ข่าวการกลับมาขององค์ชายเจ็ดแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง
ทุกคนต่างคาดเดาไปต่างๆ นานาถึงสาเหตุที่เขาหายตัวไป
ถูกคนลอบทำร้าย หรือเดินทางไปท่องเที่ยวแดนไกลด้วยตนเอง
เหตุใดหนึ่งปีกว่าถึงกลับมาเมืองหลวง
มีความลำบากใจหรือมีความลับใดซ่อนเร้นอยู่
และกลับมาร่วมฉลองงานวันเกิดหวงกุ้ยเฟยโดยเฉพาะเลยหรือ
ั้แ่ถนนใหญ่ไปจนถึงทุกตรอกซอกซอยมีแต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์เื่องค์ชายเจ็ดกลับเมืองหลวง
ซ่งจิ่งซีเร่งเดินทางเต็มที่ แต่ยังคงพลาดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของหวงกุ้ยเฟยอยู่ดี แต่ผลลัพธ์ก็คือทันทีที่เข้าเมืองหลวงก็ได้ยินข่าวองค์ชายเจ็ดเสด็จกลับมาแล้ว
ทันใดนั้นก็โกรธจนเข่นเขี้ยว
คณะเดินทางของพวกเขาถูกล่อลวงให้ไปทางตะวันตก เสียเวลาลำบากลำบนอยู่่หนึ่ง ทำให้คลาดงานเลี้ยงของหวงกุ้ยเฟยไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่คนที่หายไปหนึ่งปีกลับมาถึงเมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว
"ท่านพี่ ไฉนเพิ่งกลับมาป่านนี้เล่า"
ดรุณีน้อยรูปโฉมสะคราญในชุดหรูฉวินสีม่วงอ่อนปรากฏตัวอยู่หน้าประตู
"หนิงซี เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ไม่เข้าวังไปอยู่เป็เพื่อนหวงกุ้ยเฟยรึ" ซ่งจิ่งซีรับถ้วยชาจากสาวใช้มาดื่มคำหนึ่ง
การเดินทางทั้งวันทั้งคืนกลางฤดูร้อนทำให้พวกเขาเหน็ดเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด
"พระนางให้ข้ากลับมาชั่วคราวเ้าค่ะ" ซ่งหนิงซีขบริมฝีปากล่าง นางเองก็ไม่เข้าใจ หลังจากงานเลี้ยงฉลองเมื่อวานจบสิ้น พระนางก็ให้นางกำนัลส่งตนเองกลับมาั้แ่กลางดึกเมื่อคืน
สีหน้าของซ่งจิ่งซีฉายแววเคลือบแคลง โบกมือไล่สาวใช้ในห้องออกไป
"เกิดเื่อะไรขึ้น"
"ข้าก็ไม่รู้ แต่เมื่อคืนพี่เจ็ดกลับมาแล้ว" ซ่งหนิงซีนึกถึงเงาร่างสูงใหญ่หล่อเหลาน่าเกรงขามเมื่อคืน เมฆแดงสองดวงก็แต้มระบายบนพวงแก้ม
"เ้าพบเขาแล้วหรือ" ซ่งจิ่งซีซักถาม "เล่ามาสถานการณ์ตอนนั้นเป็อย่างไรบ้าง"
ซ่งหนิงซีเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนรอบหนึ่ง นางนั่งอยู่กลางห้องในส่วนที่นั่งของสตรี เห็นไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่ความสง่างามขององค์ชายเจ็ด แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ยังคงโดดเด่นสะดุดตา
ซ่งจิ่งซีเห็นน้องสาวหน้าแดงก็หัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้
"หนิงซี หวงกุ้ยเฟยไม่โปรดองค์ชายพระองค์นั้นสักเท่าไร"
ผู้อื่นอาจไม่ทราบ แต่พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร
พวงแก้มแดงของซ่งหนิงซีซีดจางลงไป "ท่านพี่"
"อีกอย่าง เ้าอย่าลืมว่าใครเป็คนนำทหารโจมตีสามทัพของซีฉีจนแตกพ่าย เ้าอย่าคิดอะไรเกินเลยเป็อันขาด"
ซ่งจิ่งซีดับความคิดเพ้อฝันของนางอย่างไม่ไว้ไมตรี รับรู้ความจริงไว้เสียแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ถลำลึกจนต้องเสียใจภายหลัง
"ท่านพี่ พูดเหลวไหลอันใด" ซ่งหนิงซีรู้สึกขัดเขินจนกลายเป็ขุ่นเคือง ยกเท้าเตะออกไป
ซ่งจิ่งซียกมุมปากตามความเคยชิน รอยยิ้มแฝงแววเหยียดหยัน
ดูท่าเหลียนเซวียนจะหน้าตาไม่เลว ยายเด็กโง่คนนี้เห็นคราเดียวก็ตกหลุมรักเสียแล้ว
แต่แค่คิดก็รู้ได้ อู่เซวียนตี้ขึ้นชื่อเื่หลงใหลหญิงงาม พระสนมในวังหลังแต่ละนางล้วนเป็โฉมงามชั้นเลิศ เด็กที่ถือกำเนิดจะอัปลักษณ์ได้อย่างไร
องค์ชายเ่าั้ล้วนมีรูปโฉมไม่สามัญ เว้นแต่ซุ่นอ๋องซึ่งเคยเป็ฝีดาษจนเสียโฉมเพียงองค์เดียว
เขาเฝ้าปรารถนาจะได้เห็นองค์ชายเจ็ดผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกรคนนี้เหลือเกิน
ในตำหนักถิงหวา หวงกุ้ยเฟยต้วนเฟยเหยียนสวมอาภรณ์ชาววังแขนหลวมกว้างปักดิ้นทองลายขนนกยูง นั่งอยู่ข้างกายอู่เซวียนตี้สีหน้าดูปรกติดี แต่มือขาวผ่องภายใต้แขนเสื้อหลวมกว้างคู่นั้นกลับขยำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น
มองดูใบหน้าหล่อเหลาเ็าของคนที่อยู่อีกด้าน หัวใจของต้วนเฟยเหยียนก็เต้นเร็วขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
เขา... น่าจะจำไม่ได้ว่าเป็นางกระมัง
อย่างไรเสียตอนนั้นดวงตาของเขาต้องพิษจนบอด คอก็ถูกวางยาจนเป็ใบ้ ร่างกายก็อ่อนแอไร้กำลังวังชา
ยามนางใช้แส้ยาวเฆี่ยน เขาไม่เปล่งเสียงสักคำ
แม้ตนเองจะแผดเสียงก่นด่าไปหลายคำ แต่ใต้หล้านี้คนเสียงเหมือนกันมีอยู่ถมไป
นางต้องนิ่งเข้าไว้ เขาต้องจำไม่ได้แน่
มิเช่นนั้นเขาจะนิ่งเฉยมาจนบัดนี้ได้อย่างไร
ต้วนเฟยเหยียนพยายามข่มกลั้นอารมณ์ให้เยือกเย็น
เพราะกำลังใจลอย อู่เซวียนตี้ซึ่งสนทนากับนางอยู่ต้องถามซ้ำสองหน นางถึงได้สติกลับมา
"เมื่อครู่ฝ่าาตรัสอันใด? เื่งานมงคลสมรสของเหลียนเซวียนหรือเพคะ"
"ใช่ เหลียนลี่แต่งไปแล้วตอนต้นปี ก็ควรถึงคราของเขาแล้ว ในหมู่โอรสทั้งหลายก็มีแต่งานแต่งของเขาที่ล่าช้าที่สุด หากไม่เพราะเื่ของหมอเทวดาเผย เขาคงได้แต่งงานั้แ่สามปีก่อนแล้ว"
ขอบตาของอู่เซวียนตี้ค่อนข้างคล้ำ ดวงตาขุ่นมัวอยู่บ้างกวาดมองเหลียนเซวียนปราดหนึ่ง
เหลียนเซวียนเหมือนเขาที่สุด แต่ไม่คล้ายเป็โอรสของตนเองเลย
อู่เซวียนตี้มีพร์สูงสุดด้านการต่อสู้ ไม่เคยแพ้พ่ายในสนามรบ เขาจึงทะนงตนเสมอมา
แต่เหลียนเซวียนมีอุปนิสัยเ็า ไม่แยแสความรัก มิหลงใหลอิตถีเพศ ขนาดสาวใช้ข้างห้องสักคนในจวนก็ยังไม่มี
ไม่สืบทอดข้อดีของตนเองมาแม้แต่กระผีกริ้น
อู่เซวียนตี้เกือบจะสงสัยว่าร่างกายบางส่วนของเขาบกพร่องหรือไม่ ถึงได้เฉยชากับสตรีนัก
"เื่นี้ต้องดูความคิดของเหลียนเซวียนด้วยกระมัง พระองค์ทรงลืมไปแล้วหรือว่าเคยรับปากเขาไว้ จะให้เขาจัดการเื่งานแต่งด้วยตนเอง"
ต้วนเฟยเหลียนฉีกยิ้มบนใบหน้า นางไม่อยากกังวลเื่นี้แม้แต่น้อย
อู่เซวียนตี้อึ้งไปชั่วขณะ นึกขึ้นได้ว่าเมื่อปีก่อน ตอนเหลียนเซวียนมีชัยชนะกลับมา พระองค์ถามว่าเขา้าสิ่งใดเป็รางวัล เขาทูลขอเื่นี้เอาไว้
ตอนนั้นเพราะเขาสร้างผลงานใหญ่เอาชนะาได้ถึงห้าครั้งติดกัน ทำให้ซีฉีต้องก้มศีรษะยอมรับผิด
อู่เซวียนตี้กำลังดีพระทัย จึงโบกพระหัตถ์ อนุญาต
ตอนนี้พอมานึกดูแล้ว ก็ปวดพระเศียรขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เห็นชัดอยู่ว่าโอรสของเขาคนนี้ไม่มีความคิดจะแต่งงาน
"เหลียนเซวียนเอ๋ย เ้าว่าอย่างไร สตรีสูงศักดิ์ทั่วเมืองหลวงเ้าพอใจคนไหนล้วนเลือกได้ มีแม่นางสกุลไหนที่ต้องตาบ้างหรือยังล่ะ บอกมาได้เลย พ่อจะพระราชทานสมรสให้เ้าเอง"
"ขอบพระทัยเสด็จพ่อ ลูกเพิ่งกลับเมืองหลวง ยังมีงานอีกมากต้องสะสาง ยังไม่คิดเื่นี้ชั่วคราวพ่ะย่ะค่ะ" เหลียนเซวียนสงบนิ่ง บางเื่ยังไม่สมควรเปิดเผยก่อนเวลาอันควร
อู่เซวียนตี้ปวดพระทนต์ขึ้นมาทันควัน "เหลียนเซวียน ปีนี้เ้าอายุยี่สิบสองแล้ว ตอนเจิ้นอายุเท่ากับเ้า พี่ใหญ่ของเ้าก็เดินได้แล้ว"
"เสด็จพ่อ หลานชายที่เดินได้ของพระองค์ก็มีเยอะแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ" เหลียนเซวียนปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม
"พูดอย่างนี้ได้ที่ไหน บุตรของพี่ชายน้องชายเ้าหาใช่บุตรของเ้าเสียหน่อย อีกอย่างข้างกายเ้าจำเป็ต้องมีชายาผู้มีคุณธรรมและความสามารถมาเคียงคู่" แต่แค่เห็นใบหน้าราวกับูเาน้ำแข็งของโอรส ก็มิอาจเอ่ยบางถ้อยคำออกไปได้
"เสด็จพ่อ เื่นี้ผ่านไปอีกสักพักค่อยว่ากันเถิดพ่ะย่ะค่ะ ่นี้ลูกยุ่งมากจริงๆ" เหลียนเซวียนยืนกราน
เขายุ่งมาก ได้โปรดอย่าเรียกมาเข้าเฝ้าบ่อยนัก
อู่เซวียนตี้กริ้วจนแทบเซถลา เ้ายุ่ง แต่ให้ยุ่งอย่างไรก็ไม่เท่ากับบิดาเ้ากระมัง
"เขาไม่ยินดีก็ช่างเถอะเพคะ ไยฝ่าาต้องไปคาดคั้นเขาด้วย"
ต้วนเฟยเหยียนยิ้มบางๆ ดวงหน้าประทินโฉมอย่างเพริศพริ้งราวกับดอกโบตั๋น นิ้วมือเรียวประดุจหยกที่เคลือบเล็บด้วยโค่วตาน [1] ตบข้อพระหัตถ์เบาๆ บุรุษมักมากน่าขยะแขยงเช่นนี้สมควรไร้บุตรหลานสืบสกุลมากกว่า
ไม่แต่งงานย่อมดีที่สุด ดวงตาของต้วนเฟยเหยียนที่มองเหลียนเซวียนแฝงแววคลุมเครือ
เหลียนเซวียนไม่แม้แต่จะชายตามองนาง
อู่เซวียนตี้เห็นรอยยิ้มงามพิลาสของต้วนเฟยเหยียนก็ละสายตาไปไม่ได้ รีบลูบมือนุ่มของนางเบาๆ "เช่นนั้นก็ตามใจเขาแล้วกัน ยังไม่ต้องรีบร้อน"
มุมปากของเหลียนเซวียนโค้งขึ้นน้อยๆ ฉายแววเยาะอ่อนจางจนแทบไม่อาจสังเกตเห็น
...
[1] โค่วตานคือน้ำยาทาเล็บแบบโบราณ มักมีสีสันสดใสเหมือนดอกไม้ หลังจากทาลงไปบนเล็บ ต้องพันนิ้วทิ้งไว้สักครู่ สีก็จะติดที่เล็บ
