คืนแห่งความสับสนวุ่นวาย หลังจากทหารตื่นตระหนก มันก็จบลงอย่างงดงาม เมื่อตำรวจและทหารจำนวนมากจากกองบิน 101 บุกเข้าไปในสลัม มีซากศพอยู่เกลื่อน ตำรวจได้คลี่คลายคดีแก๊งมาเฟียครั้งใหญ่ที่สุดนับั้แ่ก่อตั้งสหรัฐอเมริกามา พวกเขาจับนักเลงตระกูลไมค์ได้หลายพันคน อาวุธปืนที่ยึดได้เพียงพอสำหรับนาวิกโยธินทั้งกอง
มีคนรายงานเื่รถถังและเฮลิคอปเตอร์ที่เข้าร่วมรบด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อตำรวจไปตรวจสอบแล้ว กลับไม่พบ เ้าพ่อตระกูลไมค์ซึ่งสั่งฟ้าเรียกฝนได้เป็เวลากว่า 20 ปีถูกะุลูกหลงของปีเตอร์ลูกชายสุดที่รักปลิดชีพ เวกัสเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างมาเฟียครั้งใหญ่ หลักๆ คือตรวจสอบและกวาดล้างฐานที่มั่นของตระกูลไมค์ แก๊งอื่นๆ พากันสงบเสงี่ยมราวกับพลเมืองดี ณ ่เวลานี้ เป็่เวลาที่ทางตำรวจวุ่นวายที่สุด มันเป็การริเริ่มการจัดระเบียบสังคมใหม่ เพื่อต่อสู้กับอาชญากรรม...
เมื่อปราศจากตระกูลไมค์แล้ว เวกัสก็เปลี่ยนเป็เมืองที่มั่นคงขึ้น อย่างน้อยคนในสลัมก็ได้อานิสงส์อย่างแท้จริง ปราศจากการรีดไถจากงูบนดิน สถานีตำรวจในละแวกใกล้เคียงที่รับสินบนั้แ่ผู้กองไปจนถึงคุณป้าผู้ช่วยก็ถูกจับทั้งหมด คืนความสุขให้แก่เมือง์
ัดำถูกควบคุมตัวเป็เวลา 48 ชั่วโมงในฐานะผู้ต้องสงสัย หลังจาก 48 ชั่วโมงแล้ว เ้าหน้าที่ราชการระดับาุโท่านหนึ่งพร้อมด้วยทนายความที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาก็ประกันตัวเธอออกมา เธอวางตัวเป็พลเมืองดีซึ่งถูกคุกคามโดยแก๊งมาเฟีย การยิงปีเตอร์ถือเป็การป้องกันตัวที่ชอบธรรม
จากเหตุการณ์ทั้งหมด ผู้ที่น่าหดหู่ที่สุดคือแม่มด ก่อนที่อันฉีจะส่งงาน พันเอกคาร์ลได้โทร.มาบอกว่าภารกิจถูกยกเลิกแล้ว...เดิมทีัดำได้สร้างความสัมพันธ์ร่วมกับเอฟบีไอมาเป็เวลานาน เงินทุจริต 3 พันล้านนั้นเป็มาตรการที่ล่อให้ติดกับ กลุ่มคนเหล่านี้ช่วยให้เธอดำเนินขั้นตอนอันซับซ้อนในการโอนเงินผ่านธนาคารได้ เนื่องจากมีการขนเงินโดยใช้รถถังของทางราชการ เพื่อให้เหล่ามาเฟียไม่รู้ตัว
วัตถุประสงค์ของเอฟบีไอคือการกำจัดตระกูลไมค์ ถอนรากถอนโคนพวกเขาในหน่วยราชการ ส่วนเงินก้อนนี้ตามข้อตกลงก่อนหน้าจะต้องส่งคืนให้กับสมาชิกของแต่ละแก๊ง และมีข้อเรียกร้องเดียวก็คือ...ไม่ให้ปล่อยเงินไหลเข้าสู่ตลาดการเงินในปริมาณมาก
หลังจากแก้แค้นสำเร็จ ค่ายได้รับแจ้งจากเบื้องบนว่าให้ยกเลิกภารกิจ
และเมื่อแม่มดได้รับข่าวนี้ เธอก็เต็มไปด้วยจิตที่คิดอยากจะฆ่าใครสักคน แต่ด้วยบอดี้การ์ดของัดำคือเสิ่นิ เธอจึงได้แต่กลับไปรายงานตัวอย่างเงียบๆ
หลังจากเหตุการณ์ความขัดแย้งของแก๊งมาเฟียจบลง เสิ่นิก็นอนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยอันหรูหราในเวกัส โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมด ัดำเป็คนออกให้ เธอยุ่งมาก เสิ่นินอนโรงพยาบาลทั้งหมด 5 วัน แต่ไม่เคยเห็นเธอเลยสักครั้ง
กระทั่งเสิ่นิและเซี่ยวอี๋ถือตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่งเที่ยวกลับบ้าน ัดำในชุดสีขาวพร้อมกับกลุ่มพี่น้องที่ท่าทางดุร้ายถึงเดินถึงตรงเข้ามาหาเสิ่นิ
นักท่องเที่ยวโดยรอบ เมื่อเห็นกลุ่มคนที่หน้าตาดุร้ายเช่นนี้ต่างก็พากันหลีกทางไปข้างๆ อย่างไม่รู้ตัว เมื่อประตูทางเข้าเปิดก็เงียบลง
เซี่ยวอี๋ก้าวหลบไปอย่างรู้งาน นี่เป็การอำลาระหว่างเสิ่นิและัดำ
“จะไปแล้วเหรอ?” ัดำกล่าวในขณะที่ยิ้มโชว์ลักยิ้ม
“อื้อ”
“ไม่คิดจะอยู่เที่ยวก่อนสักสองสามวันเหรอ?”
“ไม่ล่ะ ผมไม่เชี่ยวเื่การพนัน”
“หลายวันมานี้มีเื่ให้จัดการตลอด ก็เลยไม่ได้ไปหาคุณ ตำหนิฉันหรือเปล่า?”
“จะไปตำหนิได้ยังไง ผมรู้ว่าคุณยุ่ง อีกอย่างผมก็ไม่ได้เป็อะไรด้วย พักไม่กี่วันก็หายแล้ว”
“กลับประเทศไปแล้วคิดจะทำอะไร?”
“แน่นอนว่าบอดี้การ์ดเหมือนเดิม ผมไม่มีฝีมือด้านอื่น” เสิ่นิยิ้ม
“ที่คุณบอกว่าจะเลี้ยงดูฉัน...ยังสัญญาตามนั้นอยู่หรือเปล่า?” ัดำถามพลางลดศีรษะลง
“ตามนั้น แต่ในกรณีคุณตกงานเท่านั้นนะ ตอนนี้ดูเหมือนว่าหน้าที่การงานของคุณจะดีกว่าผมอีกมั้ง?” เสิ่นิยังคงยิ้มอย่างเป็ธรรมชาติ ความรู้สึกบนใบหน้านั้นสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอบคุณ ที่ช่วยให้ฉันรอดตาย ต่อไปคงจะยุ่งมากๆ ฉันเพิ่งจะก่อตั้งชมรมัดำ เพื่อผนวกอาณาเขตที่เดิมทีเป็ของตระกูลไมค์ หลีกเลี่ยงความไม่สงบในสังคม มีรัฐบาลคอยหนุนหลัง เชื่อว่าน่าจะได้มีบทบาทอันทรงพลังนะ?” พอพูดจบ ัดำก็คว้าคอของเสิ่นิไว้ “แต่...ขอแค่คุณยินดี ฉันก็จะทิ้งทุกอย่างและไปเป็นักบัญชีให้คุณ แค่มีคุณ ฉันก็อยากจะกลายเป็สาวน้อยผู้อ่อนแอ”
“ัดำ ทำหน้าที่ต่อไปให้ดีเถอะ เสพสุขกับชีวิตที่พ่อกับแม่คุณยังไม่ได้ใช้มัน เปล่งรัศมีออกไปเหมือนกับดอกไม้ไฟ” เสิ่นิกระซิบที่ข้างหูของัดำ
“ทำไมฉันรู้สึกว่าฉันสามารถพิชิตโลกทั้งใบได้ แต่กลับไม่สามารถพิชิตคุณได้ล่ะ? " ัดำกล่าวพลางยิ้มพร้อมหลั่งน้ำตา “ลาก่อน เทพบอดี้การ์ดของฉัน เมื่อฉันค้นพบกลยุทธ์ที่จะพิชิตคุณ ฉันจะไปหาคุณ"
“แล้วจะรอ ‘อาเจ๊’ ของผม” เสิ่นิยิ้มพลางลูบแผ่นหลังของัดำ
ในโลกแห่งอารมณ์ เด็กน้อยเท่านั้นที่จะพูดว่า “ทิ้งฉันไปทำไม” ส่วนผู้ใหญ่จะจากไปอย่างเงียบๆ ...
ในที่สุดก็เดินทางกลับประเทศ ถึงจะอยู่ที่นี่ได้เพียงแค่ 10 วัน แต่เซี่ยวอี๋กลับรู้สึกล้ามาก คิดแค่อยากจะกลับบ้านเร็วๆ และนอนหลับอย่างสบายบนหมอนของตัวเอง
จริงสิ เมื่อเซี่ยวอี๋นั่งอยู่ในชั้นเฟิร์สคลาส จู่ๆ เธอก็นึกถามขึ้นมาได้ “เฮ้ เสิ่นิ ค่าจ้าง 1 ล้านจากอันฉีจะมาถึงเมื่อไรล่ะ? ที่นายเป็หนี้ฉัน จะชำระได้หมดเลยหรือเปล่า? บอกนายไว้ก่อนนะ คราวนี้ฉันเกือบตายเพราะปกป้องัดำจนกระทั่งจบงาน ค่าแรงต้องไม่ใช่น้อยๆ!”
“คุณน้า มีบางเื่ผมลืมบอกคุณไป...” เสิ่นิใจฝ่อ เขาใช้นิ้วจิ้มแก้มด้วยความลำบากใจ
ไม่กี่นาทีต่อมา บนเครื่องบิน Boeing 777 ที่ระดับความสูง 10,000 เมตร เสียงแหลมๆ ก็คำรามขึ้น “เสิ่นิ! ฟัคลุงนาย! เอาเงินฉันคืนมา!!!”
สิ่งที่น่าเ็ปที่สุดในโลกคือการได้รู้จักกับผู้คุ้มกันระดับเทพ เกิดเหตุนองเืไม่เคยหยุด ผู้ชายคนนี้ช่างงี่เง่าและทำงานฟรีอยู่เสมอ...
เปิดไปแล้ว 4 บิล ค่าตอบแทนที่ควรจะได้เพิ่มเป็หลายล้าน แต่สุดท้ายก็เหลือเงินอยู่แค่เพียง 3,000 เหรียญ
เพื่อใช้เป็ค่าครองชีพพื้นฐานซึ่งัดำมอบให้ไว้กับทางโรงพยาบาล ค่าตอบแทนที่เหลือจากหนึ่งแสนดอลลาร์นั้นถูกเ้าพ่อยึดไปเมื่อถูกลักพาตัว เดิมทีเซี่ยวอี๋คาดว่าจะมีชีวิตที่สุขสบายจากค่าจ้างของแม่มด นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะถูกเสิ่นินำไปซื้ออาวุธจำนวนมากหมดแล้ว
ซื้อไปแล้วก็คือซื้อไปแล้ว โชคดีที่ก่อนเดินทางเขาค้นพบวิธีปล่อยของเ่าั้ อย่างน้อยก็ได้เงินกลับมาสักแสนหรือสองแสนดอลลาร์ ถ้ากลับเมืองหลินไห่แล้วซื้อลูกหมูสักคอกมาเลี้ยง? อย่างนี้ก็น่าจะพอไหว ตอนนี้พวกเขาอยู่ใน American airways แล้ว ทั้งคู่อ่อนลงมาบ้าง ฉันไปล่ะ ฉันมาเงียบๆ กลับไปเงียบๆ ลาแล้วเงินฝรั่ง...
ที่สำคัญที่สุดคือ! เซี่ยวอี๋ไม่เพียงแต่เสียเงินเก็บให้กับเสิ่นิ ซ้ำยังเสียจูบแรกไปอีกด้วย! เรียกได้ว่าพังกับพัง! แล้วจะไม่ให้เธอโมโหเป็ฟืนเป็ไฟได้ยังไง!
ถ้าไม่ใช่เพราะ American airways มีตำรวจอากาศอยู่ในทุกเที่ยวบิน เสิ่นิน่าจะถูกเซี่ยวอี๋เชือดด้วยมีดพลาสติกจนตายระหว่างทางกลับบ้านแล้ว
ในที่สุดก็กลับมาถึงบ้านน้อยในเมืองหลินไห่ซึ่งได้จากไปหลายวัน ข่าวร้ายก็คือพวกเขาได้กลับมาสู่ชีวิตความเป็อยู่อันไม่สวยหรูเหมือนเดิมอีกต่อไป ด้วยเงินที่มีเล็กๆ น้อยๆ ผ่านพ้นไปแต่ละวัน ข่าวดีก็คือ สวนผักในบ้านถูกวัชพืชยึดครองอีกครั้ง ใบอ่อนงอกออกมามากมาย เสิ่นิไม่อดตายแล้ว
ไม่รู้ว่าเป็เพราะสูญเงินไปหนึ่งล้านดอลลาร์หรือว่าสูญเสียจูบแรก เซี่ยวอี๋จึงปฏิบัติต่อเสิ่นิแย่ลงเรื่อยๆ ประตูห้องถูกเพิ่มล็อกจาก 2 มาเป็ 4 แม้แต่ห้องน้ำก็ถูกล็อก หมดทางที่เสิ่นิจะขโมยของกิน เขาจึงได้แต่กินหญ้าต่อไปแต่โดยดี
“เฮ้ ตายไปแล้วหรือยัง?” เซี่ยวอี๋ในชุดกางเกงรัดรูป เธอเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงและเตะเสิ่นิซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นในห้องนั่งเล่น
“ใกล้จะตายแล้ว...” เสิ่นิกินหญ้ามา 5 วันแล้ว ่นี้สามวันถึงจะถ่ายอุจจาระสักครั้ง หน้าตาเหมือนกับขี้วัวอย่างไรก็อย่างนั้น
“ลุกขึ้น ออกไปธุระเป็เพื่อนฉันหน่อย บะหมี่ลักซาหนึ่งชาม” เซี่ยวอี๋ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“เพิ่มออส่วนอีกที่นะ! บ๊อกบ๊อก!” เสิ่นิลุกขึ้นนั่งก่อนจะทำท่าทางของสุนัข ตาเขายิ้มจนเป็เส้น
“บะหมี่ลักซาชามเดียว จะกินไม่กิน ห้ามต่อรอง...” เซี่ยวอี๋ขมวดคิ้ว “เห็นสภาพซอมบี้ขนาดนี้ คนอื่นเขาเกษียณจากทหารมาเป็บอดี้การ์ด นายเองก็เป็บอดี้การ์ด คนอื่นๆ ทำเงินได้มากมาย ได้แอ้มหญิงสาวไปไม่รู้เท่าไร ส่วนนายผ่านมาได้เกือบ 100 บทแล้วก็ยังกินหญ้าประทังชีวิต มันน่าสังเวชไหมเนี่ย? "
“ฮ่าๆ ผมแค่ไม่อยากทำซ้ำคนอื่นโดยไม่จำเป็น่ะ บะหมี่ลักซาชามใหญ่ได้ไหม?” ดวงตาของเสิ่นิเปล่งประกาย
“กลัวนายแล้วจริงๆ ชามใหญ่ก็ชามใหญ่ ไป” เซี่ยวอี๋ยอม
วันนี้เซี่ยวอี๋ทำบัญชี เงินเล็กๆ น้อยๆ ที่มีอยู่บวกกับเงิน 3,000 ดอลลาร์สหรัฐที่แลกมา หักค่าครองชีพแล้ว เธอมีเงินสำรองอีกประมาณ 55,000 หยวน เธอคิดถึงวันที่มีรถขับ ก็เลยอยากหารถเอาไว้ใช้
เธอไม่ควรทิ้งเสิ่นิไว้ที่บ้านคนเดียว ไม่ต้องพูดถึงว่าเพราะผู้ชายคนนี้ยังอยู่ใน่สังเกตการณ์และกำลังหิวโซ เซี่ยวอี๋เห็นเขาถึงกับต้มเข็มขัดเพื่อประทังความหิว
ในห้องของเซี่ยวอี๋มีของกินไม่น้อย ถ้าออกมาคงหนีไม่พ้นปากเสืออย่างเสิ่นิ สู้พาเขาออกไปทานบะหมี่สักชามเลยดีกว่า
เพื่อให้เป็การประหยัด พวกเขาจึงเลี่ยงการขึ้นรถแท็กซี่ พวกเขานั่งรถเมล์ไปยังตลาดรถมือสองในเมืองหลินไห่ มีผู้คนมากมายที่นี่ รถหลากหลายรุ่น ทั้งเก่าและใหม่ ราคาค่อนข้างสมเหตุสมผล และแน่นอนว่าคุณต้องพอมีความรู้เื่รถอยู่บ้าง
“เถ้าแก่ ลดหน่อยได้ไหม?” เซี่ยวอี๋ดู Volkswagen Bora Hatchback สีขาวที่ใช้งานมาแล้วสองปี สภาพไม่เลวเลย
“คุณผู้หญิง 60,000 นี่ถูกแล้วนะ คุณลองไปเดินดูสิ รถยนต์คันนี้เริ่มต้นอย่างน้อยก็ 70,000 แล้ว ผมเห็นว่าคุณเป็คนสวย ก็เลยอยากจะให้ราคานี้กับคุณจริงๆ” เถ้าแก่ปากแหลมขมวดคิ้ว
“ความจริงคือมันเกินงบของฉันน่ะ ถ้าคุณลดให้ได้อีกสัก 5,000 ฉันก็พอรับได้” เซี่ยวอี๋กล่าวอายๆ
“5,000! ต่อได้โหดมาก! ไม่เคยเห็นใครต่อโหดแบบคุณมาก่อน” เถ้าแก่ทำท่าทางอยากจะตาย เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เอาล่ะๆ ผมกลัวคุณแล้ว ทำธุรกิจก็ต้องใจเขาใจเรา”
“รถคันนี้เคยเปลี่ยนแบริ่งหลัก มีรอยบัดกรีด้านในโครงรถ คุณทำมันได้ประณีตมาก แต่พอมองจากด้านล่าง ก็ยังสังเกตเห็นได้ เถ้าแก่ รถคันนี้เคยประสบอุบัติเหตุมาก่อนใช่ไหม มีกลิ่นเืเล็กน้อยใต้เครื่องยนต์ เคยมีคนเสียชีวิตในรถ?” เสิ่นิปิดฝากระโปรงรถและยิ้มตาหยี “ขายสองหมื่นก็ยังไม่รู้ว่าจะมีคนซื้อหรือเปล่า ยังมีหน้ามาขอหกหมื่น ทำไมถึงกล้าล่ะ!”
“ไม่รู้แล้วก็พูดไปเรื่อย! ใครบอกว่าเคยมีคนตาย?!” สีหน้าของเ้าของรถมือสองกลายเป็สีเขียวคล้ำ เสิ่นิก็พูดซะเสียงดัง ลูกค้าหลายคนที่ดูรถอยู่รอบๆ พอได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็พากันเดินหนีไปหมด “แม่เอ๊ย ถ้าไม่มีเงินก็ไปให้พ้นๆ มาวางยากันั้แ่เช้าตรู่! ไป! ไป! ไป! ไม่ขายให้พวกเธอแล้ว!”
“ไม่ใช่ไม่มีเงิน แต่ซื้อของก็ต้องให้สมราคาสิ? จ่าย 50,000 ซื้อของ 20,000 มีเงินแต่ก็มีสมองด้วย” เสิ่นิก้าวขึ้นมายืนข้างเซี่ยวอี๋
“ถ้ามีเงินก็ไปซื้อ BMW ฝั่งตรงข้ามสิ มาหาฉันที่นี่ให้หงุดหงิดทำไม?” เถ้าแก่พูดจาดูิ่
“เดี๋ยววันนี้ฉันจะซื้อให้แกดู” เดิมทีเซี่ยวอี๋ไม่คิดจะมีเื่ จะลองหารุ่นอื่นดู แต่เสิ่นิกลับโอบเอวเธอไว้และผลักเธอไปดู BMW 4S ฝั่งตรงข้าม