“งดงาม งดงามจริงๆ แค่มองก็ทำให้คนอยากทานแล้ว กลิ่น...” เขาค่อยๆ สูดหายใจเข้า “กลิ่นนี้หอม หอมจริงๆ ตอนนี้ข้าอยากชิมอาหารของพวกเ้าแล้วว่าเป็เช่นไร”
คีบท้องหมูเข้าปาก ตาของชายชราค่อยๆ หรี่ลงช้าๆ ตั้งใจลิ้มรสอาหาร พวกเฉินเนี้ยนหรานที่อยู่ด้านข้างมองไปทางเขา เ้าสิ่งนี้พวกเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมาก ทานเองก็รู้สึกว่ารสชาติไม่เลว แน่นอนว่าผู้ใดจะรู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร? ชายชราตรงหน้าผู้นี้ เพียงมองก็รู้แล้วว่าศึกษาเื่การกินมาอย่างดี หากเขารู้สึกว่ามันดี บางทีอาจจะประสบความสำเร็จ เพียงแต่เวลานานมากแล้วเหตุใดเขาไม่พูดอะไรเลยเล่า?
เฉินจื่อิอดตื่นเต้นไม่ได้ เขามองชายชราที่ทานอาหารอย่างไม่เร่งร้อน จึงเอ่ยปากถามเสียงสั่นไปว่า “เป็อย่างไรบ้างท่าน?” เหตุใดเขาทานช้าเช่นนี้!
ยิ่งเขาเร่งเช่นนี้ ชายชรายิ่งไม่รีบร้อนเข้าไปใหญ่ ทำเพียงละเลียดทานไปอย่างช้าๆ
หลังจากทานเข้าไปแล้วคิ้วยังขมวดเข้าหากันแน่น เขาทำหน้ายับย่นมองเฉินจื่อิกับเฉินเนี้ยนหรานที่มองตากันราวกับจะพูดว่า จบแล้ว จบแล้ว เฮ้อ ยุ่งยากแล้ว รู้สึกเหมือนว่าของที่เหมาะกับพวกเราทาน จะไม่เหมาะกับคนอื่น
เฉินเนี้ยนหรานที่เดิมทีนิ่งสงบ ตอนนี้เริ่มไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกแล้ว การปรุงก่อนหน้านี้ได้มาตรฐานไม่มีปัญหาเลยสักนิด เหตุใดรสชาติกลับไม่เหมาะกัน?
นางหยิบท้องหมูขึ้นมาลองชิม
กรอบ รสเผ็ดอ่อนๆ แต่มีกลิ่นหอมแฝงออกมา สามารถพูดได้อย่างไม่เกินจริงเลยว่า อาหารนี้เทียบกับการตุ๋นจากน้ำแกงใสแล้ว รสชาติดีมากกว่าเท่าตัว
“ฮ่าๆ ไม่เลว ไม่เลวเลย อาหารตุ๋นรสชาติดีเช่นนี้ คนแก่เช่นข้าเพิ่งจะเคยทานครั้งแรก ของพวกนี้ข้าเอาทั้งหมดเลย” ในตอนนั้นเองที่ชายชราหัวเราะออกมาดังลั่น ยกจานมาไว้ด้านข้าง นิสัยนั้นเหมือนกับกลัวคนอื่นมาแย่งของกินเขาอย่างไรอย่างนั้น แก่แล้วแต่กลับเหมือนเด็ก รู้จักหวงอาหาร
เฉินจื่อิถอนหายใจ “ไอ๊หยา การแสดงของท่าน ทำข้าใจหายใจคว่ำนัก อร่อยก็บอกมาตรงๆ ได้ ทำหน้ายับย่นจนข้าคิดว่าพวกข้าทำไม่ประสบความสำเร็จเสียแล้ว”
ชายชราหัวเราะลั่น ปากยัดของกินเข้าไปแต่ดวงตากลับถลึงตาใส่อีกฝ่าย “ผู้ใดใช้ให้ก่อนหน้านี้เ้าขวางข้าไว้เล่า ทั้งยังพูดว่าไม่ให้ข้าทาน เหอะ ข้าไม่แกล้งเ้า แล้วให้ข้าไปแกล้งผู้ใด”
“อ้าว อ้าว...เ้าสิ่งนี้...พวกเ้าแน่ใจหรือว่าทำเป็ครั้งแรก? ครั้งแรกกลับสามารถทำรสชาติได้เช่นนี้ ฝีมือไม่เลวเลยจริงๆ พวกเ้าบอกว่าเตรียมจะนำไปขายที่โรงเตี๊ยมใดนะ? ต่อไปข้าจะไปทานที่นั่น”
รสชาตินี้ เป็รสชาติที่เขาไม่เคยทานมาก่อน แน่นอนว่าเขาโลภอยากทานของแปลกใหม่ พอแก่แล้วจึงมีงานอดิเรกด้านการกิน
เฉินเนี้ยนหรานกลับมองท้องของเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกมา “ท่านตาเ้าคะ ใช่ว่าข้าไม่อยากขายให้ท่าน แต่ท้องท่านใหญ่เช่นนี้ หากทานอาหารตุ๋นมากกว่านี้ เกรงว่าท่านคงต้องกังวลจะป่วยเป็โรคบ้างนะเ้าคะ” คนแก่ทานอาหารตุ๋น เนื้อมากไป ผู้ใดจะรู้ว่าจะเป็โรคไขมันในเืสูง ความดันสูงและน้ำตาลในเืสูงหรือไม่ เฉินเนี้ยนหรานจึงเอ่ยห้ามด้วยความเป็ห่วง อย่างไรแม้ชายชราคนนี้จะดูร่างกายแข็งแรง แต่ว่าท้อง...ใหญ่มากเกินไปแล้วจริงๆ
แค่มองก็รู้ว่าทานมากจนอ้วน
บนใบหน้าของชายชรามีความกระอักกระอ่วนปรากฏขึ้นมาครู่หนึ่ง คนในครอบครัวเขาจำกัดการกินของเขามาหลายต่อหลายครั้งจริงๆ หากไม่ใช่เช่นนี้ เขาคงไม่แอบออกมาข้างนอกหรอก เนื่องจากคนที่คอยตามเขามาล้วนแต่เป็คนในครอบครัวส่งมา มีคนคอยตามไม่ค่อยสะดวกเท่าใดนัก
“เื่นี้ เื่นี้ แม่หนูอย่าสนใจเลย อย่างไรให้ข้าทานให้ชื่นใจเสียก่อนค่อยว่ากัน พูดกันไว้แล้วนี่ว่าของกินพวกนี้จะให้ข้าทาน ส่วนพ่อหนุ่มคนนั้นน่ะ เ้ารีบห่อให้ข้าหน่อย ข้าจะเอากลับไปทานที่เรือน”
เฉินจื่อิเมื่อถูกเขาชี้ อยากปฏิเสธ แต่เฉินเนี้ยนหรานที่อยู่ด้านข้างส่ายหน้า “ไปเถิด แต่ละอย่างห่อน้อยสักหน่อยเป็พอ”
แม้ทุกอย่างจะห่อน้อยลง แต่เมื่อเอามารวมกันแล้ว จำนวนกลับไม่น้อยลงเลย ชายชราทิ้งตำลึงก้อนโตไว้ให้อย่างพอใจ “ดีล่ะ ออกมาวันนี้ถือว่าไม่เสียเปล่าแล้ว”
พูดจบ ชายชราคนนี้รีบเดิน ้าอาศัยจังหวะนี้ออกไป
“ท่านตาเ้าคะ ท่านต้องระวังสักหน่อยนะ อาหารนี้ท่านต้องทานให้น้อยลงสักหน่อย โดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อ” เฉินเนี้ยนหรานที่อยู่ด้านหลังยังกำชับไม่หยุด
ชายชราหันกลับมาถลึงตาใส่นาง ก้าวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“แม่หนู เหตุใดบนโลกใบนี้ถึงได้มีตาเฒ่าที่ตะกละเพียงนี้ เฮ้อ หลังจากข้าแก่แล้ว ต้องไม่เป็คนเช่นนี้แน่” เฉินจื่อิถอนหายใจ “แต่อาหารที่เ้าตุ๋นออกมา ไม่เหมือนผู้ใดจริงๆ ต่อไปพวกเราแค่ส่งอาหารตุ๋นไปให้โรงเตี๊ยม ข้าเชื่อว่าทางโรงเตี๊ยมจะต้องชอบแน่นอน แต่มีเื่หนึ่งที่ข้ายังไม่ได้พูด คนที่ไปโรงเตี๊ยมไม่ใช่ทุกคนจะทานเผ็ดได้ ข้าเห็นว่าของที่ตุ๋นออกมาเผ็ดไม่น้อยเลย เ้านี่สามารถแก้ไขได้หรือไม่? บางครั้งของไม่เผ็ด รสชาติหอมก็ไม่เลวนะ”
เฉินจื่อิเสนอขึ้นมาเช่นนี้ เฉินเนี้ยนหรานจึงหัวเราะดีใจ พยักหน้ายืนยัน “อืม ใช่เ้าค่ะ ดังนั้นวัตถุดิบนี้ ต่อไปพวกเราจะต้องพัฒนาให้ดี ตอนนี้ดูแลรสนิยมการทานของคนจำนวนมากเสียก่อน ลองใช้อาหารตุ๋นรสเผ็ดทดลองขาย เป็เช่นนี้จะดีกว่ามากนะเ้าคะ”
***
กุนซือหลิวหลุบตา ครุ่นคิดมองกระดานหมากรุกตรงหน้า ถึงแม้ในมือจะถือหมากอยู่ แต่ชัดมากว่า ความคิดของเขาไม่ได้อยู่ที่หมากรุก
“เฮ้อ เื่ที่เมืองหลวงยุ่งยากเล็กน้อย” กุนซือคิดไม่ตก แม้เขาจะเป็คนข้ามมิติเช่นกัน แต่ติดต่อพูดคุยกับขุนนางที่เมืองหลวงพวกนั้น เื่บางเื่ก็ไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน เขาเป็เพียงพ่อค้าตัวเล็กๆ ในยุคโบราณเขาได้ยืมอำนาจของโจวอ้าวเสวียน ถึงทำการค้าได้ใหญ่โตถึงเพียงนี้
แต่เส้นทางนี้ ไม่ได้ง่ายดายเลย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ กุนซือหลิวรู้สึกว้าวุ่นใจ
ชาติก่อนเขามีชีวิตไม่ดีเท่าใดนัก ล้มเหลวในชีวิต ชาตินี้จึงปรารถนาประสบความสำเร็จสักครั้ง แต่เป้าหมายในการประสบความสำเร็จคือไม่ใช้ความรู้จากชาติก่อนมาจัดการในโลกนี้
การจัดการนี้ แน่นอนว่ารวมถึงการทำการค้าให้ถึงในพระราชวังด้วย น่าเสียดายที่ตอนนี้เขากลับทำการค้านี้ไม่ได้
“ฮ่าๆ สหายเอ๋ย มาๆ ดื่มสุราด้วยกัน วันนี้ข้าเอาของดีกลับมาด้วยหนา” ตอนนั้นเอง ด้านนอกเรือนพลันมีเสียงหัวเราะสดใสดังมา
กุนซือหลิวได้ยินเสียงหัวเราะจึงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงใหญ่ หากเฉินเนี้ยนหรานอยู่ที่นี่คงค้นพบสิ่งที่น่าใ คนคนนี้คือตาเฒ่าซิว ชายชราหน้าหนาที่ฝืนบังคับซื้ออาหารจากเรือนพวกนางก่อนหน้านี้
“ตาเฒ่าซิว ท่านหนีออกไปข้างนอกคนเดียวอีกแล้วหรือ ครั้งหนี้ไปเอาของกินอะไรมา?” กุนซือหลิวมองถุงกระดาษในมือของเขา ตาเฒ่าคนนี้ ทุกครั้งที่หนีออกไปคนเดียวมักจะนำอาหารแปลกๆ กลับมา
แต่กุนซือหลิวที่ชอบทานเช่นกันนั้นรอคอยมาก เพราะงานอดิเรกของตาเฒ่าคนนี้เหมือนกับเขา ทุกครั้งเขาจึงสามารถเสพสุขไปด้วยได้
ตาเฒ่าซิวหัวเราะก่อนจะเปิดถุงกระดาษออก กลิ่นหอมลอยเข้าจมูก “เป็อย่างไร หอมมากใช่หรือไม่ ข้าจะบอกเ้าให้นะ นี่น่ะ ข้าไปบีบบังคับซื้อมา นางเพิ่งจะทำครั้งแรกก็ทำออกมาได้ดีถึงเพียงนี้ ไม่ง่ายเลย”
กุนซือหัวเราะจืดเจื่อน มองอาหารชุดใหญ่อยู่ในถุงกระดาษ เขากลืนน้ำลาย ยกมือขึ้นไปหยิบหนึ่งชิ้นขึ้นมาทาน เพิ่งจะทานเข้าไปเพียงคำแรกก็ยกนิ้วโป้งไปทางตาเฒ่าซิว “รสชาตินี้พิเศษมากจริงๆ ข้าไม่เคยทานมาก่อนเลย” แม้เขาจะข้ามมิติมา แต่ของตุ๋นที่ใส่น้ำแกงกะหรี่นั้นเขาไม่เคยทานมาก่อน อย่างไรยามที่กุนซือหลิวอยู่ในยุคปัจจุบัน เขาเพียงทำธุรกิจอยู่ในถิ่นของตนเอง การตุ๋นด้วยน้ำแกงกะหรี่เช่นนี้ ในเมืองของเขาไม่มี
“แน่นอน จมูกของข้าดีมาก พอได้กลิ่นก็รู้แล้วว่ามันอร่อย ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ข้าจะต้องเอามันกลับมา สหาย เ้าต้องขอบคุณข้าให้มากๆ เชียว ที่มีเ้านี่มาให้เ้าน่ะ”
ตาเฒ่าซิวยืดอกอย่างได้ใจ ชาตินี้ของเขา ตอนยังหนุ่มภูมิอกภูมิใจในความสามารถของตน แต่เมื่ออายุมากขึ้นกลับมีงานอดิเรกเช่นนี้ เพราะชอบของอร่อย ดังนั้นจึงเลือกมาก อาหารปกติเขายังดูแคลนเลยจริงๆ
“ใช่ ใช่ ใช่ ขอบคุณท่านมาก หากไม่ใช่ท่าน ข้าคงไม่อ้วนขึ้นเรื่อยๆ น้ำหนักนี่ หลังจากท่านแก่ตัวแล้วก็เอาแต่อ้วนนะ” กุนซือหลิวหัวเราะลั่น แต่มือกลับไม่หยุด
ทั้งสองคนต่างพากันทานอย่างสนุกสนาน ด้านนอกกลับมีเสียงร้องเรียกดังขึ้น “ทำความเคารพคุณชายห้า”
ตาเฒ่าซิวที่ปากยังยัดไส้ตุ๋นอยู่ เมื่อได้ยินชื่อคุณชายห้า สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“ไม่ได้ ไม่ได้การ ข้าจะให้เ้าเด็กแสบเจอข้าไม่ได้ หากเขาเห็น ข้าจะถูกขังอยู่ในจวนไม่ได้ออกไป เร็วเข้า รีบห่ออาหารนี่เร็ว”
กุนซือหลิวให้ความร่วมมืออย่างดี รีบนำอาหารไปวางไว้ที่ตู้ด้านข้าง ก่อนจะเช็ดปาก นั่งอยู่หน้าตารางหมากรุกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ตาเฒ่าซิวชักสีหน้า และเช็ดปากตาม ก่อนมานั่งอยู่ตรงข้ามกุนซือหลิว
ขณะที่โจวอ้าวเสวียนเข้ามา เห็นสองชายชรากำลังนั่งเล่นหมากรุกกันอยู่
“ฮ่าๆ ดูตาเฒ่าเช่นเ้า อีกเดี๋ยวก็แพ้แล้ว” ตาเฒ่าซิวหัวเราะลั่นด้วยท่าทางได้ใจ เพียงแต่ดวงตาทั้งสองข้างค่อยๆ ปรายตาไปมองโจวอ้าวเสวียนเงียบๆ เมื่อเห็นว่าเขามองมาทางตนเอง จึงหัวเราะแห้งๆก่อนทักทาย “หลานชาย มาหากุนซือหลิวอีกแล้วหรือ”
โจวอ้าวเสวียนสูดหายใจเข้า ในอากาศยังมีกลิ่นของเนื้อสุกอยู่
เขาไม่สนใจท่านตาของตนเอง ดวงตาคมกลับมองไปรอบๆ
ท่าทางเช่นนี้ของเขา ทำให้ตาเฒ่าซิวใมาก
เขากระพริบตาปริบๆ ให้คนที่นั่งตรงกันข้าม ความหมายว่า เ้ารีบไปเบนความสนใจของเ้าเด็กนี่สิ จะถูกจับได้อยู่แล้ว ข้าจบเห่แล้ว ์ เ้าเด็กนี่เหตุใดถึงได้ร้ายเช่นนี้
กุนซือหลิวมองท่าทีร้อนรนของคนตรงหน้า จึงถามโจวอ้าวเสวียนเสียงเนิบ “่นี้คิดวิธีแก้ไขปัญหาการค้าที่เมืองหลวงเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
โจวอ้าวเสวียนค่อยๆ เดินมาหาทั้งสองคน สายตาหยุดอยู่ที่ตู้ข้างกายท่านอาจารย์ มุมปากขยับคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ตาเฒ่าซิวเมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา หัวใจเต้นตึกตัก จบแล้ว จบแล้ว เ้าเด็กนี่ นับวันยิ่งตรวจสอบเก่งนัก เหตุใดจึงหาที่ซ่อนเจอได้เล่า
