วันต่อมา เมืองหลางเซียน ในจวนของหวังเค่อ
“หวังเค่อ ตอนไปพบพี่มู่หรงครั้งนี้ข้าไม่อยากปลอมตัวอีกแล้ว!” องค์หญิงโยวเยว่มองหวังเค่อด้วยแววตาคาดหวัง
“ท่านคิดลบเครื่องอำพรางโฉม?” หวังเค่อขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ใช่ ข้าตั้งใจจะไปพบพี่มู่หรงในสภาพที่ข้าดูงดงามที่สุด ได้หรือไม่?” องค์หญิงโยวเยว่มองหวังเค่อ
องค์หญิงโยวเยว่ที่ถูกมู่หรงลวี่กวงหักหลังรู้สึกชอกช้ำเหลือคณา ที่จะไปหามู่หรงลวี่กวงครั้งนี้ก็เพื่อที่จะประจันหน้ากัน องค์หญิงโยวเยว่จึงไม่อยากใช้รูปโฉมที่ดูไม่ได้อย่างนี้ แต่อยากที่จะใช้รูปโฉมที่แลดูงดงามเปล่งปลั่งที่สุดไปพบมู่หรงลวี่กวง ต่อให้ผลลัพธ์ในตอนท้ายอาจไม่ใช่อย่างที่หวัง แต่อย่างน้อยที่สุดตนก็จะไม่ต้องรู้สึกขายขี้หน้าจนเกินไป บางทีนี่อาจเป็ความดื้อรั้นเฮือกสุดท้ายในใจนางแล้วก็ได้
“ครั้งนี้ข้า้าจะขอยืมฐานะของท่านเข้าไปกราบไหว้อาจารย์จากพรรคเทพหมาป่า์ เพราะงั้นข้าจะต้องปกป้องท่านให้ดีที่สุด! ไม่เพียงแต่จะไม่ให้ท่านต้องอับอาย แต่ยังจะให้ท่านได้เป็สตรีที่สะกดสายตาและเฉิดฉายมากที่สุดของพิธีแต่งงานในครั้งนี้อีกด้วย! ก่อนอื่นก็ต้องลบล้างตุ่มสิวบนใบหน้าของท่านเสียก่อน!” ว่าแล้วหวังเค่อก็นำยาทาแก้อักเสบออกมายื่นให้องค์หญิงโยวเยว่
องค์หญิงโยวเยว่เองก็ให้ความร่วมมือ นางรับยามาทาลงบนหน้าโดยดุษณี จากนั้นมองดูดวงหน้าของตัวเองในกระจก ตุ่มสิวพวกนั้นจางหายไปในเวลาไม่นาน ผิวหน้าของนางกลับสู่สภาพเรียบลื่นหมดจดดังเดิม ในที่สุดนางก็ได้รับโฉมหน้าดวงเก่ากลับคืนมา เพียงแต่ว่ารอยแผลเป็ที่เกิดจากคมดาบของเนี่ยเทียนป้านั้นก็ยังดูน่าสะพรึงอย่างเห็นได้ชัด
“ฮิ ก็แค่รอยดาบเท่านั้นเอง แค่นี้ก็ดีมากแล้ว!” องค์หญิงโยวเยว่มองดูรอยแผลเป็ของนางด้วยรอยยิ้มแหย
“ยังใช้ไม่ได้ ท่านคอยก่อน ข้าจะตามคนมาให้!” หวังเค่อส่ายหน้า
“เอ๋?” องค์หญิงโยวเยว่อุทานอย่างเหม่อลอย
ไม่นานหวังเค่อก็เรียกตัวอิสตรีมานางหนึ่ง
“พี่หญิงรอง รอยแผลบนใบหน้าขององค์หญิงต้องฝากเป็หน้าที่ท่านแล้ว!” หวังเค่อไหว้วาน
สตรีคนนั้นมีท่วงท่าเคารพนบนอบอย่างที่สุด “ท่านประมุขวางใจได้ มีรองพื้นชนิดน้ำกับ BBครีม ที่ท่านประมุขเป็ผู้คิดค้นอยู่ ฝีไม้ลายมือของข้าในตอนนี้จะต้องเรียกคำชมจากท่านประมุขได้อย่างแน่นอน!”
หวังเค่อพยักหน้า “ดี เ้าก็ช่วยนางปรับเสริมเติมแต่งไปพลางๆ ก่อน ข้าจะออกไปเตรียมการสักเดี๋ยว!”
“ทราบ!” พี่หญิงรองรับคำอย่างเคารพ
องค์หญิงโยวเยว่มองดูญาติฝ่ายหญิงของหวังเค่อนำหีบออกมาหนึ่งใบก่อนจะเปิดออกมาอย่างนุ่มนวล หลังจากจัดแจงแปรงพู่กันที่อยู่ในนั้นจนพร้อมดีแล้วก็นำลงระบายในของเหลวประหลาดชวนพิศวงบางอย่าง ก่อนจะเริ่มต้นประทินโฉมลงบนดวงหน้านาง
ทีละเล็กทีละน้อย องค์หญิงโยวเยว่จ้องมองดูเงาร่างของตนเองในกระจกอย่างตื่นตะลึง รอยแผลเป็ที่ดูน่าหวาดกลัวเมื่อฝากไว้ในมือพี่หญิงรองของหวังเค่อก็ค่อยๆ สมานตัว ไม่สิ ค่อยๆ ถูกกลบเกลี่ยอำพรางไปทีละน้อยอย่างน่าอัศจรรย์ ภายใน่เวลาไม่นานก็ถึงกับมองไม่เห็นรอยแผลเป็บนหน้านางอีก ราวกับนางไม่เคยมีแผลเป็นั้นมาแต่แรก
แม้จะรู้ดีว่าเป็เพียงการตบตา เป็เพียงแค่การใช้เครื่องประทินโฉม แต่ถึงกระนั้นนี่ก็ออกจะมหัศจรรย์เกินไปหน่อยหรือไม่
สำหรับอิสตรีแล้ว รูปโฉมย่อมเป็หัวข้อสนทนาที่นิยมที่สุดตลอดกาล พี่หญิงรองของหวังเค่อมีทักษะด้านการประทินโฉมยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้เชียว? งั้นก็ชัดเจนแล้วว่าต่อจากนี้ไปพวกนางจะต้องคุยกันถูกคอจนกลายเป็สหายหญิงที่สนิทสนมกันที่สุดอย่างแน่นอน!
“นี่ นี่คือใบหน้าข้า นี่คือใบหน้าข้าจริงๆ? เ้าคือพี่หญิงรองของหวังเค่อสินะ? ทักษะการประทินโฉมของเ้าทำไมถึงได้เลิศล้ำขนาดนี้? ก่อนหน้านี้เ้าทำงานอะไรมา?” องค์หญิงโยวเยว่ถามอย่างแปลกใจ
“เป็คนส่งศพ!” พี่หญิงรองพูดออกมาประโยคหนึ่งแล้วก็เงียบไปเลย
องค์หญิงโยวเยว่ “…!”
คนส่งศพ? ช่างแต่งหน้าศพ? องค์หญิงโยวเยว่กลั้นใจอยู่ครึ่งค่อนวันก็ยังคงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี ตอนนั้นนางไม่อาจยกเื่สหายหญิงคนสนิทขึ้นมาพูดได้อีกต่อไป ปล่อยให้พี่หญิงรองทำหน้าที่ของนางไปก็พอ
ภายใต้การประทินโฉมครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็การกอบกู้รูปลักษณ์ดั้งเดิมกลับคืนมา แต่ยังแต่งแต้มราศีความสง่าเพิ่มเข้าไปอีกด้วย ส่งผลให้องค์หญิงโยวเยว่ดูเปล่งปลั่งสะกดใจคนอย่างที่สุด
ไม่นานก็มีบ่าวหญิงอีกนางหนึ่งนำชุดกระโปรงเข้ามาให้
“ตามคำสั่งของท่านประมุข ขอให้องค์หญิงโยวเยว่ช่วยผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เป็ชุดแต่งงานตัวนี้ด้วย!” บ่าวหญิงคนนั้นพูดจบก็เดินออกไป
“ชุดแต่งงาน?” องค์หญิงโยวเยว่มองชุดแต่งงานสีแดงที่มีรูปทรงแปลกตาตรงหน้า
“ท่านประมุขบอกว่าชุดนี้เรียกว่ากี่เพ้า ท่านประมุขเป็คนออกแบบให้กับท่านเอง ทั้งยังเพิ่งตัดเสร็จใหม่ๆ จากช่างตัดเสื้อฝีมือดีที่สุดของเราเมื่อกี้นี้เอง! เชิญท่านสวมเลยเถอะ ท่านประมุขกำลังคอยอยู่!” บ่าวหญิงกล่าว
พี่หญิงรองของหวังเค่อหลังจากที่ประทินโฉมเสร็จก็ผละออกไป
สวมชุดแต่งงาน? แล้วกี่เพ้าคืออะไร?
ถึงองค์หญิงโยวเยว่จะมีแต่คำถามเต็มหัว กระนั้นก็ยังยอมเปลี่ยนอยู่ดี
เดิมทีองค์หญิงโยวเยว่ก็สะสวยเปล่งประกายพออยู่แล้ว ยิ่งได้พี่หญิงรองช่วยประทินโฉมให้นางจึงยิ่งดูผ่องแผ้วขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่เปลี่ยนมาอยู่ในชุดกี่เพ้าใหม่เอี่ยม เรือนร่างของนางก็ถูกขับเน้นออกมาทันที มองดูแล้วยิ่งสวยงามเป็พิเศษ
องค์หญิงโยวเยว่ส่องกระจกดูตัวเองแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมา ชุดกี่เพ้านี้งดงามเกินคำบรรยาย สวยงามกว่าชุดทั้งหมดในตู้เก็บเสื้อขององค์หญิงอย่างนางเองเสียเอง ขาที่ยาวอยู่แล้วพออยู่ในชุดกี่เพ้ายิ่งดูเพรียวสูงกว่าเดิม ถึงจะติดที่ดูวับๆ แวมๆ ไปบ้าง แต่สิ่งเดียวที่ทำให้นางรู้สึกกระดากอายก็คือ่หน้าอกที่ใหญ่เกินไปจนกลบกลืนกลิ่นอายเซียนนี้ไปบางส่วน
องค์หญิงโยวเยว่รู้สึกว่าตลอดชีวิตตนนางไม่เคยดูสวยถึงขนาดนี้มาก่อน
“หวังเค่อ? มันรู้สัดส่วนของข้าได้ยังไง? แต่อย่างไรชุดกี่เพ้าตัวนี้ก็ดูสวยกว่าชุดแต่งงานที่ข้าเคยเห็นมาทั้งหมดอยู่ดี!” องค์หญิงโยวเยว่อุทานอย่างชื่นชม
“องค์หญิงโยวเยว่พร้อมแล้วหรือยัง?” เสียงของหวังเค่อดังมาจากด้านนอก
“มาแล้วๆ!”
องค์หญิงโยวเยว่ผลักประตูแล้วเดินออกไป จังหวะการก้าวเดินเป็สง่าราศี ดวงหน้างามช้อย กอปรกับชุดกี่เพ้าสีแดงสด จึงทำให้องค์หญิงโยวเยว่ยิ่งดูเปล่งประกายจับตาอย่างถึงที่สุด
ภายในสวนที่ตั้งอยู่ด้านนอก หวังเค่อ จางเจิ้งเต้ารวมถึงกลุ่มลูกน้องใต้บัญชาหวังเค่อต่างก็กำลังยืนคอยกันอยู่
คนของหวังเค่อไม่กล้ามองจนเกินงาม แต่หวังเค่อกลับสะท้านเฮือก ราวกับว่ามีบางสิ่งมากระตุกขั้วหัวใจของมันอย่างแรงจนหัวใจเต้นกระหน่ำ ความรู้สึกนี้เคยปรากฏขึ้นเพียงครั้งเดียว นั่นคือตอนที่หวังเค่อกำลังเรียนมหาวิทยาลัยสมัยที่ยังอยู่บนโลก เป็การตกหลุมรักครั้งแรกของมันกับรุ่นพี่หญิงคนหนึ่ง
“เป็อย่างไรบ้าง?” องค์หญิงโยวเยว่ถาม
“ว้าว องค์หญิงโยวเยว่ ท่าน ท่านช่างงดงามหยาดเยิ้มจริงๆ!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยยกยอ
องค์หญิงโยวเยว่พึงพอใจ มองหวังเค่ออย่างซาบซึ้ง “หวังเค่อ ชุดของเ้าตัวนี้ช่างสวยเหลือเกิน!”
หัวใจของหวังเค่อสะท้านเฮือก ราวกับเพิ่งตื่นจากภวังค์เมื่อครู่
“พี่หวัง ทำไมอยู่ๆ ท่านก็กลายเป็โง่งมพูดอะไรไม่ออกเสียเล่า?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างฉงนสงสัย
“ข้าก็แค่รู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตเฉยๆ!” หวังเค่อเพิ่งรู้ตัวว่าเสียงของมันกำลังสั่น
“ถูกไฟช็อต? ไฟช็อตคืออะไร?” จางเจิ้งเต้างุนงงและสับสน
มันไม่แยแสสนใจจางเจิ้งเต้า หวังเค่อรั้งสายตากลับมา บีบบังคับความกระสับกระส่ายที่ระอุขึ้นในใจลงไป ข้าเป็อะไรของข้ากันเนี่ย? หรือว่านี่จะเป็อาการเห็นสาวงามก็อยากเข้าไปย่ำยีเหมือนอย่างที่เขาว่ากัน? ไม่ถูกต้อง ข้าก็แค่เพลิดเพลินไปกับความงามเหมือนอย่างบุรุษทั่วไปเท่านั้นแหละน่า!
หวังเค่อสูดลมหายใจลึก “เอาละ องค์หญิงโยวเยว่ ทีนี้ก็เชิญท่านขึ้นเกี้ยวได้ เรามาออกเดินทางไปฝากตัวเข้าเป็ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์กันเถอะ!”
องค์หญิงโยวเยว่เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าลูกมือของหวังเค่อที่อยู่ในสวนได้จับกลุ่มกันเป็หมู่คณะ กระจายตัวอยู่รอบเกวียนที่ต้องใช้คนแปดคนช่วยกันหาม
“นี่คือ...?” องค์หญิงโยวเยว่ถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“นับแต่นี้ไปท่านก็คือจางหลี่เอ๋อร์! ส่วนพวกเราคือขบวนส่งตัวเ้าสาว!” หวังเค่ออธิบาย
“เ้าให้ข้าเปลี่ยนใส่ชุดแต่งงานก็เพื่อที่จะปลอมตัวเป็จางหลี่เอ๋อร์ปะปนเข้าไปในพรรคเทพหมาป่า์หรือ?” องค์หญิงโยวเยว่อุทานอย่างใ
“มิผิด นี่คือโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่พวกเราจะได้เข้าพรรคเทพหมาป่า์กันในวันนี้ และก็เป็วิธีที่ท่านจะได้พบหน้ามู่หรงลวี่กวงโดยเร็วที่สุดด้วย!” หวังเค่ออธิบายสืบต่อ
องค์หญิงโยวเยว่เม้มปาก หากสุดท้ายก็พยักหน้า “ได้ ข้าจะทำตามที่เ้าว่า!”
องค์หญิงโยวเยว่ก้าวเท้าขึ้นไปบนเกี้ยวช้าๆ จางเจิ้งเต้าที่อยู่ด้านข้างกล่าวด้วยสีหน้าพิกล “พี่หวัง พวกเราจะสามารถแทรกซึมเข้าไปกันแบบนี้ได้รึ? ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์พวกนั้นไม่ได้มีหัวไว้คั่นหูนะ!”
“ก็ลองดูก่อนเถอะน่า!” หวังเค่อเอ่ยด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว
“ลองดูก่อน? แล้วถ้าเกิดว่าถูกจับได้ขึ้นมาจะทำยังไง?” จางเจิ้งเต้าเบิ่งตามองหวังเค่อ
“ไม่มีปัญหา มีเ้านำขบวน ต่อให้เกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา พวกมันก็โทษข้าไม่ได้!” หวังเค่ออธิบาย
“ข้านำขบวน? หมายความว่ายังไง? หวังเค่อ เ้าพูดมาให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้เลย เ้ากำลังจะขุดหลุมเล่นงานข้าอีกใช่หรือไม่?” จางเจิ้งเต้าตื่นตัวขึ้นมาทันที
“ยกเกี้ยว ออกตัวได้!” หวังเค่อสั่งการเสียงต่ำ
“ทราบ!” ลูกน้องใต้บัญชาของหวังเค่อช่วยกันหามเกี้ยวเดินตรงออกไปนอกจวน
นอกพรรคเทพหมาป่า์ บนสุดยอดเขาลูกหนึ่ง
จางเสินซวีกับศิษย์น้องพรรคอีกาทองคำคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนยอดเขา
“พี่จาง ท่านเลิกดูได้แล้วกระมัง อีกสามชั่วยามขบวนส่งเ้าสาวของศิษย์พี่หญิงก็จะมาถึงแล้ว! พวกเรารีบลงไปต้อนรับกันดีกว่า!” ศิษย์พรรคอีกาทองคำคนนั้นกล่าวชักจูง
แต่จางเสินซวีกลับหรี่ตาลงเล็กน้อย “ไม่ได้ ข้ายังหาตัวองค์หญิงโยวเยว่ไม่พบเลย!”
“ตลอดสองวันนี้เราต่างก็พลิกแผ่นดินหากันจนทั่วแล้ว เ้าสามคนที่ถือป้ายคำสั่งของท่านอยู่ไม่รู้ว่าหายหัวไปอยู่ไหนกันหมด ข้าว่าท่านปล่อยวางเถอะ!” ศิษย์พรรคอีกาทองคำคนนั้นกล่าวชักจูงอย่างไม่ลดละ
“ไม่ได้ จะให้มีเื่ผิดพลาดเกิดขึ้นกับพิธีแต่งงานของพี่ข้าครั้งนี้ไม่ได้เด็ดขาด! เกิดองค์หญิงโยวเยว่ก่อความวุ่นวายขึ้นมาล่ะ? ตัวข้าเองก็ยังไม่ได้ลองค้นหาในเมืองหลางเซียนเลย!” จางเสินซวีมองดูเมืองหลางเซียนที่อยู่ลิบๆ
“เมืองหลางเซียนมีพรรคเทพหมาป่า์คอยหนุนหลัง ตระกูลผู้ฝึกฌานบางแห่งของที่นั่นกระทั่งว่ามาจากพรรคเทพหมาป่า์เองเลยด้วยซ้ำ สถานการณ์ไม่เอื้อให้เราทำการค้นหาหรอก!” ศิษย์คนนั้นยิ้มอย่างเจื่อนขม
“ไม่เอื้ออย่างนั้นรึ?”
“ใช่ขอรับ การออกประกาศนำจับองค์หญิงโยวเยว่ของพรรคอีกาทองคำในครั้งนี้ถึงแม้พรรคเทพหมาป่า์จะยอมปิดตาข้างหนึ่งก็ตามที แต่พวกเราเองก็ไม่อาจก่อการอย่างเกินหน้าเกินตาได้ หากต้องทำถึงขนาดตรวจดูปากทางเข้าออกของพรรคเทพหมาป่า์ นั่นจะต่างอะไรกับการตบหน้าพวกมันล่ะ!” ศิษย์คนนั้นยิ้มแห้ง
“พรรคเทพหมาป่า์? ฮึ่ม พวกมันมีเกียรติอันใดให้ต้องรักษา!” จางเสินซวียิ้มเย็น
“อย่างไรก็ตาม เื่ที่มู่หรงลวี่กวงเข้าร่วมราชวงศ์ชือกุ่ยและตามจีบองค์หญิงโยวเยว่ต่างก็รู้กันเป็วงกว้าง หากพวกเราจับตัวองค์หญิงโยวเยว่กันได้เอง มันยังพอแสร้งทำเป็ไม่เห็นได้ แต่ถ้าเกิดว่าเราเล่นไปค้นหาคนถึงถิ่นของมู่หรงลวี่กวงกันโต้งๆ แล้วละก็! นั่นเท่ากับเป็การบีบให้มู่หรงลวี่กวงต้องเสียหน้า อย่างไรซะอีกไม่นานมันก็จะกลายเป็พี่เขยของท่าน พวกเราไม่อาจทำจนเกินเลยได้! พี่จาง ท่านเพิ่งจะมาถึงสิบหมื่นมหาบรรพตได้ไม่นาน ท่านก็เลยไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่! พรรคเทพหมาป่า์เองก็เอาเื่อยู่เหมือนกัน!” ศิษย์คนนั้นยิ้มแหย
จางเสินซวีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“พี่จาง ท่านสบายใจได้ พรรคเทพหมาป่า์ยังต้องรักษาหน้าตาของตัวเองไว้อยู่ ต่อให้องค์หญิงโยวเยว่โผล่มาตอนนี้ ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ก็จะแอบจับนางไปเงียบๆ อยู่ดี ทั้งนี้ก็เพื่อให้แน่ใจว่าพิธีมงคลในวันนี้จะเป็ไปอย่างราบรื่น! ดังนั้นท่านไม่ต้องกังวลจนเกินเหตุ!” ศิษย์คนนั้นยังคงกล่าวชักจูงต่อไป
จางเสินซวีเงียบไปอีกสักพักก่อนจะเปรยขึ้นว่า “ช่างเถอะ เ้าไปรวมกลุ่มกับขบวนส่งเ้าสาวก่อนแล้วกัน ข้าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อย!”
“ได้! งั้นข้าขอตัวก่อน!” ศิษย์คนนั้นคารวะทีหนึ่งก่อนย่ำเท้าจากไป
จางเสินซวีอารมณ์บูดได้ที่ รู้ทั้งรู้ว่าองค์หญิงโยวเยว่คือคนที่ขโมยป้ายอีกาทองคำของตัวเองไป แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหาตัวนางไม่เจอ น่าเจ็บใจจริงๆ!
วันนี้คืองานแต่งของพี่หญิงจางหลี่เอ๋อร์ จะให้เกิดเื่ผิดพลาดขึ้นมาไม่ได้เด็ดขาด!
“หากข้าเป็องค์หญิงโยวเยว่ ข้าจะทำยังไง? ข้าก็คงจะหาทางลอบปะปนเข้าไปในพรรคเทพหมาป่า์ถูกไหม?” จางเสินซวีมองดูปากทางเข้าออกของพรรคเทพหมาป่า์ด้วยแววตาครุ่นคิด
แต่ตรงปากทางเข้าออกของพรรคในตอนนี้เรียงขนัดไปด้วยเหล่าสานุศิษย์ แต่ละคนกำลังรอคอยขบวนนำส่งเ้าสาวกันอยู่ ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นไปในตัว
“ฮึ่ม เฝ้าระวังกันแ่าขนาดนี้ ต่อให้องค์หญิงโยวเยว่มีความสามารถเลิศพบจบแดนก็ไม่มีทางเข้าไปได้แน่!” จางเสินซวียิ้มเย็น
แต่ในตอนนั้นเองจู่ๆ ก็มีเสียงตีกลองเป่าปี่ไฉนดังออกมาจากทางป่าที่อยู่ห่างออกไป
“หือ?” จางเสินซวีจับจ้องอย่างเหม่อลอย
เพราะที่มันเห็นคือกลุ่มคนในชุดแดง ในมือคือป้ายขนาดใหญ่ที่มีอักษรตัวเขื่องเขียนไว้ว่า สงบคำ รักษาวาจา
ทางด้านหลังคือกลุ่มคณะที่มาพร้อมกับเสียงเป่าแตร เป่าปี่ไฉน กับเสียงตีกลองร้องป่าว จากนั้นก็มีกลุ่มคนในชุดมงคลสดใสแบกหามเกี้ยวหงส์หลังใหญ่ออกมา
นี่คือขบวนนำส่งเ้าสาวของมนุษย์ทั่วไป?
“วันนี้คือวันอะไร? ถึงกับมีคนแต่งงานวันเดียวกับพี่หญิงด้วยหรือนี่? บังเอิญอะไรอย่างนี้!” จางเสินซวีนึกขำ
แต่แล้วสีหน้าของจางเสินซวีก็ต้องเปลี่ยนไป “ไม่ถูกต้อง ทำไมขบวนกลุ่มนี้ถึงได้มุ่งหน้าไปทางพรรคเทพหมาป่า์ล่ะ?”
วันนี้ยังมีผู้อื่นประกอบพิธีแต่งงานที่พรรคเทพหมาป่า์อีกหรือ? เป็ไปไม่ได้! มู่หรงลวี่กวงไหนเลยจะพลาดท่าเื่โง่ๆ แบบนี้ได้
ตอนนี้เองที่มันได้ยินเสียงะโดังมาจากนอกเกี้ยว “พรรคอีกาทองคำส่งตัวเ้าสาวมาแล้ว ทำไมพรรคเทพหมาป่า์ยังไม่ออกมาต้อนรับกันอีก!”
เสียงนี้ดังกระหึ่มออกมาอย่างทรงพลัง พุ่งตรงไปถึงปากทางเข้าออกของพรรคเทพหมาป่า์
ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ที่อยู่ตรงปากทางเข้าออกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก “ขบวนส่งเ้าสาวพรรคอีกาทองคำ? มาเร็วกว่าที่กำหนดไว้หรือนี่?”
ในขณะที่ทุกคนกำลังฉงนงงงวยกันอยู่นั้น เ้าคนที่เพิ่งป่าวประโคมเสียงดังอยู่ๆ ก็หยิบลูกกลมสีดำออกมาโยนขึ้นฟ้าอย่างแรง
ไกลออกไป จางเสินซวีสีหน้าแปรเปลี่ยนฉับพลัน เพราะจางเสินซวีจดจำได้ว่าคนผู้นั้นเป็ใคร เนี่ยเทียนป้าเคยให้มันดูภาพเหมือนของคนผู้หนึ่ง นั่นคือจางเจิ้งเต้า จางเจิ้งเต้าที่เคยรวมหัวกับหวังเค่อแสร้งปลอมตัวเป็ตนเองหลอกชิงตัวองค์หญิงโยวเยว่หลบหนีไปน่ะรึ? อีกอย่าง ตอนนี้มันถึงขนาดไม่คิดปลอมตัวอีก แต่เลือกจะนำขบวนส่งตัวเ้าสาวมาที่พรรคเทพหมาป่า์อย่างโจ๋งครึ่มมันซะเลย? ไหนจะลูกกลมสีดำอะไรสักอย่างที่มันโยนขึ้นไปบนฟ้านั่นอีก?
“ตูม~~~~~~~~~~~~~~!”
ลูกบอลสีดำที่ถูกเขวี้ยงขึ้นไปบนฟ้าะเิออกดังตูม ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ต่างก็อึ้งกิมกี่ ก่อนจะเห็นว่าพลังทำลายล้างของการะเิไม่ได้รุนแรง แต่จู่ๆ กลับมีเส้นแสงนับพันหมื่นรวมถึงไอมงคลพันสายกลบกลืนโลกหล้าในพริบตา ทำให้นอกพรรคเทพหมาป่า์เต็มไปด้วยนิมิตอันเป็มงคล เป็ความยิ่งใหญ่ตระการตาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
นี่คือแสงมหาพิธีที่องค์หญิงโยวเยว่เป็ผู้คิดค้นขึ้นมา นางยังมีลูกที่สองอยู่ด้วย
ทันทีที่แสงมหาพิธีะเิออก บรรยากาศก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นทันตาเห็น อย่างไรเสีย ขนาดตอนที่ท่านประมุขขึ้นรับตำแหน่งก็ยังไม่มีฉากตื่นตาตื่นใจถึงขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ! หากนี่ยังไม่ใช่ขบวนส่งตัวเ้าสาวของพรรคอีกาทองคำแล้วแบบไหนถึงจะใช่?
ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์จากที่เพิ่งติดใจสงสัยว่าขบวนส่งตัวเ้าสาวนี้อาจไม่ชอบมาพากลพลันต้องเปลี่ยนสีหน้ากันทันใด “เร็วเข้า ขบวนส่งตัวเ้าสาวของพรรคอีกาทองคำมาถึงก่อนเวลา รีบไปแจ้งศิษย์พี่ใหญ่ให้เตรียมตัวเร็ว!”
ขบวนส่งตัวเ้าสาวของพรรคอีกาทองคำมาถึงก่อนเวลา กระทบต่อตารางจัดเตรียมงานของพรรคเทพหมาป่า์จนรวนไปหมด จางเสินซวีรับชมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนตาโต เพลิงโทสะพวยพุ่งขึ้นฟ้า
วันตบแต่งของพี่หญิงกลับมีคนมาสร้างความวุ่นวาย? หรือว่าจะเป็ฝีมือขององค์หญิงโยวเยว่ที่ตนรับผิดชอบอยู่? เช่นนี้ไม่เท่ากับเป็การตบหน้าตนเองหรือไง?
“สวะพวกนี้ไม่กลัวตายกันเลยสิท่า!” จางเสินซวีหน้าเปลี่ยนสีทันควัน
มันกวักมือเรียกกระเรียนมงกุฎแดงตัวหนึ่งให้พามันไปทางขบวนนำส่งเ้าสาวที่ว่า จากนั้นจางเสินซวีก็พุ่งตัวลงมาหยุดอยู่หน้าขบวนนำส่งเ้าสาวเสียงดังสนั่นไหว
“ปัง!”
จางเสินซวีตกถึงพื้น ยืนขวางหน้าขบวนนำส่งเ้าสาวอย่างอหังการ
“บังอาจ ถึงกับกล้ามาปลอมตัวเป็ขบวนนำส่งเ้าสาวของพรรคอีกาทองคำข้า พวกเ้าหาที่ตายกันหรือยังไง?” จางเสินซวีเอ่ยเสียงเย็นบาดจิต
หน้าเกี้ยวแปดคนหาม จางเจิ้งเต้าทำหน้าทุกข์ระทมขมใจ “หวังเค่อ ข้าก็อุตส่าห์บอกเ้าแล้วไงว่าอย่าให้มันโฉ่งฉ่างกระโตกกระตากเกินไปนัก คราวนี้จบเห่กันแล้ว มันคือศิษย์ของพรรคอีกาทองคำ ต้องรู้แน่ว่าพวกเราเป็ตัวปลอม จบเห่แล้ว จบเห่แล้วจริงๆ! ถูกจับได้คาหนังคาเขา สลายโต๋กันเถอะ!”
“คิดหนี? ฮ่าฮ่า ข้าขอดูหน่อยว่าพวกเ้าจะหนีไปที่ไหนได้!” จางเสินซวีหัวร่อเสียงเย็น
ขณะที่หัวร่อ พัดกระดาษขาวในมือก็กางพรึ่บออกมาข้างหน้า ทันใดนั้นกระแสลมแรงก็ม้วนตัวเข้าหาขบวนส่งตัวเ้าสาว ฝุ่นหินดินทรายรอบด้านะเิตัวออก รัศมีพลังน่าขนลุกบีบให้ทุกคนไม่อาจกระดิกตัวได้สักกระผีกริ้น
“ขอบเขตดวงธาตุทองคำ? จบสิ้นแล้ว ลำพังมันคนเดียวก็ล้างบางพวกเรายกก๊วนได้สบายๆ หวังเค่อ ครั้งนี้ข้าต้องมาซวยเพราะเ้าแท้ๆ เลย!” จางเจิ้งเต้าสีหน้าขื่นขมสุดจะกล่าว
“จางเจิ้งเต้า ตอนนี้แหละถึงตาเ้าแสดงแล้ว!” หวังเค่อกลับดันตัวจางเจิ้งเต้าออกไปรับหน้า
“ข้าเหรอ?” จางเจิ้งเต้าเอ่ยอย่างเหม่อลอย
“ลืมที่ข้าบอกไปแล้วหรือไง? ทีนี้เ้าก็หมอบลงได้แล้ว!” หวังเค่อเอ่ยเสียงต่ำ
สีหน้าของจางเจิ้งเต้าเปลี่ยนไป “เ้า เ้าจะให้ข้าปลอมเป็เหยื่อใส่ความคนเอาตอนนี้เนี่ยนะ? เกิดว่ามันพลั้งมือฆ่าข้าตายขึ้นมาจะทำยังไง? แค่มันลงมือส่งๆ ข้าก็ตายโหงแล้ว! เ้ากำลังผลักข้าลงหลุมอยู่ชัดๆ!”
“หากทำได้ดีเ้าครึ่ง ข้าครึ่ง!” หวังเค่อเอ่ยเสียงต่ำ
จางเจิ้งเต้าตาลุกวาว ความลังเลบินหายเข้ากลีบเมฆ คนร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างปัจจุบันทันด่วน
“โอ๊ยโอย ข้าเจ็บเหลือเกิน ช่วยลูกช้างด้วยเถิด! ใครก็ได้! รีบมาที! ช่วยมาดูอาการศิษย์พรรคอีกาทองคำผู้น่าสงสารคนนี้ที! ใครก็ได้!” จางเจิ้งเต้าต่อมน้ำตาแตกร้องไห้โฮออกมาทันที
เมื่อฝุ่นควันซาลง จางเสินซวีที่เห็นจางเจิ้งเต้ากำลังนอนแหมะอยู่บนพื้นก็หน้าแข็งค้างไปในทันใด เมื่อกี้ตนแค่โบกพัดทีเดียว เพียงส่งฝุ่นควันลอยฉุยฉายอยู่นิดหน่อย บังคับไม่ให้โจรถ่อยพวกนี้หลบหนีไปไหนได้เท่านั้นเอง ไม่ได้ไปทำร้ายคนผู้นี้ตรงไหนเลย! แล้วทำไมมันถึงร่วงลงไปนอนอยู่บนพื้นได้? แถมเท่าที่ดูจากระดับความเ็ปที่แสดงออกมา เหมือนว่าจะเจ็บหนักอยู่นะนี่?
“ทั้งที่อยู่ต่อหน้าข้าก็ยังกล้าแกล้งตายอีกรึ? ฮึ่ม ข้าหาตัวพวกเ้าให้ควั่ก เพราะงั้นขอดูหน่อยเถอะว่าพวกเ้าจะหนีไปไหนได้อีก!” จางเสินซวีชักเท้าเข้ามาใกล้พร้อมเอ่ยเสียงเย็น
ตอนนั้นเองที่มีเสียงะเิดังมาจากทางปากทางเข้าออกของพรรคเทพหมาป่า์อย่างปุบปับฉับพลัน
“หยุดมือ เป็มุสิกจากไหนถึงได้กล้ามาก่อกรรมอยู่หน้าทางเข้าออกพรรคเทพหมาป่า์เรา!” ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์กลุ่มใหญ่ยกโขยงกันมาแต่ไกล
