พี่น้อง?
ชายชราประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกเขา ทันใดนั้นแววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็ชั่วร้าย
หลินเฟิงกับทาสคนนี้รู้จักกัน?! และดูเหมือนว่าจะไม่ได้รู้จักกันแค่ผิวเผินเสียด้วย!
เมื่อชายชราเห็นหลินเฟิงเดินเข้ามา ก็ทะยานร่างเข้าไปขวางหลินเฟิงทันที แล้วกล่าวว่า “ไม่ว่าเมื่อก่อนพวกเ้าจะมีความสัมพันธ์อะไรกัน แต่ตอนนี้เขามีตราทาสแล้ว เขาเป็ทาสของพวกเรา!!!”
“หากข้าประทับตราทาสบนหน้าเ้า เ้าก็กลายเป็ทาสใช่หรือไม่?”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า ทำให้ชายชราคนนั้นแสยะยิ้มออกมา “เ้าอยากตาย?”
“คนที่จะตายก่อนไม่ใช่พวกข้าอย่างแน่นอน”
กล่าวจบ ลมปราณที่เย็นเยือกก็ถาโถมไปที่ร่างชายชรา
“เหอะ! ช่างไม่รู้จักประมาณตัวเสียจริง!!!”
ชายชราหัวเราะออกมา ก่อนที่ร่างของเขาจะพุ่งเข้าหาหลินเฟิงราวกับพายุและตบฝ่ามือออกไป
“เคล็ดวิชาชักดาบ!”
ท่ามกลางลมปราณที่เย็นะเืเกิดแสงสว่างขึ้น หลินเฟิงชักดาบอ่อนออกมา แล้วะเิพลังที่แข็งแกร่ง เคล็ดวิชาชักดาบคือการสังหารคนในดาบเดียว
แต่ชายชราไม่สนใจการโจมตีของหลินเฟิง เขาตบฝ่ามือออกไปอีกครั้งเพื่อชะลอคลื่นดาบ จากนั้นอาศัยช่องว่างของคลื่นดาบพุ่งไปซัดฝ่ามือเข้าที่อกของหลินเฟิง
“อ๊าก!”
ร่างของหลินเฟิงปลิวไปกระแทกกับผนังลานประลองจนกระอักเืออกมา ทั่วร่างสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง
“ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7!”
ฝูงชนพากันตกตะลึง ชายชราคนนี้แข็งแกร่งมาก เขาบรรลุขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7 แล้ว เมื่อเทียบกับหลินเฟิงที่เพิ่งบรรลุขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 นับว่ายังห่างชั้นอยู่มาก หลินเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!!!
ท่ามกลางสายตาของฝูงชน หลินเฟิงยันตัวลุกขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าหาชายชรา ก่อนจะปลดปล่อยลมปราณที่เย็นะเืออกมาอีกครั้ง
บรรยากาศในลานประลองเต็มไปด้วยจิตสังหารและลมปราณที่เย็นเยือก
“เ้าเป็คนที่มีพร์และมีอนาคต แต่น่าเสียดายที่ดันรนหาที่ตาย ข้าเองก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะช่วยสงเคราะห์เ้า”
ชายชรากล่าวเมื่อเห็นหลินเฟิงพุ่งมาหา “เป็แค่ผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 แท้ๆ แต่คิดจะมาสังหารข้า?! ช่างเพ้อเจ้อจริงๆ”
“ไม่จำเป็ต้องสังหารมัน แค่ประทับตราทาสลงบนตัวมันแล้วฝึกให้มันกลายเป็อสูร จะดีกว่าถ้ามันเป็ทาสอยู่ที่นี่จนตาย!!!”
ตอนนี้เองไป๋เจ๋อที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พูดแทรกขึ้นมา ทำให้ชายชราชะงักไปชั่วขณะ แล้วหันมากล่าวประจบว่า “นายน้อยช่างฉลาดจริงๆ นี่เป็ความคิดที่ดีมาก! เขาแข็งแกร่งกว่าอสูรหานเสียอีก ถ้าฝึกจนกลายเป็อสูรล่ะก็ คงทำเงินให้กับพวกเราได้ดีทีเดียว”
“จัดการซะ” ไป๋เจ๋อกล่าวขณะจ้องมองหลินเฟิงอย่างชั่วร้าย
หลินเฟิงไม่แม้แต่จะมองไป๋เจ๋อ เขายังคงพุ่งไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ทุกๆ ก้าวเต็มไปด้วยจิตสังหารพลุ่งพล่าน
“อ๊าก!!!” หานหมานคำรามราวกับสัตว์อสูร ร่างของเขาสั่นเทิ้มอย่างบ้าคลั่ง แต่ทว่าชายวัยกลางคนก็กระชากโซ่ที่คล้องคอเขาไว้แน่น ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ชายชราโจมตีหลินเฟิงอีกครั้ง ทำให้ร่างของหลินเฟิงปลิวไปกระแทกกับผนังลานประลองอีกครั้ง พร้อมกระอักเืออกมา
เหมือนที่ชายชราได้กล่าวไว้ หลินเฟิงแข็งแกร่งก็จริง แต่เขาก็อยู่แค่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 ไม่มีทางสู้กับผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7 ได้
ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7 ถือได้ว่าเป็ผู้ที่แข็งแกร่งในขอบเขตแห่งจิติญญาแล้ว!!!
เมื่อหลิ่วเฟยและคนอื่นๆ เห็นร่างของหลินเฟิงถูกซัดกระเด็นออกมา ทำให้พวกเขาต่างลุกขึ้นยืน และตรงไปยังลานประลองเชลยทันที
“ช้าก่อน!”
เวิ่นอ้าวเสวี่ยขวางทางพวกเขาไว้
“อย่าขวางทางข้า” หลิ่วเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า ทำให้เวิ่นอ้าวเสวี่ยยิ้มออกมาด้วยท่าทางขมขื่น
“หลินเฟิงไม่มีทางชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ได้ หากพวกเ้าเข้าไปก็มีแต่จะไปตายเท่านั้น”
“อย่าขวางทางข้า!” หลิ่วเฟยไม่สนใจสิ่งที่เวิ่นอ้าวเสวี่ยกล่าว นางยังคงยืนยันหนักแน่น
“ข้าจะไปเอง” เวิ่นอ้าวเสวี่ยกล่าว ก่อนที่ร่างของเขาจะกลายเป็เงาสีขาวพุ่งไปยังลานประลอง เมื่อมาถึงลานประลองเชลย เขาก็ไม่รีบร้อนเข้าไปช่วยหลินเฟิงทันที แต่กลับยืนอยู่ทางเข้าลานประลองแทน เขารู้สึกว่าหลินเฟิงไม่มีทางตายง่ายๆ แบบนี้แน่
เมื่อเห็นหลินเฟิงลุกขึ้นมาโจมตีอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ทำให้เวิ่นอ้าวเสวี่ยรู้สึกประทับใจในการกระทำของหลินเฟิงเป็อย่างมาก เพื่อเพื่อนแล้ว ชายคนนี้สามารถทำได้ทุกอย่าง!!!
พั่วจวินก็ััได้เช่นกัน แม้ว่าจะถูกประทับตราทาสลงบนหน้า แต่เพื่อนก็คือเพื่อน ไม่ว่าเพื่อนจะเป็อะไร แต่พวกเขาก็ยังเป็เพื่อนกัน! คนแบบนี้สิถึงคู่ควรได้รับความเคารพจากทุกคน!!!
ดวงตาของหลินเฟิงกลายเป็ดำสนิท เขาเดินตรงไปข้างหน้าช้าๆ ภายในใจของเขาไม่มีความรู้สึกหรืออารมณ์ใดๆ มีเพียงความความคิดที่จะทำลายอีกฝ่ายให้ตายไปข้างหนึ่ง!!!
“ตายซะ!”
หลินเฟิงะโออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ก่อนที่กระบวนท่าดาบแห่งความตายจะพุ่งทะยานออกมา หมอกแห่งความตายสีเทาถาโถมไปที่ชายชราคนนั้น
“นี่คงจะเป็ท่าไม้ตายของเ้าแล้วสินะ?”
ชายชรากล่าวขณะหัวเราะเยาะ ก่อนจะซัดฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปอย่างต่อเนื่อง ฝ่ามือเหล่านี้ล้วนทำลายหมอกแห่งความตายไปเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็ก็สลายหายไป แต่ถึงอย่างนั้นหลินเฟิงก็ไม่หยุดอยู่แค่นี้ เขาอาศัยจังหวะที่ชายชรากำลังทำลายหมอกแห่งความตาย แทงเข้าไปที่ร่างของชายชราทันที แต่ทว่าก็ถูกฝ่ามือของชายชราปัดดาบจนกระเด็นหลุดมือ
“เ้าพยายามไปเพื่ออะไรกัน?”
ชายชราเหยียดยิ้มมุมปากอย่างดูแคลน
“ลาก่อน!”
ถึงแม้ว่าดาบจะกระเด็นหลุดมือไปแล้ว แต่หลินเฟิงก็ยังพุ่งมาด้านหน้าเขา ก่อนจะเปลี่ยนฝ่ามือของตนให้กลายเป็ดาบและฟันไปที่ร่างชายชรา
“หาที่ตาย!”
ชายชรากล่าวพร้อมรอยยิ้มเ็าตรงมุมปาก เพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็สามารถทำลายการโจมตีของหลินเฟิงได้อย่างง่ายดาย มิหนำซ้ำฝ่ามือของชายชรายังทะลวงการโจมตีของหลินเฟิง และกระแทกที่อกของหลินเฟิง ทำให้หลินเฟิงกระอักเืออกมา
แต่อย่างไรก็ตามหลินเฟิงได้จับแขนของชายชราไว้แน่น เพื่อไม่ให้เขาถอยหนี การกระทำของเขาทำให้ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความใ
“เขากำลังจะทำอะไร?”
การกระทำของหลินเฟิงเป็การรนหาที่ตายชัดๆ!!!
ดูเหมือนว่าจะมีาแขนาดใหญ่บนหน้าอกของหลินเฟิง และเพราะการโจมตีเมื่อครู่ของชายชราทำให้หน้าอกของหลินเฟิงปรากฏรูปฝ่ามือที่น่ากลัวขึ้นมา
แต่หลินเฟิงก็ยังไม่ปล่อยแขนของชายชรา เขาบีบแขนของชายชราไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้างของเขา
สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่หลินเฟิง คนคนนี้บ้าไปแล้ว หากยังดื้อดึงเช่นนี้ต่อไป เขามีสิทธิ์ตายได้!!! ทำไมถึงยังไม่ปล่อยมือของชายชราคนนั้น หลินเฟิง เ้าหมอนี่อยากตายจริงๆ ใช่ไหม!!!
เืบางส่วนของหลินเฟิงกระเด็นไปโดนหานหมาน ทำให้เขาหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง
ทันใดนั้นฝุ่นละอองที่อยู่ใต้ร่างของหานหมานเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมา แผ่นดินพลันสั่นะเื พร้อมกับดวงตาสีแดงที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป
ในไม่ช้า ดวงตาของหานหมานก็กลายเป็สีเหลืองน้ำตาลคล้ายกับดิน ในดวงตาคู่นี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชังยากจะอธิบายได้
“อ๊าก!!!”
เสียงคำรามราวกับสัตว์ร้ายดังออกมาจากปากของหานหมาน พื้นดินเริ่มสั่นไหวรุนแรงมากขึ้น พร้อมกับพายุก่อตัวขึ้นมา ฝุ่นทรายบนพื้นดินพลันลอยขึ้นมาในอากาศอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีทรายปกคลุมไปทั่วร่างกายของหานหมาน
ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนหลังของหานหมานเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น?”
ชายวัยกลางคนส่งเสียงะโ เมื่อเห็นฝุ่นทรายลอยขึ้นมา
ทันใดนั้นเอง โซ่ตรวนที่ล่ามหานหมานไว้ก็แตกกระจายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ชายชรากับหลินเฟิงที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้น เริ่มสังเกตเห็นเหตุการณ์แปลกๆ นี้ พวกเขาหันไปมองด้านข้าง ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ
“หืม?”
ชายชราเริ่มรู้สึกประหลาดใจ เมื่อหนังตาของเขาเริ่มกระตุก
“จิติญญาแห่ง์!”
ทันใดนั้นดวงตาสีเทาของหลินเฟิงก็เปล่งประกายเจิดจ้าดุจพระอาทิตย์ขึ้นมา
ั้แ่ที่จิติญญาแห่ง์ได้ตื่นขึ้นมา หลินเฟิงไม่เคยใช้พลังของมันเลย และนี่เป็ครั้งแรกที่เขาจะใช้มัน!
ประกายแสงสว่างที่เจิดจ้า ทำให้ชายชรารีบหลับตาลงและถอยออกมา เขาพยายามจะซัดฝ่ามือออกไปอีกครั้ง โดยหวังว่าหลินเฟิงจะกระเด็นออกไปเหมือนทุกครั้ง แต่ทว่าหลินเฟิงยังคงจับแขนเขาไว้อยู่
เมื่อหลินเฟิงไม่ยอมปล่อยให้เขาถอย ชายชราก็กระโจนขึ้นไปในอากาศโดยดึงหลินเฟิงขึ้นมาด้วย
“เงา… สังหาร!”
หลินเฟิงพูดพึมพำออกมา ทุกการเคลื่อนไหวของชายชราคนนี้ล้วนตกอยู่ในดวงตาแห่ง์
ในเวลาเดียวกันร่างของหลินเฟิงก็กลายเป็เงา ก่อนที่ลมปราณอันเย็นะเืจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกับหยาดโลหิตที่สาดกระจายในอากาศ
“เงานั่นมัน!”
ฝูงชนพากันตัวสั่นขึ้นมา พวกเขาเห็นร่างของชายชรากับหลินเฟิงหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่ทว่าด้านหลังของหลินเฟิงกลับไร้ซึ่งเงาของตัวเอง นั่นมันเงาสังหาร!
“เพียงเพราะเ้าแข็งแกร่งกว่า ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะสังหารเ้าไม่ได้!”
น้ำเสียงเฉยชาดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ ทันใดนั้นเืก็ทะลักออกมาจากลำคอของชายชราอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่ร่างของเขาจะตกลงสู่พื้น!!!