เนื่องจากหมี่หลันเยว่เป็นักเรียนใหม่ชั้นปีที่ 1 เธอจึงต้องมารายงานตัวที่โรงเรียนล่วงหน้าหนึ่งวัน ทางโรงเรียนจะออกข้อสอบเพื่อทดสอบนักเรียนใหม่เหล่านี้ เพื่อพิจารณาจัดห้องเรียนให้เหมาะสม ไม่อย่างนั้น เด็กหัวดีจะถูกจัดให้อยู่ในห้องเดียวกันหมด แล้วเด็กที่ไม่เอาไหนก็จะถูกจัดให้อยู่ในห้องเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ห้องเรียนวุ่นวาย
ดังนั้นในวันที่ 31 สิงหาคม หมี่หลันเยว่จึงสะพายกระเป๋าเป้ใบเล็กที่แม่ของเธอเตรียมไว้ให้ ไปโรงเรียนอย่างเป็ทางการกับพ่อและพี่ชายของเธอ พี่ชายของเธอมาโรงเรียนวันนี้เพื่อนำเพื่อนร่วมชั้นทำความสะอาด เพราะเขาเป็หัวหน้าห้อง ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็ผู้นำ การมาโรงเรียนล่วงหน้าหนึ่งวันจึงเป็สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในการสอบเข้าวันนั้น หมี่หลันเยว่ก็คว้าคะแนนเต็มไปได้อย่างง่ายดาย ครูอาจารย์ต่างก็ประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเกี่ยวข้องกับการจัดห้องเรียน ดังนั้นข้อสอบจึงออกมายากสักหน่อย ซึ่งเป็จุดที่ยากสำหรับชั้นปีที่ 1 แต่หมี่หลันเยว่คนนี้กลับตอบถูกทั้งหมด กลายเป็นักเรียนใหม่เพียงคนเดียวที่ได้คะแนนเต็ม
ครูอาจารย์ต่างตื่นเต้นกันมาก ทุกคนรู้ดีว่านี่คือลูกสาวของผู้อำนวยการหมี่ของโรงเรียน ไม่คิดเลยว่าเธอจะฉลาดขนาดนี้ พวกเขาจึงอยากรู้อยากเห็นและออกข้อสอบที่ยากขึ้นอีกเล็กน้อยให้เธอทำ เธอก็ยังคงตอบถูกทั้งหมด ดังนั้นในวันแรกที่หมี่หลันเยว่เข้าโรงเรียน เธอก็ได้เข้าไปในห้องเรียนของพี่ชายของเธอ
หมี่หลันหยางที่กำลังนำเพื่อนร่วมชั้นทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เห็นน้องสาวสะพายกระเป๋าเป้ยืนอยู่หน้าห้องเรียนของเขา คิดว่าน้องสาวคงแบ่งห้องเรียนเสร็จแล้วและได้พักก่อน เขาจึงรีบเดินไปหาน้องสาว รับกระเป๋าเป้ใบเล็กของเธอมา แล้วพาน้องสาวเข้าไปในห้องเรียน หาเก้าอี้ที่สะอาดให้นั่ง
"น้องสาว นั่งรอก่อนนะ พี่จะทำงานตรงนี้ให้เสร็จเร็วๆ เราจะได้กลับบ้านด้วยกัน"
หมี่หลันหยางพูดพลางหยิบไม้ถูพื้นขึ้นมาทำงานต่อ โดยไม่ได้คุยกับน้องสาว
"พวกเธอสอบกันเร็วจังนะ เร็วกว่าพวกเราทำความสะอาดอีก"
หมี่หลันเยว่ก็หัวเราะเบาๆ เสียงของเธอใสกระจ่าง ทำให้ผู้คนรอบข้างหันมาสนใจได้อย่างง่ายดาย เพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ได้สังเกตเห็นเธอเข้ามาเมื่อครู่ ตอนนี้ก็เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ สวมชุดกระโปรงลายดอกไม้ ยิ้มแย้มแจ่มใส
ต้องบอกว่าหวังหย่วนฉิงมีความชอบลายดอกไม้เล็กๆ มาก และเมื่อหมี่หลันเยว่ถูกแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงลายดอกไม้เล็กๆ แบบนี้ แถมยังมีผมเปียสองข้างที่มัดด้วยหนังยางสีเดียวกัน ทำให้เธอมีกลิ่นอายความสดใสเหมือนหลุดออกมาจากในการ์ตูน
"หลันเยว่ มาแล้วเหรอ?"
มีเพื่อนร่วมชั้นสองคน เคยไปดูหนังสือที่แผงหนังสือของหลันหยางและหลันเยว่มาก่อนแล้ว จากนั้นก็ย้ายไปที่ ‘ร้านหนังสือริมทาง’ ของครอบครัวหมี่ พวกเขาจึงคุ้นเคยกับหมี่หลันเยว่เป็อย่างดี
"พี่ต้าเผิง พี่หย่งจิ้น สวัสดีค่ะ!"
เมื่อเห็นหมี่หลันเยว่ทักทายเพื่อนร่วมชั้นอย่างกระตือรือร้น เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ก็อิจฉาและอยากเข้าไปพูดคุยกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักคนนี้
"น้องสาว เธอเป็ใครเนี่ย ทำไมถึงมาอยู่ห้องเรา?"
ถึงแม้ว่าหมี่หลันเยว่จะตัวสูงกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่เธอก็ยังเด็กกว่าเด็กพวกนี้ถึงสองสามปี เห็นได้ชัดว่าเธอเตี้ยกว่ามาก ดังนั้นจึงมีคนทักทายเธอว่าน้องสาวอย่างเป็กันเอง
"เห็นหัวหน้าห้องพาน้องเข้ามาไหมล่ะ แน่นอนว่าเป็ครอบครัวของหัวหน้าห้องสิ"
คนที่เห็นหมี่หลันหยางพาน้องเข้ามา รีบตอบคำถามแทน หมี่หลันเยว่ก็ยิ้มๆ ฟังพวกเขาพูดคุย เด็กๆ น่ารักแบบนี้แหละ ไม่รู้จักการปิดบัง สามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้อย่างเป็ธรรมชาติ
"อ๋อ เป็น้องสาวของหัวหน้าห้องนี่เอง"
หลินเผิงเฟยและเฉียนหย่งจิ้นพยักหน้าพร้อมกัน
"ใช่แล้ว เป็น้องสาวของหลันหยาง น่ารักมาก แถมยังเก่งอีกด้วย"
เมื่อได้ยินเด็กเล็กๆ ชมตัวเอง หมี่หลันเยว่ก็รู้สึกแปลกๆ ในใจ เธอจึงก้มลงมองรูปร่างเล็กๆ ของตัวเอง เฮ้อ ก็ช่วยไม่ได้ ตัวเธอเล็กเกินไป อายุแค่หกขวบ เมื่อไหร่จะโตสักที
"หลันเยว่ ได้อยู่ป.1 ห้องไหนเหรอ ถ้ามีใครมารังแก ก็มาหาพี่ที่ห้องนะ พี่จะไปช่วยซัดพวกมันให้"
หลินเผิงเฟยโบกกำปั้นเล็กๆ ของเขา กำปั้นไม่ใหญ่ แต่ทำให้หมี่หลันเยว่รู้สึกซาบซึ้ง
"พี่ต้าเผิง หนูไม่ได้อยู่ป.1 เพราะงั้น..."
หมี่หลันเยว่ขายปริศนา พูดเพียงครึ่งเดียว ทำให้คนอยากรู้อยากเห็น
"เพราะงั้นอะไร?"
เด็กผู้ชายนี่นา ใจร้อนจริงๆ
"เพราะงั้นไม่ต้องเป็ห่วงหนูหรอก ไม่มีใครกล้ารังแกหนูที่ห้องป.1 หรอก"
หมี่หลันเยว่รู้สึกสนุกกับการแกล้งเด็กผู้ชายแบบนี้ เพียงแต่ว่า...รู้สึกผิดเล็กน้อย
"สอบไม่ผ่านเหรอ?"
เฉียนหย่งจิ้นเกาหัวด้วยความไม่เข้าใจ
"ไม่น่าเป็ไปได้นี่นา เธอฉลาดขนาดนี้ บางทีหลันหยางยังมาถามคำตอบจากเธอเลยนี่นา เธอจะสอบไม่ผ่านได้ยังไง"
บางครั้งหมี่หลันหยางจะทำการบ้านในร้านหนังสือ ในตอนที่เตรียมตัว เขามักจะมาถามน้องสาวเสมอ เพราะน้องสาวได้เรียนรู้เนื้อหาของป.3 ด้วยตัวเองแล้ว ความสามารถในการทำความเข้าใจและความสามารถในการเตรียมตัวของเธอ หลันหยางยอมแพ้เลย ดูเหมือนว่าน้องสาวจะถือหนังสือไปให้แม่ช่วยอธิบายได้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ดังนั้นเมื่อได้ยินเฉียนหย่งจิ้นบอกว่าเธอสอบไม่ผ่าน เขาจึงไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด เพียงแต่ว่าเธอไม่ได้เข้าชั้นป. 1 หมายความว่ายังไง? ไม่ได้เข้าร่วมการสอบ เป็ไปไม่ได้นี่นา คนก็มาแล้ว จะพลาดไปได้ยังไง ทันใดนั้น ในหัวของเขาก็แวบขึ้นมาถึงคำตอบที่ไม่น่าเชื่อ แต่ก็สมเหตุสมผล
"หลันเย่ว เธอ...ข้ามชั้นเหรอ?"
พี่ชายยังฉลาดกว่า หมี่หลันเยว่ชูนิ้วโป้งให้พี่ชาย เป็การให้กำลังใจ สมองของคนครอบครัวหมี่ ไม่มีใครได้มาง่ายๆ หรอก
"ข้ามชั้นจริงๆ เหรอ?"
ถึงแม้จะเดาได้แล้ว แต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อ หมี่หลันเยว่เคยได้ยินว่ามีนักเรียนข้ามชั้น แต่โดยทั่วไปแล้วจะเป็นักเรียน ป.2 หรือ 3 ไม่เคยได้ยินว่าไม่ต้องเรียนชั้นป. 1 แล้วข้ามไปชั้นป. 2 เลย
"ฉันว่าแล้ว หลันเยว่ฉลาดขนาดนี้ จะสอบไม่ผ่านได้ยังไง ที่แท้ก็ไม่ใช่สอบไม่ผ่าน แต่สอบได้ดีเกินไปต่างหาก"
เพราะรู้จักหมี่หลันเยว่ก่อนเพื่อนคนอื่นๆ ในจิตใต้สำนึกของเฉียนหย่งจิ้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหมี่หลันเยว่จึงใกล้ชิดกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ดังนั้น เมื่อได้ยินว่าหมี่หลันเยว่ข้ามชั้นโดยตรง เขาก็รู้สึกเป็ภูมิใจไปด้วย
"ข้ามชั้น ไม่ต้องเรียนชั้นป. 1 เหรอ?"
สำหรับนักเรียนประถมที่เพิ่งขึ้นป. 2 นี่เป็สิ่งที่น่าอิจฉาจริงๆ ถ้าตัวเองสามารถข้ามชั้นได้บ้างก็จะดี คงจะเท่น่าดู
คนจำนวนมากพูดกันเซ็งแซ่ ทำให้หมี่หลันเยว่ไม่รู้ว่าจะตอบใครดี สุดท้ายก็ทำได้เพียงเงียบๆ ฟัง รอจนพวกเขาไม่พูดกันแล้วค่อยตอบพวกเขาเอง การดูพวกเขาพูดกันเองก็สนุกดี
หมี่หลันหยางฟังเสียงเซ็งแซ่ที่ดังอยู่ข้างหู เขาจึงเข้าไปใกล้น้องสาวและถามเสียงเบาว่า
"ข้ามชั้นจริงๆ เหรอ?"
หมี่หลันเยว่พยักหน้า ถึงแม้ว่าข้างในจะเป็ผู้ใหญ่แล้ว แต่สำหรับความภูมิใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ชาติที่แล้วไม่กล้าแม้แต่จะคิด หมี่หลันเยว่ก็ยังรู้สึกมีความสุขเล็กน้อย
การคาดเดาของหมี่หลันหยางได้รับการยืนยันจากปากของน้องสาว เขาต่างหากที่เป็คนที่รู้สึกภูมิใจไปด้วย
"แล้วได้อยู่ห้องไหน ห้องนี้เหรอ?"
หมี่หลันเยว่พยักหน้า หมี่หลันหยางก็ดีใจ คราวก่อนได้เรียนด้วยกันครั้งหนึ่ง คราวนี้ชั้นประถมก็จะได้เรียนกับน้องสาวอีกแล้ว
เด็กๆ ส่งเสียงดังอีกพักหนึ่ง หมี่หลันหยางก็เร่งให้พวกเขารีบทำความสะอาดที่เหลือให้เสร็จ เขาอยากจะไปหาพ่อใจจะขาดแล้ว ไม่รู้ว่าพ่อรู้ข่าวดีนี้หรือยัง หมี่หลันเยว่คิดว่าพ่อคงไม่เห็นด้วยที่เธอจะข้ามชั้นเร็วขนาดนี้
แน่นอนว่า สำหรับการที่ลูกสาววัยหกขวบ ขึ้นชั้นป. 2 ได้โดยตรง หมี่จิ้งเฉิงไม่เห็นด้วย ยังไงซะ ลูกสาวก็ยังเล็กเกินไป การมาโรงเรียนในวัยนี้เขาก็รู้สึกว่าเร็วไปหน่อยแล้ว ถ้าจะต้องข้ามชั้นอีก ลูกจะต้องแบกรับแรงกดดันมากแค่ไหน จะเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า
หมี่จิ้งเฉิงไปหาครูที่ช่วยให้ลูกสาวข้ามชั้น เขาคิดไม่ถึงเลยว่าครูของโรงเรียนจะไม่บอกเขา และจัดลูกสาวไปอยู่ชั้นปีที่ 2 โดยตรง เื่นี้เกี่ยวข้องกับการทำทะเบียนนักเรียน ยังไงซะก็ต้องให้เขาประทับตราจึงจะมีผล ครูคนนี้ช่างทำตามอำเภอใจเสียจริง
แต่เมื่อหมี่จิ้งเฉิงไปหาครูคนนี้ ครูที่เคยสอบหมี่หลันเยว่ด้วยตัวเองก็เกลี้ยกล่อมเขาว่า
"ผู้อำนวยการหมี่ ถ้าหลันเยว่ฉลาดธรรมดาก็ว่าไปอย่าง ฉันใช้เนื้อหาของป.3 มาสอบ เธอก็ยังทำได้ แล้วคุณจะให้เธออยู่ที่ป.1 ได้ยังไง นอกจากจะเสียเวลาของเด็กแล้ว จะมีประโยชน์อะไรอีก?"
คำพูดนี้ทำให้หมี่จิ้งเฉิงพูดไม่ออก เขาก็รู้ว่าลูกสาวของเขาได้เตรียมบทเรียนของชั้นป.3 แล้ว แต่เพราะปกติคนที่สอนลูกสาวคือหวังหย่วนฉิง ภรรยาของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าลูกสาวของเขาได้เรียนรู้เนื้อหาทั้งสามปีนี้แล้วจริงๆ คิดว่าเธอแค่ผ่านๆ ไป
"คุณคงไม่รู้ว่าหลันเยว่ของบ้านคุณได้เรียนเนื้อหาของชั้นป.3 แล้วใช่ไหม?"
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของผู้อำนวยการหมี่ ครูคนนี้ก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย
"ดูแล้วคุณคงดูแลลูกน้อยที่บ้านน้อยมาก แน่นอนว่าภรรยาคุณเป็คนดูแล แต่ภรรยาคุณดูแลก็สมเหตุสมผลแล้ว เธอเป็ครูที่ได้รับรางวัลครูดีเด่นประจำปี ทุกปีเลยนะ"
หมี่จิ้งเฉิงไม่มีอารมณ์มาชมภรรยาในตอนนี้ สิ่งที่เขาเป็ห่วงตอนนี้คือเื่ของลูก
"คุณคิดจริงๆ เหรอว่าหลันเยว่อยู่ชั้นป. 2 ไม่มีปัญหา?"
เขาไม่อยากให้ลูกเหนื่อยเกินไปจริงๆ ถ้าหลันเยว่อยู่ห้องเดียวกับพี่ชายของเธอ ก็จะมีอายุห่างกันถึงสามปี
"แน่นอนค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะหลันเยว่อายุยังน้อยเกินไป ฉันคงอยากให้เธอขึ้นชั้น ป. 3 แล้ว คะแนนก็เห็นๆ กันอยู่ ให้เธอมาอยู่ในชั้นปีที่ต่ำกว่าก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฉันถามเธอแล้ว เธอก็เรียนรู้บทเรียนใหม่ๆ อยู่เสมอ ฉันดูแล้ว ลูกสาวของคุณคงไม่รอถึงสองปี ก็คงจะจบประถมแล้วล่ะ"
เื่นี้เป็ไปไม่ได้เด็ดขาด จะกลายเป็คนแปลกประหลาดไป หมี่จิ้งเฉิงตัดสินใจในใจทันที ข้ามไปชั้นหนึ่งก็ข้ามไปแล้ว ต่อไปจะต้องไม่ให้ลูกสาวข้ามชั้นอีก แรงกดดันทางจิตใจต่อเด็กมากเกินไป ให้เธอค่อยๆ เติบโตแบบนี้ก็ไม่เห็นจะเป็อะไร
"ขอบคุณครับ ในเมื่อคุณคิดว่าหลันเยว่ยังไหว ก็ให้เธอเรียนลองดูก่อน ถ้าไม่ไหว ก็ให้เธอกลับมาเรียนในห้องคุณ"
หมี่จิ้งเฉิงเตรียมป้องกันไว้ก่อนแล้ว ถ้าลูกสาวไม่ปรับตัวเข้ากับชั้นป. 2 ก็ให้เธอกลับมาเริ่มต้นใหม่
"เื่นี้คุณไม่ต้องเป็ห่วงเลย ฉันรับประกันได้เลยว่าลูกสาวของคุณไม่มีปัญหาแน่นอน"
หมี่จิ้งเฉิงเดินจากไปด้วยทัศนคติที่แน่วแน่ของครูคนนั้น ครูเองก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย ถ้าเด็กคนนี้อยู่ในห้องของเขา ก็จะเป็ผลงานของเขาด้วย แต่จะให้เอาผลประโยชน์ส่วนตัวมาทำให้เด็กเสียโอกาสก็ไม่ได้