หลินฟู่อินกล่าวขอบคุณนายหญิงวัง แล้วจึงตามซิ่งฮวาผู้เป็สาวใช้ส่วนตัวของนางออกจากห้องไป
แม้นางจะดูเป็เด็กสาวบ้านๆ แต่ดวงสีดำคู่นั้นกลมโตส่องประกาย นางเป็สาวใช้ที่ติดตามมาจากบ้านฝั่งมารดาของนายหญิงวัง คอยติดตามรับใช้นางมาั้แ่ยังเล็ก และด้วยความที่รับใช้มานานนี้เอง นางจึงรู้สึกซาบซึ้งในตัวหลินฟู่อินที่ช่วยชีวิตทั้งนายหญิงวังและลูกชายไว้ได้เป็อย่างมาก
และด้วยความซึ้งใจในคุณของหลินฟู่อินนี้ เมื่อเห็นว่าหลินฟู่อินกำลังตามหาฉินหมัวมัว เพื่อไม่ให้นางต้องเจอปัญหา สาวใช้จึงคอยระวังให้นาง เพราะอย่างไรเสียคนดีก็ย่อมมีิญญาร้ายคอยวนเวียน และพวกมันต่างก็ชอบการดึงสิ่งที่สูงส่งให้ลงมาตกต่ำเช่นพวกตน
แม้ว่าบ้านตระกูลวังจะเป็บ้านคนมีเงินที่ค่อนข้างจะอยู่ในชนบท แต่คนงานก็มีไม่น้อย เป็ผลให้พวกผีร้ายเองก็มีมากตามไปด้วย
ด้วยความที่มีสาวใช้ส่วนตัวของนายหญิงวังคอยนำทางให้ หลินฟู่อินจึงไปพบฉินหมัวมัวได้อย่างราบรื่น
เป็ตอนนี้เองที่หลินฟู่อินเข้าใจถึงความสำคัญของเส้นสาย
ฉินหมัวมัวผู้นี้ดูเป็คุณย่าวัยประมาณห้าสิบปีที่มีสีหน้าและบรรยากาศรอบกายดูเ็า
ทันทีที่ได้พบหน้า หลินฟู่อินก็รู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้เป็ผู้ให้ความสำคัญกับกฎระเบียบ ดูจากการที่นางรักษาร่างกายให้สะอาดั้แ่หัวจรดเท้า นั่งหลังตรง และมีใบหน้าเรียบนิ่ง
ฉินหมัวมัวกำลังนั่งดื่มชาอยู่ในห้องส่วนตัว นิ่งสงบราวกับบรรยากาศรื่นเริงจากภายนอกเข้ามาไม่ถึงตัวนาง ให้ความรู้สึกว่าแม้จะเป็บ้านวังหลังเดียวกัน แต่ก็ราวกับอยู่กันคนละโลก
สตรีที่มีบรรยากาศเฉพาะตัวเช่นนี้ สร้างความตกตะลึงให้หลินฟู่อินมากนัก
ซิ่งฮวาทำความเคารพฉินหมัวมัวอย่างเรียบร้อย แล้วจึงอธิบายสาเหตุที่หลินฟู่อินมาเยือนให้นางฟัง
แม้ฉินหมัวมัวจะยังไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่คิ้วของนางก็เลิกขึ้นเล็กน้อย นางมองหลินฟู่อินไม่วางตา ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสง่างาม…
ซิ่งฮวามองท่าทีของฉินหมัวมัวแล้วก็ไม่กล้ากลับออกไปเพราะบรรยากาศตอนนี้ หลินฟู่อินก็ทำเพียงรอให้นางดื่มชาเงียบๆ
“ในเมื่อหนูซิ่งฮวาพาแม่นางผู้นี้มาพบข้าเรียบร้อยแล้ว ก็กลับไปขอบคุณนายหญิงวังเสีย” หลังเหลือบมองหลินฟู่อินแล้ว ฉินหมัวมัวจึงกล่าวเสียงเบา
เป็การสื่อว่านางอยากคุยกับหลินฟู่อินตามลำพัง
ซิ่งฮวาถูกบอกให้กลับไป นางจึงหันหลังแล้วเดินออกไปหลังจากทำความเคารพเสร็จ หลินฟู่อินขมวดคิ้วขึ้นมา ฉินหมัวมัวผู้นี้น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ?
“แม่นางหลินมีจดหมายให้ยายเฒ่าผู้นี้หรือ?” ฉินหมัวมัวมองหลินฟู่อินั้แ่หัวจรดเท้า แล้วจึงถามด้วยเสียงอันเบา
“ใช่เ้าค่ะ” หลินฟู่อินยื่นจดหมายจากย่าหลี่ให้ฉินหมัวมัว
ฉินหมัวมัวเลิกคิ้วขึ้นแล้วรับจดหมายไป เมื่อนางเห็นลายมือบนซองแล้ว ก็ปรากฏประกายของความตื่นเต้นขึ้นในสายตา แม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่ก็มิอาจหลุดรอดสายตาของหลินฟู่อินไปได้
ฉินหมัวมัวปราดตาอ่านจดหมายอย่างรวดเร็ว เมื่ออ่านจบแล้ว นางก็มีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อมองหลินฟู่อิน
“น้องสาวของข้าอาศัยอยู่กับเ้า เช่นนั้นแล้วข้าก็มีเื่อยากจะขอเ้าเื่หนึ่ง” ในสายตาของฉินหมัวมัวมีประกายของความโหยหาอยู่ เสริมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “แม่นางหลิน ขอบคุณเ้าที่ช่วยดูแลน้องข้า นางทั้งไม่มีลูกหลานและคนให้พึ่งพา เช่นนั้นแล้วคงต้องขอฝากเ้าด้วยเมื่อนางแก่ชรา”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว หลินฟู่อินจึงยิ้มออกมา “ฉินหมัวมัวโปรดวางใจ”
ได้ยินหลินฟู่อินกล่าวเช่นนี้ ฉินหมัวมัวจึงรู้สึกประทับใจขึ้นมา นางรู้สึกราวกับเคยเห็นเด็กคนนี้ที่ไหนมาก่อน แต่นางคิดไม่ออก…
“แม่นางหลินโตขึ้นมาในหมู่บ้านของน้องสาวข้าหรือ?” ฉินหมัวมัวเชิญให้หลินฟู่อินนั่ง รินชาที่มีกลิ่นหอมอบอวลให้นาง แล้วจึงมองหลินฟู่อินด้วยท่าทีงุนงงเล็กน้อย
แม้จะไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่ แต่หลินฟู่อินก็เห็นว่านางมีท่าทีแปลกไป จึงย่นคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อขอบคุณนางเื่ชา “ข้าเกิดและเติบโตในหมู่บ้านหูลู่เ้าค่ะ ที่ไกลบ้านที่สุดที่ข้าเคยไปเยือนคือในตัวเมืองเท่านั้น”
ฉินหมัวมัวพยักหน้า “เห็นน้องหลี่บอกว่าเ้าเชี่ยวชาญด้านยาใช่หรือไม่? นับว่ายอดเยี่ยมนักสำหรับคนวัยเช่นเ้า เ้าเรียนรู้จากหมอใหญ่มีชื่อมาหรือ?”
เมื่อหลินฟู่อินเห็นว่าคำถามของฉินหมัวมัวนั้นเจาะจงมากขึ้น นางจึงรู้สึกใ
ฉินหมัวมัวที่เพิ่งเคยพบหน้านางเป็ครั้งแรกผู้นี้ กำลังระแวงนางอยู่อย่างนั้นหรือ?
ไม่น่าจะเป็ไปได้…
แต่หลินฟู่อินก็รู้ว่าฉินหมัวมัวผู้นี้มีอำนาจมาก นางจึงมีแต่ต้องทำใจแล้วรับมือไปตามนั้น
เมื่อฉินหมัวมัวได้ยินหลินฟู่อินบอกว่าเป็วิชาที่มารดาที่จากไปแล้วของนางถ่ายทอดมาให้ ในสายตาาุโคู่นั้นก็ฉายแววของความเห็นใจ
เหนือสิ่งอื่นใด คือนางรู้สึกว่าชีวิตของเด็กคนนี้คงได้พบเื่ลำบากมามากแน่นอน
ความจริงแล้ว จดหมายจากย่าหลี่ก็ได้อธิบายเื่ของหลินฟู่อินไว้เกือบหมดแล้ว แต่ฉินหมัวมัวรู้ดีว่าหากย่าหลี่เลือกที่จะพึ่งพาเด็กคนนี้ นางก็ต้องมีอะไรดีสักอย่าง
นางจึงถามคำถามเหล่านี้เพื่อทดสอบ และนางก็ตอบกลับมาได้โดยไม่ผิดพลาด ด้วยท่าทีสงบนิ่งและโอบล้อมไปด้วยบรรยากาศที่ดูสูงส่ง
เด็กเช่นนี้ไม่มีทางเติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านชายขอบได้แน่ๆ…
หลังจากที่สนทนากันต่อไปได้อีกครู่หนึ่ง ก็มีคนมาเชิญหลินฟู่อินและฉินหมัวมัวให้ไปร่วมพิธี
ฉินหมัวมัวจับมือของหลินฟู่อินไว้ด้วยความรักใคร่ “วันนี้เป็วันดีของบ้านวัง ไปดูพิธีกันเถอะ”
หลินฟู่อินยิ้มแล้วพยักหน้ารับ ฉินหมัวมัวพลันหันหน้ามาหาหลินฟู่อินแล้วถาม “ในเมื่อน้องหลี่บอกให้เ้านำจดหมายมาให้ข้า ไม่ใช่ว่าเ้ามีเื่อื่นที่อยากพูดหรือ?”
ฉินหมัวมัวผู้นี้มีอำนาจมาก เมื่อเห็นหลินฟู่อินไม่ยอมพูดเื่อื่นขึ้นมา นางจึงชิงถามก่อนด้วยตัวเอง
หลินฟู่อินจึงตอบกลับไป “ข้ามีน้องสองคนอยู่ที่บ้าน ทั้งสองอายุสองเดือนกว่า ข้าคิดว่าย่าหลี่คนเดียวคงดูแลทั้งสองเองไม่ไหว ข้าจึงอยากจ้างแม่นมที่สะอาดและแข็งแรงมาช่วยเ้าค่ะ ข้าอยากขอปัญญาของฉินหมัวมัวเพื่อชี้แนะให้กับข้าด้วย”
หลินฟู่อินกล่าวอย่างถ่อมตนและสุภาพ ฉินหมัวมัวที่ฟังอยู่จึงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
นางยิ่งพอใจในตัวหลินฟู่อินมากขึ้นไปอีก
ฉินหมัวมัวคิดในใจ สำหรับคนที่มีวัยเช่นนาง คนที่มีชีวิตรอดผ่านสมรภูมิเช่นนี้มาได้นานสองนานนั้น ย่อมมีสายตาในการมองคนที่ดี…
เมื่อคิดๆ ดูแล้ว นางจึงเหลือบมองหลินฟู่อิน แล้วกล่าว “บ้านฝั่งแม่ของข้ามีหลานสาวที่เหมาะสมอยู่ แต่ชีวิตของนางไม่ค่อยดีนัก สมรสเจ็ดปีไร้บุตรชายปลอดบุตรี หย่าร้างด้วยคำสั่งพ่อตาแม่ยาย ข้าเห็นใจนางจึงให้นางอาศัยอยู่ที่บ้านของข้าในเมือง”
หลินฟู่อินได้ยินเช่นนี้ก็ใจสั่นสะท้าน ฉินหมัวมัวต้องรอจับตามองท่าทีของนางอยู่แน่
“หากฉินหมัวมัวมีคนดีๆ ที่อยากแนะนำ ก็ต้องเป็คนที่ดีมากแน่นอนเ้าค่ะ” หลินฟู่อินคลี่ยิ้มบาง
เมื่อฉินหมัวมัวเห็นว่าหลินฟู่อินเข้าใจอะไรได้ง่าย นางจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย และกล่าวต่อทันที “หากแม่นางหลินไม่เก็บเื่ที่นางเคยหย่ามาแล้วครั้งหนึ่งมาใส่ใจ การพานางไปด้วยคงเป็ทางเลือกที่ดี”
หลินฟู่อินเข้าใจดีว่าในเมื่อฉินหมัวมัวแนะนำหลานของตนที่อาศัยอยู่ในเมืองมาเช่นนี้ แปลว่าแท้จริงแล้วนางกำลังพยายามผูกมิตรกับหลินฟู่อินอยู่
นับเป็ข่าวดี!
หลินฟู่อินตกลงทันที
ในตอนนี้เอง พิธีสรงสามก็ได้เริ่มต้นขึ้น และคนรับหน้าที่เป็คนทำคลอดก็คือหมอตำแยที่มาช่วยทำคลอดให้ตระกูลวังเมื่อคราวก่อนนั่นเอง