ทั้งสองคนเดินออกจากตลาดมา ทันทีที่ถึงปากทางสี่แยก พวกเขาก็พบว่าตรงด้านหน้ามีคนเดินอยู่กันอย่างพลุกพล่านเพื่อที่จะเข้าไปมุงดูจนกลายเป็กลุ่มใหญ่
ชวีเสี่ยวปอะโขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อดูเหตุการณ์ที่อยู่ไกลออกไปนี้ จากนั้นจึงพูดว่า : “เหมือนว่าจะมีคนถูกรถชนนะ”
“ไปกันเถอะ” แต่ไหนแต่ไรมาเซี่ยเจิงก็ไม่ค่อยชอบดูความโกลาหลวุ่นวายเช่นนี้ ทั้งยังไม่เคยสนใจอีกด้วย หลังจากที่เขารู้ว่าด้านหน้าเกิดอะไรขึ้นมาเขาจึงเดินต่อไปอย่างเงียบๆ
ชวีเสี่ยวปอเดินตามมาอยู่ข้างๆ เขา แต่เมื่อทั้งสองคนเดินเข้าใกล้กับกลุ่มคนกลุ่มนี้มากขึ้น จึงได้ยินคนที่อยู่ในนั้นะโออกมาเสียงดังว่า “คุณต้องจ่ายเงินชดใช้มา !” ทันใดนั้นชวีเสี่ยวปอจึงหยุดฝีเท้าลงทันที
ส่วนเซี่ยเจิงก็มองเข้าไปยังคนกลุ่มนั้นเช่นกัน สีหน้าอันซับซ้อนบนใบหน้าของเขาช่างยากที่จะอธิบายออกมาได้
เสียงนี้ มันช่างคุ้นเหลือเกิน
ดูอันธพาลทั้งยังเ้าเล่ห์เพทุบายเป็ที่สุด
ชวีเสี่ยวปอไม่เคยลืมท่าทางอันแสนน่ารังเกียจในตอนที่เซี่ยรุ่ยเซินลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้นเลยสักนิด สาเหตุหลักอย่างหนึ่งเป็เพราะว่าเสียงะโโวยวายอันไร้ยางอายของเซี่ยรุ่ยเซินที่แทบจะทำให้ทั้งโลกได้รับรู้ถึงนิสัยเสียๆ ของตัวเอง
ในขณะนั้นชวีเสี่ยวปอจึงรีบกุมมืออันเย็นเฉียบของเซี่ยเจิงเอาไว้แน่น พร้อมทั้งขยับเข้าไปกำชับเขาประโยคหนึ่งว่า : “นายยืนอยู่ตรงนี้ห้ามขยับ” จากนั้นเขาก็แทรกตัวเข้าไปยังกลุ่มคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
“จ่ายเงินมา! ผมอายุมากขนาดนี้แล้ว! คุณชนผมจนเป็อะไรขึ้นมาแล้วอีกครึ่งชีวิตผมจะทำยังไง? ”
เซี่ยรุ่ยเซินนอนอยู่บนกลางถนน โดยที่ไม่ได้สนใจผู้คนที่มามุ่งอยู่ล้อมรอบเลยสักนิด
คนขับรถเป็ผู้หญิง ชวีเสี่ยวปอชำเลืองมองไปทีหนึ่ง แล้วจึงพบว่ารถคันนี้เป็รถที่เพิ่งจะซื้อมาใหม่ ทั้งยังไม่ได้ใส่ป้ายทะเบียน มีเพียงแค่ป้ายทะเบียนชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งก็สามารถเดาได้ว่าเซี่ยรุ่ยเซินก็คงจะเห็นถึงจุดจุดนี้เช่นกัน ผู้หญิงที่เป็คนขับรถคนนี้น่าจะเพิ่งได้ใบขับขี่และออกถนนได้เพียงไม่นาน พอถูกเซี่ยรุ่ยเซินทำให้ใเช่นนี้ จึงทำให้เธอพูดออกมาอย่างติดๆ ขัดๆ
“ฉันไม่...ฉันไม่ได้ชนคุณนะคะ! ฉันขับของฉันมาทางตรงปกติ แต่คุณ...จู่ๆ คุณก็วิ่งออกมา ฉันจึงรีบเหยียบเบรกเลยทันที! ” ผู้หญิงที่เป็คนขับคนนั้นยิ่งพูดก็ยิ่งดูไม่ได้รับความเป็ธรรม บวกกับที่เธอกำลังใอยู่ด้วย น้ำเสียงของเธอในตอนที่พูดจึงดูเหมือนกำลังจะร้องไห้
“จู่ๆ ผมก็วิ่งออกมาอะไรกัน !” เซี่ยรุ่ยเซินที่เมื่อครู่ยังนอนดีๆ อยู่บนพื้น จู่ๆ เขาก็ใช้แขนยันตัวลุกขึ้นมานั่ง พร้อมทั้งยื่นมือไปตีเข้าที่รถอย่างแรงสองที “คุณขับรถไม่เป็ก็อย่าขับเลย! ขับชนคนแล้วยังจะหาข้ออ้างอีก! โอ๊ย! ขาฉัน! เจ็บจะตายอยู่แล้ว! ” หลังจากพูดจบก็ลงไปนอนอยู่อย่างเดิม
พูดตามตรง เมื่อชวีเสี่ยวปอเห็นการกระทำทั้งหมดนี้ของเซี่ยรุ่ยเซินแล้วเขาก็รู้สึกอยากขำออกมา เพราะตราบใดที่ไม่ได้โง่เง่าจนเกินไปก็จะสามารถมองออกได้ทันทีว่า ที่จริงแล้วเซี่ยรุ่ยเซินไม่ได้าเ็อะไรเลย ถ้าหากเขาถูกชนจริงๆ แล้วยังสามารถทะเลาะกับคนอื่นอย่างใส่อารมณ์ได้ขนาดนี้เขาก็คงจะเป็ยอดมนุษย์แล้วละ
“คุณลุง คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ !” ครั้งนี้ผู้หญิงที่เป็คนขับคนนั้นร้องไห้ออกมาจริงๆ แล้ว ทั้งยังไม่ได้สนใจที่จะเช็ดน้ำตาเลยสักนิด ในตอนนั้นเธอรู้สึกว่าใช้เหตุผลกับเซี่ยรุ่ยเซินก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา จึงทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากคนที่มามุ่งดูอยู่รอบข้างด้วยน้ำตาไหลพราก : “พวกคุณทุกคนเห็นใช่ไหมคะ? ฉันไม่ได้ชนเขาจริงๆ นะ !”
ถึงแม้ว่าผู้คนโดยรอบตรงนั้นจะรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว จึงไม่มีใครสักคนที่อยากจะเอาตัวเองไปยุ่งกับพวกคนต้มตุ๋นหลอกลวงเช่นนี้ เพราะจะหลบเลี่ยงยังทำไม่ได้เลย แต่ในตอนนั้นเองกลับมีเสียงะโขึ้นมาว่า :
“มีกล้องหน้ารถไหม? ได้อัดวิดีโอเอาหรือเปล่า? ”
ใช่แล้ว ถ้าหากมีกล้องหน้ารถ เื่นี้ก็จะอธิบายได้ง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว
ชวีเสี่ยวปอมองผู้หญิงคนนั้นไปครั้งหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าใบหน้าของเธอจะแดงขึ้นไปอีก ทั้งยังส่ายหัวไปมาอย่างลนลาน : “ฉันเพิ่งซื้อรถมา เอามาขับวันนี้เป็วันที่สองเอง ยังไม่ทันที่จะได้เอามาติดไว้หรอก !”
“พูดอะไรไร้สาระอยู่นั่น !” เมื่อเซี่ยรุ่ยเซินที่กำลังนอนอยู่ที่พื้นได้ยินคำพูดนี้เข้า เขาจึงโมโหขึ้นมาแล้ว “จ่ายเงินมา! ถ้าไม่จ่ายเงินคุณก็อย่าคิดว่าจะได้ไปไหนเลย ! ”
“ถ้างั้น...ถ้างั้นคุณจะเอาเท่าไหร่? ” ผู้หญิงคนนั้นหมดหนทางแล้วจริงๆ
“หนึ่งหมื่น !” เซี่ยรุ่ยเซินะโออกมา
“ตอนนี้ที่ตัวฉันไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น มีแค่พันกว่าบาท ได้ไหม? ”
เมื่อชวีเสี่ยวปอเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นจะขึ้นรถกลับไปเอาเงินออกมาแล้วจริงๆ เขาจึงรีบแทรกกลุ่มฝูงชนเข้าไปยืนด้านใน “คุณครับเดี๋ยวก่อน !”
“อ๋า? ” ผู้หญิงคนนั้นหันกลับมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ทั้งยังพบว่าตัวเธอเองไม่ได้รู้จักกับชวีเสี่ยวปอ ในตอนนั้นเธอจึงมองเขาด้วยใบหน้าที่สับสนงุนงง
ชวีเสี่ยวปอไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่กลับเดินเข้าไปอยู่ข้างๆ เซี่ยรุ่ยเซินพร้อมทั้งนั่งยองๆ ลงไป : “นี่คุณ เขาไปขับชนขาของคุณข้างไหนกัน? ”
“นายเป็ใครเนี่ย? แล้วนายมายุ่งอะไรด้วย? ” เซี่ยรุ่ยเซินมองชวีเสี่ยวปอด้วยความสงสัย ทั้งยังกวาดสายตามองไปทั่วหน้าของเขา เซี่ยรุ่ยเซินรู้สึกว่าคนคนนี้ดูคุ้นตามากเลยทีเดียว แต่กลับนึกไม่ออกมาว่าเคยเจอที่ไหน
“คุณให้เขาจ่ายเงินเพื่อเอาไปรักษาขาไม่ใช่เหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอยิ้มพลางพูดออกไป “ถ้างั้นขาข้างไหนเจ็บก็ต้องบอกเขาไปสิครับ? ”
เซี่ยรุ่ยเซินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ปั้นเื่เอาไว้อย่างดี แต่เป็เพียงการคิดขึ้นมาชั่วขณะเท่านั้น จากนั้นเขาก็ชี้มั่วๆ ไปที่ขาข้างซ้าย : “ข้างนี้”
“ได้” ชวีเสี่ยวปอลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งโบกมือบอกผู้หญิงคนนั้น “คุณไม่ต้องเอาเงินออกมาเลยนะ !”
“ฮะ? ” ผู้หญิงคนนั้นผงะไป
เซี่ยรุ่ยเซินก็อึ้งไปเช่นกัน จากนั้นก็ะโด่าอย่างสาดเสียเทเสียออกมา :
“ไอ้สารเลวนี่ อยากตายหรือไงฮะ !”
“ด่าเลย ค่อยๆ ด่านะครับ” ชวีเสี่ยวปอชำเลืองมองเขา “เมื่อกี้ผมเพิ่งจะแจ้งความไป ถ้าคุณมีความสามารถมากพอตอนที่ตำรวจมาถึงคุณก็ด่าต่อไปก็แล้วกันนะ” ที่จริงแล้วชวีเสี่ยวปอไม่ได้แจ้งความ เพียงแค่นำเื่นี้มาข่มขู่เซี่ยรุ่นเซินก็เท่านั้น
ในตอนนั้นเองเขาคิดไม่ถึงว่าเซี่ยรุ่ยเซินจะนั่งลงไปที่พื้นอีกครั้ง “นายว่างมากหรือไงมายุ่งเื่ของชาวบ้านเนี่ย ไสหัวไปให้พ้น !”
“เฮ้อ ฉันไม่ไปไหนทั้งแหละ” ชวีเสี่ยวปอทำหน้าลิงหลอกเ้าใส่เขา แทบจะไม่ได้เอาคำพูดเ่าั้มาใส่หูเลยสักนิด
ชวีเสี่ยวปอใช้่เวลาตอนที่เซี่ยรุ่ยเซินด่าออกมาเงยหน้าขึ้นพูดกับคนที่อยู่โดยรอบตรงนั้น “เฮ้อ พวกคุณไม่ถือสาอะไรเหรอครับที่เขามาขวางทางตรงนี้เอาไว้น่ะ มาช่วยกันคนละไม้คนละมือเถอะครับ? ”
อันที่จริงผู้คนโดยรอบตรงนั้นทนดูไม่ได้มาตั้งนานแล้ว พอชวีเสี่ยวปอพูดออกมา พวกเขาก็เข้าใจได้ในทันที ในตอนนั้นเองก็มีเด็กหนุ่มหลายคนเดินออกมายืนล้อมรอบเซี่ยรุ่ยเซินเอาไว้พร้อมกับชวีเสี่ยวปอ
“ระวังหน่อยนะครับ อย่าให้โดนขาข้างที่เจ็บเลยเด็ดขาด” ชวีเสี่ยวปอยิ้มพลางพูดออกมา “เดี๋ยวเขาจะเอาผิดพวกคุณได้”
“วางใจได้เลยครับ” พวกเขายิ้ม พอพูดจบเขาก็ยกขึ้นมาทันที
“พวกนายทำอะไรเนี่ย! ปล่อยเดี๋ยวนี้! ” ในตอนนั้นเซี่ยรุ่ยเซินเพิ่งจะเข้าใจว่าพวกเขาจะทำอะไร แต่ไม่ทันที่จะได้ขัดขืน แขนขาของเขาก็ถูกหลายคนตรงนั้นจับเอาไว้ทั้งหมดแล้ว ยกเว้นขาข้างซ้ายข้างนั้นที่เมื่อครู่เขาบอกว่ามันาเ็
“ขยับคุณออกมาสักหน่อยครับ คุณนอนอยู่บนถนนมันอันตราย ถ้าเกิดว่ามีรถคันอื่นวิ่งมาทับคุณจะทำยังไงล่ะครับ” จากนั้นชวีเสี่ยวปอก็พูดขึ้นมาว่า “ไป” หลายคนตรงนั้นก็ออกแรงยกเซี่ยรุ่ยเซินขึ้นมาทันที ขาข้างซ้ายของเขาถูกปล่อยให้ห้อยลงมา แต่ไม่วายเขาก็ยังพยายามออกแรงถีบออกไปสองครั้ง เพื่อให้ตัวเองหลุดออกมา
“ว้าว หายเร็วขนาดนี้เหรอครับ !” ทันทีที่ชวีเสี่ยวปอเห็นเขาก็รู้สึกอยากขำออกมา “ผมว่าคุณยังะโได้ด้วยนะครับเนี่ย”
ครั้งนี้เซี่ยรุ่ยเซินจึงต้องจำยอมปิดปากเงียบลงไปในที่สุด
หลังจากวางเซี่ยรุ่ยเซินลงบนฟุตบาทเรียบร้อยแล้ว คนที่เข้าช่วยหลายคนตรงนั้นต่างก็แยกย้ายกันไป ในขณะนั้นผู้หญิงคนที่ขับรถคนนั้นก็รีบเข้ามาพูดกับชวีเสี่ยวปอว่า “ขอบคุณค่ะ” “คุณเป็คนดีมากจริงๆ ” ในตอนสุดท้ายยังถามชวีเสี่ยวปออีกด้วยว่าเขาเป็นักเรียนของโรงเรียนไหนเพราะเธอจะส่งธงเกียรติยศเพื่อไปชื่นชมเขา ชวีเสี่ยวปอจึงรีบโบกมือปฏิเสธ แล้วรีบวิ่งออกไปมาทันที
ค่อยยังชั่ว
ใช้เวลาเพียงครู่เดียวเขาก็วิ่งไปถึงฝั่งตรงข้ามแล้ว และสิ่งแรกที่ชวีเสี่ยวปอทำก็คือบีบแก้มของเซี่ยเจิงไปมา
“เป็เด็กดีจริงๆ รอฉันอยู่เหรอ”
“อืม” เซี่ยเจิงกวาดสายตามองไปยังฝั่งตรงข้ามของถนนครั้งหนึ่ง เซี่ยรุ่ยเซินกำลังค่อยๆ เดินอย่างช้าๆ จนกระทั่งเงาของเขาหายลับไปตรงทางแยก
“ไม่ต้องดูแล้ว” ชวีเสี่ยวปอจับศีรษะของเซี่ยเจิงอย่างเบามือให้เขาหันกลับมามองตัวเอง “เซี่ยเจิง ให้ฉันปกป้องนายสักครั้งนะ”