“อ๋า... เป็คน... เลวงั้นหรือ?” เลี่ยวชิงเอ๋อร์เบิกตากว้างพลางเอ่ย “จะเป็ไปได้อย่างไร? แม้ว่าแม่เลี้ยงของเ้าจะไม่ชอบเ้า แต่ตราบใดที่พ่อผู้ให้กำเนิดได้พบเ้า เขาจะต้องชอบเ้าแน่นอน”
เหอตังกุยยังคงส่ายหน้า สายตาของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกห่างเหินและความดื้อรั้น เลี่ยวชิงเอ๋อร์กอดนางอย่างรักใคร่ ทำให้ผู้คนจากอีกฟากของลำธารพากันกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ เลี่ยวชิงเอ๋อร์กล่าวด้วยความจริงใจว่า
“นิสัยรูปร่างหน้าตาและความสามารถของเ้าล้วนโดดเด่น แม้แต่ตระกูลของเฒ่าประหลาดจูก็ไม่อาจสอนองค์หญิงเช่นเ้าออกมาได้ ตอนนี้สิ่งเดียวที่ขาดไปคือภูมิหลังของชาติกำเนิดเ้า เหตุใดเ้าไม่ลองแก้ไขมันดูเล่า?”
“คุณหนู พวกเ้าอยากได้สุราเพิ่มหรือไม่?” เด็กชายในสำนักศึกษาที่ดูแลเื่สุราบ๊วยต้มถือตะกร้ามายืนอยู่ด้านหลังของพวกนาง เหอตังกุยอยากได้เหล้าหนึ่งเหยือกเพิ่มบ๊วยเปรี้ยวและถั่วลิสงพร้อมซีอิ๊ว นางมอบเงินครึ่งพวงให้เด็กน้อยเป็ค่าตอบแทน เด็กน้อยผู้นั้นรับเงินและวิ่งออกไปอย่างมีความสุข
พวกนางทั้งสองดื่มสุราคนละจอก เลี่ยวชิงเอ๋อร์ยังเอ่ยแนะนำว่า “พ่อแท้ๆ ของเ้าอาศัยอยู่ที่ตระกูลเหอในเมืองหลวง อย่าดูถูกความรักที่พ่อมีต่อลูกสาว มันลึกเสียยิ่งกว่าทะเลและหนักกว่าทองคำเป็พันเท่า บางทีเขาอาจไม่เคยสังเกตว่าความรักของเขาลึกซึ้งเพียงใด เ้าต้องไปัักับความรักนั้นด้วยตัวของเ้าเอง ถ้าเ้าเห็นด้วยล่ะก็ เดือนหน้าเมื่อถึงปีใหม่พวกเราจะกลับไปที่เมืองหลวงและข้าจะไปที่ตระกูลเหอกับเ้าเพื่อทวงฐานะของเ้าคืน ตราบใดที่ได้รับฐานะบุตรีที่ชอบธรรม เ้าก็จะสามารถเลือกบุรุษที่อยู่ตรงหน้าได้ตามใจ”
นางพูดพลางชี้ไปที่บุรุษเ่าั้ในอีกฝั่งหนึ่งของลำธารราวกับฝูงเป็ด “ซ่งเฉียวเป็โบราณคร่ำครึ ไม่เอา เหวินฮั่นเ้าชู้ไก่แจ้ ไม่เอา กวนโม่และกวนฉีต่างก็เคยผ่านสาวใช้อุ่นเตียงมาแล้ว ไม่บริสุทธิ์พอ ไม่เอา ซุนจื้อเจ๋องั้นหรือ? คนในตระกูลซุนไปให้พ้นหน้าข้าทั้งหมด หานฟ่างงั้นหรือ? คนผู้นี้ไม่เลว อ๊ะ! เขามองมาที่ข้าด้วยล่ะ อ๊ะๆๆ ใจข้าเต้นเร็วมาก..."
เหอตังกุยใส่บ๊วยเปรี้ยวเข้าปากหนึ่งลูก มันเปรี้ยวจนนางขมวดคิ้ว
นางหัวเราะพลางเอ่ย “บุรุษยังต้องบริสุทธิ์ด้วยหรือ? มาตรฐานในการเลือกสามีของเ้าช่างมีหลายอย่างจริงๆ มาตรฐานเช่นนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อบุรุษอีกจำนวนมากเลยล่ะ
เ้าอาจจะยังไม่รู้ เมื่อเหล่าคุณชายอายุสิบเอ็ดสิบสองปี แม่หรือยายของเขาจะเลือกสาวใช้ที่อายุมากกว่าเล็กน้อยไว้ในห้องของเขา แม้ว่าจะไม่มีฐานะอันใด แต่ก็เป็ได้เพียงสาวใช้อุ่นเตียง เ้าอยู่แค่ในตระกูลกวน ด้วยเหตุนี้จึงเห็นเพียงว่ากวนโม่และกวนชี่มีสาวใช้คอยดูแล แต่ในความเป็จริงพวกเขาไม่ได้อยู่คนเดียว แม้แต่หานฟ่างที่เ้าบอกว่าไม่เลวนั้น ก็อาจจะมีสาวใช้อุ่นเตียงก็เป็ได้”
"จริงหรือ?" เลี่ยวชิงเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างสงสัย “พี่ชายของข้าไม่มีสาวใช้ เขาเป็ชายบริสุทธิ์ก่อนที่เขาจะแต่งงานกับพี่สะใภ้ของข้า เขาเรียกตัวเองว่าสุภาพบุรุษที่ ‘ไม่ถูกดึงดูดเมื่อเดินผ่านมวลดอกไม้’ เอ๋ ไม่ใช่ๆ แม่ของข้าเคยมอบสาวใช้ให้เขาหนึ่งคน อ๊ะ! สี่ฉานเป็สาวใช้อุ่นเตียงของพี่ชายข้า เป็ความลับเกินไปแล้ว ข้าอยู่ตระกูลเลี่ยวมานานก็ยังดูไม่ออก... มิน่าล่ะสายตาที่นางมองไปที่พี่ชายของข้ามักจะเขินอายอยู่ตลอดเวลา... จะว่าไปเมิ่งเซวียนมีสาวใช้อุ่นเตียงหรือไม่?”
เหอตังกุยมองนางครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “เ้าหาข้ออ้างต่างๆ นานาเพื่อเอ่ยถึงเขาทุกวัน เ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือ?”
เลี่ยวชิงเอ๋อร์ใช้ช้อนกระเบื้องสีขาวคันเล็กตักถั่วลิสงขึ้นมาเคี้ยวคำใหญ่ และพูดงึมงำว่า “ใครใช้ให้เ้าดูไม่มีความสุขเช่นนั้นเล่า ชอบเขาเหตุใดไม่พูดกับเขาไปตรงๆ เล่า? เป็อย่างไร ข้าจะกลับไปที่ตระกูลเหอเป็เพื่อนเ้าดีหรือไม่?”
“ชู่... เงียบๆ ก่อน ทางนั้นมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล" เหอตังกุยยกมือขึ้นห้ามปรามนาง และเงี่ยหูตั้งใจฟังเสียงอีกด้าน
เลี่ยวชิงเอ๋อร์รู้ว่าเหอตังกุยกำลังฟังบทสนทนาของผู้อื่นด้วยความสามารถพิเศษ ‘หูยาวเป็พันลี้’ ที่ยอดฝีมือมักจะใช้กัน ดังนั้นนางจึงหยุดพูดและรอ ไม่นานเหอตังกุยก็หันกลับไปดื่มเหล้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด เลี่ยวชิงเอ๋อร์ถามอย่างร้อนใจขึ้นมาทันที “เป็อย่างไรบ้าง เ้าได้ยินอะไรหรือไม่?”
เมื่อเห็นเหอตังกุยเงียบไม่พูดอะไร เลี่ยวชิงเอ๋อร์จึงมุ่ยปากกล่าวว่า “เ้าคงไม่ได้จงใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนาของพวกเราใช่หรือไม่? ในเมื่อตอนนี้เ้าเลือกที่จะอดทนอยู่กับคนใจร้ายเช่นต่งซินหลันและหลัวป๋ายฉยง เหตุใดเ้าถึงไม่กล้าไปพบพ่อของเ้า ข้าว่าเขาก็เป็คนไม่เลว ตอนนั้นยังวิ่งไล่ตามขโมยช่วยเหลือคนอยู่บนถนนใหญ่เลย เขาเหาะขึ้นไปบนหลังคาอย่างกับหนังกำลังภายใน มันสุดยอดไปเลย”
เหอตังกุยเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างจริงจังว่า “ชิงเอ๋อร์ สำหรับทุกสิ่งที่ข้ารู้ในชาติก่อนผู้บัญชาการเหอไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน อย่างที่เ้าบอกว่าผู้บัญชาการเฉาหงรุ่ย ‘มีความผิดปกติทางจิตใจ’ ต่อไปเมื่อเ้ากลับไปที่เมืองหลวงแล้วได้พบกับเขา เ้าก็คิดเสียว่าเขาคือเฉาหงรุ่ยคนที่สอง และอยู่ให้ห่างจากเขาให้มากที่สุดเท่าที่เ้าจะทำได้ จำไว้ว่าอย่าพูดคุยกับเขาและอย่าบอกว่าเ้ารู้จักข้า เข้าใจหรือไม่?”
เลี่ยวชิงเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างแปลกใจด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “เฉาหงรุ่ยคนที่สอง? เ้าล้อข้าเล่นหรือไม่? เขาเป็พ่อของเ้า เหตุใดเ้าถึงได้พูดถึงเขาเช่นนั้น? เขาทำเื่ที่ไม่น่าให้อภัยอะไรกับเ้าหรือไม่?”
“ข้าแค่ได้ยินมาเท่านั้น แต่ก็ยังไม่เคยเห็นเขาเลย” เหอตังกุยเอ่ยเนิบๆ “เพียงเพราะเขาเป็พ่อแท้ๆ ของข้า ดังนั้นจึงไม่เหมาะสมที่ข้าจะพูดออกมา หากเ้าสงสัย แค่ขอให้พี่ชายของเ้าตรวจสอบเขาก็ได้แล้ว สายลับจากหอคอยฉางเย่ชอบขุดคุ้ยความลับของผู้อื่นเป็ที่สุดมิใช่หรือ? ส่วนชื่อบุตรีนอกสมรสของข้า วันที่สามหลังจากการตายของเหอจินเผิงพ่อของผู้บัญชาการเหอในปีนั้น ผู้บัญชาการเหอชักดาบออกมาชี้ที่คอของเหอจินโจวอาของข้าซึ่งมีฐานะเป็ประมุขของตระกูลเหอที่กำลังมาร่วมไว้อาลัยให้กับพ่อของตน เขาบังคับให้เหอจินโจวมอบแผนผังของตระกูลเหอให้แก่เขา จากนั้นเขาก็เปลี่ยนแม่ของข้าเป็อนุหลัวและเปลี่ยนข้าเป็ลูกสาวของอนุ เ้าคิดว่าข้าจะสามารถทำให้เขากลับมาใจดีอีกครั้งได้อย่างนั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินดังนั้นเลี่ยวชิงเอ๋อร์ก็อ้าปากค้าง สิ่งที่นางประหลาดใจกลับเป็อีกเื่ “เหอจินเผิง? ปู่ของเ้าน่ะหรือ? เ้าเรียกพ่อของเ้าว่าผู้บัญชาการเหอ ดูเหมือนว่าเ้าจะมีความแค้นกับเขาอยู่ไม่น้อย แม่ของเ้าปลูกฝังเ้าเช่นนี้หรือไม่?”
เหอตังกุยถอนหายใจพลางเอ่ย “แม่ของข้าเป็คนโง่คนหนึ่ง ตอนที่นางอยู่กับผู้บัญชาการเหอ นางก็มอบความรักทั้งหมดให้กับเขา หลังจากหย่าร้างกับผู้บัญชาการเหอโดยสมบูรณ์ นางก็ถูกยายแท้ๆ ของข้าจับคู่ให้แต่งงานกับเหอฟู่ นางเชื่อในเหตุผลที่ว่าเมื่อออกเรือนแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะลำบากเพียงใด ก็ต้องรู้จักปรับตัวอยู่กับสามีและครอบครัวสามีให้ได้ ไม่ว่าเขาจะเ็าและไร้หัวใจเพียงใด นางก็ยังคงต้องให้หัวใจทั้งหมดกับเขา เหมือนกับดูแลน้องชายของตนเพื่อช่วยเขาจัดการทุกอย่าง และด้วยเหตุนี้นางจึงไม่สามารถรั้งหัวใจของคนผู้นั้นได้ ได้ยินมาว่าตอนนี้เขายังคงอาศัยอยู่ในเมืองหลวงในฐานะลูกเขยของตระกูลหลัว และมีอนุที่ให้กำเนิดบุตรของเขา ดูมีความสุขมากจริงๆ
เ้าว่า คนโง่เขลาอย่างแม่ของข้าที่ไม่มีความคิดที่ซับซ้อนและไม่พูดอะไรมาก นางจะสามารถปลูกฝังอะไรข้าได้บ้าง? เื่ราวเหล่านี้บางส่วนข้าก็แอบได้ยินมาจากการสนทนาระหว่างเหล่าไท่ไท่และคนอื่นๆ ในชาติที่แล้ว และบางส่วนข้าก็รู้มาจากหออู่อิง อันที่จริงแล้วข้ามิได้มีความแค้นอันใดกับตระกูลเหอ เป็เพียงคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดต่อกันก็เท่านั้น”
“หออู่อิง? นั่นคือสถานที่ที่เ้าทำงานให้สามีของเ้าในชาติก่อนใช่หรือไม่? อ้อ ไม่พูดๆ ข้าจะไม่พูดชื่อขององค์ชายสิบเจ็ดลูกชายของตระกูลจู”
เลี่ยวชิงเอ๋อร์โบกมือไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อของเขาเ้าจะดูเศร้าหมอง มา... มาดื่มเหล้ากันเถอะ หลังจากเมาแล้วคนเราจะกล่าวความจริง น้องสามที่แสนดีของข้า บอกกับพี่สาวมาเถอะ ว่าผู้ใดคือผู้สืบทอดต่อจากเฒ่าประหลาดจูผู้นั้น? หลานชายคนแรกของเขาใช่หรือไม่?”
เหอตังกุยชกนางเบาๆ ไปหนึ่งครั้ง “เ้าอย่าเอ่ยถึงเื่นี้เลย ต่อให้ข้าต้องตายข้าก็ไม่บอกเ้า เพื่อไม่ให้เ้าทำให้คนใ อย่างการวิ่งไปคัดเลือกสาวงามหรือไม่ก็นางสนมขององค์รัชทายาท”
“เ้าคิดว่าข้าเป็หลัวป๋ายฉยงหรืออย่างไร?” เดิมทีเลี่ยวชิงเอ๋อร์บ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ แต่จู่ๆ ดวงตาของนางก็เป็ประกาย
นางขยับเข้าไปใกล้เหอตังกุยแล้วกล่าวว่า “บอกพี่สาวเถอะว่า ครั้งสุดท้ายเมื่อหลัวไป๋ฉยงล่อลวงเผิงสือด้วยยาแฝดฤทธิ์รุนแรง พวกเขาสองคนไปถึงขั้นไหนกันแล้ว? เ้าได้เหาะขึ้นไปดูบนหลังคาหรือไม่? นางยังเป็สตรีบริสุทธิ์พอให้เข้าร่วมคัดเลือกหญิงงามหรือไม่?”
เหอตังกุยใช้สายตาดุดันมองเลี่ยวชิงเอ๋อร์ที่กำลังเคี้ยวบ๊วยรสเปรี้ยว “ช่างน่าเสียดายที่เ้าเป็ถึงบัณฑิตวิทยาลัยที่เดินทางข้ามเวลามาจากโลกอนาคต ไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ราชวงศ์ิไม่พอ แต่ยังสนใจกับเื่รักๆ ใคร่ๆ เช่นนี้ด้วย ข้าละอายใจแทนเ้าจริงๆ”
เลี่ยวชิงเอ๋อร์ไม่สนใจสิ่งที่นางกล่าวมาพลางเอ่ยว่า “ข้าเป็คนดื้อรั้นอยู่บ้างใน่มัธยมต้น เพราะข้ามีเงินมากมายที่พ่อให้มา ดังนั้นข้าจึงจ้างเพื่อนนักเรียนมาช่วยทำการบ้าน วิชาละสองจุดห้าหยวน เหอๆ ดังนั้นหนังสือประวัติศาสตร์ของข้ายังใหม่เอี่ยมั้แ่ต้นจนจบภาคการศึกษา แม้แต่เจิ้นเฉิงกงกับเจิ้งเหอข้ายังแยกไม่ออกด้วยซ้ำ ข้าคิดมาเสมอว่า ‘เจิ้งเหอชื่อเฉิงกง’ ภายหลังข้าถึงได้รู้ว่าพวกเขาทั้งสองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดต่อกันเลย”
เหอตังกุยเอียงศีรษะของนางและถามว่า “เจิ้งเหอ? ข้าเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้าง เขาทำอันใดหรือ"
เลี่ยวชิงเอ๋อร์เกาหัวพลางเอ่ยว่า “ดูเหมือนเขาจะเป็แม่ทัพ เป็พวกวีรบุรุษของแคว้น นอกจากนี้เขายังนั่งเรือไปที่ต้าซีหยางหรือแอตแลนติกในปัจจุบัน ต่อมาข้าเป็น้องใหม่ในโรงเรียนมัธยมและมักจะโดดเรียนไปที่บริษัทของพ่อข้าเพื่อขอเงินกับเขา แต่เลขาคนนั้นไม่ให้ข้าเข้าไป ทั้งยังบอกว่าพ่อของข้ากำลังมีประชุมสำคัญ ดังนั้นข้าจึงได้แต่รอเขาอยู่บนเก้าอี้ด้านนอก หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงแปลกๆ ดังมาจากด้านใน เลขาคนนั้นกับข้ามองหน้ากันและตั้งใจฟังั้แ่ต้นจนจบ ในที่สุดประตูก็เปิดออก สตรีรูปร่างท้วมเดินออกมาและเห็นข้ากับนางจึงหันกลับไปพูดกับพ่อของข้าอย่างเ็าว่า ‘คนขอเงินมาอีกแล้ว’
ข้ามองเขาผ่านรอยแยกของประตูและพบว่าเขาสวมเสื้อสูทที่ท่อนบนและกางเกงชั้นในที่ท่อนล่าง สิ่งของบนโต๊ะกระจัดกระจาย เรามองหน้ากันด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน โชคดีที่ลิฟต์เปิดออกพอดี ข้าก็เลยลงไปที่ชั้นหนึ่งทันที หลังจากออกมาข้าก็นั่งแท็กซี่ไปโรงเรียน ั้แ่นั้นมาข้าก็ไม่เคยโดดเรียนเลย และจากนั้นข้าก็เข้าเรียนที่วิทยาลัย พอจบปริญญาตรีข้าก็เข้าเรียนปริญญาโทต่อ แต่ยังไม่ทันจะได้กลับไปเคารพแม่ของข้า จู่ๆ ข้าก็ข้ามเวลามาที่นี่ แต่ข้ามาเพียงิญญาเท่านั้น ไม่รู้ว่าแม่ของข้าจะเสียใจมากเพียงใดหากได้เห็นศพของข้าแล้ว”
เหอตังกุยเอ่ยปลอบใจนางว่า “แม่ของเ้าก็มีเงินห้าหมื่นหยวนที่เ้าทิ้งไว้ให้ นางจะต้องมีชีวิตที่สุขสบายและไม่ขาดเหลืออันใดอย่างแน่นอน”
“จะเรียกว่าเงินจำนวนมหาศาลได้อย่างไร? ข้าบอกเ้าแล้วว่าหนึ่งหยวนของข้าไม่ใช่หนึ่งตำลึงเงินของที่นี่ หนึ่งหยวนเทียบเท่ากับเงินทองแดงสามสี่เหรียญ ดังนั้นห้าหมื่นหยวนของข้าจึงเทียบเท่ากับเงินสี่ร้อยห้าร้อยตำลึงของที่นี่ เ้าไม่รู้ว่าราคาที่อยู่อาศัยในโลกของข้านั้นสูงมาก และแม่ของข้าก็อาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าที่ท่านยายของข้าทิ้งไว้ให้จนถึงตอนนี้ ข้าอยากจะส่งเงินสองหมื่นตำลึงของข้าไปให้นางซื้อบ้านหลังใหม่จริงๆ…” เลี่ยวชิงเอ๋อร์แสดงสีหน้าโศกเศร้าออกมา เมื่อเหอตังกุยได้เห็นดังนั้นจึงรู้สึกเห็นใจยิ่งนักในขณะที่เหอตังกุยกำลังจะปลอบนาง เลี่ยวชิงเอ๋อร์ก็เขย่าแขนนางและพูดด้วยรอยยิ้ม “หลังจากงานเลี้ยงเมื่อเดือนที่แล้ว หลัวป๋ายฉยงกับเผิงสือพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว? ข้าไม่เชื่อว่าเ้าจะไม่ได้ไปดูฉากสนุกๆ นั้น”
เหอตังกุยพินิจมองบ๊วยสีขาวบนจอกสุราพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะไปแอบดู แต่ตอนนั้นข้าเดินผ่านห้องข้างด้านนั้นเพื่อจะไปเดินชมดอกไม้อยู่พอดี…”
เลี่ยวชิงเอ๋อร์ถอนหายใจ แต่เหอตังกุยก็ไม่สนใจเพียงพูดต่อ “ข้าไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใดๆ หากเื่แดงขึ้นมา แม้ว่าเผิงสือจะไม่เต็มใจแต่งงานกับหลัวป๋ายฉยง แต่หลัวป๋ายฉยงก็ยอมเป็อนุของเขา ดังนั้นข้าเดาว่าบางทีนางอาจจะแค่จูบเขาจนทำให้เผิงสือผู้นั้นตื่นขึ้นมา โชคดีที่มีเพียงเท่านี้ ไม่อย่างนั้นหลังจากเผิงสือตื่นขึ้นมาก็คงเดือดดาลจนเข้าไปบีบคอสังหารนางเป็แน่
ในฐานะลูกสาวชอบธรรมของตระกูลหลัว หากนางเป็อนุของลูกพี่ลูกน้อง การแต่งงานครั้งนี้จะน่าอัปยศเพียงใด มีเหตุผลเื้ัมากมายที่ทำให้คนสงสัย นางอาจจะทนไม่ได้กับคำติฉินนินทาของคนในตระกูลเผิง”
“เอ๊ะ แล้วแม่ของเ้าล่ะ?” เลี่ยวชิงเอ๋อร์และเลี่ยวจือหย่วนเป็พี่น้องกันแท้ๆ และทั้งคู่ก็เป็ผู้ใฝ่รู้และมีจิติญญาในการสำรวจ
เลี่ยวชิงเอ๋อร์จึงลูบคางของนางพลางเอ่ยว่า “นางเป็ลูกสาวที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลหลัว ทรัพย์สินของตระกูลหลัวนั้นมีมากกว่าตระกูลเหออยู่บ้าง เหตุใดนางถึงต้องอดทนกับความอัปยศอดสูเพื่อเป็อนุด้วยเล่า? การหย่าร้างไม่ใช่เื่ใหญ่ แค่ลบชื่อทิ้งจากแผนผังของตระกูลเหอ เหตุใดถึงต้องเปลี่ยนนางเป็อนุด้วย? หากไม่ได้เป็ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของท่านลุงรูปงาม แน่นอนว่าจะไม่ยอมเป็อนุของเขาเช่นกัน”
เหอตังกุยยิ้มบางพลางเอ่ยว่า “แม่ของข้าเป็คนไร้ความรู้ นางไม่สามารถคิดหาเหตุผลอันใดได้ ตอนแรกนางได้ยินว่าผู้บัญชาการเหอมีอนุที่ถูกเลี้ยงอยู่นอกจวนทั้งยังโปรดปรานอนุผู้นั้นมาก ผู้บัญชาการเหอให้ทุกอย่างกับนางตามที่นาง้า แม่ของข้าจึงร้องห่มร้องไห้อยู่ตลอดเวลาเพื่อขอให้สามีของนางเปลี่ยนใจ แต่นางไม่เคยคิดว่านางจะได้หย่าร้างกับเขา ต่อมาอนุผู้นั้นก็ถูกพาเข้ามาในจวนตระกูลเหอ และเขาก็พานางไปเคารพพ่อที่ป่วยหนักของตน เขาบอกพ่อของเขาว่าอนุผู้นี้เป็หญิงคณิกามาก่อน และนั่นก็ทำให้พ่อของเขาสิ้นใจทันที ตอนนั้นแม่ของข้าก็อยู่ที่นั่นด้วยคอยดูแลยกยาต้มให้พ่อของสามี และนางก็ถูกกล่าวหาว่าละเลยการดูแลอาการป่วยของพ่อสามีจนเสียชีวิต และต่อมานางก็ได้รับกระดาษขอหย่ามาหนึ่งแผ่น”
เลี่ยวชิงเอ๋อร์อ้าปากกว้างอย่างใ “ท่านลุงรูปงามร้ายกาจขนาดนี้เชียวหรือ? กับบุรุษเช่นนี้ยังจะพูดอะไรให้มากความอีก หย่าเลยๆ ยอมหย่าร้างตามข้อตกลงไปเลย”
เหอตังกุยกล่าวว่า“เ้าคิดว่า ‘การหย่าตามข้อตกลง’ ในยุคนี้เหมือนกับยุคเ้างั้นหรือ? อันที่จริงมันไม่ใช่เช่นนั้นหรอก มีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยระหว่างการหย่าร้างตามข้อตกลงและการหย่าร้างกับภรรยา ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับบุรุษ ั้แ่สมัยโบราณไม่ว่าภรรยาจะได้รับความไม่เป็ธรรมเพียงใดในครอบครัวของสามี อย่างมากนางก็แค่กลับไปที่บ้านสกุลเดิมเพื่อบอกเล่าความทุกข์ใจให้ครอบครัวสกุลเดิมของนางได้ฟังเท่านั้น ไม่มีทางเป็ฝ่ายขอ “หย่า” อย่างแน่นอน ในสายตาของพวกนาง สามีก็เหมือนท้องฟ้าเหมือนรากไม้ พวกนางจะไม่สามารถสูงกว่าท้องฟ้า ไม่สามารถตัดรากของตัวเองได้ เช่นเดียวกับเหอฟู่เขาปฏิบัติต่อแม่ของข้าอย่างใจดำ แต่จนถึงทุกวันนี้แม่ของข้าก็ยังไม่สามารถเขียนใบหย่าส่งไปให้เขาได้ นางเป็คนหัวโบราณและขี้ขลาด เหล่าไท่ไท่ของจวนตระกูลหลัวมีความคิดเป็ของตัวเองและรักแม่ของข้ามาก แต่ก็ยังไม่สามารถบอกให้แม่ของข้า ‘หย่าสามี’ ได้ เมื่อปีที่แล้วข้าเคยถามเหล่าไท่ไท่แบบอ้อมๆ เ้ารู้หรือไม่ว่านางพูดอย่างไร?”
“นางพูดว่าอะไร?”
เหอตังกุยกล่าวด้วยท่าทีนิ่งสงบ “นางบอกว่าเหตุผลที่นางกับแม่ของนางทำเช่นนี้กับเหอฟู่ ทั้งหมดก็เป็เพราะทำเพื่อนาง ตอนที่ข้าจะได้ออกเรือนก็อยากให้ข้ามีพ่อ หากหย่ากับเหอฟู่แล้ว ถ้าข่าวที่แม่ของข้าซึ่งออกเรือนถึงสองครั้งและหย่าร้างถึงสองครั้งแพร่กระจายออกไป สถานะทางสังคมของข้าก็จะลดลง และเื่เจรจาสู่ขอในอนาคตก็จะเป็เื่ที่ยากมากขึ้น คุณชายที่มาจากครอบครัวร่ำรวยแม้แต่จะรับข้าเป็อนุก็ยังไม่กล้า ถึงแม้ว่าคุณชายเ่าั้จะชอบความงดงามของข้าและอยากพาข้าไปเชยชมที่จวนของพวกเขา แต่พ่อแม่ของเขาก็ไม่กล้าปล่อยให้สตรีที่มีชาติกำเนิดไม่ดีมาทำลายชื่อเสียงและห้องบรรพชนของตระกูลพวกเขาให้แปดเปื้อน”
"อะไรนะ? นี่มันเหตุผลบ้าอะไรกัน? แม่ของเ้าไม่ได้แต่งงานกับคนดี แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเ้าด้วย?” เลี่ยวชิงเอ๋อร์พูดอย่างไม่มั่นใจ “เหตุใดการที่พวกเขาหย่าร้างกันแล้วจะทำให้ฐานะของเ้าลดลง? ใครเป็คนตั้งกฎเช่นนี้ขึ้นมา? เลวจริงๆ”
"นี่คือกฎตายตัว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ั้แ่สมัยโบราณจนถึงทุกวันนี้ สตรีต้องปฏิบัติตามหลักสี่คุณธรรม สามคล้อยตาม ยกย่องสามีของพวกนางเป็์สูงสุดและเป็ผู้นำทาง พวกนางไม่เพียงต้องเชื่อฟังและช่วยเหลือสามีเท่านั้น แต่จะต้องไม่ไร้ความสามารถจนเกินไป และไม่ทำให้ชื่อเสียงของสามีเสื่อมเสีย” เหอตังกุยมองขึ้นไปบนฟ้าและทอดมองนกกระยางที่ลอยขึ้นไปสะท้อนให้เห็นในรูม่านตาสีดำของนางพลางเอ่ยว่า “ครั้งหนึ่งข้าเคยทำผิดกฎนี้เมื่อชาติที่แล้ว จนข้าถูกตีหัวแตก”
เลี่ยวชิงเอ๋อร์ลูบคางของนางและครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “เจิงเยว่เหลียน เอ่อ แม่เลี้ยงของเ้าผู้นั้น ข้าได้ยินมาว่านางเป็หญิงคณิกาที่สวยที่สุด แต่พื้นเพครอบครัวของเ้าดูจะสูงกว่านางมาก นางจะเข้าประตูจวนและประตูโถงบรรพชนของตระกูลเหอได้อย่างไร ไม่เพียงเท่านั้นนางยังกลายเป็ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้บัญชาการเหออีก พ่อของผู้บัญชาการเหอเสียชีวิตเพราะโกรธเื่นี้มาก แต่แม่ของเขากลับไม่สนใจและมักจะไปดูละครที่ิเจียฟ่าง นางยอมให้ลูกชายแต่งงานกับหญิงคณิกาคนนั้นได้อย่างไร?”
เหอตังกุยถอนสายตาที่กำลังมองท้องฟ้ากลับมา มองไปที่ลำธารฝั่งตรงข้าม ก่อนที่จะมองไปที่เหวินฮั่นด้วยสายตาและรอยยิ้มอันชั่วร้ายโดยไม่รู้ตัว นางสบถคำว่า ‘ซวย’ ออกมาในใจ เมื่อหันไปมองจอกไม้ในลำธารที่เวลานี้กำลังไหลไปยังพี่น้องตระกูลเฉียน นางจึงกล่าวว่า “ในส่วนนี้ข้าก็แอบฟังบทสนทนาระหว่างเหล่าไท่ไท่และหยางมามา พวกนางสองคนพูดคุยกันและสบถด่าออกมาในฐานะคนตระกูลหลัวที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ว่ากันว่าเหล่าไท่ไท่เหอมีจิตใจคับแคบและไม่ชอบแม่ของข้ามาตลอด เพื่อขับไล่แม่ของข้าออกจากจวน นางถึงกับยอมให้หญิงคณิกาผู้นั้นเข้ามาในตระกูลเหอ ข้าได้ยินว่าสตรีผู้นั้นฉลาดกว่าแม่ข้าและมีความสามารถในการคลายเส้นได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อผู้บัญชาการเหอพานางเข้าบ้าน ในครั้งแรกนางก็สามารถทำให้เหล่าไท่ไท่เหอหัวเราะได้แล้ว ไม่ว่าหญิงคณิกาผู้นั้นจะขออะไรนางก็ล้วนหาให้หมด”
“ศัตรูของศัตรูคือสหาย” เลี่ยวชิงเอ๋อร์ถอนหายใจและพูดว่า“ไม่น่าล่ะ ที่เ้าไม่้ากลับไป เพราะมีแต่คนไม่ดีในตระกูลเหอ ทว่าตัวตนของเ้ากลับขึ้นอยู่กับผู้บัญชาการเหอ ข้าคิดว่าเ้าควรกลับไปดีกว่า ข้าแน่ใจว่าเมื่อเขาได้พบกับเ้า เขาจะสามารถปลุกจิตสำนึกความรักของพ่อโดยสัญชาตญาณขึ้นมาได้ เพราะเ้าดูเหมือนเขามากจริงๆ โดยเฉพาะจมูกและปาก ดวงตาของเ้าก็เหมือนกับเขาอยู่เล็กน้อย บางครั้งก็จะเกิดแสงสว่างที่ไม่อาจคาดเดาได้ประกายออกมาจากแววตาของเ้า เขาจะจำได้ทันทีว่าเ้าเป็ลูกสาวของเขา ถ้าเ้าเรียกเขาว่าพ่ออีกครั้ง เขาจะต้องคืนฐานะลูกสาวที่ชอบธรรมให้กับเ้าอย่างแน่นอน เ้าก็จะสามารถ…เอ๊ะ เหตุใดเขาถึงต้องเปลี่ยนผังตระกูลด้วยการเอาดาบไปจี้คอท่านประมุขเล่า? ถ้าเขาไม่รักแม่ของเ้า ไล่ออกจากบ้านก็น่าจะพอแล้ว มิใช่หย่าร้างกันตามข้อตกลงแล้วหรือ?
เหอตังกุยอธิบายว่า “ชิงเอ๋อร์ เ้ายังไม่รู้อะไร การหย่าร้างตามข้อตกลงและการหย่าร้างภรรยาธรรมดานั้นมีข้อแตกต่างกัน ประการแรกสตรีสามารถคืนสินสอดได้ ประการที่สองสตรีสามารถอยู่จวนของสามีต่อไปได้ แต่ต้องลดฐานะเป็อนุเท่านั้น ดังนั้นแม่ของข้าที่ไม่เคยเปลี่ยนใจ และหวังเพียงว่าสามีของนางจะกลับมาหา... นางจึงรับหนังสือหย่าของเขามาทั้งน้ำตา และยอมลดสถานะของตนเป็เพียงอนุ เมื่อได้ยินดังนั้นผู้บัญชาการเหอก็เดือดดาลเป็อย่างมาก จุดประสงค์ของเขาก็คือไม่้ายุ่งเกี่ยวกับตระกูลหลัวและแม่ของข้าอีกต่อไป เขาอยากให้แม่ของข้ารีบเก็บของแล้วออกไปจากจวนตระกูลเหอโดยเร็ว เขาไม่อยากรับแม่ของข้าเป็อนุ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนแผนผังตระกูลต่อหน้าแขกหลายสิบคนที่มาแสดงความเสียใจในงานศพของพ่อเขา เขาใช้คำว่า ‘อนุ’ และ ‘ลูกสาวอนุ’ มาทำให้นางอับอาย แต่มันเป็เพียงการเริ่มต้นเล็กๆ เท่านั้น”
เลี่ยวชิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “อ๊ะ? ยังมีเื่ที่เขาทำเกินไปกว่านี้อีกหรือ? แม่ของเ้ายังมีคนที่เก่งกาจอย่างท่านปู่หลัวที่คอยสนับสนุนอยู่เื้ั ผู้บัญชาการเหอไม่กลัวว่าจะล่วงเกินตระกูลหลัวหรือ?”
“ตระกูลหลัวและตระกูลเหอมีความเกลียดชังกันอย่างลึกซึ้งเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ตาของข้าหลัวตู้จ้งและท่านเหอจินเผิงเป็คนจัดการแต่งงานครั้งนี้ขึ้นเพื่อแก้ไขความเป็ปรปักษ์ของทั้งสองตระกูล เหอจินโจวประมุขของของตระกูลเหอก็รู้เื่นี้ดี และด้วยเหตุนี้ในวันนั้นที่ห้องโถงไว้ทุกข์ของเหอจินเผิง แม้ว่าดาบจะจี้อยู่บนคอของเหอจินโจว แต่เขาก็ยังยืนกรานว่าจะไม่เปลี่ยนผังตระกูลให้ภรรยาและลูกสาวที่ถูกต้องตามกฎหมายจากตระกูลหลัวเป็อนุภรรยาและลูกสาวอนุโดยเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงความบาดหมางของสองตระกูล” เหอตังกุยหยุดไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยว่า “แต่เพื่อแลกกับความรักของสามี จู่ๆ แม่ของข้าก็คุกเข่าต่อหน้าประมุขเหอจินโจว เพื่อให้เขายอมแก้ชื่อของนางเป็อนุหลัว”
เลี่ยวชิงเอ๋อร์เบิกตากว้างและพูดว่า “เป็ไปได้อย่างไร ช่างน่าอับอายจริงๆ เอ่อ ข้าขอโทษ"
“ยังมีเื่ที่น่าอับอายมากกว่านี้อีก คนรับใช้ที่ติดตามแม่ของข้าไปตอนออกเรือนบอกเื่เหล่านี้กับเหล่าไท่ไท่และพวก” เหอตังกุยแค่นเสียงเ็าใบหน้าของนางดูคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ไม่กี่วันต่อมาผู้บัญชาการเหอและภรรยาใหม่ของเขาก็เข้าห้องหอ พวกเขาไม่้าให้สาวใช้ข้างกายมาคอยปรนนิบัติ แต่กลับขอให้แม่ของข้าถือจานอยู่ข้างๆ เพื่อดูเขายกผ้าคลุมหน้าเ้าสาวและมอบของยินดีเป็เป็ดแมนดารินคู่ที่กำลังคลอเคลียให้คู่บ่าวสาว แม่ของข้าต้องคอยปรนนิบัติพวกเขา และเป็สักขีพยานในทุกขั้นตอนของคืนส่งตัวพวกเขาด้วยความอับอาย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้