บทที่ 88 เย่จื่อเฉิน ตระกูลกู่?
ตระกูลซู ณ เมืองปิงเฉิง
“เสี่ยวเย่ ดื่มชาสิ”
ชายแก่ซูรินชาที่เตรียมไว้สำหรับเย่จื่อเฉินให้ด้วยตัวเอง สิ่งนี้ทำให้เย่จื่อเฉินรู้สึกตื้นตันใจมาก จึงรีบลุกขึ้นรับถ้วยชาทันที
“คุณซู คุณไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้ก็ได้ครับ”
“เสี่ยวเย่ เธอคือผู้มีพระคุณที่ได้ช่วยชีวิตฉันเอาไว้นะ แค่รินชาให้เธอมันไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรเลย”
ชายชราซูแสดงสีหน้าไม่พอใจ ต้องบอกเลยว่าหลังจากที่เย่จื่อเฉินลากเขาออกมาจากประตูผี ร่างกายและผิวพรรณของชายชราก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
ร่างกายเปี่ยมไปด้วยพลัง เห็นได้เลยว่าลูกท้อผลนั้นสมกับเป็ของวิเศษจริงๆ
ถ้ามีเวลาจะต้องหาทางเก็บลูกท้อจาก์เอาไว้หลายๆ ลูกหน่อยแล้ว
เย่จื่อเฉินคิดอยู่ในใจ
อะไรสำคัญที่สุดในชีวิตคนเรา?
ชีวิตไงสำคัญที่สุด
สิ่งของที่สามารถเพิ่มอายุขัยได้แบบนี้ ถ้าเอามาใช้ในแวดวงคนมีเงิน บางทีอาจจะสามารถตีราคาได้มหาศาล
สำหรับคนระดับพวกเขาแล้วนั้น เงินมันก็แค่ตัวเลขจำนวนหนึ่งเท่านั้น
ใช้ตัวเลขที่เปล่าประโยชน์เพียงจำนวนหนึ่ง แลกกับอายุขัยสิบยี่สิบปี พวกเขาต้องสนใจแน่
แน่นอน ว่าก่อนอื่นนั้น…
พวกเขาต้องเชื่อก่อนว่าของสิ่งนี้มันสามารถเพิ่มอายุขัยได้จริงๆ
“เสี่ยวเย่ ที่เธอมาคือ้ามาหาหลานสาวฉันเหรอ?”
หลังจากมื้อน้ำชา ชายชราซูก็ได้เผยรอยยิ้มบางๆออกมา
เย่จื่อเฉินพยักหน้าตอบรับ “ซูเหยียนบอกว่ามีงานเลี้ยงรุ่น เลย้าให้ผมไปกับเธอด้วยครับ”
“อย่างนั้นหรอกเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเธอกับหลานสาวฉันก็พัฒนาไปได้ดีสินะ” ซูเชียนยิ้มพึงพอใจ ยกมือขวาลูบปลายคางพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ฉันสนับสนุนให้เธอคบกับหลานสาวฉันอยู่แล้ว แต่เธอต้องพยายามหน่อยนะ เพราะคนที่จีบหลานสาวฉันก็มีไม่ใช่น้อย”
เย่จื่อเฉินพยักหน้ารับคำ แต่ในใจกลับอดที่จะบ่นพึมพำไม่ได้
หลานสาวของคุณโดนผมคว้าลงมาได้แล้ว
ระดับความรู้สึกดีห้าร้อยคะแนนของด้ายแดงการันตีได้ว่าไม่ได้โกหก
การยืนยันความสัมพันธ์แบบคนรัก
ก็แปลว่าเป็คนรักกัน!
“จริงสิ คุณซูครับ ได้ยินว่าคุณเอาสุราวานรให้คนอื่นไปแล้วเหรอครับ? เดี๋ยวผมเอาให้คุณอีกขวดหนึ่งนะครับ”
ชายชราซูตาลุกวาวทันทีที่ได้ยิน ชาแดงบนโต๊ะถูกเขาปัดออกไปไว้ด้านข้าง
“เร็วๆ เลย”
เย่จื่อเฉินกดเปิดหีบสมบัติแล้วก็ถอนเอาสุราข้างในหีบออกมา หัวเราะเบาๆ ส่งสัญญาณให้ชายชราซูเงียบเสียงลง
“นี่ครับ”
เอาขวดน้ำเต้าวางลงบนโต๊ะ ในตอนที่ซูเชียนเป็ิญญาเขาได้รู้ความลับของเย่จื่อเฉินแล้ว สำหรับเขาก็ไม่มีสิ่งใดต้องปิดบังอีก
ชายชราซูยักคิ้วไม่ส่งเสียง ต่อให้เขาจะเคยเห็นภาพแบบนี้มาแล้ว แต่ในใจก็ยังรู้สึกใอยู่บ้างเล็กน้อย
แต่เพียงครู่เดียว ความสนใจของเขาก็ถูกสุราดึงดูดไป
เปิดฝาน้ำเต้าได้ก็ยกดื่มไปหนึ่งอึก
“นานขนาดนี้แล้ว เหล้านี้ก็ยังคงรสชาติดีเลิศเสมอ”
ชายชราซูนั่งพิงเก้าอี้ด้วยใบหน้าอิ่มเอมใจ ไม่นานกลิ่นหอมกรุ่นของสุราก็ได้กระจายไปทั่วทั้งบ้าน
ซูฉีหู่เดินตามกลิ่นหอมของสุรามา จึงจับคุณซูที่แอบดื่มเหล้าได้พอดี
“พ่อ ทำไมถึงแอบมากินเหล้าอีกแล้วเนี่ย”
พอเขาเห็นเย่จื่อเฉินที่นั่งอยู่ตรงข้ามคุณซู สีหน้าของเขาก็เกิดแปลกไป
ในใจของเขานั้น ไม่ชอบเย่จื่อเฉินจริงๆ
อันธพาล ขี้โกง พ่อค้าคนกลาง
คำนิยามพวกนั้นน่าจะมีอยู่ในตัวเย่จื่อเฉินทั้งหมด
ไม่ว่าเขาจะทำยังไงก็ไม่สามารถทำใจให้ลูกสาวสุดที่รักไปอยู่ในมือของคนแบบนี้ได้ แต่คนที่เขาไม่ชอบคนนี้…
ในตอนที่พ่อของเขาป่วยหนัก จนแม้แต่หมอในโรงพยาบาลไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญที่เขาเชิญมาด้วยตัวเองก็หมดปัญญาที่จะช่วยชีวิตกลับมาได้
ดันเป็เขาที่เสนอตัวออกมา แล้วช่วยพ่อของเขาเอาไว้ได้
แถมยังพนันกับเขาไว้อีก
พนันเพื่อความสุขของลูกสาวเขา
ชั่ววูบหนึ่ง ในดวงตาของซูฉีหู่ที่มองไปทางเย่จื่อเฉินแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหลากหลาย
แต่เย่จื่อเฉินกลับหัวเราะขึ้นเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน
“สวัสดีครับคุณลุง”
เห็นได้ชัดเลยว่าซูฉีหู่คิดไม่ถึงว่าเย่จื่อเฉินจะเป็ฝ่ายเอ่ยทักเขาก่อน บนใบหน้าที่ไร้ซึ่งรอยยิ้มพยายามฝืนยิ้มที่ยากจะได้เห็นออกมาบางๆ เพื่อแสดงถึงความเป็มิตร
ในจังหวะเดียวกันนั้น ชายชราซูก็เปิดปากพูดขึ้น
“แกเลิกเอาแต่จ้องจับผิดฉันทุกวันจะได้ไหม? งานส่วนทหารว่างมากนักเหรอ จะบอกให้นะ ต่อให้ฉันจะกินเหล้าแล้วเป็อะไรขึ้นมาจริงๆ เสี่ยวเย่ก็อยู่ด้วยไม่ใช่หรือไง อีกอย่างเหล้าของเสี่ยวเย่ก็ไม่เหมือนเหล้าทั่วไปด้วย”
จริงด้วย
เหล้านี้ไม่เหมือนกับเหล้าอื่นๆ
เย่จื่อเฉินเลิกคิ้วขึ้นทันที
มันก็จริงอยู่ที่คุณตาซูอายุมากแล้ว ระบบกลไกการทำงานต่างๆ ของร่างกายจึงได้เสื่อมถอยลง แต่ในมือเขาก็มีเหล้าที่ตนให้ไว้อยู่
เพียงแค่คุณตาซูดื่มเหล้าของเขาเข้าไป ร่างกายของท่านก็จะดีมากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วทำไมวันนั้นคุณตาซูถึงได้เข้าโรงพยาบาลกะทันหัน แถมหมอยังแจ้งผลว่าช่วยชีวิตไว้ไม่ได้อีก
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ วันนั้นคุณตาซูยังพูดกับเขาอีกด้วยว่าให้เขาเอาคำสั่งเสียไปบอกซูฉีหู่
ประกายในดวงตาวูบไหวขึ้นมารางๆ หัวใจของเย่จื่อเฉินกลับกลายเป็หนักอึ้งขึ้นมา
“เย่จื่อเฉิน เราไปกันเถอะ”
ทันใดนั้น ซูเหยียนที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ได้ยืนโบกมือให้เขาอยู่นอกตัวศาลา
คุณตาซูที่เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะร่าขึ้นแล้วพูด “เสี่ยวเย่ ไปเถอะ”
“ครับ คุณตา คุณลุง ผมขอตัวนะครับ”
จนเมื่อเย่จื่อเฉินกับซูเหยียนหายลับไปจากบริเวณลานหน้าบ้าน ซูฉีหู่ถึงได้มานั่งลงแทนที่ตำแหน่งของเย่จื่อเฉินเมื่อครู่นี้ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นมองชายชราแล้วพูดขึ้น
“พ่อครับ พ่อคงไม่คิดจะจับคู่ซูเหยียนกับเด็กคนนั้นจริงๆ หรอกใช่ไหม”
“แล้วมีอะไรไม่ดีล่ะ?” แสงวาววับปรากฏขึ้นในดวงตาของชายชราวูบหนึ่ง ก่อนเขาจะพูดขึ้น “เสี่ยวเย่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ อีกอย่าง ซูเหยียนก็ชอบเสี่ยวเย่ด้วย แบบนี้มันไม่ใช่เื่ที่ดีหรอกเหรอ?”
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ…แต่ว่า…”
“ฉันรู้ว่าแกจะพูดอะไร” คุณตาซูพูดดักคอซูฉีหู่ ก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างมีนัย แล้วจึงพูดขึ้น “ฉีหู่ แกไม่คิดว่าเสี่ยวเย่เป็คนในตระกูลไหนสักตระกูลเลยเหรอ?”
ซูฉีหู่อึ้งไป ตระกูลที่สามารถทำให้คุณตาชูพูดถึงคำว่าตระกูลออกมาได้ จะต้องเป็ตระกูลเก่าแก่จากทางเมืองหลวงแน่นอน
ไม่ว่าเขาจะพยายามคิดยังไง เขาก็คิดไม่ออกว่าเ้าเด็กที่เป็พ่อค้าคนกลางอย่างเย่จื่อเฉินคนนี้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลไหนกันแน่
“หึ ตระกูลกู่ไง”
คุณตาซูที่เห็นซูฉีหู่ลังเลไม่พูด จึงตอบแทนด้วยความไม่สบอารมณ์
“ตระกูลกู่”
ซูฉีหู่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เบิกตาโพลงทันที
รู้เอาไว้เลยว่าด้วยนิสัยคนอย่างเขานั้น มีน้อยเื่มากที่จะสามารถทำให้หัวใจของเขากระตุกขึ้นมาได้
แต่ตระกูลกู่ มันไม่ใช่แค่ใจกระตุกเพียงแค่นิดเดียว
แต่มันเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งเลยด้วยซ้ำ
“ฉันก็บอกแกตั้งนานแล้วว่าให้หัดสังเกตคน แกอยู่ในกองทัพทหารมานานขนาดนี้ ถึงฉันจะไม่เคยเข้าไปแทรกแซงหน้าที่การงานของแก แต่ฉันก็ยังอยู่ในกองทัพ พวกเขานับหน้าถือตาฉันมากแค่ไหนก็รู้อยู่ แต่ทำไมตอนนี้แกถึงยังเป็ได้แค่ผู้พัน?”
ซูฉีหู่เงียบไม่พูด
เขาเป็อย่างที่ชายชราพูดจริงๆ ทำอะไรไม่รอบคอบไม่เผื่อเหลือเผื่อขาด
มองคนก็มองแค่ด้านเดียว ตัวเองคิดว่าได้ก็คือได้ คิดว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้
ส่วนในกองทัพทหารเขาก็ทำอะไรไม่ถูกใจใครหลายคนจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมีพ่ออยู่ในกองทัพ เขาอาจจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งผู้พันกองทัพก็ได้
“แปลว่าพ่อคิดว่าเด็กนั่นเป็คนของตระกูลกู่เหรอครับ?”
เนิ่นนาน ซูฉีหู่ถึงได้เลียริมฝีปากที่แห้งผาก แล้วเปิดปากพูดขึ้น
ตระกูลกู่เป็ตระกูลใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง พวกเขาแตกต่างจากตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นในเมืองหลวง
พวกเขาลึกลับมาก
อยู่เหนือตระกูลอื่นในเมืองหลวงทั้งหมด
“ฉันก็แค่เดาดู ต่อให้เสี่ยวเย่ไม่ใช่คนของตระกูลกู่ ฉันก็สนับสนุนให้เขาคบกับซูเหยียนอยู่ดี ต่อไปนี้ แกก็ไม่ต้องไปยุ่งเื่พวกเขาสองคนแล้ว วัยรุ่นก็มีความคิดในแบบของวัยรุ่น”
ชายชรายกขวดน้ำเต้ารินเหล้าให้ตัวเอง หลังจากที่ซูฉีหู่เงียบอยู่นานก็พยักหน้ารับ
เขาไม่ชอบเย่จื่อเฉินก็จริง แต่เื่บางอย่างมันก็ทำให้ความประทับใจของเขาที่มีต่อเย่จื่อเฉินเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
“ผมเข้าใจแล้วครับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้