ตอนนี้ กู่ไห่กำลังยืนควบคุมกระดานหมากล้อมอยู่หน้าตำหนักเต่าั บังคับกลไกของค่ายกลด้วยหินิญญา และพลังชี่ต้นกำเนิดของตน
เื้ัมีเกาเซียนจือ ซ่างกวนเหิน และฮวางบูยืนอยู่อย่างสงบ
“ความโลภนำมาซึ่งหายนะ! น่าเสียดาย!” กู่ไห่ทอดถอนใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวนของผู้บุกรุก ดังจากทั่วบริเวณ
“นายท่านไม่จำเป็ต้องสงสารพวกเขา ผู้บุกรุกในวันนี้ ส่วนใหญ่เป็โจรจากทะเลพันเกาะ อาชญากรในหุบเขาคนโฉดของเรา โดยมากมักถูกใส่ร้าย มิใช่คนชั่วร้ายอย่างที่หลายคนเข้าใจ ดังนั้นโจรกลุ่มนี้จึงเป็หายนะที่แท้จริงของพวกเรา” ชายหน้าบากกล่าว พลางส่ายหัว
“หืม?”
“นายท่านอาจจะยังไม่รู้จักจินเจี่ยวและอิ๋นเจี่ยว ทั้งสองเป็ดั่งเนื้อร้ายของทะเลพันเกาะ ลูกๆ ของพวกเขาควบคุมโจรสลัดกลุ่มหนึ่ง ที่คอยดักชิงสมบัติของผู้คนที่เดินทางในทะเล ทั้งเผาและปล้นสะดม รวมถึงตั้งด่านเรียกเก็บค่าผ่านทาง หากไม่จ่ายเงินก็จะทำการปล้น
ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจ ที่พวกเขาจะระดมกำลังพลสองหมื่นคนได้อย่างรวดเร็ว นั่นเป็เพราะคนเ่าั้โดยคนส่วนใหญ่เป็โจร จินเจี่ยวและอิ๋นเจี่ยวมีชื่อเสียงมากในหมู่โจรสลัด” ฮวางบูเอ่ยเสียงต่ำ
“กลุ่มโจรอย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“นายท่านไม่จำเป็ต้องเสียดาย แต่แน่นอนว่าในบรรดาสองหมื่นคนนี้ จะต้องมีคนของสำนักยุทธ์อยู่ด้วย นายท่านได้แขวนป้ายเตือนไว้ด้านนอก เพื่อป้องกันไม่ให้คนเข้ามา แต่พวกเขายังไม่สนใจ เช่นนั้นก็ไม่แปลก ที่พวกเขาจะถูกสังหาร” ชายหน้าบากพูดเสียงทุ้ม
กู่ไห่หรี่ตา ก่อนพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าก็แค่เสียดาย จินเจี่ยวและอิ๋นเจี่ยว เมื่อเทียบกับหลี่เหว่ยแล้ว ก็อ่อนแอไปหน่อย จึงจัดการได้ไม่ยากเท่าไร”
“หืม?” ได้ยินแบบนี้ ฮวางบูถึงกับพูดไม่ออก
... นี่ตนคิดผิดหรอกหรือ!?
“อ่อนแอไป? นายท่าน้าให้พวกเขาทำลายค่ายกลอย่างนั้นหรือ?” ซ่างกวนเหินถาม พลางขมวดคิ้ว
“ใช่แล้ว! ดูเหมือนนั่นจะเป็สิ่งที่เิไท่้า” กู่ไห่กล่าวเสียงเรียบ พลางหรี่ตาลงเล็กน้อย
...
นอกค่ายกลกระบี่์
เหล่าผู้ฝึกตนต่างมองค่ายกลใหญ่ด้วยความหวาดผวา เสียงร้องอย่างเ็ปยังคงดังมาจากด้านใน แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของป้ายเตือน ที่แขวนเอาไว้หน้าทางเข้าได้เป็อย่างดี
‘ผู้บุกรุกค่ายกล มีโทษถึงตาย!’
ก่อนหน้านี้ พวกเขายังมองว่ามันเป็เื่น่าขัน แต่บัดนี้ กลับไม่มีใครหัวเราะออกเสียแล้ว
“กู่ไห่? ั้แ่กลับออกมาจากดินแดนแรกสาบสูญ ก็สามารถสร้างค่ายกลที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้เลยหรือ?”
“มีคนมากถึงสองหมื่นคน ที่บุกเข้าไปในค่ายกล แต่กลับไม่มีใครสู้ได้เลยอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าต้องแจ้งให้ศิษย์พี่ทราบ ว่าไม่ควรไปยุ่งกับกู่ไห่ ส่วนคนของเราที่จวนสกุลกู่ ก็อย่าเพิ่งให้เคลื่อนไหว!”
เหล่าผู้ฝึกตนต่างมองไปยังค่ายกลใหญ่ ที่ยังคงมีเสียงร้องโหยหวนนั่น ด้วยใบหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
...
เิไท่กระชับอ้อมแขนที่กอดเฟิงหลิงแน่น พลางเหลือบมองค่ายกลใหญ่ ก่อนที่ดวงตาจะหรี่ลง “จินเจี่ยว อิ๋นเจี่ยว?”
พวกเ้าช่างไร้ประโยชน์จริง พลังอยู่ในระดับหยวนอิงทั้งคู่ แต่กลับหลงทางอยู่ในค่ายกลอย่างนั้นหรือ? โง่เขลานัก! หากประสาทรับรู้ใช้งานไม่ได้ เหตุใดจึงไม่ใช้สิ่งรอบกายค้นหาทิศทาง? ช่างไร้ค่านัก!
...
อีกด้านหนึ่ง คุณชายเก้ายังคงนั่งจิบชา มองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างสงบ
“คุณชายเก้า ลั่วเทียนเกอมาแล้ว จะให้เข้าพบเลยหรือไม่?” ผู้ใต้บังคับบัญชาเดินไปข้างหลังอย่างเงียบเชียบ
“ข้าบอกเ้าหรือว่า้าพบเขา... ข้าจะนั่งอยู่ที่นี่” คุณชายเก้าเอ่ยเสียงเ็า
“ขอรับ!”
...
ูเาสูง นอกสนามประลอง
บนยอดเขา ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน ปรากฏร่างของชายหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่ง ด้านหลังของเขามีโซ่ห้าเส้น ที่กำลังเคลื่อนไหวไปมา ดั่งหนวดปลาหมึก
เื้ัชายชุดขาว มีสมุนสิบกว่าคน ติดตามมาด้วยท่าทีนิ่งขรึม ชายหนุ่มมองค่ายกลขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกอย่างสนใจ
“โอ้! นั่นค่ายกลกระบี่์มิใช่หรือ?” ดวงตาเขาเป็ประกาย
ขณะที่กำลังจับจ้องค่ายกลั์เบื้องหน้า ก็มีผู้ฝึกตนบางคนหันกลับไปมองชายชุดขาว และก็จำเขาได้ในทันที
“ลั่วเทียนเกอ? าาโจรสลัดแห่งทิศตะวันออกของทะเลพันเกาะ?” ทันใดนั้น ก็มีคนร้องะโด้วยความประหลาดใจ
“เดินทางในทะเลพันเกาะมาร้อยปี ทำลายสำนักไปหลายสำนัก และตอนนี้มีพลังในระดับหยวนอิง?”
“เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่?”
เหล่าผู้ฝึกตนจากทั่วสารทิศเริ่มมีสีหน้าที่ไม่สู้ดี ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้ คือคนที่เปรียบดั่งอสูรั์ ชายผู้แข็งแกร่งที่ทุกสำนักต่างไม่อยากยุ่งเกี่ยว
ลั่วเทียนเกอในชุดขาว เสยผมยาวของตน พลางชำเลืองดูค่ายกลใหญ่ด้วยแววตาชั่วร้าย ก่อนหันไปมองป่าเขาที่อยู่ไม่ไกลนัก ในป่านั้น มีผู้ติดตามของคุณชายเก้ายืนอยู่
ทว่า คนใต้อาณัติของคุณชายเก้ากลับส่ายหน้า ทั้งยังบอกกลับมาว่า คนผู้นั้นไม่ประสงค์ที่จะพบเขา
ลั่วเทียนเกอเลิกคิ้ว พลางสูดหายใจลึก
“ไม่ประสงค์จะพบข้าอย่างนั้นหรือ หากเขาไม่ใช่ผู้สืบทอดมรดกของผู้าุโกวนฉี คิดหรือว่าข้าจะยอมก้มหัวให้?... ฮึ่ม! ช่างอวดดีเสียจริง!” แววตาของลั่วเทียนเกอฉายประกายเย่อหยิ่ง
“อา! พี่ใหญ่ ข้ามีวิธีแล้ว ในเมื่อเราไม่อาจแยกทิศทางได้ เช่นนั้นก็ใช้สายฝนนี่ เป็เครื่องนำทางดีหรือไม่ ตามสายฝนไป... เร็ว!” เสียงของอิ๋นเจี่ยวดังขึ้นมาจากค่ายกลใหญ่
“จะหนีไปไหน!” มีเสียงะโตามมา
ตูมๆ!
เงาทั้งสองทะยานขึ้นฟ้า
“ออกมาแล้ว... ออกมาได้แล้ว... ฮ่าๆๆๆ!” จินเจี่ยวเอ่ยอย่างยินดี
แต่ตอนนี้ สภาพของทั้งสองดูไม่ค่อยดีนัก เสื้อผ้าของจินเจี่ยวและอิ๋นเจี่ยวขาดเป็ริ้ว เพราะก่อนหน้านี้ ถูกกลุ่มอาชญากรเกือบร้อยคนไล่ฟาดฟันด้วยกระบี่์
หากเป็ที่ข้างนอกนี่ กลุ่มนักโทษเหล่านี้คงรนหาที่ตายแล้ว เมื่อมายุ่งกับคนทั้งสอง แต่เพราะด้านในมีกระบี่์ ด้วยพลังของค่ายกล พวกเขาจึงไม่อาจต่อกรได้
ดังนั้น เมื่ออาชญากรร้อยคนไล่ตามมา จินเจี่ยวและอิ๋นเจี่ยวจึงหวาดหวั่น หนีไม่พ้น และไม่สามารถหาทางออกได้ เมื่อเห็นว่ากลุ่มนักโทษเ่าั้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ฝึกตนพลังระดับหยวนอิงทั้งสองจึงรู้สึกสิ้นหวัง
แต่ตอนนี้พวกเขาหนีออกมาได้แล้ว... ช่างโชคดียิ่ง!
เมื่อออกมาจากค่ายกลได้ สีหน้าทั้งสองก็ถอดสีไปทันที
เพราะตอนนี้ เสียงร้องโหยหวนที่ดังขึ้นในค่ายกล เริ่มแ่เบาลงทุกที... ผู้ฝึกตนสองหมื่นคน ถูกกำจัดไปเกือบหมดแล้วหรือนี่?
ผู้ฝึกตนสองหมื่นคนถูกสังหารสิ้น? จินเจี่ยวและอิ๋นเจี่ยวพลันสะดุ้ง เสียวสันหลังวาบ
คิดเช่นนั้น ทั้งสองก็เหาะขึ้นฟ้า หมายจะหนีออกไปจากบริเวณนี้
ตูมๆ!
จู่ๆ โซ่สองสายก็พุ่งตรงเข้ามาหา
“อะไรน่ะ?” สีหน้าของทั้งสองพลันแปรเปลี่ยน กระบี่ั์ปราดออกไปตอบโต้ทันที
ตูมๆ!
โซ่และกระบี่ั์ปะทะกันอย่างแรง จินเจี่ยวและอิ๋นเจี่ยวถูกแรงกระแทกจากอาวุธทั้งสอง ซัดจนลอยกระเด็น
“ปัง!”
ทั้งสองร่วงลงพื้นเบื้องล่าง หนึ่งในนั้นกระอักเืออกมา ก่อนมองไปยังทิศทางที่โซ่พุ่งเข้ามาโจมตี ด้วยความหวาดกลัว
แต่ลั่วเทียนเกอยังคงยืนอยู่บนยอดเขา แววตานิ่งเรียบ มองดูคนทั้งสอง ซึ่งได้รับาเ็ที่แผ่นหลัง จากโซ่ของตนอย่างเยียบเย็น
“หยวนอิงอย่างนั้นหรือ? อืม... พวกเ้ายังอ่อนแอเกินไป!” ลั่วเทียนเกอยิ้มเยาะ
“เ้านั่นคือลั่วเทียนเกอ?”
“าาโจรสลัดแห่งทิศตะวันออกของทะเลพันเกาะ?”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ท่าทีของจินเจี่ยวและอิ๋นเจี่ยวก็พลันแปรเปลี่ยนไป
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น โซ่สองเส้นก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้า พลางแผ่ไอสังหารออกมา อุณหภูมิรอบๆ ตัวพวกเขา พลันลดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“แม้จะไร้ค่า แต่ก็ยังเป็ระดับหยวนอิง ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสพวกเ้า... ยอมจำนนต่อข้าเดี๋ยวนี้!” ลั่วเทียนเกอเอ่ย เสียงเย็นเยือก
“ให้ข้าจำนน? ฝันไปเถอะ!” อิ๋นเจี่ยวกล่าว พลางถลึงตา
“าาโจรสลัดแห่งทิศตะวันออก พวกเราอยู่ในระดับหยวนอิง ทั้งยังไม่เคยรุกล้ำน่านน้ำของท่าน... โปรดไว้ชีวิตด้วย!” จินเจี่ยวอ้อนวอนขอความเมตตาทันที
“หึ!” ลั่วเทียนเกอแค่นเสียง
ตูม!
พลันโซ่ยาวก็พุ่งตรงมายังทางพวกเขา
“ท่าจะไม่ดีแล้ว!” สีหน้าของทั้งสองแปรเปลี่ยน ใช้กระบี่ั์เข้าต้านอีกครั้ง
ตูม!
คลื่นพลังกระบี่สองสาย พุ่งเข้าปะทะโซ่ทันที
“โฮก!!!”
จู่ๆ โซ่ทั้งสองก็กลายร่างเป็ัเหล็กสองตัว คำรามเสียงดังสนั่น
ตูม!
คลื่นกระบี่แตกเป็เสี่ยงๆ แรงสั่นะเื พลันทำให้พื้นดินแตกกระจายเป็เศษเล็กเศษน้อย ฝุ่นลอยตลบฟ้า
ปัง!
เมื่อฝุ่นเริ่มจางหาย ภาพตรงหน้าก็ได้ปรากฏแก่สายตาทุกคน
โซ่สองเส้นนั้น แทงลงไปที่ศีรษะของจินเจี่ยวและอิ๋นเจี่ยว โลหิตสีแดงสดไหลนอง
สองพี่น้องแน่นิ่งไปแล้ว
เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบต่างหยุดหายใจ เมื่อเห็นภาพอันน่าสยดสยองนี้ พากันมองดูลั่วเทียนเกอที่ยืนอยู่บนยอดเขา ด้วยความพรั่นพรึง
“ช่างไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองเลย พวกเ้าโชคดี ที่ข้า าาโจรสลัดผู้นี้ให้ความโปรดปราน แต่กลับกล้าจะปฏิเสธ... ฮึ่ม!” ลั่วเทียนเกอแค่นเสียงเย็น
แกรกๆๆ
โซ่หดสั้นลงอย่างรวดเร็ว ก่อนกลับเข้าไปอยู่ที่เดิม
ฟุ่บ!
ศพของจินเจี่ยวและอิ๋นเจี่ยว ร่วงหล่นสู่พื้นเบื้องล่าง
ลั่วเทียนเกอมิได้สนใจร่างไร้ิญญาทั้งสอง เพียงหันไปมองค่ายกลเมฆหมอกตรงหน้าอีกครั้ง
“กู่ไห่ ใช่หรือไม่?” ลั่วเทียนเกอหรี่ตาลง ก่อนะโไปยังค่ายกลใหญ่เบื้องล่าง
เสียงของเขาไม่ดังนัก แต่ดูเหมือนจะสะท้อนไปทั่วสารทิศ และแทรกเข้าไปในค่ายกลั์ได้เช่นกัน
“ข้าคือลั่วเทียนเกอ ลดค่ายกลลงให้ข้าเข้าไปเสีย มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเ้าทุกคนไม่ได้เห็นวันพรุ่ง!” ลั่วเทียนเกอกล่าวอย่างเืเย็น
เหล่าผู้ฝึกตนเบิ่งตามองาาโจรสลัด... เ้าบ้าไปแล้วหรือไร?
ทว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งนัก จึงไม่มีใครกล้าแทรกแซง
เิไท่มองลั่วเทียนเกอที่อยู่ไกลออกไป แววตาเป็ประกาย “ในที่สุดก็มาจนได้... ดีจริงๆ!”
คุณชายเก้าที่นั่งดื่มชาอยู่ไม่ไกลนัก มองดูาาโจรสลัดที่ยืนอยู่บนยอดเขา ด้วยสายตาสงบนิ่ง “บ้าไปแล้วหรือ? ไม่รู้จักประมาณตนเลยหรืออย่างไร!?”
เสียงของลั่วเทียนเกอดังเข้าไปในค่ายกลั์
ภายในค่ายกล ท่าทีของกลุ่มอาชญากรต่างค่อยๆ เปลี่ยนไป เห็นได้ชัด ว่าาาโจรสลัดแห่งทิศตะวันออก ที่ท่องทะเลพันเกาะมานานถึงร้อยปีผู้นี้ มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วสารทิศ ในเื่ของความโหดร้าย และนักโทษส่วนใหญ่ก็เคยได้ยินมาเช่นเดียวกัน
...
หน้าตําหนักเต่าั
“นายท่าน ลั่วเทียนเกอคือาาโจรสลัดแห่งทะเลตะวันออก...” ฮวางบูเอ่ย
“ข้ารู้… เฉินเทียนซานเคยบอกข้าแล้ว” กู่ไห่กล่าวน้ำเสียงราบเรียบ
“ขอรับ!” ได้ยินเช่นนั้น ชายหน้าบากก็มิได้เอ่ยอันใดอีก
“กู่ไห่ ลดค่ายกลลงเสีย... อย่าบีบบังคับข้า!” เสียงของลั่วเทียนเกอดังขึ้นอีกครั้ง
ชายหนุ่มมองไปด้านหน้าก่อนจะค่อยๆ เผยรอยยิ้มเยือกเย็น “หากเ้ามีกำลังมากพอ ก็จงมาทำลายมันเองตามที่เอ่ยปากเสียสิ! มิใช่เอาแต่พูดพร่ำเช่นนี้! ”
กู่ไห่ตอกกลับทันที
เหล่าผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่นอกค่ายกล ต่างปากอ้าตาค้าง อย่างตกตะลึง
“กู่ไห่บ้าไปแล้วหรืออย่างไร? ทั้งๆ ที่มีพลังอยู่แค่ระดับก่อ์เท่านั้น!”
“ทลายค่ายกล? ได้ยินมาว่าลั่วเทียนเกอใช้พลังของตน ทำลายค่ายกลใหญ่ของหลายสำนักมาแล้ว!”
เหล่าผู้ฝึกตนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ต่างเกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้อง
แต่ลั่วเทียนเกอกลับมองดูค่ายกลตรงหน้า ด้วยแววตาเย็นะเื “เ้าบอกว่าข้าดีแต่พูดอย่างนั้นหรือ? หนึ่งในสำนักบนเกาะจิ๋วหวู่ก็เคยเอ่ยเช่นนี้ และในที่สุด ข้าก็ทำให้สำนักนั้นหายไปจากแผ่นดิน”
“วันนี้มีแต่เื่ไร้สาระ! พวกเ้าอย่าได้สนใจ สังหารผู้บุกรุกต่อไป!” กู่ไห่ะโสั่ง
“ขอรับ!” เสียงกลุ่มอาชญากรดังขึ้นมาจากค่ายกลใหญ่
“ฮึ่ม! รนหาที่!” ลั่วเทียนเกอแค่นเสียง
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น โซ่ทั้งห้าที่อยู่เื้ัของลั่วเทียนเกอ ก็พุ่งขึ้นฟ้า ไม่นาน ก็กลายเป็เปลวไฟ ก่อนจะเผ่นโผนดุจัเพลิงห้าตัว ทะยานไปยังค่ายกลกระบี่์ของกู่ไห่
บัดนี้ ภายใต้การควบคุมของลั่วเทียนเกอ ัเพลิงทั้งห้าซึ่งมีความยาวหลายสิบลี้[1] ได้พุ่งเข้าโอบล้อมค่ายกลั์
ตูม!
ค่ายกลกระบี่์ ถูกพันธนาการโดยโซ่เพลิงทั้งห้าเส้นของลั่วเทียนเกอแล้ว
“ทําลายมันเสีย!” าาโจรสลัดะโเสียงดัง
ตูม!
กล่าวจบ ัเพลิงทั้งห้าก็เข้าแผดเผาค่ายกลกระบี่์ทันที
----------------------------------------
[1] ลี้ เป็หน่วยวัดระยะทางของจีนในสมัยโบราณ โดย 1 ลี้ เท่ากับ 500 เมตร โดยประมาณ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้