ั้แ่เริ่มฝึกฝนการต่อสู้จากการสั่งสอนของซูอัน หน่วยคุ้มกันรุ่นที่หนึ่งทั้งสิบคนล้วนมีความมุ่งมั่น เพื่อให้ตนเองกลายเป็ผู้พิทักษ์ของตระกูลจิน ที่มีทั้งความแข็งแกร่งด้านร่างกาย รวมไปถึงการต่อสู้ที่ใช้มือเปล่าหรือใช้อาวุธ และทุกเช้ามักจะมีซูอันมาร่วมฝึกด้วยเสมอ
หลังจากการฝึกร่างกายของตน ซูอันจะกลับมาพูดคุยกับบิดามารดาและพี่สาว เกี่ยวกับลายปักที่ครอบครัวของนาง ได้เริ่มลงมือปักลวดลายดอกไม้ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับผ้าทอแต่ละผืน แต่ยังคงเป็ซูอันที่มีตัวอย่างของลายปัก ซึ่งมีความแตกต่างมาให้ครอบครัวได้ทำ ทั้งพัดที่สตรีชอบถือติดตัวหรือจะเป็ผ้าเช็ดหน้า ถุงใส่เครื่องหอม ฉากกั้นขนาดกลางไปถึงขนาดใหญ่
ไม่เพียงแค่คนในครอบครัวของซูอันที่ทำงานปักผ้า ลูกจ้างของนางจากหมู่บ้านซานอี๋ทั้งสี่คน ก็ได้มาเรียนรู้และปักตามลายที่ซูอันกำหนด ด้านผ้าทอที่นางสั่งกับชาวบ้านไว้ จะมีหัวหน้าหมู่บ้านอย่างลี่หยาง นำใส่หีบอย่างดีมาส่งให้นางถึงจวนเมื่อครบกำหนดหนึ่งเดือน
ยิ่งใกล้ถึงวันเปิดร้านผ้าของครอบครัว งานปักผ้าและตัดเย็บเป็ชิ้น ๆ ยิ่งต้องระมัดระวังอย่างมาก ซูอันสังเกตเห็นว่าชุดที่นางกับทุกคนใส่ประจำนั้น สีของมันดูจะซีดจางมองแล้วไม่สบายตา จึงบังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาทันที
ก่อนถึงวันเปิดร้านค้าผ้าสิบห้าวัน ซูอันเดินไปยังเรือนเล็กที่ใช้เก็บผ้าทอจากหมู่บ้านซานอี๋ จากนั้นได้ปรึกษากับจี้หยกวิเศษของนางทันที “จีจี้ ข้ารู้สึกว่าผ้าทอที่นำมาตัดเย็บเป็เสื้อผ้า พอนานไปก็เริ่มซีดจางยามต้องแสงแดด ก็ดูหม่นหมองไม่สดใสอย่างที่ซื้อในครั้งแรก เ้าพอจะมีวิธีทำให้ผ้าทอของชาวบ้าน รวมถึงในโรงทอแห่งนี้มีความคงทน ไม่ซีดจางง่ายหลังจากใช้งานไปนาน ๆ หรือไม่”
‘แน่นอนเ้าค่ะนายหญิง เื่เหล่านี้สำหรับจีจี้แล้ว ก็แค่เื่เล็ก ๆ เท่านั้นท่านอย่าลืมว่า โรงทอผ้าของท่านก่อนจะเริ่มขั้นตอนการทอ เส้นไหมทุกเส้น ล้วนต้องผ่านการย้อมน้ำยาที่ช่วยให้สีของผ้าคงทนไปหลายปี ฉะนั้นนายหญิงเลิกกังวลเถิดเ้าค่ะ’
“ดีมากจีจี้ เช่นนั้นเอาผ้าทั้งหมดนี้แช่น้ำยา ทำตามขั้นตอนที่เ้าพูดมาให้ข้าด้วยก็แล้วกัน อีกสิบห้าวันก็ถึงวันเปิดร้านผ้า ข้าจำเป็ต้องนำไปจัดวางที่ร้านบางส่วน” ซูอันสั่งงานจี้หยกของนาง เนื่องจากก่อนการเปิดร้านผ้า นางต้องมีตัวอย่างไปวางให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ
‘ได้สิเ้าคะ เมื่อจัดการเรียบร้อยข้าจะรายงานท่านทันทีเ้าค่ะ’
“ขอบใจมากจีจี้ ประเดี๋ยวข้าไปดูท่านแม่กับพี่หญิงก่อน ไม่รู้ว่างานปักที่เตรียมเปิดตัวในร้านจะพร้อมหรือยัง อ้อ รบกวนเ้าช่วยเตรียมผ้าทอเพิ่มอีกสีละยี่สิพับนะ เผื่อลูกค้าให้ความสนใจจะได้มีขายให้ลูกค้าในวันนั้นด้วย”
‘รับทราบเ้าค่ะนายหญิง’
เมื่อคลี่คลายความกังวลเื่สีของผ้าได้แล้ว ซูอันจึงกลับไปหามารดาและเยี่ยนหลิง ยังห้องของเรือนข้างที่มีอุปกรณ์ปักผ้า วางเรียงรายอยู่หลายตัวและบนอุปกรณ์เ่าั้ มีผ้าที่ขึงอยู่พร้อมลวดลายที่ปักลงไป ด้วยฝีมืออันประณีตของสตรีทั้งหกในห้องนี้
“ท่านแม่ พี่หญิง”
จือเหมยหยุดมือที่กำลังปักผ้าทันที เมื่อได้ยินเสียงของบุตรสาวคนเล็กเรียกตนเอง “ว่าอย่างไรเล่าอันเอ๋อร์ แม่คิดว่าเ้าตามบิดาไปดูร้านค้าเสียอีก”
“นั่นสิอันเอ๋อร์หรือว่าที่มาพบท่านแม่กับพี่ มีเื่อันใดเกี่ยวกับการเปิดร้านผ้าหรือไม่เล่า” เยี่ยนหลิงถามน้องสาวด้วยเกรงว่าจะเกิดปัญหาก่อนเปิดร้าน
ซูอันเห็นทั้งสองขมวดคิ้วด้วยกลัวจะเกิดปัญหา พาลทำให้ลูกจ้างที่เหลือหยุดงานในมือไปด้วย นางจึงต้องรีบอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ “หืม พวกท่านคิดอันใดกันเ้าคะ ทุกอย่างเกี่ยวกับการเปิดร้านผ้า เป็ไปด้วยดีไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเ้าค่ะ ที่ข้ามาพบท่านแม่กับพี่หญิงที่นี่ เพราะอยากมาดูให้แน่ใจเท่านั้นเอง ว่าผ้าปักลวดลายต่าง ๆ พร้อมนำไปวางขายแล้วหรือไม่ มีข้าอยู่ทั้งคนกิจการของเราจะเกิดปัญหาได้อย่างไรเ้าคะ”
“อันเอ๋อร์ถ้าพวกตระกูลหลิวรู้เข้าจะมาหาเื่พวกเราหรือไม่”
ซูอันได้ยินคำถามที่เยี่ยนหลิงกังวล ดวงตาของนางพลันเปลี่ยนเป็แข็งกร้าวขึ้นมา “หึ พี่หญิงท่านสบายใจเถิด หากคนตระกูลหลิวยังอยากมีชีวิตที่สงบสุข พวกเขาควรคิดไตร่ตรองให้ดี ก่อนจะเดินเข้ามาหาเื่กับครอบครัวพวกเราเ้าค่ะ ถ้าคำเตือนของข้ามันดูไม่น่ากลัวละก็ ถึงยามนั้นค่อยเชือดไก่ให้ลิงดูก็ยังไม่สายนะเ้าคะ”
จือเหมยเองก็ใช่ว่าจะไม่คิดเกี่ยวกับเื่นี้ แต่ในเมื่อปัญหายังมาไม่ถึง นางจึงทำตามที่บุตรสาวคนเล็กบอกเสมอ “หลิงเอ๋อร์เชื่อใจน้องของเ้าเถิด เ้าก็รู้ดีว่าคนตระกูลหลิวขี้ขลาดเพียงใด หากกล้ามาหาเื่พวกเรา ชื่อเสียงที่พยายามรักษามาหลายปี คงไม่มีเหลืออีกต่อไปแล้วละ”
“เ้าค่ะท่านแม่ ว่าแต่อันเอ๋อร์หน่วยคุ้มกันของเ้าเป็อย่างไร พี่เห็นพวกเขาฝึกฝนอย่างหนัก ั้แ่เข้ามาอยู่ที่จวนของพวกเรา ฝีมือการต่อสู้พัฒนาไปถึงไหนกันบ้างแล้ว” เยี่ยนหลิงเปลี่ยนเื่พูดคุยไปเป็เื่หน่วยคุ้มกันแทน
เมื่อพี่สาวถามถึงเื่นี้สีหน้าของซูอันจึงกลับมาเป็ปกติ “ทั้งสิบคนนี้มีความมุ่งมั่นและพยายามอย่างมาก ที่จะแข็งแกร่งเพื่อปกป้องตระกูลจินของเราเ้าค่ะ หากต้องเดินทางไปต่างเมือง พวกเขาสามารถจัดการคนที่ไม่หวังดีได้ทันทีเ้าค่ะ”
เยี่ยนหลิงยิ่งชื่นชมน้องสาวคนนี้มากกว่าเดิม เพราะซูอันมีความกล้ามากกว่าตนเสมอ “พี่รู้อยู่แล้วว่าลี่เอ๋อร์ต้องทำสำเร็จ”
หลิงเจินลูกจ้างปักผ้าผู้เป็มารดาของหยิ่งเจา ยิ่งรู้สึกขอบคุณซูอันที่รับบุตรชายของนาง เข้ามาฝึกเป็หน่วยคุ้มกัน แม้จะไม่ค่อยได้พบหน้ากันเท่าใดนัก “ป้าขอบคุณคุณหนูรองมากนะเ้าคะ ที่รับหยิ่งเจาเข้ามาทำงานกับท่าน ที่ผ่านมาเขาพยายามเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่เพราะต้องช่วยครอบครัวทำงาน จึงไม่ค่อยมีเวลากับการฝึกต่อสู้นักเ้าค่ะ”
“ท่านป้าอย่าได้พูดเช่นนั้นเลย พวกเราทั้งสองฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์ เมื่อทุกคนทำงานได้ดีข้าย่อมดูแลพวกเขาอย่างดี ต่อไปหน่วยคุ้มกันทุกคนจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ไม่มีใครทำอันตรายทุกคนได้หากไม่ใช้วิธีลอบกัดนะ” ซูอันแทบจะทนไม่ไหวกับการได้ออกเดินทาง เพื่อไปทำการค้าตามเมืองต่าง ๆ
จือเหมยเห็นว่าบุตรสาวมีความมั่นใจกับเื่นี้มาก นางย่อมไม่เอ่ยขัดเพราะซูอันได้ลงมือทำให้เห็นด้วยตนเอง “ถึงจะเก่งแค่ไหนแต่เ้าอย่าได้ประมาทเล่าอันเอ๋อร์ ผู้คนมากมายพวกเราไม่อาจรู้ความคิดพวกเขาได้ทั้งหมด”
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างไม่มีปัญหาซูอันจึงขอตัวกับมารดา เพื่อกลับไปเตรียมผ้ารายการอื่น ๆ ให้พร้อมสำหรับวางขาย “ข้าทราบแล้วเ้าค่ะท่านแม่ เช่นนั้นข้าขอไปดูผ้าอย่างอื่น ๆ ก่อนนะเ้าคะ จะได้ตรวจนับให้เรียบร้อยก่อนนำไปวางที่ร้านเ้าค่ะ”
“จ้ะ เ้าไปจัดการในส่วนของตนเองเถิด”
ซูอันจัดการเตรียมสินค้าของครอบครัวเป็อย่างดี ทุกอย่างเสร็จทันก่อนถึงวันเปิดร้านเพียงห้าวันเท่านั้น ด้านหน่วยคุ้มกันทั้งสิบคนก็พร้อมเริ่มงานแล้ว ก่อนการเปิดร้านหนึ่งวันซูอันจึงเรียกลูกจ้าง ที่จะมาทำงานประจำที่ร้านมาพบ เพื่อช่วยกันจัดวางผ้าทอแบบทั่วไป และผ้าทอที่มีลายปักที่งดงามด้วยเส้นไหมอันแวววาว
ส่วนของใช้กระจุกกระจิกซูอันแยกไว้อีกด้านหนึ่ง นางไม่้าให้ลูกค้ายืนล้อมเพียงจุดเดียว เนื่องจากจะทำให้การดูแลของลูกจ้าง เกิดความลำบากและตอบคำถามได้ไม่ทั่วถึง
ในเช้าวันเปิดร้าน “หงส์ทอเมฆา” เสียงประทัดที่ดังกึกก้องไปทั่วท้องถนน รวมถึงเสียงของลูกจ้างทั้งห้าคน ที่คอยเชิญชวนผู้คนที่เดินผ่านไปมา ให้แวะเข้ามาชมผ้าทอของร้าน มีผู้คนไม่น้อยที่เดินผ่านไปมา ต่างหยุดมองป้ายร้านใหม่ที่แขวนไว้หน้าประตู ตัวอักษรสีทองบนพื้นไม้สีเข้มสะท้อนแสงแดด สื่อถึงความเรียบง่ายแต่สง่างาม
ซูอันและคนในครอบครัวของนาง ต่างใส่ชุดผ้าปักลวดลายเฉพาะ เดินออกมาต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้ม และเข้าไปพูดคุยให้คำแนะนำกับลูกค้าที่ให้ความสนใจผ้าทอทุกคน
วั่นจิ่นต้านเป็เ้าของร้านผ้าขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเส้ากวน วั่นจิ่นต้านมักจะออกเดินทาง เพื่อค้นหาผ้าทอที่มีความงดงามอยู่เสมอ บางครั้งเขาพบเจอผ้าทอคุณภาพดี มักจะให้บุตรสาวผู้เป็ถึงพระชายาของหนิงอ๋อง นำเข้าไปถวายแก่ฮองเฮาอยู่เสมอ
ครั้งนี้วั่นจิ่นต้านได้แวะพักที่เมืองผู่เถียน ก่อนจะออกเดินทางไปแดนเหนือ ในการตามหาผ้าขนสัตว์กลับมา และวันนี้เขาเห็นว่ามีร้านขายผ้าเปิดใหม่ จึงแวะเข้ามาดูไม่ได้คาดหวังกับความงดงามของผ้าสักนิด แต่พอได้เห็นผ้าทอของร้านใกล้ ๆ ก็ไม่อาจวางมันลงได้
วั่นจิ่นต้านเดินเข้าไปหยิบผ้าปักผื่นหนึ่งขึ้นมา เพื่อมองดูลวดลายที่เขายังไม่เคยพบเห็น อีกทั้งฝีมือการปักยังงดงามทั้งด้านนอกและด้านใน “ข้าเคยเห็นผ้าทอและผ้าปักมามากมาย แม้แต่ร้านใหญ่ ๆ ของข้าในเมืองหลวง ยังไม่อาจเทียบได้กับผ้าปักในร้านแห่งนี้ ลู่อี้เ้าว่าหากข้าซื้อกลับไปและให้พระชายานำไปถวายฮองเฮา พระชายาจะได้ความดีความชอบอีกครั้งหรือไม่”
ลู่อี้บ่าวคนสนิทผู้เป็องครักษ์ มองผ้าปักในมือของเ้านาย ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันงดงามจนละสายตาไม่ได้ “นายท่านขอรับ ผ้าปักของร้านแห่งนี้ดูแล้วคล้ายกับว่ามีชีวิต จนมองไม่ออกว่ามันคือเส้นไหมเลยขอรับ หากพระชายานำไปถวายฮองเอา ย่อมได้รับคำชื่นชมมาถึงตระกูลวั่นของนายท่านอย่างแน่นอนขอรับ”
ซูอันที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้ยินคำชมจากพ่อค้าคนนี้ นางจึงเดินเข้าทักทายและสอบถามความสนใจทันที “ไม่ทราบว่าท่านลุงสนใจผ้าทอแบบใดของร้านข้าเ้าคะ ภายในร้านมีผ้าทอสีพื้นฐานทั่วไป ที่ชาวบ้านสามารถนำไปตัดเสื้อผ้าได้ หรือจะเป็ผ้าทอที่สีของมันจะไม่ซีดจางง่าย แม้จะผ่านการซักทำความสะอาดหลายครั้งก็ตาม รวมถึงผ้าผักลวดลายต่าง ๆ สำหรับชนชั้นสูงระดับขุนนางจนถึงเชื้อพระวงศ์ ที่เหมาะกับผ้าเนื้อดีของร้านข้าเ้าค่ะ”
ยิ่งได้ยินสิ่งที่ซูอันอธิบายออกมา วั่นจิ่นต้านยิ่ง้าซื้อผ้าของนาง “เ้าพูดจริงรึ! เอ่อ ว่าแต่เ้าเป็ใครหรือ ถึงได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับผ้าพวกนี้มากนัก”
ซูอันรีบแนะนำตัวกับอีกฝ่าย นางไม่อาจปล่อยลูกค้ากระเป๋าหนัก หลุดมือไปได้ั้แ่วันแรกเป็แน่ “อ้อ ข้าขอแนะนำตัวเองกับท่านลุงสักหน่อย ข้าชื่อว่าจินซูอันเป็บุตรสาวคนรองของเถ้าแก่ร้านผ้าแห่งนี้เ้าค่ะ ผ้าปักที่ท่านลุงถืออยู่ในมือนั้น มีข้าเป็คนคิดค้นลวดลายก่อนจะมอบให้ช่างปักของร้าน รวมถึงมารดาและพี่สาวของข้าเป็คนปักเ้าค่ะ”
วั่นจิ่นต้านสังเกตซูอันอยู่เงียบ ๆ เขาไม่คิดว่าหญิงสาวที่ยังไม่ปักปิ่นคนนี้ ช่างมีความคิดที่ไม่เหมือนใคร และยังฉลาดหลักแหลมในการคิดลวดลายบนผ้าปัก ซึ่งเป็ที่แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ปล่อยโอกาส ที่จะผูกมิตรกับซูอันเพื่อทำการค้าอยู่แล้ว “โอ้ ที่แท้ก็คือคุณหนูรองจินนี่เอง ข้าชื่นชอบผ้าปักของร้านเ้ามากจริง ๆ ถ้าหากว่าพวกเราจะ..”
มีหรือที่ซูอันจะปฏิเสธเมื่อได้เข้าใจคำพูด ที่วั่นจิ่นต้านกำลังพูดออกมา “เช่นนั้นเชิญท่านลุงที่ห้องรับรอง้าดีกว่าเ้าค่ะ พวกเราจะได้พูดคุยเป็การส่วนตัว”
“ฮ่า ๆ ๆ คุณหนูรองจินเ้าช่างฉลาดจริง ๆ เชิญคุณหนูรองจินนำทางเถิด” วั่นจิ่นต้านหัวเราะชอบใจ ที่ได้พบเจอแม่ค้าที่ฉลาดทันคนเช่นซูอัน
ซูอันเดินนำลูกค้ากระเป๋าหนักไปยังห้องรับรอง เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการค้าของทั้งสองฝ่าย ซึ่งเื่นี้คนในครอบครัวลงความเห็นแล้วว่า จะมอบหมายให้เป็หน้าที่ของซูอัน เนื่องจากนางสามารถพูดจาโน้มน้าวผู้คนได้เก่งกาจ
เพียงแค่วันแรกของการเปิดร้าน “หงส์ทอเมฆา” ก็เป็ที่กล่าวถึงไปทั่วทั้งเมืองผู่เถียน ลูกค้าต่างประทับใจในผ้าทอที่เรียบลื่น แม้กระทั่งผ้าปักลวดลายงดงาม ที่มีราคาถูกไปจนถึงราคาแพง ยังเป็ที่ชื่นชอบของเหล่าสตรีทั้งหลาย ยามนี้รอเพียงเจรจาซื้อขายกับวั่นจิ่นต้านเท่านั้น ที่จะช่วยให้ชื่อเสียงของร้านหงส์ทอเมฆา จะมีผู้คนรู้จักมากยิ่งขึ้นและนั่นยิ่งทำให้มีใบสั่งซื้อ จากทั่วสารทิศมายังร้านของครอบครัวมากขึ้นเช่นกัน
