“ตรวจดีเอ็นเอ? ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนนะ”
“ดีเอ็นเอคืออะไรรึ?”
“คือการตรวจความสัมพันธ์ทางสายเืผ่านน้ำลายหรือเส้นผมอย่างนั้นหรือ? เหล่าหวัง นี่มันออกจะเกินจริงไปหน่อยนะ”
หวังก่วงผิงสอบถามมาหลายคน แม้แต่คำว่า ‘ดีเอ็นเอ’ คืออะไรก็ยังไม่มีใครเข้าใจ เพื่อนที่กระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์มีั้แ่ที่เลื่อนขั้นมาจากระดับปฏิบัติการณ์ ทว่าการคลี่คลายคดีผ่านเส้นผมเพียงเส้นเดียวอย่างนั้นหรือ? หวังก่วงผิงกำลังเพ้อฝันอยู่แน่ๆ
บางคนถึงกับถามหวังก่วงผิงกลับด้วยว่ากำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า ดูหนังแนววิทยาศาสตร์ของอเมริกามากไปหรือไม่
หวังก่วงผิงรู้สึกร้อนใจจนแทบคลั่ง เขามีเวลาว่างมาล้อเล่นเสียที่ไหน
ไม่มีเทคโนโลยีการตรวจดีเอ็นเอ ตอนเขาบอกผลลัพธ์ที่ได้กับเซี่ยจื่ออวี้ ความนิ่งในแววตาเขาทำให้เซี่ยจื่ออวี้รู้สึกกลัว
“ไม่มีทางที่จะไม่มีค่ะ!”
เซี่ยจื่ออวี้ยังคงยืนกรายอย่างไม่ยอมแพ้ สุดท้ายหวังก่วงผิงก็ใช้เส้นสายจนได้ไปถามศาสตราจารย์ภาควิชาชีววิทยาของมหาวิทยาลัยปักกิ่งท่านหนึ่ง ศาสตราจารย์ท่านั้นให้ข้อมูลว่า “เมื่อปี 1953 เจมส์ วัตสันและฟรานซิส คริกเป็ผู้ค้นพบโครงสร้างเกลียวคู่ของดีเอ็นเอ ขณะเดียวกันเจมส์ วัตสันก็เป็ผู้รับผิดชอบห้องปฏิบัติการโคลด์สปริงฮาร์เบอร์ [1] ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็หน่วยงานที่มีอิทธิพลต่อวงการชีววิทยาโมเลกุล ทว่าการพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเืผ่านการตรวจดีเอ็นเอตามที่คุณบอก ปัจจุบันในประเทศจีนคงยังไม่สามารถทำได้”
ศาสตราจารย์ภาควิชาชีววิทยาของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง คือนักวิชาการแนวหน้าที่ได้ััและวิจัยศาสตร์ความรู้ด้านนี้ของประเทศจีนโดยเฉพาะ
ดีเอ็นเอบรรจุความลับทางพันธุกรรมเฉพาะตัวของมนุษย์ทุกคน เทคโนโลยีการตรวจดีเอ็นเอที่หวังก่วงผิงถามสามารถทำได้ในทางทฤษฎี แต่ทางด้านการวิจัยเพื่อประยุกต์ใช้จริงนั้นนั้น ประเทศจีนยังไม่อาจทำได้อย่างสิ้นเชิง
ศาสตราจารย์ภาควิชาชีววิทยาได้ยินว่านี่คือความคิดของเซี่ยจื่ออวี้ เขาจึงถามคำถามบางอย่างกับเธออย่างสนอกสนใจ แต่เซี่ยจื่ออวี้ไม่มีความรู้ด้านนี้แม้แต่น้อย เธอรู้แค่ว่าเป็สิ่งที่อยู่ในวิชาชีววิทยาสมัยมัธยมปลาย หลังคุยกันได้เพียงไม่กี่ประโยค ศาสตราจารย์ก็หมดความกระตือรือร้นลงทันที
ตอนกลับออกจากบ้านของศาสตราจารย์ภาควิชาชีววิทยา สีหน้าของหวังก่วงผิงทะมึนตึงยิ่งนัก
เซี่ยจื่ออวี้นั้นเหมือนคนิญญาหลุดลอยออกจากร่าง
เธอรู้ดีว่าถูกหวังก่วงผิงคงหักคะแนนความประทับใจที่มีต่อเธออีกแล้วอย่างแน่นอน!
หวังเจี้ยนหัวช่วยพูดทวงความยุติธรรม “จื่ออวี้เสนอวิธีนี้ด้วยความหวังดี เธออาจจะเห็นงานวิจัยเทคโนโลยีการตรวจดีเอ็นเอมาจากที่ไหนสักแห่ง เลยนึกว่าประเทศจีนนำเข้ามาแล้ว... พ่อครับ นี่ไม่ใช่ความผิดของจื่ออวี้นะครับ”
เซี่ยจื่ออวี้เหมือนได้รับการถ่ายทอดพลังภายในชั่วพริบตา
สายตาตื้นตันของเธอเพิ่งสบกับดวงตาของหวังเจี้ยนหัว แต่หวังเจี้ยนหัวกลับหลบตาเธอเล็กน้อย
“ปัญหาสำคัญคือ ตอนนี้พวกเราจะคลี่คลายสถานการณ์ตรงหน้านี้อย่างไร”
หวังก่วงผิงย่อมรู้สึกผิดหวัง โชคดีที่เขาคิดสงสัยในตัวเซี่ยจื่ออวี้ จึงตัดสินใจพิสูจน์ความจริงเสียก่อนว่ามีเทคโนโลยีการตรวจดีเอ็นเอจริงหรือไม่ แล้วค่อยคิดไปเอาเื่ตระกูลเหอ ไม่อย่างนั้นเขาคงขายหน้ายันบรรพบุรุษแน่นอน
ใช้การตรวจดีเอ็นเอไม่ได้ หรือว่าต้องประนีประนอมไกล่เกลี่ยกับตระกูลเหอจริงๆ !
ให้เจี้ยนหัวไปที่สถานีตำรวจ รอการสืบสวนผ่านกระบวนการยุติธรรมตามที่ควรเป็รึ?
หรือจะทำตามเงื่อนไขที่ตระกูลเหอเสนอมากัน?
สายตาของหวังก่วงผิงหยุดอยู่ที่ตัวเซี่ยจื่ออวี้ เมื่อเห็นสายตาของหวังก่วงผิงเซี่ยจื่ออวี้ก็ตัวสั่นขึ้นเล็กน้อย เพราะเธอเดาได้อยู่ก่อนแล้วว่าวิธีแก้ปัญหาวิธีสุดท้ายจะเป็อย่างไร
ตามคาด หลังกลับไปบ้านหวังได้เพียงไม่นาน หร่านซูอวี้ก็เรียกเซี่ยจื่ออวี้ไปคุยด้วย
ท่าทีของหร่านซูอวี้ที่ปฏิบัติกับเธอเหมือนกลับไปสนิทสนมกันดั่งตอนเจอกันที่ไร่ครั้งแรก เธอเอ่ยคำพูดเป็ห่วงเป็ใยกับเซี่ยจื่ออวี้มากมาย บอกว่าตระกูลหวังตอนนี้ตกอยู่ในสภาวะยากลำบากแล้ว ทั้งยังบอกอีกว่าที่ตระกูลเหอบีบคั้นกันทุกด้านเช่นนี้ คนที่อยู่เื้ัคงไม่ได้พุ่งเป้ามาที่หวังเจี้ยนหัว แต่เป็หวังก่วงผิงแน่นอน
ตอนแรกเซี่ยจื่ออวี้คิดว่าเป็ฝีมือของเซี่ยเสี่ยวหลานเสียอีก
แต่เื่มันยกระดับถึงขั้นเป็การ่ชิงอำนาจของคนระดับหวังก่วงผิง นี่ไม่ใช่สิ่งที่นักศึกษาหญิงอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานคนเดียวจะทำได้ ต่อให้มีคู่ครองที่มาจากครอบครัวชาวจีนโพ้นทะเลก็ไม่อาจทำได้เช่นกัน
หร่านซูอวี้เรียกเธอมาคุยด้วย เซี่ยจื่ออวี้เข้าใจทันทีว่าหมายความว่าอย่างไร
แต่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ หร่านซูอวี้พูดถูก หวังก่วงผิงต่างหากที่เป็ความหวังของคนทั้งตระกูล ถ้าหวังก่วงผิงเดือดร้อน อนาคตของหวังเจี้ยนหัวคงเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย แล้วความหวังที่จะมีชีวิตงดงามในอนาคตของเธอก็คงสลายไปกับอากาศเช่นกัน
ทั้งที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวยแท้ๆ แต่จู่ๆ สถานการณ์กลับพลิกผันอย่างกะทันหันเสียได้!
เซี่ยจื่ออวี้รู้สึกชะตาชีวิตของตนช่างอาภัพนัก ตอนนี้เธอเริ่มระแวงหวังก่วงผิงกับหร่านซูอวี้ขึ้นมาแล้ว ในเมื่อต้องเป็แพะรับบาป เธอจะไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลยคงเป็ไปไม่ได้
“คุณป้า เพื่อเจี้ยนหัว ฉันยินดีทำทุกอย่างค่ะ”
หร่านซูอวี้ตบมือเธออย่างปลาบปลื้มใจ “เด็กดี ครอบครัวของเราจะดีกับหนูแน่นอน”
ดีกับเธอหรือไม่เป็แค่ลมปากเท่านั้น เซี่ยจื่ออวี้ไม่ค่อยอยากเชื่อสักเท่าไรเลย
เธอกลับไปปรึกษากับจางชุ่ยพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยาแ จางชุ่ยจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินทางมายังบ้านตระกูลหวังทันที เซี่ยฉางเจิงเองก็ถูกลากมาด้วยเช่นกัน แต่แม้จะอาบน้ำถึงสามรอบแล้วก็ยังไม่อาจลบล้างกลิ่นเหล้าที่คลุ้งมาจากตัวของตัวเขาได้
ผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายจึงได้พบหน้ากันในสถานการณ์คับขันเช่นนี้!
จางชุ่ยทำงานอยู่กับแก๊สหุงต้มและกลิ่นอาหารทั้งวัน ส่วนเซี่ยฉางเจิงนั้นคลุกอยู่แต่กับเหล้าตลอดเวลาอาหารสามมื้อ แค่พวกเขาสองคนยืนอยู่ในห้องรับแขกบ้านตระกูลหวัง ก็ดูออกทันทีว่าคือประชาชนระดับรากหญ้า เทียบไม่ได้แม้แต่ครอบครัวผู้ใช้แรงงานด้วยซ้ำ ทะเบียนบ้านของพวกเขาอยู่ที่ชนบท เดินทางเข้ากรุงปักกิ่งมาเพื่อขายอาหารข้างทาง!
หร่านซูอวี้ใบหน้าไร้ซึ่งรอยยิ้ม จางชุ่ยได้แต่ทำเป็มองไม่เห็น และเรียกอีกฝ่ายว่าชิ่งเจีย [2] ตลอดเวลา
“ชิ่งเจีย เด็กสองคนก็คบหาดูใจกันมานานขนาดนี้ คนที่บ้านเกิดของพวกเรากับคนที่วิทยาลัยฝึกหัดครูมีใครบ้างที่ไม่รู้เื่นี้อีกเล่า คงสมควรแก่เวลาแล้วที่จื่ออวี้กับเจี้ยนหัวของเราจะได้เป็ฝั่งเป็ฝาเสียที!”
“นักศึกษามหาวิทยาลัยจะแต่งงานไม่ได้ บางมหาวิทยาลัยชั้นนำไม่อนุญาตให้มีคู่หมายด้วยซ้ำ ถือเป็เื่ผิดกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย...”
“แต่งงานไม่ได้หรือ? ถ้าอย่างนั้นก็หมั้นหมายกันก่อนสิ!”
สิ่งที่จางชุ่ยพูดล้วนเป็สิ่งที่ปรึกษากับเซี่ยจื่ออวี้มาอย่างดีแล้วนั่นเอง
ตระกูลหวังมีอนาคตที่สดใสเช่นนี้ หากวันดีคืนดีทำตัวหมางเมินเหมือนไม่รู้จักกัน แล้วจื่ออวี้ของเธอจะทำอย่างไรเล่า
คนที่บ้านเกิดรู้กันทั่วว่าเซี่ยจื่ออวี้ได้คบหากับหวังเจี้ยนหัว เพื่อนนักศึกษาก็รู้กันเป็อย่างดี หากรอให้ทั้งสองคนเรียนจบก็คงอีกนาน จางชุ่ยเห็นด้วยกับความคิดของเซี่ยจื่ออวี้ ในเมื่อ้าแต่งงานเข้าตระกูลหวัง ก็ต้องฉวยโอกาสเอ่ยปากตอนตระกูลหวังเดือดร้อน และจำเป็ต้องใช้เซี่ยจื่ออวี้ช่วยแก้ไขปัญหา!
หวังเจี้ยนหัวเป็คนใช้ได้ ทว่าไม่มีอำนาจตัดสินใจในครอบครัว
หากตระกูลหวังมีน้ำใจจริงๆ ตอนเซี่ยจื่ออวี้ชักชวนหวังเจี้ยนหัวไปร่วมหุ้นในชั้นเรียนกวดวิชาก็ควรพูดเื่ ‘หมั้นหมาย’ ไม่ใช่หรือ ตอนนั้นเซี่ยฉางเจิงโมโหมาก เขาจึงเอาแต่ดื่มเหล้าทั้งวัน และด่าว่าเซี่ยจื่ออวี้โง่งม บอกว่าเธอมีเงินแต่ไม่ให้คนในครอบครัว ดันเอาไปปรนเปรอคนตระกูลหวัง
ตอนนี้พอเกิดเื่กับชั้นเรียนกวดวิชา ทางนั้นยังอยากให้เซี่ยจื่ออวี้ออกรับหน้าแทนอีก
ถ้าไม่หมั้นหมายคงเป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
หมั้นหมาย?
เื่นี้แตกต่างจากการคบหาดูใจทั่วไป คบเป็แฟนแล้วอย่างไรก็สามารถเลิกได้ แต่หากหมั้นหมายแล้วก็คือคู่หมั้นคู่หมายของกันและกัน
ไม่มีการผูกมัดทางกฎหมาย แต่ผูกมัดทางด้านศีลธรรมและชื่อเสียง!
หวังก่วงผิงรู้สึกลังเล หร่านซูอวี้เองก็อยากด่ากราด ดวงตาดั่งคมมีดตวัดมองเซี่ยจื่ออวี้ ยอมตบปากรับคำอย่างไม่อิดออดแบบนั้น ที่แท้เพราะจะมาไม้นี้เองสินะ!
เซี่ยจื่ออวี้เอาแต่มองหวังเจี้ยนหัว
แววตาของเธอมีความเชื่อใจและอ้อนวอน หวังเจี้ยนหัวเข้าใจถึงความทุ่มเทและความเสียสละของเซี่ยจื่ออวี้เป็อย่างดี เขาจึงเป็ฝ่ายลุกขึ้นประกาศกร้าว
“ผมตัดสินใจมานานแล้วว่าหลังเรียนจบจะแต่งงานกับจื่ออวี้ หากหมั้นหมายเสียั้แ่ตอนนี้ก็สมควรแล้ว จื่ออวี้คอยดูแลผม คอยให้กำลังใจผม คอยสนับสนุนผม แถมยังต้องเสียสละเพื่อผม... ผม หวังเจี้ยนหัว ชาตินี้จะไม่มีวันทำให้เธอผิดหวัง!”
—------------------------------
บ้านตระกูลหวังเต็มไปด้วยละครฉากใหญ่ ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้เื่นี้เลยแม้แต่น้อย
ถึงอย่างไรสองวันนี้เธอก็ไม่เห็นเงาของหวังเจี้ยนหัวบนหน้าหนังสือพิมพ์อีก ชั้นเรียนกวดวิชาเองก็ไม่ถูกกล่าวถึงเช่นกัน เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเดาว่า เื่อื้อฉาวของชั้นเรียนกวดวิชาคงปะทุขึ้นแล้ว
เธอทำได้เพียงภาวนาให้สาวน้อยเหอเจียด้วยความปรารถนาดี เธอหวังว่าเหอเจียจะถูกหางเลขจากเื่นี้ไม่มากนัก!
หวังเจี้ยนหัวกับเซี่ยจื่ออวี้จะต้องมีคนใดคนหนึ่งเป็ผู้รับกรรม และเวลาเช่นนี้คือบททดสอบความภักดีที่มีต่อความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง ไม่ว่าใครจะเป็ฝ่ายออกหน้ารับผิดชอบ ผลกระทบหลังเกิดเื่นั้นก็ใหญ่หลวงยิ่งนัก
อย่างไรก็ตามเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ว่างสนใจพวกเขาทั้งสองคน ผู้จัดการใหญ่อู่เพิ่งส่งข่าวมาว่า เรือนสี่ประสานที่ซอยหนานหลัวกู่ ทางเ้าของบ้านอยากเจอกับเซี่ยเสี่ยวหลานสักครั้ง
เขายินดีเจรจาต่อรองราคาบ้านอีกครั้งอย่างจริงใจ!
เชิงอรรถ
[1]Cold Spring Harbor Laboratory (CSHL) เป็สถาบันเอกชนไม่แสวงหาผลกำไร มุ่งเน้นการวิจัยด้านโรคมะเร็งประสาทวิทยาชีววิทยาพืชจีโนมและชีววิทยาเชิงปริมาณ
[2]คำเรียกครอบครัวอีกฝ่ายที่ลูกหลานได้หมั้นหมาย กำลังจะแต่งงาน หรือแต่งงานกันแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้