ภรรยานายพรานตัวน้อยกับระบบร้านค้ามือสอง [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ตู้ซิวจู๋หน้าดำทะมึนขึ้นมาทันที

        หลินหวั่นชิวรีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาช่วยเช็ด “ขออภัยๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

        ตู้ซิวจู๋จับข้อมือนาง ชะงักเพียงชั่วพริบตาก่อนจะแย่งผ้าไปเช็ดเอง

        “ช่างเถิด เห็นแก่ที่เ๯้าเป็๞ผู้ชื่นชอบนิยายของข้า ข้าจะไม่ถือสาเอาความ” เขาเลิกคิ้วมองหลินหวั่นชิวอย่างเย่อหยิ่ง

        หลินหวั่นชิวแย่งผ้าเช็ดหน้าตัวเองกลับมา พูดกับตู้ซิวจู๋ว่า “หลงตัวเองขนาดนี้ระวังจะโดนต่อยเข้าสักวัน!”

        ตู้ซิวจู๋ไม่ค่อยยอมใจแต่ก็ไม่ได้ขยับ แค่บีบปลายนิ้วเข้าด้วยกันอย่างสบายๆ

        “คิดไม่ถึงว่าเ๽้าคือจอมยุทธ์พเนจร ข้าคิดว่าผู้แต่งเป็๲ท่านลุงที่มองความระทมทุกข์บนโลกทะลุปรุโปร่งแล้วเสียอีก”

        ถึงได้บอกว่าคุยในโลกออนไลน์สนุกขนาดไหนแต่ก็อย่าเจอในชีวิตจริง…

        ยกตัวอย่างเช่นตู้ซิวจู๋ เขาเป็๲คนหน้าตาดีก็จริง แต่นี่กลับทำให้ภาพของ ‘จอมยุทธ์พเนจร’ ที่หลินหวั่นชิวจินตนาการไว้ในใจถูกทำลาย

        ตู้ซิวจู๋กลอกตามองบน

        เขาโยนห่อผ้าใบหนึ่งให้หลินหวั่นชิว “ผลงานใหม่ ลองบอกความเห็นมาหน่อย”

        หลินหวั่นชิวเปิดห่อผ้า พบว่ามีนิยายสามเล่มอยู่ด้านใน นางหยิบออกมาอ่านสักพัก ตู้ซิวจู๋ถามอย่างประหม่า “ว่าอย่างไรเล่า?”

        “ดีมาก แต่ว่า…”

        “แต่ว่ากระไร?” ตู้ซิวจู๋โน้มตัวมาถามด้วยความกังวล

        “แต่ไม่ถูกรสนิยมผู้อ่านในปัจจุบัน หากนำไปขายคงขายไม่ได้อยู่ดี” หลินหวั่นชิวตอบอย่างตรงไปตรงมา

        “ไม่จำเจหน่อยไม่ได้หรือ?” ตู้ซิวจู๋เสียกำลังใจ

        หลินหวั่นชิวตอบ “ปลากับอุ้งตีนหมีมิอาจได้มาพร้อมกัน[1] เ๽้าเขียนนิยายเพื่อหาเงิน เพื่อฆ่าเวลา หรือเพื่อไล่ตามอุดมการณ์ เลือกได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น”

        ตู้ซิวจู๋ยืมมือขึ้นมาเท้าที่แก้ม สีหน้ามีความกลัดกลุ้ม “ช่างเถิด ขายไม่ออกก็มอบเป็๞ของขวัญให้เ๯้าแล้วกัน”

        หลินหวั่นชิวปลอบใจ “เ๽้าไม่ได้ขาดแคลนเงิน ทำเป็๲งานอดิเรกก็ได้ อันที่จริงเ๽้าก็แต่งออกมาได้ไม่เลวแล้ว สำนวนดี เนื้อหาลึกซึ้ง แต่คนส่วนใหญ่ที่อ่านนิยายเป็๲บัณฑิตซึ่งปกติก็ลำบากกับการเรียนอยู่แล้ว อยากอ่านนิยายเบาๆ ที่ไม่ต้องใช้สมอง ความรู้สึกว่าตัวละครคือตัวเองก็สำคัญมากเช่นกัน เวลาคนเราอ่านนิยายมักรู้สึกร่วมไปกับตัวเอก ตัวเอกได้เจอบุปผางาม ได้เจอชนชั้นสูง… ประหนึ่งคนที่ได้รับประสบการณ์เหล่านี้คือตัวพวกเขาเอง สิ่งที่ไม่อาจเกิดขึ้นในชีวิตจริงถูกทำให้เป็๲จริงในโลกของนิยาย เ๽้าว่านิยายเช่นนี้จะมีคนซื้อหรือไม่? ใต้หล้านี้มีคนสิ้นหวังที่ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยเป็๲กลุ่มคนส่วนใหญ่ แต่แน่นอนว่าบรรดาลูกผู้ดีมีเงินก็ชอบอ่านนิยายประเภทนี้เช่นกัน เพราะมันสละสลวย…หรืออาจจะด้วยสาเหตุอื่น เอาเป็๲ว่าอ่านแล้วได้ความบันเทิง เ๽้าเข้าใจหรือไม่?”

        “เชย!” ตู้ซิวจู๋บ่น “แต่ความคิดอ่านของเ๯้าค่อนข้างลึกซึ้ง”

        “ให้คำแนะนำหน่อยสิ ข้าเองก็อยากหาเงิน อยากดัง” ตู้ซิวจู๋พูด “เ๽้าดูสิ วันนี้ข้าถึงกับใส่ชุดสีแดงเพื่อให้ตัวเองดังเลยนะ” (หง(红)นอกจากจะแปลว่าสีแดงแล้วยังมีความหมายว่า โด่งดัง)

        “เ๯้ายังขาดแคลนเงินอีกหรือ?” หลินหวั่นชิวถูกเขาหยอกจนหัวเราะ

        “ขาดแคลนสิ…เหตุใดจะไม่ขาดแคลน? ขนาดฮ่องเต้ก็ยังขาดแคลน มีผู้ใดไม่ชอบเงินบ้างเล่า!” ตู้ซิวจู๋พูดด้วยสีหน้าเกินจริง

        หลินหวั่นชิวไตร่ตรองดูแล้วเกิดความคิด “เอาเช่นนี้ อีกสองวันข้าจะเขียนโครงเ๹ื่๪๫มาให้เ๯้าเอาไปเขียนต่อ จากนั้นพวกเราทำแบบมีภาพประกอบไปขายในร้านหนังสือดีหรือไม่? หากขายดีก็เขียนต่อไปเรื่อยๆ ขายไม่ดีก็เลิกเขียน เ๯้าว่าอย่างไร?”

        “เอาสิ!” ตู้ซิวจู๋มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที “ไม่ต้องรออีกสองวันหรอก ทำวันนี้นี่แหละ ข้าจะให้คนนำหมึกพู่กันมาเขียนเดี๋ยวนี้”

        หลินหวั่นชิวทำตาเขม็งใส่เขา “ต้องคิดให้ละเอียดก่อน คิดอยากมีแล้วจะมีเลยหรือไร? ข้าต้องกลับไปคิดก่อน!”

        “เอาเถิด ตกลงตามนี้ หากไม่มีกระไรแล้วข้าขอตัวก่อน งานยุ่ง!” หลินหวั่นชิวพูดจบก็ลุกขึ้น

        “กินข้าวด้วยกันก่อนหรือไม่?” ตู้ซิวจู๋ถาม

        หลินหวั่นชิวส่ายหน้า “ไว้นิยายขายดีค่อยว่ากันเถิด พอแล้ว แยกย้ายกันไปทำงาน ข้ากลับล่ะ”

        “ถึงเวลาแล้วแบ่งเงินอย่างไร?” ตู้ซิวจู๋ถาม

        หลินหวั่นชิวตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องแบ่งเงิน รายได้ทั้งหมดเป็๲ของเ๽้า แต่ข้าจะหาคนมาวาดภาพต้นแบบตัวละครแล้วเ๽้าค่อยหาคนมาวาดตามเอง ถึงเวลาเ๽้าให้ค่าแรงพวกเขาเป็๲พอ”

        เช่นนี้จะได้ตอบแทนน้ำใจที่ตู้ซิวจู๋ช่วยชีวิตนางเช่นกัน

        “เ๽้าคงไม่ได้ไม่คิดเงินเพราะหลงใหลในความงามของข้ากระมัง?” ตู้ซิวจู๋ลุกขึ้นเดินมาก้มหน้ามาถามข้างหลินหวั่นชิว

        หลินหวั่นชิวเล่นตามน้ำกับเขา “อื้ม ข้าหลงเ๯้าแล้ว หลงจนหน้ามืดตัวมัว แม้แต่เงินก็ไม่เอา พอได้แล้ว เ๯้าไม่ต้องส่งข้าแล้ว เ๯้าสะดุดตาเสียขนาดนี้ ข้าไม่อยากสร้างศัตรูเอาตัวเองไปล่อให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งถนนเกลียดตัวเองนะ”

        หลินหวั่นชิวพูดจบก็คว้าห่อผ้าที่ใส่นิยายเร่งฝีเท้าจากไป ตู้ซิวจู๋ยืนอยู่ด้านหลัง เขาอยากตามไป ทว่าสุดท้ายก็ก้าวขาไม่ออก

        “ทังหยวน พาเถ้าแก่หลินกลับไป” เขาสั่งทังหยวน เดินกลับเข้าห้องส่วนตัว

        ทังหยวนไล่ตามหลินหวั่นชิวไป หลินหวั่นชิวไม่ได้ปฏิเสธเขา ยอมให้เขาพาตัวเองไปส่ง

        ทังหยวนไม่ใช่ตู้ซิวจู๋ ตู้ซิวจู๋แต่งตัวดูดีเกินไป หากเพื่อนบ้านเห็นเข้าต้องเอาไปนินทาเป็๞แน่ นางไม่ได้กลัวถูกนินทา แต่ถ้าเลี่ยงปัญหาได้ก็เลี่ยงไว้ก่อนเสียดีกว่า

        ที่สำคัญคือ ชายฉกรรจ์ที่บ้านขี้หึงระดับไหน้ำส้ม

        นี่ต่างหากสิ่งสำคัญที่สุด

        ไม่เคยคิดว่าทำเช่นนี้จะทำให้ผู้ใดเสียใจขนาดไหน

        กลางดึก เจียงหงหย่วนออกจากบ่อน บอกลาลูกมือเสร็จก็มุ่งกลับบ้านเพียงลำพัง

        บนถนนไม่มีผู้ใดแม้แต่คนเดียว ลมหนาวพัดโรยริน ส่งเสียงหวีดหวิวชวนขนลุก

        ทันใดนั้น เจียงหงหย่วนหยุดฝีเท้า

        “ผู้ใดกัน?” เขาถามเสียงทุ้ม

        ลมหนาวพัดให้ใบไม้บนพื้นลอยวน สายลมส่งเสียงอื้ออึงราวกับมีใครกำลังร้องไห้

        เจียงหงหย่วนก้าวเท้าด้วยความระมัดระวัง วางมือข้างหนึ่งบนเอว

        ไม่มีผู้ใดตอบเขา เงาดำร่างหนึ่งกระโจนออกจากเงามืดอย่างฉับพลัน กวัดแกว่งประกายกระบี่มาทางเขาด้วยความรวดเร็ว ไม่รอให้เจียงหงหย่วนตั้งตัวแม้แต่น้อย

        คนผู้นี้…อยู่คนละระดับกับพวกคนชุดดำที่เขาเจอก่อนหน้านี้ คนผู้นี้เป็๲ยอดฝีมือ

        เจียงหงหย่วนประหม่าขึ้นมาทันที

         

        เชิงอรรถ

        [1] ปลากับอุ้งตีนหมีมิอาจได้มาพร้อมกัน(鱼与熊掌不可兼得) ใช้เน้นย้ำว่าเมื่อไม่สามารถได้ของสองอย่างมาพร้อมกัน เราควรจะเลือกสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับเรา

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้