ดวงตาน้ำแข็งพันปีของหานปิงจีปรากฏให้เห็นความเคลื่อนไหวอย่างหาได้ยาก นางนำกล่องสมบัตินี้เดินทางไปหลายแคว้น มีคนนับไม่ถ้วนที่ได้ลองเปิดกล่องสมบัติ ในจำนวนคนทั้งหมดที่เปิดกล่องฮองเฮาที่อยู่เบื้องหน้านางนี้เป็ผู้เปิดกล่องที่ประหลาดที่สุดเท่าที่นางเคยพบมา!
เฟิ่งเฉี่ยนมือหนึ่งถือกระทะหรูอี้ อีกมือหนึ่งค่อยๆ เปิดยันต์สีเหลืองที่ปิดฝากล่องออก ปลายนิ้วของนางเกือบจะััยันต์สีเหลืองแล้ว ทว่านางกลับหดนิ้วกลับมา ทำให้ตนเองใจนสะดุ้งโหยง!
ทุกคนที่ล้อมเข้ามาดูต่างถูกนางทำให้ใจนสะดุ้งเช่นกัน แต่ละคนได้แต่งงงัน!
พวกเขาไม่ได้ถูกอานุภาพของกล่องสมบัติทำให้ใตาย แต่ช้าเร็วคงต้องถูกนางทำให้ใจนตายสักวัน!
เฟิ่งเฉี่ยนลองอีกหลายครั้ง ทุกครั้งเมื่อถึงวินาทีสุดท้าย นางกลับหดมือกลับมา!
ขุนนางทั้งหลายถูกนางทำให้ใครั้งแล้วครั้งเล่า จนแทบจะเดินหนี!
ตกลงเ้าจะเปิดหรือไม่เปิดกันแน่?
ไม่เปิดก็พูดมา!
อย่าได้ทดสอบหัวใจดวงน้อยๆ ของพวกเรา! รับไม่ไหวหรอกนะ!
เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกว่ากล่องใบนี้ไม่ชอบมาพากล คนมากมายล้วนเปิดไม่ออก นางไม่เชื่อว่าตนเองจะโชคดีเพียงนั้น จะเป็คนที่มีวาสนากับกล่องสมบัติ!
ดังนั้น นางได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆ ว่าจะถูกโจมตี แต่จะเป็การโจมตีอย่างไรนะ
นางจินตนาการไม่ออก ดังนั้นจึงตัดสินใจไม่ได้
“ฮองเฮา รบกวนท่านเร็วหน่อยเถิด!”
หานปิงจีสิ้นความอดทนแล้ว นางเตือนขึ้นด้วยน้ำเสียงเ็า
คำพูดของนางตรงกับความในใจของทุกคน แต่ละคนมองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยความคาดหวัง ดูเหมือนหากนางยังไม่เปิดกล่องอีกละก็ พวกเขาก็จะขับไล่นางด้วยสายตา
จนปัญญา ท่ามกลางสายตาจับจ้องรอคอยของทุกคน เฟิ่งเฉี่ยนไม่อาจไม่เสี่ยงอันตรายเปิดกล่องลึกลับเช่น กล่องแพนโดร่า กล่องนี้
วินาทีที่ปลายนิ้วัักับยันต์สีเหลืองที่ปิดกล่องเอาไว้ นางออกแรงสะกิดเปิดฝากล่องออก จากนั้นคนทั้งคนก็ถดกายหนีออกมาราวๆ ห้าถึงหกก้าว กระทะหรูอี้ยังคงเป็โล่กำบังด้านหน้าของนาง เพื่อต้านรับการโจมตีไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น!
ใครเลยจะรู้ว่าทุกอย่างสงบเงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น...
กระทั่งบังเกิดเสียงฮือฮาขึ้นพร้อมๆ กัน เฟิ่งเฉี่ยนจึงค่อยๆ วางกระทะหรูอี้ในมือลง แล้วมองไปที่กล่องสมบัติ เห็นเพียงในกล่องสมบัติมีแสงสีขาวปรากฏ เมื่อเดินเข้าไปใกล้พบว่าข้างในมีกำไลหยกที่ทำมาจากหยกขาวชิ้นหนึ่งวางอยู่!
อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว นางยื่นมือไปหยิบกำไลหยกออกมาแล้วสวมเข้ามาในข้อมือของตนเอง วินาทีนั้นนางรู้สึกได้ถึงพลังอุ่นซ่านสายหนึ่งวิ่งวนอยู่ในกายของตน ให้ความรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวยิ่ง!
เมื่อพิจารณากำไลหยกอีกครั้ง พบว่ามันเป็เป็หยกสีขาวทั้งตัว ให้ความรู้สึกอบอุ่น ััที่มือเนียนละเอียด ลื่นราวกับหยกมันแพะ ทันทีที่เห็นก็รู้ว่าเป็หยกชั้นเลิศที่หายากในใต้หล้า
ที่หาได้ยากยิ่งกว่านั้นคือ ตัวกำไลหยกมีพลังเทพอันเข้มข้นปรากฏอยู่ เมื่อสวมเข้ามาในข้อมือ ก็รู้สึกว่ารอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายเทพที่รายล้อม ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย
แต่ ปัญหามาแล้ว...
เมื่อนางคิดจะถอดกำไลหยกออกมากลับพบว่าไม่ว่านางจะออกแรงอย่างไรก็ถอดกำไลหยกออกมาไม่ได้ มันเหมือนกับติดอยู่ในข้อมือของนางอย่างไรอย่างนั้น ถอดอย่างไรก็ถอดไม่ออก
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้วแล้วถามหานปิงจี “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ทันทีที่เงยหน้าก็พบว่าหานปิงจีกำลังมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด กระทั่งนางถามเป็ครั้งที่สาม หานปิงจีจึงได้สติคืนมา นางตอบว่า “กำไลหยกขาวนี้เรียกว่า กำไลหยกขาวหงส์ฟ้า ข้างในตัวกำไลหยกนั้นกลวง และมีจิติญญาเทพบรรจุอยู่สายหนึ่ง มีพลังเทพอยู่ในนั้น เป็สิ่งของล้ำค่าที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายต่างฝันหา!”
ได้ยินนางอธิบายแล้ว ทุกคนได้แต่ตื่นตะลึง
“ที่แท้ใต้หล้านี้ยังมีสมบัติล้ำค่าที่มหัศจรรย์เช่นนี้อีกหรือ?”
“ข้างในกำไลยังบรรจุจิติญญาเทพสายหนึ่งด้วย? เป็สมบัติล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้จริงๆ!”
“ใครได้มัน ผู้นั้นย่อมมีของล้ำค่าที่จะพัฒนาความสามารถของตนเองให้ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว!”
“ช่างน่าอิจฉาเหลือเกิน!”
หานปิงจีพูดอีกว่า “ด้วยสาเหตุบางประการ มันเคยถูกคนปิดผนึกเอาไว้ ตามที่ได้ยินมา มีเพียงคนที่มีวาสนาต่อมันเท่านั้นที่จะเป็ผู้เปิดผนึกและสวมมันได้! ฮองเฮาเหนียงเหนียงไม่เพียงแต่เปิดกล่องสมบัติ ซ้ำยังสวมมันไว้ในข้อมือ เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงคือผู้มีวาสนา! เช่นนั้น นับั้แ่นี้ไป กำไลหยกนี้ตกเป็ของฮองเฮาเหนียงเหนียงโดยสมบูรณ์!”
“ง่ายดายเช่นนี้หรือ” เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกว่าเหลือเชื่อ ของดีเช่นนี้ถึงกับมีคนนำมาส่งให้ถึงมือ อีกทั้งไม่ต้องให้นางต้องสูญเสียสิ่งใดตอบแทน เื่ดีที่ตกลงมาจาก์เช่นนี้ นางคิดอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่น่าเป็ไปได้!
“ท่านแน่ใจนะว่าข้าไม่ต้องเสียอะไรเป็ค่าตอบแทน”
หานปิงจีส่ายหน้าทันทีเมื่อมองนางและตอบเสียงหนักแน่น “ภารกิจของข้าเสร็จสมบูรณ์แล้ว ถึงเวลาต้องกลับไปรายงาน พวกเราค่อยพบกันใหม่!”
นางเน้นเสียงหนักที่คำว่า “ค่อยพบกันใหม่” สี่คำนี้ จากนั้นหันไปคารวะเซวียนหยวนเช่อแล้วจากไปทันที
เฟิ่งเฉี่ยนมองส่งเงาร่างด้านหลังของนางและใคร่ครวญคำพูดของนาง ลางสังหรณ์อันแรงกล้าในใจบอกกับนางว่าอีกไม่นานพวกเขาจะได้พบกันอีกครั้ง!
หลังจากกลับมาจากตำหนักชิวหวา เฟิ่งเฉี่ยนนั่งอยู่ในตำหนักบรรทมของตำหนักเว่ยยางเพียงลำพัง เพื่อพิจารณากำไลหยกขาวหงส์ฟ้า
ตามที่หานปิงจีพูดไว้ ด้านในกำไลหยกขาวหงส์ฟ้านั้นกลวง มันได้ปิดผนึกจิติญญาเทพไว้ ดังนั้นบนตัวกำไลหยกจึงมีกลิ่นอายเทพอันเข้มข้น แต่จะเข้าไปในกำไลหยกได้อย่างไรและจะตรวจสอบจิติญญาเทพได้อย่างไรกัน?
นางพิจารณาอยู่นานแต่ก็หาวิธีไม่ได้
ด้านนอกประตูมีเสียงร้องขานดังขึ้นตอนนี้เอง “ฝ่าาเสด็จ--”
เฟิ่งเฉี่ยนกายเย็นวาบ นางลนลานอย่างสาเหตุไม่ได้ นางยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะเผชิญหน้ากับเขา...
เซวียนหยวนเช่อสะสางงานราชกิจเสร็จ สถานที่แห่งแรกที่มาก็คือตำหนักเว่ยยาง เขาอยากพบนาง อยากสนทนากับนาง เพิ่งจะเดินเข้ามาถึงด้านนอกประตูตำหนักบรรทม พลันมีเสียง ปัง ดังขึ้น ประตูห้องบรรทมปิดลงต่อหน้าต่อตาของเขา!
เห็นประตูห้องที่ปิดสนิท เขาถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก วินาทีที่ประตูกำลังจะปิดลงเขาเห็นเงาร่างของนางชัดเจน นางซ่อนอยู่หลังบานประตูนี้
นางไม่อยากพบหน้าเขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ลั่วหยิ่ง ชิงเหอกูกูและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลังเห็นเหตุการณ์นี้ถึงกับปากอ้าตาค้าง เหนียงเหนียงกำลังทำอะไรอยู่? ไม่อยากพบฝ่าา จะหาเหตุผลที่น่าฟังสักหน่อยไม่ได้หรือ? ปิดประตูใส่หน้าฝ่าาตรงๆ เช่นนี้ ใต้หล้านี้มีเพียงฮองเฮาคนเดียวกระมัง!
เฟิ่งเฉี่ยนที่ยืนเอาแผ่นหลังแนบกับบานประตูมืดแปดด้าน ถูกการกระทำอันโง่เขลาของตนเองทำให้งงงัน
นางกำลังทำอะไร จะแสดงออกชัดเจนกว่านี้ได้อีกหรือไม่?
แต่นางไม่อาจทรยศต่อจิตใจของตนเองแล้วไปพบหน้าเขานี่นา ทั้งๆ ที่ในใจของนางถือสา ทว่ากลับต้องเสแสร้งว่าไม่ถือสา นางทำไม่ได้!
เสียงทุ้มหนักที่ปนเปไปด้วยความจนใจของเซวียนหยวนเช่อดังขึ้นหลังบานประตู “เฉียนเฉี่ยน เปิดประตู เจิ้นอยากสนทนากับเ้า”
“ไม่ต้องแล้ว!” เฟิ่งเฉี่ยนปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด “ท่านเป็ฮ่องเต้ ท่าน้าแต่งตั้งพระชายาก็ดี แต่งตั้งฮองเฮาก็ช่าง ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับข้า! ท่านไม่จำเป็ต้องอธิบายกับข้า!”
ดวงตาของเซวียนหยวนเช่อหม่นแสงลงและสับสน “หากเ้าไม่ใส่ใจจริงๆ เหตุใดจึงไม่กล้าพบเจิ้น”
เฟิ่งเฉี่ยนดูเหมือนถูกเหยียบหางอย่างไรอย่างนั้น นางเลิกคิ้ว “ใครบอกว่าข้าไม่กล้าพบท่าน”
นางหมุนตัวยื่นมือออกไปด้วยคิดจะเปิดประตู วินาทีสำคัญนางหยุดตัวเองไว้ได้ทัน เกือบไปแล้วไหมละ เกือบจะหลงกลเขาแล้ว นางพูดกับประตูอย่างไม่สบอารมณ์ “วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว ไม่อยากต้อนรับแขก! เชิญท่านกลับไปเถิด!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้