ทำกิจการอาหารจานด่วน ยังต้องมีของพวกเตาซึ่งจะต้องมีพื้นที่เก็บของ
เกี่ยวกับเื่นี้ เฉินเนี้ยนหรานไม่มีความเห็น แต่นางกังวลว่าเื่ที่ตนเองตั้งครรภ์จะถูกคนอื่นรู้ ดังนั้นจึงบอกเื่ที่กังวลออกไป
“ไอ๊หยา จริงสินะ อย่างไรก็เป็คนในหมู่บ้านก่อนหน้านี้ แม้ตอนนี้เ้าจะไม่ได้อยู่ที่นั่นและย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านปาเจียวแล้ว แต่ผู้ใดจะรับประกันได้ว่า ต่อไปพวกนางแม่ลูกจะไม่ปากรั่ว ช่างเถิด ที่วางของเก็บที่เ้าไม่ได้แล้ว แม้แต่ตัวพวกเขาก็เจอพวกเ้าไม่ได้ แม่หนู เ้าไม่ออกไปข้างนอกนั้นเป็เื่ดี เื่นี้เป็ข้าที่คิดไม่รอบคอบเอง”
เฉินเนี้ยนหรานยิ้มอ่อน “ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกเ้าค่ะ ท่านลุงใส่ใจและเชื่อใจพวกเขามากเกินไป เพราะใส่ใจมากเกินจึงมองข้ามตัวตนไป ไม่เป็ไร แต่ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าพวกเขาจะทำได้ดีหรือไม่”
เื่อาหารจานด่วน จึงตกลงกันเช่นนี้
ในวันหนึ่งที่ฝนตกปรอยๆ เฉินเนี้ยนหรานกางร่มไปที่ท่าเรือกับหนิวซื่อ
แม้จะฝนตกปรอยๆ แต่กิจการที่ท่าเรือกลับไม่เคยได้รับผลกระทบ ท่ามกลางไอละอองฝน ผู้คนกลับเดินอยู่บนถนนอย่างไม่รีบร้อน
ไม่ไกลออกไป เฉินจื่อิกับหลิวซื่อที่ทำอาหารจานด่วนขายกำลังขายดีเป็เทน้ำเทท่า
เมื่อเห็นว่าข้างกายของหลิวซื่อยังมีลูกชายวัยกำลังโตยืนอยู่ สองแม่ลูกคนหนึ่งตักข้าว อีกคนหนึ่งเก็บเงิน เฉินจื่อิที่อยู่ด้านข้างกำลังยุ่งอยู่กับการขายอาหารตุ๋น คิดไม่ถึงเลยว่าสองครอบครัวทำการค้าด้วยกันแล้วจะยิ่งรุ่ง ใช่สิ เื่อาหารการกินน่ะ ทั้งห่อมีเพียงข้าวขาวและตักอาหารตุ๋นเพิ่มเล็กน้อย นับเป็มื้ออาหารที่ไม่เลว
“เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่ากิจการของพวกเขาสองคนเมื่อมารวมกันแล้วจะดีกว่าเดิม เอ๋ แต่ทางนั้นก็มีอาหารตุ๋นขายด้วยนี่” หนิวซื่อเห็นตรงที่ไม่ไกลมีร้านขายอาหารตุ๋นเหมือนกันอยู่ คิ้วจึงขมวดเข้าหากัน
“ใช่ ในเขตนี้เขาเป็คนที่ริเริ่มทำอาหารตุ๋นน่ะ ตลาดก็เช่นนี้แหละ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า กิจการของพวกเขาสองครอบครัวยังสามารถทำได้อยู่ หากมากกว่านี้กิจการนี้จะทำยากแล้ว ดูเหมือนจะต้องคิดหาวิธีหลากหลายรูปแบบ กิจการของท่านลุงเพิ่งจะเริ่มต้น ไม่เช่นนั้น ถึงตอนนั้นเกรงว่าคนทำมากแล้วกำไรจะน้อยเกินไป การค้านี้คงทำต่อไปไม่ได้แล้ว”
สำหรับเส้นทางการค้าขาย เฉินเนี้ยนหรานเข้าใจมาก ที่มาในครั้งนี้เพราะ้าเข้าใจตลาด อย่างไรในกิจการของตุ๋นก็มีนางเข้าไปร่วมหุ้นด้วย พูดกันในตอนนี้ เงินร่วมหุ้นนี้หามาได้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายของนางกับหนิวซื่อยามที่อยู่ในเขต
แต่นั่นไม่มั่นคง ชีวิตน่ะ คือการทำการค้าที่ไหลไปดั่งสายน้ำ
ในขณะที่นางขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับกิจการต่อไป ไม่ไกลจากตรงนี้มีเสียงเอะอะดังมา
“ถอยไป ถอยไป เกี้ยวของฮูหยินห้ามาแล้ว”
ฮูหยินห้า!
เฉินเนี้ยนหรานมองตามไป เห็นเกี้ยวกำลังถูกแบกมาทางนี้ คนด้านข้างะโเสียงดังแต่คนที่แบกเกี้ยวกลับเดินช้ามาก
หรือว่า แม้จะเป็เกี้ยว แต่ฮูหยินคนนี้ยังไม่สามารถทนแรงขยับที่มากเกินไปได้!
สำหรับฮูหยินของโจวอ้าวเสวียน เฉินเนี้ยนหราน...อยากรู้อยู่บ้างเหมือนกัน อีกทั้งได้ยินว่าสตรีคนงามร่างกายอ่อนแอคนนี้ ไม่ออกมาด้านนอกง่ายๆ ยามนี้กลับออกมาด้านนอก หรือบางทีความรักได้มอบชีวิตใหม่ให้กับสตรีนางหนึ่ง
“ฮูหยินห้านี่ ฮูหยินที่เขาเล่ากันว่าเข้าสกุลไปก็กระอักเื คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นนางออกมาข้างนอก” หนิวซื่อคอยืดคอยาวมอง
ฮูหยินห้าเป็บุคคลที่ผู้คนต่างก็พูดถึงอยู่ตลอด
“ใช่สิ ฮูหยินห้าของสกุลโจว ได้ยินว่าเป็ญาติของราชวงศ์ ญาติราชวงศ์นั่นคือญาติของแคว้นเชียว เอ๋ ยังมีคุณชายห้ามาด้วยนี่ ดูเหมือนว่าเื่ที่พวกเขารักกันลึกซึ้งที่ใครๆว่ากัน ไม่ได้พูดไปเรื่อยน่ะสิ”
ยามที่สายตาของเฉินเนี้ยนหรานหยุดอยู่ที่ร่างนั้น สีหน้าพลันขาวซีดในชั่วพริบตา นางคิดว่าจะไม่เจ็บ แต่เมื่อได้เจอคนคนนั้นจริงๆ กลับยากจะควบคุมไม่ให้หัวใจเ็ปได้เลย
มองจากที่ไกลๆ บุรุษคนนั้นเดินไปทางเกี้ยวด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มงดงาม ฝีเท้าของเขาเนิบนาบ ท่วงท่าสง่างามเหมือนดังเดิม เพียงแต่เหตุใดรอยยิ้มของเขา ดูเหมือนจะยิ่งห่างไกลขึ้นไปอีก!
เพียงแค่มองปราดเดียว กำปั้นของเฉินเนี้ยนหรานก็กำแน่น เขา...ไม่ได้มีความสุข
แม่นมคนหนึ่งอายุประมาณสี่สิบปี เปิดผ้าม่านออกมาในตอนนี้
“แค่ก แค่ก...สามี...” เมื่อผ้าม่านเปิดออก สตรีที่อยู่ด้านในจึงส่งเสียงไออ่อนแรงออกมา
โจวอ้าวเสวียนยกมือขึ้นไปรับมือของสตรีที่ส่งออกมานอกเกี้ยว “บอกไปแล้วว่าข้ากลับมาเองก็พอ เหตุใดเ้าจึงมารับข้าด้วยตนเอง”
“ข้าอยากพบท่านเร็วๆ นี่ แค่ก...แค่ก...”
“เอาล่ะ มายืนอยู่ตรงนี้ทำไม ส่งฮูหยินกลับเรือนสิ” โจวอ้าวเสวียนส่งภรรยาเข้าไปในเกี้ยว มือยกทำสัญญาณให้คนใช้ยกไป
แต่เขากลับค่อยๆ เดินช้าๆ เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็คล้ายัับางอย่างได้ จึงหันกลับไปมองที่ท่าเรืออีกครั้ง
ร่มหลายคันเดินผ่านไป หนึ่งในนั้นมีแผ่นหลังของสตรีท้องโย้สองคน ที่มองแล้วช่างคุ้นตานัก
ขณะจะมองให้ชัดเจน แผ่นหลังของทั้งสองคนก็เดินไปไกลแล้ว...
“สามี กลับเถิดเ้าค่ะ” สตรีที่อยู่ในเกี้ยวร้องเรียกเบาๆ แม้นางจะไม่ต้องมารับสามีด้วยตนเอง แต่ก็ยังมา
แม้เขาจะไม่ยินดีแต่นางก็ยังอยากมา แค่ได้เห็นเขามากขึ้นนางก็รู้สึกสบายใจ...
เพียงแต่ สิ่งที่ความรู้สึกลึกซึ้งของนางแลกมาเป็เพียงความห่วงใยที่ห่างเหิน ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงทำให้นางเ็ปใจมาก
ตอนกลับถึงจวน ฮูหยินห้าเอ่ยถามแม่นมข้างตัวเสียงเบา “แม่นมสวี่ เหตุใดเขาถึงได้ปฏิบัติต่อข้าได้ห่างเหินแต่ยังให้เกียรติเช่นนี้เล่า? ข้าต้องทำเช่นไรจึงจะสามารถทำให้เขาหันมามองข้าสักครั้ง?”
พูดไปก็ไอออกมาเบาๆ ความรู้สึกเ็ปเช่นนี้ทำให้นางไอออกมาหนักขึ้น
แม่นมสวี่ถอนหายใจเบาๆ หลังจากป้อนยานางเสร็จหันไปมองยังรอยเืบนผ้า ก่อนสายตาจะหม่นลงเล็กน้อย “คุณหนู ความรู้สึกเอย ความรักใคร่พวกนี้ สำหรับท่านแล้วมันมากเกินไป เฮ้อ จะโกรธ ก็โกรธแค่ร่างกายของท่าน...”
พูดถึงตรงนี้แม่นมสวี่ก็ไม่ได้พูดต่อ แต่สตรีผู้นั้นกลับสะอึกสะอื้นร่ำไห้ออกมา พยักหน้าน้อยๆ “ใช่ ข้ารู้ ร่างกายของข้าแย่มาโดยตลอด แม่นม ท่านพูดถูก คนเช่นข้าไม่ควรคาดหวังว่าจะได้ความรู้สึกใดหรือความรัก เพียงแต่ข้าไม่พอใจ ไม่พอใจนัก ในใจของเขามีคนคนหนึ่งอยู่ ข้ารู้ คนคนนั้นสามารถทำให้ความรู้สึกของเขาพุ่งพล่านขึ้นได้ ความจริงแล้วขอแค่เขาพูดกับข้า ข้าสามารถยินยอมให้รับคนนั้นเข้ามา แต่เขาไม่เคยเอ่ยขึ้นมาเลย”
แม่นมรินชาชิงเฟ่ยให้นางหนึ่งถ้วย อยากโน้มน้าวให้นางไม่ต้องพูดต่อแน่นอนว่าคำพูดนี้ของนาง นางรู้ว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะคุณหนูอดทนมานานมากแล้ว ยามอยู่ในจวนสกุลหวัง แม้จะได้รับความรักแต่เพราะร่างกายอ่อนแอคุณหนูจึงได้รับการดูแลเอาใจใส่จากทุกๆ ครอบครัวมาโดยตลอด
แน่นอนว่ายังมีหลายคนที่ดูถูกนาง ความกดดันนี้ทำให้นางรู้สึกไม่ดีมาเสมอ
กว่าจะได้ออกเรือนกับคุณชายห้าที่หมั้นไว้ตอนนั้นและได้ขึ้นมาเป็ฮูหยินห้าอย่างราบรื่น แต่จนถึงตอนนี้ นอกจากดูแลภายนอกกับแสร้งห่วงใยดูแลต่อหน้าคนในจวนหวังแล้ว คุณชายห้ากลับไม่ยอมให้ความรักต่อคุณหนูเลยสักนิด
สิ่งที่คุณหนู้า ไม่ใช่การดูแลเพียงภายนอก สิ่งที่นาง้าคือความรู้สึกและความรักแบบที่สตรีธรรมดา้า แน่นอนว่าของเช่นนั้น...สำหรับคุณหนูที่มีชีวิตรันทดแล้ว นับเป็สิ่งที่มากเกินไป!
“แม่นม ข้านี่โลภมากเกินไปจริงๆ ข้ารู้ ข้าสามารถออกเรือนกับเขาได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังเป็ฮูหยินของเขา ต่อไป ได้เข้าไปอยู่ในสุสานบรรพบุรุษของเขา ถือเป็บั้นปลายชีวิตที่ดีที่สุดของข้าแล้ว หากไม่ใช่เพราะเช่นนี้ ท่านพ่อท่านแม่คงไม่ยอมให้ข้าออกเรือนกับเขา”
“แต่ชีวิตนี้ของข้า สิ่งเดียวที่้าคือให้เขาได้รับสายตาที่เต็มไปด้วยความรักของข้าสักหน่อย พวกเ้าไม่รู้ ตอนเด็กที่ข้าเห็นเขาครั้งแรกก็รู้สึกว่า ชาตินี้การได้อยู่ข้างกายเขาเป็สิ่งที่ดีที่สุด แม้ข้าจะต้องตาย ข้าก็ควรรู้จักพอแล้ว ต่อไปข้าคือคนที่สามารถอยู่ข้างกายเขาด้วยฐานะของฮูหยินของโจวอ้าวเสวียน มีคุณสมบัติที่จะได้อยู่ข้างเขาในหลุมศพ เป็ข้าคนที่อ่อนแอขี้โรคคนนี้ตลอดไป”
ฮูหยินห้าพูดถึงตรงนี้ ผ้าเช็ดหน้าในมือก็ยับย่นเป็ก้อน ในดวงตาที่เดิมทีมีความอ่อนแอเปราะบาง ในตอนนี้เปลี่ยนมาบ้าคลั่ง
แม่นมทำเพียงแค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ความกังวลในแววตายิ่งชัดเจนขึ้น คุณหนูในตอนนี้สามารถมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะความโกรธนี้
ชีวิตนี้ของนาง จะได้เข้าไปในหลุมศพของคุณชายห้าอย่างที่ปรารถนาจริงหรือ?
หากเปรียบเทียบคนคนนั้นกับคนทั่วไป บุรุษที่เก็บความรู้สึกตนไม่สามารถหาความหวั่นไหวได้ แม่นมรู้สึกหมดแรง นางอยู่ที่จวนสกุลหวังมานาน แต่นางกลับไม่เคยเห็นคุณชายที่อยู่ใน่วัยหนุ่มสาวอย่างโจวอ้าวเสวียนคนใดสามารถจัดการเื่ราว รวมถึงมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้นิ่งสงบ ไร้สีหน้าเช่นนี้
ใจของเขาแคบเกินไป ลึกเกินไป จากสติปัญญาของคุณหนูและความสามารถของนาง จะสามารถสมปรารถนาจริงๆ หรือ?
“คุณหนูพูดถูก ไม่ว่าอย่างไร ชีวิตนี้คุณหนูทำได้แค่อยู่ข้างกายคุณชายสมปรารถนา” แม่นมปลอบเสียงเบา ในแววตาเต็มไปด้วยการตัดสินใจแน่วแน่ อย่างไรก็ตามนางจะทำให้คุณหนูสมปรารถนา
ถึงขั้นที่ชีวิตนี้จะให้โจวอ้าวเสวียนปกป้องอยู่ข้างกายนาง
***
“คุณชาย เรือนบนเขาสร้างเสร็จแล้ว จะไปพักผ่อนสักระยะหรือไม่ขอรับ?” เมื่อเห็นว่าเื่ใกล้เสร็จแล้ว อู่เอ๋อร์จึงยิ้มถาม
ความจริงแล้วกุนซือให้เขามาพูดโน้มน้าว บอกว่าคุณชายงานยุ่งทุกวัน หากเป็เช่นนี้ต่อไปเกรงว่าจะเคร่งเครียดเกินไปนัก ถึงเวลาให้เขาไปพักผ่อนจิตใจแล้ว แม้จะต้องขยายอาณาเขตออกไป แต่จากคำพูดของกุนซือแล้ว คนคนนี้จะต้องทำงานและพักผ่อนแต่พอดีจึงจะได้
“เรือนบนเขา?” โจวอ้าวเสวียนขมวดคิ้วถามด้วยความไม่เข้าใจ
อู่เอ๋อร์เห็นท่าทางของเขาก็รู้เลยว่าคุณชายลืมเื่บนูเาไปแล้ว
เฮ้อ ั้แ่คุณชายตัดสินใจออกเรือน สตรีที่มีตำแหน่งในใจของคุณชายคล้ายจะถูกคุณชายลืมเลือนไปแล้ว
“เมื่อปีก่อน คุณชายจะซื้อที่ดินในหมู่บ้านปาเจียวไม่ใช่หรือ และยังให้สร้างเรือนเอาไว้ ถึงตอนนั้นจะได้สะดวกต่อการไปพักผ่อนไม่ใช่หรือ? คุณชายทำงานหนักเกินไปจนเหมือนจะลืมเื่นี้ไปแล้วขอรับ”
เมื่อพูดถึงขึ้นมา ตรงหน้าของโจวอ้าวเสวียนคล้ายจะมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจลอยขึ้นมา รอยยิ้มของนางยังคงชัดเจน
หลังจากที่เขาตัดสินใจออกเรือน เขาตั้งใจจะไม่คิดถึงนาง แน่นอน วันนี้เมื่อถูกอู่เอ๋อร์ทักขึ้นมา เขาถึงได้พบว่า ที่แท้ภายในส่วนลึกในใจของเขาล้วนไม่เคยลืมคนคนนั้นไปได้เลยจริงๆ ...
