
เมื่อหลินเฟิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง เหล่าทหารม้าโลหิตก็รีบปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่รีรอ และควบม้าวิ่งออกไปทันที พริบตาเดียวเหล่าทหารม้าโลหิตก็ล้อมเวทีปะาทั้งหมดอย่างแ่า แม้แต่มดตัวเดียวก็เข้าไปไม่ได้
ตอนนี้หลินเฟิงได้กลายเป็เสาหลักของพวกเขาไปแล้ว ถึงแม้หลินเฟิงจะไม่ใช่ผู้บัญชาการ แต่ทุกคนก็ปฏิบัติตามคำสั่งด้วยความเต็มใจ
“เ้าต้องตาย”
ต้วนหานที่ยืนข้างๆ ต้วนเทียนหลางจ้องมองหลินเฟิงอย่างเกลียดชัง หลินเฟิงเป็ผู้นำฏ โทษของมันคือปะาชีวิต ต่อให้มันเป็วีรบุรุษของอาณาจักรก็ตาม แต่ด้วยข้อหานี้ มันจะไม่มีทางหนีพ้นโทษตายไปได้
หลินเฟิงปรายตามองต้วนหานด้วยสายตาเ็า ทำให้หัวใจของต้วนหานเต้นไม่เป็จังหวะก่อนจะรีบเม้มปากแน่น ทว่าหลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจต้วนหานมากนัก เขาก้าวเท้าขึ้นไปบนเวที
“เชิญองค์หญิงเสด็จ”
หลินเฟิงประกาศออกมาด้วยน้ำเสียงดังก้อง ทันใดนั้นกลุ่มคนที่สวมหน้ากากสำริดก็ค่อยๆ เปิดทาง ด้านหลังของพวกเขาปรากฏเงาร่างหนึ่งที่ควบม้าเข้ามาอย่างสง่างาม
หญิงสาวที่งดงามผู้นี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่สูงศักดิ์ นางคือต้วนซินเยี่ย องค์หญิงแห่งอาณาจักรเสวี่ยเยว่นั่นเอง
“องค์หญิง องค์หญิงเสด็จกลับมาแล้ว”
“หลินเฟิงบุกเดี่ยวไปที่อาณาจักรโม่เยว่เพื่อช่วยองค์หญิงกลับมา”
ใครบางคนในหมู่ฝูงชนคิดขณะจ้องมองเงาร่างอันงดงามเบื้องหน้า
ต้วนเทียนหลางหรี่ตาลง ไม่เพียงแต่หลินเฟิงจะกลับมาเท่านั้น แม้กระทั่งองค์หญิงก็กลับมาด้วย
“ทหารทุกคนทำความเคารพองค์หญิง”
หลินเฟิงกวาดสายตามองทหารทุกคน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจเจตนาของหลินเฟิง แต่พวกเขาก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งและะโออกมาพร้อมกันว่า “คารวะฝ่าา”
หลินเฟิงกวาดสายตามองเหล่าทหารที่ยืนอยู่รอบเวทีด้วยสายตาสงบ และกล่าวอย่างเ็าว่า “ทำไมกองทัพของต้วนเทียนหลางถึงไม่คารวะองค์หญิง? หรือว่าพวกเ้าไม่เห็นองค์หญิงอยู่ในสายตา?”
ต้วนเทียนหลางชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะะโออกไปทันทีว่า “ทำไมพวกเ้าถึงยังไม่คุกเข่าลง?!”
เหล่าทหารอาณาจักรเสวี่ยเยว่ต่างพากันปฏิบัติตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว พวกเขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วกล่าวคารวะองค์หญิงอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ต้วนเทียนหลางขอคารวะฝ่าา ในที่สุดองค์หญิงก็เสด็จกลับมาแล้ว นี่ถือได้ว่าเป็ข่าวดีที่สุดของอาณาจักรเลยทีเดียว”
ต้วนเทียนหลางกล่าวขณะโค้งคำนับและลดศีรษะลงเล็กน้อย
“ต้องยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับหลินเฟิง”
ต้วนซินเยี่ยกล่าวเสียงเรียบ ขณะที่จ้องมองต้วนเทียนหลางด้วยสายตาเ็า
เมื่อต้วนเทียนหลางได้ยินประโยคนี้แล้ว สีหน้าของเขาก็พลันแข็งทื่อ เขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี เนื่องจากเขาอยากให้หลินเฟิงตาย จึงได้กล่าวหาว่าหลินเฟิงเป็ผู้นำกองทัพฏ แต่ตอนนี้หลินเฟิงได้กลับมาพร้อมกับองค์หญิงอย่างปลอดภัย นับได้ว่าหลินเฟิงได้สร้างความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่
“สมแล้วที่เป็วีรบุรุษของอาณาจักร” ต้วนเทียนหลางเงยหน้าขึ้น ก่อนฝืนยิ้มออกมาและกล่าวว่า “แต่ถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะช่วยเหลือฝ่าา แต่เขาก็ได้ละเมิดกฎหมายด้วยการนำทัพฏเข้ามาในเมืองหลวง ข้อหานี้ไม่ใช่เื่เล็กๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ต้วนเทียนหลาง เ้ายังคงมุ่งมั่นกับการกล่าวโทษข้าไม่เปลี่ยนเลยนะ”
หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส ทำให้ต้วนเทียนหลางหน้าตึงไปชั่วขณะ “ผลงานก็คือผลงาน ความผิดก็คือความผิด มันต้องแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน ข้าต้วนเทียนหลาง เป็คนตรงไปตรงมา แล้วจะมีลับลมคมนัยได้อย่างไร?”
“เป็คนตรงไปตรงมา? ต้วนเทียนหลาง ไม่ได้เจอกันนานนับวันเ้ายิ่งหน้าด้านขึ้นเรื่อยๆ ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก”
หลินเฟิงกล่าวเยาะเย้ยเช่นนั้น ทำให้ผู้คนต่างต้องแข็งทื่อ คาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะดูถูกว่าต้วนเทียนหลางนั้นหน้าด้านและไร้ยางอาย นอกจากนี้เขายังเอ่ยต่อหน้าฝูงชนอีกด้วย
พื้นดินเริ่มสั่นะเือีกครั้งและมีเสียงดังมาจากที่ไกลๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนต่างประหลาดใจ พวกเขาจึงถอยหลังเพื่อหลีกทางอีกครั้ง ซึ่งเป็ไปตามที่หลายคนคาดไว้ เพราะกลุ่มคนที่มาใหม่คือองครักษ์ของเมืองหลวงจำนวนที่กำลังมา
ต้วนเทียนหลางรู้สึกดีใจ เพียงแค่ไม่นานเหล่าองครักษ์ก็มาถึงที่นี่
กองกำลังทหารม้าโลหิตที่อยู่รอบเวทีปะากำลังจะเคลื่อนไหว ทว่าหลินเฟิงกลับโบกมือเป็คำสั่งให้พวกเขาหยุด จากนั้นกองกำลังทหารม้าโลหิตก็อยู่ในความสงบในทันที
ขณะนั้นได้มีร่างเงาทั้งสองเดินออกมาจากกองทัพองครักษ์ หนึ่งในนั้นสวมชุดเกราะดูน่าเกรงขาม ส่วนอีกคนเป็ชายหนุ่มที่หล่อเหลา นั่นก็คือองค์ชายรองต้วนหวู่หยา
“เ้าสังหารเิกู่เฟิงและเิชง?!” แม่ทัพที่สวมเสื้อเกราะผู้นี้คือผู้บัญชาการองครักษ์เิหาน ซึ่งเป็พี่ชายของผู้บัญชาการรักษาความปลอดภัยของเมืองหลวง เิกู่เฟิง
“ขอรับ” หลินเฟิงกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“หืม?”
ต้วนเทียนหลางตกตะลึง หลินเฟิงสังหารเิกู่เฟิงและเิชง?
ภายในใจของต้วนเทียนหลางนั้นกำลังยิ้มอย่างขมขื่นขณะจดจ้องหลินเฟิงด้วยสายตาอึมครึม และกล่าวว่า “หลินเฟิง แม้เ้าจะช่วยองค์หญิงไว้ แต่กลับหยิ่งยโสขนาดนี้ อีกทั้งยังได้สังหารผู้บัญชาการที่รักษาความปลอดภัยของเมืองหลวง แล้วยังนำพวกฏบุกรุกเมืองอีก เกรงว่าคงจะมีเพียงความตายเท่านั้นที่สามารถลบล้างความผิดของเ้าได้”
หลังจากกล่าวจบ ต้วนเทียนหลางก็หันไปมองต้วนหวู่หยาแล้วกล่าวว่า “ได้โปรดองค์ชายตัดสินโทษของหลินเฟิงด้วยเถิด”
ต้วนหวู่หยามีใบหน้าสงบนิ่ง แม้กระทั่งมุมปากก็มีเพียงรอยยิ้มจางๆ จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “หลินเฟิง ต้วนเทียนหลาง้าลงโทษเ้า เ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่?”
“ขอรับ” หลินเฟิงพยักหน้าให้ต้วนหวู่หยาเล็กน้อย แล้วหันไปทางต้วนเทียนหลางและกล่าว “ต้วนเทียนหลาง เ้าอยู่ในกองทัพก็เพื่อจะสังหารข้าและยังก่อให้เกิดความวุ่นวายในกองทัพ ทำให้โม่เยว่เข้าบุกโจมตี ทำให้ทหารนับแสนต้องหลั่งเื และตอนนี้เ้ายัง้าลงโทษให้ข้าตาย ข้าไม่แปลกใจเลยจริงๆ...”
เมื่อสิ้นสุดเสียงของหลินเฟิงแล้ว ฝูงชนล้วนต้องสั่นสะท้าน ที่ต้วนเทียนหลางอยู่ในกองทัพก็เพื่อ้าสังหารหลินเฟิง และยังก่อให้เกิดความวุ่นวายในกองทัพ? แต่ทำไมข่าวลือที่พวกเขาได้ยินกลับกลายเป็หลิ่วชั่งหลันเป็คนก่อความไม่สงบ?
“ไร้สาระ องค์ชายขอรับ หลินเฟิงเป็คนทรยศ คำพูดของเขาไม่อาจเชื่อถือได้แม้แต่น้อย”
ต้วนเทียนหลางะโออกไปอย่างร้อนรน แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมรับได้ ซึ่งหลินเฟิงเองก็ทราบดีเช่นกัน
“ต้วนเทียนหลาง เ้าหาว่าข้าวางแผนก่อการฏและเป็คนทรยศ ข้าขอถามเ้า ว่าหลินเฟิงผู้นี้กลายเป็คนทรยศและไปวางแผนก่อฏตอนไหนกัน?”
หลินเฟิงถามต้วนเทียนหลางเสียงดังฉะฉาน
“เ้าวางแผนก่อการฏบุกรุกเมืองหลวง สังหารผู้บัญชาการเิกู่เฟิงรวมไปถึงเิชง เ้าล้อมเวทีปะาก็เพื่อช่วยคนบาปอย่างหลิ่วชั่งหลัน ทุกคนเองก็เห็นกับตา แค่นี้มันยังไม่เพียงพออีกหรือ?”
“หุบปาก!”
หลินเฟิงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ั์ตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ดูเหมือนเขากำลังโกรธเกี้ยวเป็ที่สุด ทันใดนั้นเขาได้ชี้ไปที่ทหารม้าโลหิต
“ต้วนเทียนหลาง ข้าขอถามเ้าว่า ที่พวกเขาต่อสู้เพื่อเสวี่ยเยว่ ต่อต้านกองทัพโม่เยว่จึงได้เผาเมืองและสังหารศัตรูไปนับแสน ท้ายที่สุดก็สามารถขับไล่ศัตรูไปได้ ในตอนนั้นเ้าอยู่ที่ไหนกัน? เ้าเป็ถึงเทียนหลางอ๋อง แต่กลับวิ่งหนีหางจุกตูดกลับมาที่เมืองหลวง เหมือนกับสุนัขบ้าที่กัดคนก็ไม่ปาน”
“และตอนนี้เ้าหาว่าพวกเขาเป็ฏ ข้าอยากถามเ้าว่า ฏพวกนี้ใครเป็คนตัดสิน? หรือว่าเป็เ้าเองหรือ ต้วนเทียนหลาง? หากเ้าหาว่าใครเป็ฏ คนนั้นก็เป็ฏอย่างนั้นหรือ?”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ทว่าวาจาของหลินเฟิงตอนนี้ราวกับกำลังข่มว่าตนเองเหนือกว่า ทำให้ต้วนเทียนหลางถึงกับหมดคำพูด ฝูงชนเองก็ต่างต้องตกตะลึง ใช่แล้ว… กองทัพเมืองต้วนเริ่นนั้น เพื่อสังหารศัตรูจึงต้องหลั่งเื ต่อสู้กับกองทัพโม่เยว่นับแสน ในท้ายที่สุดศัตรูต้องพ่ายแพ้ถอยทัพกลับไป ในตอนนั้นกองทัพของต้วนเทียนหลางไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ แล้วเขามีสิทธิ์อะไรถึงกล่าวหาว่าพวกเขาเป็ฏ?