ฮ่องเต้ซีิขมวดคิ้วเข้าหากัน ด้วยรู้ว่าเื่นี้เชื่อมโยงถึงสิ่งใดบ้าง เื่นี้ได้แพร่สะพัดไปทุกตรอกซอกซอย ย่อมเสื่อมเสียเกียรติของราชวงศ์ แม้เื่นี้ฉู่ชิงเฉียงจะผิดพลาดไปแล้ว แต่เมื่อเื่นี้ดำเนินไปถึงจุดนี้ก็ได้แต่จัดการตามเนื้อผ้า
ดังนั้นฮ่องเต้ซีิจึงถอนหายใจ ผายพระหัตถ์ไปด้านข้าง “ลู่กงกง เขียนราชโองการให้เจิ่น”
“องค์หญิงห้าฉู่ชิงเฉียงมีจิตใจเดียวกันกับพ่อค้าเซียวเทียนฉี เจิ่นพระราชทานงานอภิเษกให้กับทั้งสอง หลังจากนี้อีกสามวัน”
ฮ่องเต้ซีิตรัสจบ มองไปทางฉู่ชิงเฉียงที่คุกเข่าลง “หลังจากแต่งออกจากวังหลวง จากนี้ไปไม่อนุญาตให้ใช้ฐานะองค์หญิง อีกทั้งยกเลิกการใช้แซ่ฉู่ เจิ่นไม่เคยมีบุตรสาวเช่นเ้า”
“เสด็จพ่อ……” ฉู่ชิงเฉียงร้องขอวิงวอน ไม่นึกไม่ฝันว่าจะลงโทษหนักหนาถึงเพียงนี้
ฮ่องเต้ซีิมิมองฉู่ชิงเฉียงแม้แต่หางตา รับสั่งให้องครักษ์ประจำพระองค์มาเชิญนางออกไป “จำหน้านางให้ชัดเจน นับจากนี้นางเป็สามัญชน ไม่ว่าเกิดเื่ใด ห้ามพานางเข้าวังหลวงเด็ดขาด”
“หากขัดขืน บั่นคอได้ทันที!”
ไทเฮาเจิ้งได้ยินถึงกับถอนหายใจ ด้วยรู้ได้ทันทีว่าชีวิตของนางที่เหลือพังพินาศลงแล้ว
จนกระทั่งถึงตอนนี้ นางยังไม่เข้าใจว่าฉู่ชิงเฉียงแอบไปสมค้าสมาคมกับพ่อค้าแบบนี้ได้เช่นไร
“เสด็จพ่อ ลูกผิดไปแล้ว เสด็จพ่อยกโทษให้ลูกด้วยเถอะเพคะ” ฉู่ชิงเฉียงวิงวอนอย่างน่าสงสาร
“เอาตัวออกไป! ทหาร จับสองคนนี้โยนออกจากวังหลวงเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้ซีิะโสุดเสียง
ฉู่ชิงเฉียงกับเซียวเทียนฉีถูกจับแขนสองข้างเดินออกจากท้องพระโรง
ฮ่องเต้ซีิสีพระพักตร์เคร่งเครียด เปี่ยมด้วยความกริ้ว ด้านฮองเฮาที่อยู่ด้านข้างเดินไล่ตามไปติดๆ
ไทเฮาเจิ้งยืนอยู่ที่เดิม ปรายตามองมู่อวิ๋นจิ่นเหมือนเื่นี้ต้องมีที่มาที่ไป
……
เมื่อถึงเวลาที่ต้องออกจากวังหลวง มู่อวิ๋นจิ่นตั้งใจเลือกออกประตูด้านหลัง
นึกไม่ถึงว่าพอเหยียบออกจากประตูได้เพียงก้าวเดียว ก็มีคนพุ่งเข้ามาคว้าแขนของนางเอาไว้อย่างเอาเื่
มู่อวิ๋นจิ่นกลัวว่าฉู่ชิงเฉียงจะจับโดนาแที่แขน จึงสะบัดแขนของนางออก ยิ้มเย้ยขึ้น “ห๊ะ? คุณชายเซียวไปไหนแล้ว?”
“มู่อวิ๋นจิ่น เื่ทุกอย่างเป็เพราะเ้าคนเดียวใช่หรือไม่?” ฉู่ชิงเฉียงจ้องเอาเืเอาเนื้อ ภายในใจไม่เคยโกรธเกลียดผู้ใดเช่นนี้มาก่อน
มู่อวิ๋นจิ่นยกแขนกอดอก ยื่นมือลูบใบหู “องค์หญิงห้าพูดอะไรกัน ข้าฟังไม่เข้าใจ……”
“อ่อ ไม่ใช่นี่หน่า ตอนนี้มิอาจเรียกชื่อองค์หญิงห้าแล้ว ต้องเรียกว่าสามัญชนถึงจะถูก” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยจบลงก็ยกมือป้องปาก
“มู่อวิ๋นจิ่น เ้านี่มันโเี้อำมหิต!” ฉู่ชิงเฉียงได้แต่กัดฟันกรอดๆ
มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วขึ้น “โเี้อำมหิต?”
สิ้นเสียงนางก็หยิ้มเย้ยขึ้นอีกครั้ง “ข้าโเี้อำมหิตที่ไหน ทำไมเ้าต้องใส่ร้ายข้าด้วย? อย่างน้อยข้าก็ช่วยเ้าหาสามีที่ร่ำรวย เ้าจะได้ไม่ต้องกังวลเื่การเป็อยู่ หากข้าโเี้อำมหิตจริง ก็คงหาขอทานข้างทางให้เ้าไปแล้ว”
“เ้านี่มัน……” ฉู่ชิงเฉียงอ้าปากค้างเถียงไม่ออก นึกไม่ไม่ฝันว่ามีคนทำเื่ที่ชั้นต่ำเช่นนี้ แต่ยังลอยหน้าลอยตาพูดอย่างสูงส่ง
“เอาล่ะ เื่็มาถึงขั้นนี้แล้ว เ้าไม่ต้องติดต่อคนของหอบุหลันอีกแล้ว วางใจเป็ฮูหยินเซียวก็แล้วกัน” มู่อวิ๋นจิ่นดีดขี้เล็บอย่างไม่แยแส
ฉู่ชิงเฉียงมีลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้น “เ้าความหมายว่าอะไร?”
“ไม่ได้หมายความว่าอะไรทั้งนั้น แค่ได้ยินมาว่าหอบุหลันที่เมืองเซินเย้าเกิดไฟไหม้ เผาทุกอย่างเป็จุนไปหมดแล้ว……”
ฉู่ชิงเฉียงหน้าซีดเป็ไก่ต้ม ผงะถอยไปก้าวหนึ่ง ขาอ่อนแรงพับลงไปกับพื้น ด้วยท่าทางที่น่าสมเพชเวทนามากที่สุด
“มู่อวิ๋นจิ่น ขอเพียงข้ายังมีลมหายใจ จะต้องฆ่าเ้าด้วยมือให้จงได้” ฉู่ชิงเฉียงกัดฟันกรอดๆ จนฟันเกือบแตกหมดปาก
“เชอะ ข้ารอเ้าเสมอ!” มู่อวิ๋นจิ่นหันมองเซียวเทียนฉีที่แอบดูอยู่มุมด้านข้าง
เซียวเทียนฉีส่งสบตา หัวเราะคิกคักให้กับมู่อวิ๋นจิ่น มู่อวิ๋นจิ่นก็หัวเราะเช่นกัน จากนั้นมู่อวิ๋นจิ่นก็หันหลังเดินจากไป
เมื่อนางจากไปแล้ว เซียวเทียนฉีก็วิ่งออกมา เข้ามาช่วยประคองฉู่ชิงเฉียงขึ้น แต่ฉู่ชิงเฉียงกลับผลักเขาอย่างแรง “สรุปแล้วมู่อวิ๋นจิ่นให้ข้อเสนออะไรกับเ้า พวกเ้าถึงได้รวมหัวเล่นงานข้า?”
เมื่อก่อนเซียวเทียนฉียังเห็นฉู่ชิงเฉียงเป็องค์หญิงผู้สูงศักดิ์จึงมิกล้า แต่ที่ท้องพระโรงเมื่อครู่ ฝ่าาตรัสชัดเจน ไม่รับเ้าเป็บุตรสาวแล้ว
นับจากนี้เขาจะมองฉู่ชิงเฉียงเป็เพียงสตรีผู้หนึ่งเท่านั้น “ชิงเฉียงกลับกันเถอะ ตระกูลเซียวของเราไม่มีทางให้เ้าต้องลำบาก”
“ถ้าเ้าไม่กลับกับข้า คงไม่มีทางไปแล้วกระมัง” เซียวเทียนฉีเอ่ย
ฉู่ชิงเฉียงได้แต่กัดริมฝีปาก ลุกขึ้นมานั่งโดยที่ไม่สนใจเซียวเทียนฉี กลับเดินไปทางจวนของแม่ทัพไป
เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว มีเพียงฉินมู่เยว่ผู้เดียวที่จะยอมช่วยนาง
เซียวเทียนฉียืนนิ่งอยู่ที่เดิม พึมพำขึ้นมา “พระชายาหก ช่างเก่งกาจอะไรถึงเพียงนี้ พูดได้จริงทำได้จริง”
เมื่อก่อนเขาเคยพบหน้าองค์หญิงห้าอยู่หลายครั้ง แต่นางไม่เคยเหลียวแลชายตามองเขาแม้แต่น้อย ประเดี๋ยวรอให้นางแต่งเข้าตระกูลเซียวเสียก่อน ถึงตอนนั้นค่อยจัดการนาง
……
เมื่อฉู่ชิงเฉียงเดินทางมาถึงหน้าประตูจวนแม่ทัพ กลับถูกทหารด้านหน้ากั้นไว้
“เปิ่นกงจู่มาพบคุณหนูฉิน” ฉู่ชิงเฉียงตะคอกใส่หน้าทหารเ่าั้
ทหารเ่าั้ยังไม่ทราบเื่ที่ฉู่ชิงเฉียงถูกถอดถอนตำแหน่ง จึงรีบวิ่งเข้าไปรายงาน ไม่นานนักก็วิ่งกลับมา “องค์หญิงห้า คุณหนูไม่อยากพบท่านพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ?” ฉู่ชิงเฉียงแปลกใจที่สุด แต่ไหนแต่ไรฉินมู่เยว่เป็สหายที่ดีที่สุดของนาง เหตุใดจึงไม่ยอมพบหน้า
“ไม่ได้การแล้ว พวกเ้าถอยไป เปิ่นกงจู่ต้องพบมู่เยว่ให้ได้” ฉู่ชิงเฉียงพยายามแหวกทหารด้านหน้า
ด้วยความโมโหขึ้นหน้า นางรวมพลังลมปราณหมายใช้กับทหารทั้งสองนาย ทว่ากลับมีฝ่ามือวายุพุ่งจากด้านในจวน มาปะทะทรวงอกจนฉู่ชิงเฉียงกระเด็นลอย กลิ้งลงจากขั้นบันไดหน้าจวน
จากนั้นฉินมู่เยว่ถึงยอมปรากฏตัวขึ้นมา
“มู่เยว่……” ฉู่ชิงเฉียงพยายามตะเกียกตะกายประคองตัวขึ้น และกระอักเืออกมา นึกไม่ถึงว่าฉินมู่เยว่จะกระทำเช่นนี้กับนางได้
ฉินมู่เยว่เดินออกมาที่หน้าประตูจวน หรี่ตาแสยะยิ้ม “เป็ใครกันที่บังอาจมาบุกจวนแม่ทัพ ไม่อยากมีชีวิตอีกแล้วใช่ไหม?”
“มู่เยว่ เ้า……” ฉู่ชิงเฉียงเอ่ยด้วยความใ
“ราชโองการของฝ่าาลงมาแล้ว ในฐานะขุนนางย่อมต้องปฏิบัติตามอย่างไร้เงื่อนไข บัดนี้เ้าไม่มีฐานะเป็องค์หญิงอีกต่อไปแล้ว ใครใช้ให้เ้าคิดมาทำร้ายทหารของจวนแม่ทัพ?” ฉินมู่เยว่เผยอปาก มองดูฉู่ชิงเฉียงที่น่าเวทนา
ฉู่ชิงเฉียงได้ฟังถึงกับหัวเราะลั่น ลุกขึ้นมานั่ง ยกแขนเสื้อซับเืที่ปาก “ฉินมู่เยว่ เ้าช่างเป็แบบอย่างที่ดีที่สุด!”
“เ้ายืมมือคนอื่นมาเล่นงานข้า ช่างยอมเยี่ยมไร้ที่ติจริงเชียว ฮ่าๆๆๆ”
ฉินมู่เยว่ยกมือพ่ายหลัง หันไปสั่งทหาร “คราวหน้า หากนางยังกล้ามาสร้างเื่หน้าจวน ก็จัดการตีไล่ได้ทันที!”
“ขอรับ คุณหนู”
สั่งการจบ ฉินมู่เยว่ก็กลับหลังเดินเข้าไปด้านใน
“ฉินมู่เยว่ เ้าไม่กลัวข้าเอาเื่ทุกอย่างไปบอกฉู่ลี่กระมัง?” ฉู่ชิงเฉียงเอ่ยด้วยความโมโห
ฉินมู่เยว่หยุดชะงักลง หันกลับมา ฉีกยิ้มอย่างสาแก่ใจ “มู่อวิ๋นจิ่นให้โอกาสเ้ามีชีวิตต่อ ทำไมยังต้องมารนหาที่ตายถึงที่นี่ด้วย?”
ฉู่ชิงเฉียงสะดุ้งโหยงไปทั้งตัว
……
ทางด้านมู่อวิ๋นจิ่น เมื่อเดินกลับถึงจวนองค์ชายหก จิตใจเบิกบานเป็อย่างยิ่ง
พอก้าวเข้าเรือนลี่เฉวียน ฉู่ลี่กำลังนั่งรออยู่ที่โต๊ะหินจิบน้ำชา ทันทีที่เห็นมู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้ามาก็ส่งสายตาจ้องมองอย่างมีนัยยะ
มู่อวิ๋นจิ่นชะงักงัน หันไปยิ้มให้ “อรุณสวัสดิ์”
“อรุณสวัสดิ์อะไรกัน สายป่านนี้แล้ว” ฉู่ลี่ยกน้ำชาขึ้นจิบอึกหนึ่ง ก่อนเปรยขึ้น “วันนี้เ้าดูไม่ว่างแต่เช้าตรู่เลยสิท่า”
มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินก็นึกถึงเื่ของฉู่ชิงเฉียงขึ้นมา ไม่นึกว่าฉู่ลี่จะทราบเื่ได้เร็วถึงเพียงนี้ นางจึงไม่รีรอนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วเอ่ยถามขึ้น “เ้าคิดเห็นเป็ประการใด กับการตัดสินใจทำเช่นนี้ มิทราบว่าเ้าพอใจหรือไม่?”
ฉู่ลี่เน้นริมฝีปาก ก่อนยิ้มน้อยๆ แต่แฝงด้วยความขัดเคืองใจ “พอแผลหายดีแล้วก็ลืมความเจ็บตอนเป็แผลสด สงสัยคนที่เจ็บไม่จำก็เป็เ้านี่เอง!”
มู่อวิ๋นจิ่น ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมฉู่ลี่ต้องมีท่าทางโกรธเคือง จึงขมวดคิ้วถามต่อไปว่า “เ้าคงไม่ได้เสียดายองค์หญิงห้าใช่ไหม? แต่คนอย่างเ้าดูแล้วไม่ค่อยให้ความสำคัญกับใคร ทำไมต้องโกรธเคืองด้วย?”
“มู่อวิ๋นจิ่น!” ฉู่ลี่ยิ่งทวีความโกรธกับความไม่เอาไหนของนางขึ้นไปอีก
“มีอะไรอีก?” มู่อวิ๋นจิ่นไม่เข้าใจกับท่าทางที่ฉู่ลี่้าสื่อ
ฉู่ลี่ขมวดคิ้ว กดเสียงต่ำ “คนสนับสนุนฉู่ชิงเฉียงเื้ัเกี่ยวโยงไปถึงอาณาจักรตงหลิน พอข่าวสารของพวกเขาถูกตัดลง เ้าไม่กลัวอาณาจักรตงหลินมาเล่นงานคืนอย่างนั้น?”
“ข้า……” มู่อวิ๋นจิ่นอ้าปากค้างลืมคิดในจุดนี้ไปเลย
“แล้วจะทำยังไงจึงเป็ทางออกเล่า” มู่อวิ๋นจิ่นส่งสายตาขอร้องฉู่ลี่
ฉู่ลี่เห็นสายตาขอร้องจึงระงับความโกรธลงไป แต่อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเขกหน้าผากนางไปทีหนึ่ง
มู่อวิ๋นจิ่นยกมือลูบหน้าผาก ถลึงตาโตใส่ฉู่ลี่
ฉู่ลี่ลุกขึ้นยืนเตรียมกลับห้อง โดยไม่อยากบอกนางให้มากความ
แต่พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว กลับหยุดฝีเท้าลง หันกลับมามองมู่อวิ๋นจิ่นที่หน้าตาละห้อย “ครั้งหน้าจะทำเื่ใด ให้บอกเปิ่นหวงจื่อล่วงหน้า จะได้ช่วยทำแทนเ้า”
สิ้นเสียงเขาก็เดินเข้าห้อง ปิดประตูดังปึ้ง
มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงประตูก็ถึงกับสะดุ้งโหยงไปทั้งตัว
ฉู่ลี่ เ้าช่างเก็บความรู้สึกเก่งกาจเสียเหลือเกิน
……
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นเดินกลับเข้าห้องของตนเอง ก็ต้องใว่ามีคนมายืนอยู่ข้างใน พร้อมกับนั่งรินน้ำใส่แก้ว “ฉีฉี่ ทำไมเ้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลย?”
ฉีฉี่ยิ้มชอบใจ “แน่นอนว่าต้องมารายงานข่าวดีให้นายหญิงเ้าค่ะ”
“ทำเรียบร้อยแล้ว?” มู่อวิ๋นจิ่นเหลือบมองฉีฉี่
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่เพียงเผาหอบุหลันให้ราบเป็หน้ากอง พวกเรายังตั้งใจไปที่อาณาจักรตงหลิน เผาหอศศิธรไปด้วยกันเลยเ้าค่ะ” ฉีฉี่เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิ
ทันทีที่มู่อวิ๋นจิ่นได้ยิน ก็ยกนิ้วโป้งขึ้น “ทำได้ยอดเยี่ยมมาก!”
“แล้วเื่ที่ให้เ้าไปปล่อยข่าวลือละ?” มู่อวิ๋นจิ่นถามขึ้นอีก
“เื่นั้นทำเรียบร้อยเช่นกันขอรับ ซิวเม่ยแปลงร่างเป็ลี่เหนียงหัวหน้าหอนางโลม ปลอมตัวเข้าไปในวังอาณาจักรตงหลิน ได้พบหน้าหรงิ่ เพราะฉะนั้นหรงิ่ย่อมคิดว่าฉู่ชิงเฉียงตลบหลังเขา นายหญิงวางใจได้เ้าค่ะ” ฉีฉี่ยกน้ำขึ้นมาดื่ม
“เช่นนั้นก็ดี เื่นี้นับว่าจัดการได้ราบรื่น” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ย
ฉีฉี่พยักหน้ารับ จากนั้นมีความกังวลเผยออกมาทางแววตา “นายหญิง ระหว่างที่ซิวเม่ยเดินทางออกจากวังในอาณาจักรตงหลิน ได้พบเข้ากับรัชทายาทแห่งตงหลิน ที่มีความเหี้ยมโหด แค่ปรายตามองก็สามารถดูออกว่าซิวเม่ยให้วิชาแปลงร่างเ้าค่ะ”
“ห๊ะ? มีเื่เช่นนี้ด้วย?”
“ใช่เ้าค่ะ โชคดีที่ซิวเม่ยปราดเปรียวว่องไว หลบหลีกทหารในวังได้ มิอย่างนั้นคนในราชวงศ์ตงหลินที่รับมือได้ยาก วันข้างหน้าอาจเป็ศัตรูตัวฉกาจก็เป็ได้”